คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ดอกไม้กลีบที่ 7: ทำการบ้านวันแรก
Title: Statice
Genre: BL,Comedy,Romance,Drama
Rating: PG
Pairing: Kaix Aichi, Miwa x Misaki
ดอกไม้กลีบที่ 7: ทำการบ้านวันแรก
ฝัน...
มันคือความฝัน เรื่องนี้เขารู้ดี หากแต่กลับไม่เคยเข้าใจความฝันเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เขาฝันถึงมันมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว แม้เหตุการณ์จะแปรเปลี่ยนไปเกือบทุกครั้งก็ตาม บ้างก็เป็นเหตุการณ์ที่มีความสุข ใบหน้าของคนทั้งสองที่ปรากฏในภาพความฝันต่างมีรอยยิ้ม บ้างก็เป็นเหตุการณ์แสนเศร้า ได้ยินเสียงร่ำไห้ราวกับขาดใจของใครบางคนที่เหมือนจะรู้จักแต่ก็ไม่รู้จัก
ทว่าเหตุการณ์เหล่านั้น ทุกกครั้งที่ลืมตาตื่นขึ้นมา มันมักจะหายไปจากความทรงจำทุกครั้ง สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงแค่ใบหน้าของเขาคนนั้นและคำพูดหนึ่ง
“ดอกสแตติส”
ถ้อยคำที่ฟังแล้วจำติดหู หากแต่กลับจำถ้อยคำที่เหลือไม่ได้อีกแล้วและมันก็มักจะเป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเลิกสนใจไปในที่สุด ไม่เคยคิดที่จะมานั่งครุ่นคิดถึงมันอย่างจริงจังแต่อย่างใด ไม่สิ ถ้าเป็นก่อนที่จะเจอกับไค โทชิกิ เขาคงจะยังนั่งนึกหาคำตอบเหล่านั้นอยู่ก็เป็นได้
แต่มีอยู่อีกสิ่งหนึ่ง ที่ต่อให้ชีวิตประจำวันของเขาจะดูเหมือนปกติดีแล้วก็ตาม เขาก็ยังอดครุ่นคิดถึงมันไม่ได้ จนทำให้ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมามีอาการสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเป็นประจำนั่นก็คือ...
“ตื่นได้แล้วไอจิ”
เพียงแค่ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังปลุกเรียก ทุกความคิดหยุดชะงักแล้วปลุกตัวเขาให้ตื่นจากนิทราที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่เหมือนจะเป็นของตัวเองแต่ก็ไม่ใช่ได้อย่างง่ายดายทุกครั้ง ราวกับแสงสว่างที่คอยช่วยฉุดดึงเขาออกมาจากความมืด เปลือกตาลืมเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า แสงของเช้าวันใหม่ส่องกระทบมาที่ใบหน้าเล็กน้อยทำให้รู้สึกแสบตา
จนทำให้ต้องกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้งเพื่อปรับสายตาตัวเองเสียหน่อย ก่อนลืมขึ้นอย่างเต็มที่ก็จะเห็นชายผู้ที่เป็นเพื่อนพี่ชายแสนดีของเขานั่งอยู่ข้างเตียง สีหน้าที่มองตรงมาแลดูไร้ความรู้สึกใด หากแต่แววตากลับให้ความรู้สึกอบอุ่น พอเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย รอยยิ้มบางแย้มขึ้นบนใบหน้าที่ยังไม่ตื่นดีนักพร้อมกล่าวคำทักทายออกไป
“อรุณสวัสดิ์ไคคุง”
“อรุณสวัสดิ์ไอจิ ไปอาบน้ำกินข้าวได้แล้ว เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนที่เจ้าพวกนั้นจะมา” เพียงกล่าวอรุณสวัสดิ์สั้นๆ กับอีกฝ่าย ไคกลับสวนเขามาเป็นชุดใหญ่แต่เพราะคำพูดเหล่านั้น ไอจิถึงได้เริ่มรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติ สายตามองไปยังนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงก่อนรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างว่องไว
“ทำไมไคคุงไม่รีบปลุกผมให้เร็วกว่านี้ล่ะ!” ว่าออกไปด้วยความแตกตื่นเพราะเวลาขณะนี้มันเที่ยงเข้าไปแล้วและเขาได้นัดกับพวกเพื่อนๆ เอาไว้ช่วงบ่าย เช่นนั้นเวลาในการเตรียมตัวจึงเหลือไม่มากแล้ว เขาเลยไม่คิดอยู่รอรับฟังคำตอบแต่กลับรีบคว้าเสื้อผ้าที่ใส่เป็นประจำออกมาแล้ววิ่งออกไปนอกห้องโดยด่วน
ตึกๆ
รีบวิ่งเข้ามาในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัวโดยไว ก่อนนึกขึ้นได้ว่าเขาเป็นคนบอกอีกฝ่ายเองว่าต่อจากนี้เขาจะเป็นคนตื่นเองโดยไม่ให้อีกฝ่ายมาช่วยปลุกให้แล้วเท่านั้นแหละ รู้สึกผิดจนอยากจะวิ่งกลับไปขอโทษเสียเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่ติดว่าเวลามันแทบไม่เหลือแล้ว
ไอจิถอดเสื้อผ้าแล้วเตรียมอาบน้ำในทันที ทว่าด้วยความรีบร้อนทำให้เขาลืมระมัดระวังตัวเหมือนทุกที ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกับสายน้ำที่ไหลออกมาจากฝักบัว มันได้กลายสภาพเป็นน้ำแข็งไป ร่างบางชะงักไปเล็กน้อยด้วยความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนรู้สึกตัวว่ายิ่งเขาตื่นตกใจมากเท่าไร
อากาศภายในห้องน้ำก็ยิ่งเย็นมากขึ้น เขาถึงได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วรีบสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เป็นการสงบสติตัวเองอยู่สักพัก อุณหภูมิภายในห้องเพิ่มมากขึ้นจนกลับมาเป็นปกติในที่สุด ดูท่าทางทุกสิ่งทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติแล้ว ส่วนก้อนน้ำแข็งที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
เนื่องจากขนาดของมันไม่ได้ใหญ่โตนัก ประกอบกับตอนนี้เป็นหน้าร้อน คาดว่าคงใช้เวลาไม่นานมันก็คงจะละลายไปได้เองนั่นแหละ เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ไอจิเริ่มกลับมาอาบน้ำอีกครั้งทว่าไม่ได้รีบร้อนอีกแล้ว ครั้งนี้ดูเหมือนจะทำอะไรก็เชื่องช้าไปเสียหมดแทน
สีหน้าฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัดเพราะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันคืออะไร แล้วคาดว่าตอนที่เกิดเรื่องขึ้น ดวงตาของเขาคงจะกลายเป็นสีแดงอย่างแน่นอน
ถ้าถามว่าตัวเขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไหม สมัยเด็กเขารู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อยที่สามารถทำให้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งหรือเสกมันออกมาได้ ราวกับเวทมนตร์แต่ก็ดูเหมือนคำสาปไปในขณะเดียวกัน ไอจิหลับตาลงแน่น รู้สึกสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงได้มีความสามารถนี้กัน แล้วที่สำคัญทำไมถึงได้รู้วิธีที่จะควบคุมมันได้ก็ไม่รู้
และด้วยความสามารถประหลาดของตัวเขานี่เอง ทำให้เขาต้องครุ่นคิดหาคำตอบอยู่ทุกเช้า ที่สำคัญต้องพยายามทำให้สภาวะอารมณ์ของตัวเองมันคงที่มากที่สุด พยายามไม่ร้องไห้ ไม่ตื่นตกใจ พยายามทำให้ตัวเองไม่มีอารมณ์ความรู้สึกด้านลบทุกอย่าง
“ไอจิ เสร็จหรือยัง” เสียงที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้ยินดังเอ่ยเรียกมาจากอีกฝั่งของบานประตูกระจกที่กั้นขวางอยู่ ดูท่าทางเขาคงจมอยู่ในห้วงความคิดตัวเองมากเกินไป ถึงได้ไม่รู้สึกตัวเลยว่าไคได้เข้ามาในห้องน้ำแล้ว
“จะเสร็จแล้วครับ” ตัดสินใจรีบตัดการตัวเองให้เสร็จโดยเร็วมากที่สุดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นห่วงเขาไปมากกว่านี้ แล้วรีบเปิดประตูพรวดออกไปจนเหมือนจะลืมไปแล้วว่าอีกฝั่งของบานประตูมีคนยืนอยู่
“เฮ้ย!” ถึงกับร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจแล้วรีบหันหลังให้ ไอจิเพียงมองอีกฝ่ายด้วยความฉงน ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเมินหน้าหนีกันแบบนั้น ในเมื่อพวกเขาทั้งคู่มันก็ผู้ชายด้วยกัน ไม่เห็นมีอะไรต้องอายกันเลย
“ไคคุงหันหน้าหนีทำไมน่ะ” เดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันช่วงล่างแล้วเดินอ้อมไปทางด้านหน้า ตัวโน้มเข้าไปใกล้เล็กน้อยแล้วเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทว่ายิ่งเขาทำแบบนั้น ไคก็ยิ่งหันหน้าหลบไปทางอื่น ถ้าสังเกตให้ดีใบหน้าเริ่มขึ้นสีหน่อยๆ แล้วด้วย
“ไม่มีอะไร ไปล่ะ” เรียกได้ว่าแทบกลายเป็นวิ่งพรวดออกไปจากห้องน้ำ ไอจิเพียงยืนมองตามด้วยความฉงน ไม่เข้าใจในปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเท่าไรนัก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขาต้องรีบเตรียมตัวแล้ว เพราะเวลาในการเตรียมตัวเริ่มลดเหลือน้อยลงไปเต็มทน
ไอจิถึงได้ตัดสินใจรีบใส่เสื้อผ้าให้เสร็จแล้วหันไปสำรวจตัวเองในกระจกเล็กน้อยว่าดูดีหรือยัง ก่อนนึกขึ้นได้ว่าริบบิ้นขาวที่ไคเคยให้มาในสมัยเด็กยังอยู่บนห้อง แทนที่จะมุ่งไปห้องครัวเลยก็รีบเดินกลับไปที่ห้องและเอาริบบิ้นขาวมาพันรอบข้อมือตัวเองเสียก่อน ถึงได้ลงมาที่ห้องครัวได้ในที่สุด
“เฮ้อ... ไหนๆ ก็กลับไปที่ห้องแล้ว ทำไมไม่หวีผมด้วยเลยล่ะ” เมื่อมาถึงห้องครัว ก็พบว่ามีข้าวผัดสองจานวางอยู่ก่อนแล้ว ภายในบ้านเงียบสนิทเพราะดูเหมือนเอมิจะออกไปกับเพื่อน คุณแม่ก็ออกไปซื้อของข้างนอก เวลานี้จึงเหลือพวกเขาเพียงสองคน
“กินเสร็จแล้วค่อยขึ้นไปหวีก็ได้ครับ” ว่าออกไปอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรนักพร้อมเดินไปนั่งลงฝั่งตรงข้าม นัยน์ตาสีฟ้าครามจ้องข้าวผัดหน้าตาน่ากินบนโต๊ะด้วยความรู้สึกอยากอาหารมากกว่าปกติ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่รู้สึกหิวแท้ๆ แต่มาตอนนี้เขากลับรู้สึกหิวเสียแล้ว
“ทานแล้วนะครับ” รู้สึกเหมือนเห็นไคแอบถอนหายใจแต่ก็ยอมพูดตามเขาก่อนจะตักข้าวผัดของตัวเองเข้าปากไปด้วยท่าทายติดไปทางหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ไอจิที่สังเกตเห็นพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจอะไร ถึงได้แต่ส่งยิ้มแห้งไปให้แล้วตักข้าวเขาปากบ้าง
“อร่อย” ทันทีที่ข้าวเข้าปากไปคำแรก ไอจิก็เผลอว่าออกมาอย่างลืมตัวแล้วรีบตักข้าวที่เหลืออยู่เข้าปากไปอย่างต่อเนื่อง สีหน้าแลดูมีความสุขกับการกิน ไคที่เห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนั้นก็ได้แต่นึกอมยิ้มอยู่ภายในใจโดยไม่พูดอะไรทิ้งสิ้น นอกจากจัดการส่วนของตัวเองต่อจนหมด
“อิ่มแล้วครับ” ข้าวผัดทั้งสองจานหมดเกลี้ยง ไม่มีเหลือแม้แต่ข้าวสักเม็ด ไคที่เห็นไอจิยังอมยิ้มอยู่ด้วยใบหน้ามีความสุข จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยทักออกไป แม้ตัวจะลุกขึ้นยืนแล้วเอาจานเก็บไปล้างแล้วก็ตาม
“ถ้าชอบขนาดนั้น วันหลังจะทำให้กินอีก” รู้สึกดีใจที่ได้ยินแบบนั้น แม้คำพูดเหล่านี้ไคจะเป็นคนพูดออกมาทุกครั้งถ้าตัวเองเป็นคนทำอาหารให้เขากิน แต่พอเอาเข้าจริงกว่าจะทำให้กินมันก็นานๆ ทีอยู่เช่นกัน เรียกได้ว่ากว่าจะได้มีโอกาสกินข้าวฝีมืออีกฝ่ายนั่นหายาก
“ครับ” แต่ก็ยังตอบรับกลับไปแบบนั้นทุกครั้งเช่นกัน สายตามองแผ่นหลังกว้างยืนล้างจานอยู่ด้วยความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนภาพหนึ่งจะซ้อนเข้ามา ห้องครัวที่ดูทันสมัยกลับกลายเป็นเก่าโบราณ ชุดเสื้อผ้าที่ไคใส่เองก็กลายเป็นสีดำสนิททั้งตัว
“ไอจิ” เพียงแค่เอ่ยเรียก ทุกสิ่งคืนกลับเป็นปกติได้อย่างอัศจรรย์ ราวกับว่าสิ่งที่เขาเห็นเมื่อครู่เห็นเพียงภาพมายาที่เกิดขึ้นเพราะความร้อนเท่านั้น
“ครับ!” รีบขานตอบกลับไปอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกตัวแล้วว่าไคกำลังตรงมาทางนี้ ดูท่าทางคงเป็นเพราะเขาขานรับช้าเกินไป เลยทำให้อีกฝ่ายนึกสงสัยว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า
“พวกนั้นคงมากันแล้ว”
กริ๊งก่อง!
สิ้นคำพูดของไค เสียงกริ่งประตูบ้านดังขึ้น ไอจิรีบลุกขึ้นพรวดแล้วเดินไปเปิดประตูโดยไวในทันทีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรอนานแต่พอเปิดประตูออกไป คนที่พบกลับไม่ใช่เพื่อนที่นัดเอาไว้แต่เป็นเพื่อนของพี่ชายเขาต่างหาก ไอจิถึงได้เผลอเผยสีหน้าแสดงความแปลกใจออกไปชั่วครู่จากนั่นก็รีบเอ่ยทักทายออกไป
“มาหาไคคุงเหรอครับคุณมิวะ” เอ่ยทักทายไปด้วยความแปลกใจเพราะจำได้ว่าไคไม่ได้บอกเขาเอาไว้ว่ามิวะจะมาที่บ้านในวันนี้ ถึงได้เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“ใช่แล้วล่ะ แล้ว... อยู่หรือเปล่าล่ะ” ขานรับเสียงสดใสแต่ไม่รู้ทำไมมันถึงได้ฟังดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าไรนัก สายตาก็คอยกวาดมองเข้าไปในบ้านด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงเสียจนทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่าสิ่งที่รู้สึกได้ก่อนหน้านี้ มันเป็นเพียงแค่สิ่งที่คิดไปเองเท่านั้น
“อยู่ครับ ตอนนี้กำลังล้างจานอยู่”
“มาทำอะไรนี่ที่”
สิ้นคำบอกกล่าวได้ไม่ถึงนาทีดีเลยด้วยซ้ำ ไคที่อยู่ในห้องครัวก็เดินออกมาแล้วเอ่ยถามสวนกลับมาแทบจะในทันที แล้วเท่าที่ฟังจากประโยคคำถามแล้ว ไอจิเดาได้ว่าไคเองก็คงจะไม่รู้เช่นกันว่ามิวะจะมาหาตัวเองในวันนี้ ถึงได้ถามคำถามแบบนั้นออกไป
“อ้าว ก็มิซากิบอกว่านายชวนมาทำการบ้านปิดเทอมนี่น่า จริงสิ อีกเดี๋ยวพวกมิซากิก็จะมาแล้วล่ะน่ะไอจิ พวกคนแก่อย่างพี่ๆ ขอตัวขึ้นไปก่อนล่ะ” ถึงขั้นมีเครื่องหมายคำถามปรากฏขึ้นบนสีหน้าไคไปในทันที แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรออกไป มิวะก็ลากอีกฝ่ายขึ้นห้องด้านบนไปเสียก่อน
ปล่อยให้ไอจิยืนมองอยู่หน้าประตูบ้านตามลำพัง สองมือยกขึ้นทาบหน้าอกน้อยๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าตัวเองรู้สึกเช่นไรกันแน่ หลังจากเห็นภาพที่ดูจะสนิทกันมากขึ้นของคนทั้งสอง
“คงคิดมากไปเอง” ทั้งไคและมิวะต่างก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก จะสนิทกันมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร จะว่าไปแล้วเรื่องแบบนี้ก็ถือเป็นปกติเสียด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้นในวันนี้ทำไมอยู่ๆ เขาถึงได้รู้สึกแบบนี้ขึ้นมาก็ไม่รู้ หรืออาจจะเป็นเพราะความเหงา...
“ใช่แน่ๆ เลย” เหงาที่ต้องอยู่คนเดียว ไอจิคิดแบบนั้นเพราะตั้งแต่มีไคเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย เขาก็ไม่เคยต้องอยู่คนเดียวอีกเลย มักจะอยู่กับอีกฝ่ายตลอด ถึงขนาดที่ว่าตัวเองโดนมิวะลากไปแบบเมื่อกี้ก็เถอะ แต่ก็จะลากเขาตามไปด้วย ไม่มีทางปล่อยให้ยืนอยู่แบบนี้ลำพังแน่นอน
“เอาเถอะ เดี๋ยวพวกคุณมิซากิก็มาถึงกันแล้ว” กล่าวปลอบใจตัวเองเพื่อไม่ให้คิดมาก ก่อนนึกขึ้นได้ว่าควรยกเครื่องดื่มกับขนมไปให้แขก ไอจิรีบรุกเข้าไปในห้องครัวเพื่อเตรียมของอย่างรวดเร็ว จะได้สามารถลงมาต้อนรับพวกมิซากิที่กำลังจะมาถึงได้ต่อ
ใช้เวลาในการเตรียมน้ำชาและขนมได้ไม่นาน เพราะของส่วนใหญ่เป็นของสำเร็จรูป ส่วนน้ำชาก็มีต้มไว้อยู่ก่อนแล้ว มันจึงใช้เวลาไม่นานเท่าไรนัก ไอจิก็เตรียมของพร้อมแล้ว ขั้นต่อมาคือรีบยกเอาไว้ให้ ถาดสีฟ้าอ่อนที่มีแก้วน้ำสองใบบรรจุน้ำชาวางอยู่กับจานใส่ขนมถูกยกขึ้นถือแล้วรีบเดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อนำไปให้กับแขกในทันที
ไอจิเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ แล้วเดินมาต่ออีกเล็กน้อยมาหยุดอยู่หน้าห้องไค แล้วเปลี่ยนมาใช้มือข้างเดียวถือถาด ส่วนมืออีกข้างที่ว่างแล้วก็ยกขึ้นเคาะประตูไปสองสามครั้งเป็นมารยาท ไม่ต้องรอเสียงตอบรับจากคนในห้อง ก็เปิดประตูเข้าไป
“ผมเอาของว่างมาให้ครับ” เข้าไปในห้องก็พบสภาพไคนั่งจ้องมิสะด้วยสายตาดุดัน ส่วนคนโดนจ้องเพียงส่งยิ้มแห้งคล้ายกลัวอยู่ แต่พอเห็นเขาเดินเข้ามาเท่านั้นแหละ รีบกระโจนเข้าใส่ในทันที
“นางฟ้ามาโปรด!” ถึงกับตีหน้างงไปด้วยความไม่เข้าใจในทันทีแต่กายก็สามารถขยับหลบได้อย่างท่วงทีราวกับเป็นปฏิกิริยาตอบรับโดนอัตโนมัติ ทำให้อีกฝ่ายที่กระโจนเข้าใส่ล้มหน้าจูบพื้นไป ส่วนขนมและน้ำชาที่ถือมายังคงปลอดภัยดีทุกประการ เพียงแต่กับแขกนั่นคงจะไม่ใช่
“ขอบใจนะไอจิ” ยังไม่ทันอ้าปากถามความเป็นไปของมิวะ เหมือนไคต้องการดึงความสนใจจากเขาไปถึงได้กล่าวขอบคุณแล้วแย้งเอาของในมือไปถือเสียเอง เท่านั้นไม่พอ มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ดึงให้เดินเข้าไปด้านในด้วยกันเสียอีก สรุปแล้วเลยไม่มีโอกาสได้หันไปมองสภาพความเป็นไปของมิวะ
“ไอ้เจ้าบ้าไค ไอ้เจ้าคนใจมาร เห็นไหมว่านางฟ้ากำลังมาช่วยดูอาการให้ฉันอยู่น่ะ” ในขณะที่ไอจิกำลังนึกสงสัยว่านางฟ้าที่พูดถึงคือตัวเองหรือเปล่า ไคที่จัดการเอาของที่แย้งมาถือไปวางไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่นเตรียมร้อยแล้วก็ได้ย่างเข้ามาใกล้ ด้วยหน้าตาแลดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“คือ...”
กริ๊งก่อง!
“ไอจิ ไปเปิดประตู” เหมือนจะเป็นเสียงช่วยชีวิตแต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือการไล่เด็กทางอ้อมต่างหาก เพื่อไม่ให้เห็นภาพที่ไม่เหมาะสมเข้า มิวะถึงกับส่ายหน้าไปมาคล้ายเป็นการห้ามไม่ให้จากไป ทว่าคนซื่ออย่างไอจิคงไม่มีทางเข้าใจได้หรอก
“ครับ” ขานรับกลับไปแล้วเดินผ่านออกไปนอกห้องในทันที ไม่แม้แต่คิดจะหันกลับมามองทางด้านหลังเสียด้วยซ้ำว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป รู้เพียงแค่ว่าคนที่นัดเอาไว้คงจะมาถึงกันแล้ว ไอจิถึงได้รีบเดินลงไปชั้นล่างแล้วเปิดประตูออก เห็นมิซากิกับนาโอกิยืนอยู่ตรงนั้น
“เชิญเลยครับทั้งสองคน”
“รบกวนด้วยนะครับ/ค่ะ”
ยิ้มต้อนรับคนทั้งสองด้วยรอยยิ้มสดใสพร้อมกล่าวเชิญแขกทั้งสองที่เขาเป็นคนเชิญมาเองให้เข้ามาในบ้าน ทั้งมิซากิและนาโอกิต่างก็ตอบรับเขากลับมาเป็นเสียงเดียวกันและเดินเข้ามาภายในบ้าน
“ไอจิ แล้วมิวะล่ะ” ถอดรองเท้าเรียบร้อย มิซากิก็เอ่ยถามออกมาในทันที ไอจิก็ตอบออกไปตามตรงโดยไม่คิดสงสัยอะไร
“อยู่ห้องไคคุงครับ แล้วจะไปทำการบ้านที่ห้องผมหรือห้องนั่งเล่นดีครับ” ตอบเสร็จก็เอ่ยถามต่อในทันที มิซากิที่สายตามองขึ้นไปชั้นบนเป็นที่เรียบร้อยดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจในคำถามเขาเท่าไรนัก ทำให้คนที่เอ่ยตอบต้องกลายเป็นนาโอกิไปอย่างช่วยไม่ได้
“ห้องนั่งเล่นดีกว่านะ มันกว้างดีด้วย” พยักหน้ารับรู้ว่าห้องที่ต้องการคือห้องนั่งเล่น ไอจิเดินนำแขกทั้งสองไปทันทีโดยไม่ได้หันกลับมาสังเกตท่าทางของมิซากิที่มองขึ้นไปชั้นบนเป็นระยะๆ
“มิซากิมองอะไรอยู่น่ะ เห็นมองขึ้นไปชั้นบนหลายรอบแล้ว” เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็แล้ว จัดเตรียมเอาทั้งหนังสือเรียนที่อาจต้องเปิดใช้ในการทำการบ้านกับการบ้านทั้งหมดออกมาวางบนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อยก็แล้ว มิซากิยังคงมองออกไปข้างนอกห้องต่อไป แล้วดูจากท่าทางเหมือนจะมองไปชั้นบนเสียด้วย
“หาคุณมิวะอยู่เหรอครับ” ตั้งแต่บอกออกไปว่ามิวะอยู่ข้างบน มิซากิก็คอยมองอยู่เกือบตลอดเลย ไอจิถึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยทักออกไป
“จริงดิ! นี่มิซากิชอบมิวะหรอกเหรอเนี่ย” บทสนทนาแสนธรรมดาที่เป็นการถามหาคนเท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไมนาโอกิถึงได้ตีความออกมาเช่นนั้นได้
“จะบ้าหรือไง! ไอจิฉันขอตัวไปหามิวะก่อนนะ มีธุระต้องคุย” ว่าเสียงเครียด ท่าทางธุระคงเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนนาโอกิที่ตอนแรกตั้งใจจะล้อต่อถึงกับต้องปิดปากเงียบเมื่อเจอเสียงดุดันของเด็กสาวเข้าไป เมื่อเห็นแล้วว่าไม่มีใครค้านอะไรเธอ
มิซากิลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปที่ห้องไคโดยเร็วที่สุด มือยกขึ้นเคาะประตูสองสามครั้งแล้วยืนรอ ทว่ากลับไม่มีใครออกมาเปิดประตูให้ เธอจึงเคาะประตูอีกครั้งแต่มีเพียงความเงียบที่ตอบรับกลับมาเช่นเดิมจนเธอเริ่มทนไม่ไหว เปิดประตูพรวดเข้าไปเอง
ปัง!
“...!?” เปิดเข้ามาแล้วถึงกับยืนงง ตกลงว่าทั้งสองมาทำการบ้านด้วยกันหรือทำอย่างอื่นกันแน่ สภาพของมิวะถึงได้ไปนั่งเงียบอยู่มุมห้อง ในขณะที่ไคกลับเริ่มเดินไปหยิบหนังสือมาส่วนหนึ่ง การบ้านอกส่วนหนึ่งออกมา มืออีกข้างก็ถือถาดที่ใส่ขนมกับน้ำชาไว้ด้วย ดูท่าทางแล้วคงเตรียมลงไปชั้นล่าง
“จะลงไปทำด้วย” ด้วยคำพูดสั้นๆ เพียงไม่กี่คำเท่านั้น ก่อนร่างสูงจะเดินสวนเธอออกไปอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรนัก ว่าจะมีใครอยู่ในห้องของตัวเองหรือไม่ ส่วนคนที่ยังคงอยู่ในห้องคนอื่น ยังคงนั่งเงียบอยู่มุมห้องเช่นเก่า มือก็เอานิ้วไปเขี่ยพื้นเป็นวงกลมเล่น
แล้วนี่ถ้าเธอไม่คิดมากจนเกินไป รู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบตัวมิวะมันช่างให้ความรู้สึกมืดมนอย่างบอกไม่ถูก แถมมุมนั่นเองก็เหมือนจะเห็นหมอกสีดำเข้ามาปกคลุมเสียอีก
“มิวะ ฉันมีเรื่องขอให้ช่วย เกี่ยวกับไอจิ” ไม่สนใจว่าสภาพของคนที่ต้องการเอ่ยขอความช่วยเหลือมันจะเป็นเช่นไร เด็กสาวเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยบอกในทันที ทว่าคนโดนขอความช่วยเหลือ นอกจากไม่คิดหันมาพูดกันดีๆ แล้วยังเอ่ยไล่อย่างน้อยใจเสียอีก
“ไปขอให้เข้าไคช่วยสิ รายนั่นรู้เรื่องไอจิดีกว่าฉันอีกนะ” คนขอความช่วยเหลือถึงกับทำหน้างง ภายในใจก็ได้แต่นึกสงสัยถึงคำแนะนำนั่นอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยอมบอกเหตุผลตัวเองออกไปแต่โดยดี
“จะให้ช่วยได้ยังไง ในเมื่อสิ่งที่ฉันต้องการขอให้นายช่วย มันก็เกี่ยวกับสองคนนั่นน่ะ อยากจะให้ช่วยทำให้สองคนนั้นรู้สึกตัวกันเสียที ว่าตัวเองรู้สึกับอีกฝ่ายยังไง” พอเธอพูดออกไปจบเท่านั้นแหละ รู้สึกบรรยากาศมันจะแจ่มใสขึ้นมาในทันที ประมาณว่าฟ้าหลังฝนนั่นแหละ ไม่สิ อย่างนี้มันยิ่งกว่าฟ้าหลังฝน ต้องเรียกว่าจากพื้นที่แห้งแล้งกลายเป็นทุ่งดอกไม้เสียมากกว่า
“มิซากิไม่ได้ชอบไอจิหรอกเหรอ” ตอนถามประโยคชวนงงนี้ เธอรู้สึกเห็นดอกไม้ลอยอยู่รอบตัวมิวะไปด้วย แต่ก็ยอมตอบคำถามออกไปแต่โดยดี แม้จะนึกสงสัยมากก็เถอะว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้ทำท่าดีใจเสียขนาดนั้น
“ชอบสิ ก็ไอจิเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉันนี่น่า เป็นเพื่อนมันก็ต้องช่วยเพื่อนถูกไหม” ความเป็นจริงจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่ในสายตาของมิซากิแล้ว ตอนพูดประโยคแรกออกไป เธอรู้สึกเหมือนดอกไม้รอบตัวมิวะมันแห้งตายไปในพริบตาก่อนฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่หลังได้ยินประโยคหลังของเธอ
“ได้สิ จะให้ช่วยอะไรล่ะ” แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยอมให้ความร่วมมือดีเสียขนาดนี้ อีกทั้งดูเต็มใจจะช่วยเสียอีก มันก็ไม่มีอะไรที่ต้องนึกสงสัยอีก มิซากิเลยพูดสิ่งที่ต้องการขอจากอีกฝ่ายออกไป
“ทดสอบไค ว่ารายนั่นจะเป็นเหมือนกับไอจิไหม” ปรากฏเครื่องหมายคำถามขึ้นบนใบหน้าที่ดูร่าเริงประหนึ่งมีทุ่งดอกไม้บานอยู่เบื้องหลัง มิซากิรู้ได้ในทันทีว่าต้องอธิบายเพิ่ม
“คอยหลอกถามไคเป็นระยะ ถ้าเห็นไม่ไหวก็ถามมันตรงๆ วันนี้ทั้งวันจนกว่าจะกลับบ้าน ฉันจะทำให้ไคหึง!” คำประกาศลั่นอย่างแสดงถึงความตั้งใจจริงของเจ้าตัว มิวะถึงกับนึกปรบมือให้อยู่ภายในใจ ก่อนนึกขึ้นได้ว่าทำแบบนี้มันจะยิ่งไม่ทำให้เข้าใจผิดกว่าเก่าหรืออย่างไร
...เจ้าไคมันคิดว่าไอจิชอบมิซากิอยู่นี่หว่า...
แต่พอได้เห็นท่าทางมุ่งมั่นของมิซากิแล้ว มิวะรู้สึกไม่กล้าขัดออกไป สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยแล้วคิดว่าตัวเองคอยไปแอบเฉลยให้ไคฟังอีกทีก็คงไม่สาย แต่ในวันนี้เขาคิดว่าจะขอดูละครฉากใหญ่ของเด็กสาวก่อนล่ะน่ะ ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง
...ช่วงเวลาในการทำการบ้านคือสามวัน มิซากิจะทำให้ไครู้สึกตัวได้หรือไม่ ต้องลุ้นกันล่ะน่ะ...
มุมน้ำชา
ถ้าใครสังเกต เขาจะเขียนกึ่งแบบพระเจ้าค่ะ หรือก็คือมุมมองของบุคคลที่สามนั่นเองคือสามารถกระโดดเข้าหัวชาวบ้านไปเรื่อยแต่ก็จะมาเน้นหนักในการเขียนแบบบุคคลที่หนึ่งด้วยเช่นกัน ทำให้กว่าจะมาโผล่มุมมองไอจิได้ ก็ปาเข้ามาตอนที่หก ปริศนาของตัวไอจิเองก็เลยพึ่งมาโผล่ในตอนนี้ค่ะ
ส่วนตอนหน้า... คุณอาจจะได้เห็นไคกับมิซากิไฝว้กันค่ะ ส่วนจะไฝว้กันเรื่องอะไร รอติดตามชมได้ในตอนหน้า
แถมท้ายอีกนิด ตอนนี้เขากลับมาจากญี่ปุ่นแล้วล่ะค่ะ (เศร้าแปป) แต่ก่อนกลับเขาก็ได้ไปหยอดเจ้านี่มาล่ะ! ><
ตัวที่ได้ก็ตามนี้เลย รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้หลอดกาแฟ (มังกรแดงของไค) กับบาสเตอร์เบสนิดๆ แต่ได้มังกรของไอจิ (ที่จำชื่อไม่ได้) มาก็ดีใจแล้ว ส่วนสิงโต... มาจากเด็ดใครล่ะลูก ไม่รู้จัก 555+
ความคิดเห็น