คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ดอกไม้กลีบที่ 6 : ไหวไหม
Title: Statice
Genre: BL, Comedy, Drama
Rating: PG
Pairing: Kai x Aichi, Miwa x Misaki
ดอกไม้กลีบที่ 6 : ไหวไหม
วันนี้เป็นวันปิดเทอมในช่วงหน้าร้อนเป็นวันแรก ส่วนการสอบน่ะเหรอ สำหรับไคแล้วมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้เช่นกัน พูดง่ายๆ ก็คือ ทำข้อสอบได้อย่างสบายๆ นั่นแหละ จะบอกว่าเป็นผลจากการอ่านหนังสือสอบข้ามคืนเหรอ
ก็ไม่น่าจะใช่เพราะพอรู้สึกง่วงนอนก็นอน มีแค่มิวะที่อยู่อ่านต่อ หรือจะเป็นเพราะตั้งใจเรียนในชั้นเรียน ทำให้เวลาสอบไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือมากนัก แค่ทบทวนเล็กน้อยก็พอจะทำข้อสอบได้อยู่แล้ว แต่เรื่องเหล่านั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง
เพราะสำหรับไคแล้ว วันแรกของการปิดเทอมเช่นนี้ เขามีเรื่องสำคัญสุดๆ ที่ต้องทำ นั่นก็คือชวนไอจิไปเลี้ยงฉลองนั่นเอง ตามปกติแล้ววันแรกของการปิดเทอมหน้าร้อนแบบนี้ เขาก็มักจะพาอีกฝ่ายไปกินเค้กที่เจ้าตัวชอบกัน ทว่าดูเหมือนในวันนี้แผนที่กำหนดไว้จะผิดพลาดเสียแล้ว
“ขอโทษด้วยนะไคคุง แต่วันนี้ผมสัญญากับคุณมิซากิเอาไว้แล้ว” ว่าแบบนั้นพร้อมก้มหัวลงต่ำจนแทบจะกลายเป็นหมอบกราบลงไปกับพื้น สีหน้าเองก็บ่งบอกว่ารู้สึกผิดมากเช่นกัน เห็นแบบนี้เข้าก็ได้แต่ใจอ่อนยอมพยักหน้ารับเป็นการอนุญาตให้ไป แม้อีกใจมันจะรู้สึกตรงข้ามเลยก็เถอะ
“รักไคคุงที่สุดเลย!” พอได้รับคำอนุญาตจากเขา ดูไอจิจะดีใจมากถึงได้กระโดดเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่นพร้อมตะโกนบอกรักด้วยสีหน้าดีใจสุดขีด ก่อนรีบผละออกห่างแล้ววิ่งออกนอกบ้านไปโดยเร็วที่สุด ดูเหมือนเป็นเพราะเขาไปปลุกอีกฝ่ายช้าเกินไปหน่อย ในตอนนี้มันก็เลยใกล้จะสายกับที่นัดเอาไว้กับมิซากิเต็มทน
“เฮ้อ...” ถึงกับถอนหายใจเหนื่อยเมื่อเห็นท่าทางรีบร้อนแบบนั้นของไอจิ ทำให้อดรู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อยจนนึกอยากจะแอบตามไปดูเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกขัดแย้งว่าไม่ควรตามไป สุดท้ายไคที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่แบบนั้น
“ไอจิจะไหวไหมนะ ท่าทางรีบร้อนน่าดูเลย” กว่าจะรู้สึกตัวอีกที เสียงใสของเด็กหญิงดังทักขึ้นมาจากเบื้องหลัง พอหันไปมองก็จะเห็นเอมิอยู่อยู่หน้าประตูทางเข้าห้องครัวพอดี ดูจากสีหน้าแล้วบ่งบอกเลยว่ากำลังเป็นกังวลอย่างถึงที่สุด
“ไม่เป็นไรหรอก” เพื่อไม่ให้เป็นกังวลจึงกล่าวออกไปเช่นนั้น แม้อีกใจจะรู้สึกเป็นห่วงไอจิอยู่ไม่น้อยเลยก็เถอะ แล้วดูเหมือนพอเขาว่าออกไปแบบนั้นเหมือนไม่ใส่ใจ เอมิก็เริ่มเอ่ยถามเสียงเครียดยิ่งกว่าเก่า
“แต่ว่า... ไอจิน่ะ ยังดูเหม่อๆ อยู่เลยนะ” ถ้าพูดให้ถูก อาการแบบนี้ของไอจิจะเป็นแค่เฉพาะช่วงตื่นนอนเสียมากกว่า แต่หลังจากพ้นประตูบ้านไปแล้วก็ดูสดใสดี ไคนึกอยากเอ่ยแก้คำพูดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากยืนนิ่งอยู่หน้าประตูทางออก
“ไอจิน่ะ ไม่เป็นอะไรหรอก ก็พี่ชายสุดหวงพูดออกมาแบบนั้นนี่น่า” สักพักหญิงสาวหน้าตาดูยังอ่อนวัยจนแทบมองไม่ออกว่าเธอเป็นแม่ลูกสองหรือสาม เดินออกมายืนอยู่ข้างหลังเอมิแล้วว่าขึ้นเสียงใส ท่าทางดูมั่นใจในสิ่งที่เขาพูดเต็มที่ ทั้งที่ตัวเขาเองยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก
“มีธุระ ขอตัวออกไปข้างนอก” ตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้นแล้วออกไปนอกบ้านด้วยอีกคน ปล่อยให้สองแม่ลูกบ้านเซ็นโดได้แต่ยืนกลั้นยิ้มกับท่าทางไค โดยที่เจ้าตัวไม่มีทางมองเห็นได้อย่างแน่นอน ในเมื่อพอเดินออกมานอกบ้านแล้ว เขาก็เร่งฝีเท้าเดินไปตามเส้นทางในทันที
ใจหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะยังทันไอจิอยู่ แต่พอออกมานอกบ้านแล้วเดินไปได้สักพักเขาก็ไม่เห็นวี่แววของอีกฝ่ายเสียแล้ว ดูท่าทางเรื่องแอบตามไปดูคงต้องปัดตกไป แล้วกลับไปที่บ้านเพื่อรอคอย มันคงเป็นความคิดที่ดีที่สุดแล้ว ทว่าในขณะที่กำลังหมุนตัวหันหลังกลับไปที่บ้าน เสียงใสของบุคคลที่น่าจะเป็นเพื่อนของเขา ได้ดังทักขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“เฮ้! ไค”
หันกลับไปมองก็จะเห็นมิวะกำลังเดินเข้ามาใกล้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเก่าแต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงได้รู้สึกว่ามันดูหม่องกว่าทุกทีก็ไม่รู้
“มีอะไร” ถามเสียงเรียบเหมือนไม่ค่อยใส่ใจเท่าไรนัก ทว่าภายในใจกลับกำลังนึกสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร ทำไมถึงได้ดูไม่ค่อยร่าเริงเหมือนปกติ
“ฉันเห็นไอจิไปกับมิซากิด้วยล่ะ ตกลงว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกันสินะ” ตอนพูดเรื่องนี้ออกมา หากเขาไม่เห็นเรื่องอื่นสำคัญกว่า คงจะรู้สึกตัวไปนานแล้วว่าน้ำเสียงของมิวะ มันแฝงไปด้วยความเศร้าแต่เนื่องจากในหัวเห็นเรื่องไอจิสำคัญกว่า จึงไม่ทันได้สังเกตเห็น
“อยู่ที่ไหน” ว่าด้วยน้ำเสียงดุดันเสียจนน่ากลัว มิวะถึงกับชะงักไปเล็กน้อยด้วยความตกใจแต่ก็ยอมบอกออกไปแต่โดยดี
“ทางนี้” ไม่ใช่แค่บอกว่าอยู่ที่ไหนแต่ยังนำทางไปเสียอีก ดูท่าทางวันนี้ปฏิบัติการแอบตามจะเกิดขึ้นเสียแล้ว นี่ถ้าอีกฝ่ายรู้ความจริงเขา ไคไม่อยากจะคิดเลยว่าไอจิจะเห็นเขาเป็นคนโรคจิตหรือไม่ แต่ด้วยความเป็นห่วงที่มีมากกว่า เขาถึงได้เลิกใส่ใจแล้วเดินตามมิวะไปตามทางเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าสถานีรถไฟ
...จะไปไหนกัน...
ขึ้นรถไฟแบบนี้คงเข้าไปในตัวเมืองหรือไม่ก็คงจะไปย่านช้อปปิ้งนั่นแหละ คิดได้แบบนั้นก็น่าเครียด เพราะไม่รู้ว่าทั้งคู่ซื้อตั๋วรถไฟในราคาเท่าไรกัน
“เอายังไงดี” บ่นพึมกับตัวเองเสียงแผ่ว อย่างไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดีเพื่อที่จะได้แอบตามทั้งสองต่อไปได้ แล้วในระหว่างที่เขากำลังนึกเครียดอยู่ มิวะกลับยื่นตั๋วรถไฟมาให้ ไคได้แต่มองตั๋วในมืออีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ ปากเตรียมอ้าเอ่ยถามถึงสิ่งที่สงสัยออกไป
“เร็วเข้าไค เดี๋ยวก็พลาดรถไฟคนละขบวนกับไอจิหรอก” ยังไม่ทันขยับปากเอ่ยถาม ก็กลายเป็นว่าถูกดึงไปด้วยกันเสียแล้ว ไครีบเดินไปที่ทางเข้าพร้อมสอดตั๋วและรับตั๋วกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ก่อนรีบก้าวยาวๆ จนเกือบจะกลายเป็นวิ่งขึ้นบันไดไป ก็เป็นจังหวะเดียวกับรถไฟได้มาถึงพอดี
เห็นแบบนั้นก็รีบเดินเข้าไปด้านในโดยไปอยู่คนละห้องโดยสารกับพวกไอจิ สายตาก็คอยแอบมองไปอีกห้องโดยสารเพื่อสังเกตการณ์เป็นระยะ จนลืมถามมิวะถึงสิ่งที่คิดจะถามไปก่อนหน้านี้เสียสนิทใจเพราะความสนใจทั้งหมดของเขาไปอยู่ที่คนทั้งสองเสียหมดแล้ว
มองจากมุมมองนี้มันก็ไม่มีอะไรเท่าไร แค่ทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกันตามปกติและมีการคุยเล่นเพื่อข้ามเวลาไปด้วยก็เท่านั้น ดูไม่มีอะไรเป็นพิเศษแต่อีกใจมันก็รู้สึกเหมือนทั้งคู่มาออกเดทกันอยู่เลย
...นี่ไอจิชอบโทคุระอย่างนั้นเหรอ...
ภาพที่เห็นมันชวนทำให้อดเขาคิดแบบนั้นไปไม่ได้ ทว่าทันใดนั้น เขากลับรู้สึกเจ็บแปลกๆ ตรงอกซ้าย มือข้างซ้ายยกขึ้นทาบลงตรงหน้าอกตัวอกด้วยความรู้สึกสงสัย ว่าทำไมอยู่ๆ เขาถึงได้รู้สึกเจ็บขึ้นมาแบบนี้ แต่อาการเหล่านั้นกลับมีอยู่ได้ไม่นาน
ไม่สิถ้าจะพูดให้ถูก มันปรากฏขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ปรากฏขึ้นมาช่วงที่เขาเผลอนึกไปว่าไอจิชอบมิซากินั้นแหละ พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกปวดขึ้นมาอีกแล้ว ไคถึงได้เริ่มนึกสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ จะใช่โรคหัวใจหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ทว่ายังไม่ทันนึกคำตอบออก มิวะกลับลุกขึ้นพรวดแล้วคว้าแขนเขาให้ออกวิ่งไปด้วยกัน
พรวด!
“มิวะ” จะตะโกนก็ไม่ได้เพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหน จึงทำได้เพียงเรียกอีกฝ่ายเสียงแผ่วแต่กลับฟังดูดุดัน มิวะเพียงหันมาส่องยิ้มร่าเริงให้เช่นปกติ มือก็ชี้ตรงไปข้างหน้าเพื่อชี้อะไรบางอย่างให้เขาดู ไคเพียงมองตรงไปก็พบว่าตอนนี้พวกเขามายืนอยู่หน้าสถานีแห่งหนึ่ง
แล้วตำแหน่งที่มิวะชี้ไปก็เป็นทางลงไปชั้นล่างเพื่อออกไปจากสถานี ที่ตรงนั้นเขาเห็นพวกไอจิกำลังเดินลงบันไดไปอยู่ มาตอนนี้ไคก็เข้าใจได้แล้วว่าทำไมเขาถึงได้ถูกอีกฝ่ายลากให้ลงมาด้วยกันแบบนี้
“จะตามไปต่อไหม” ถามเสียงทะเล้นด้วยท่าทางสนุกสนานเต็มที่ หากแต่แววตากลับไม่ใช่ ไคที่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปติของอีกฝ่ายนึกอยากทักถามออกไปถ้าไม่ติดเรื่องที่สำคัญกว่า...
“ไป!” ว่าแล้วก็กลายเป็นฝ่ายลากมิวะให้ออกเดินกึ่งวิ่งไปด้วยกันแทน จะถือว่าเป็นโชคดีหรือร้ายก็ไม่ทราบ เพราะช่วงเวลานี้คนยังไม่ค่อยเยอะเท่าไร ทำให้พวกเขาไม่หลงกับพวกไอจิไปเสียก่อนแต่พอมาคิดอีกแง่ บางทีมันอาจจะเป็นผลร้ายก็ได้ด้วยเช่นกัน
...แบบนี้จะถูกเห็นเมื่อไร ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นสินะ...
“ไค ตามไปแบบนี้มันไม่โจ่งแจ้งไปหน่อยเหรอ เดี๋ยวก็โดนจับได้หรอก ปลอมตัวแบบในหนังดีม่ะ” สิ่งที่มิวะทักมา มันเป็นสิ่งเดียวกับที่เขานึกเครียดอยู่พอดี ไคเพียงหันไปมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกแต่สิ่งที่พูดออกมานั่น ถึงกับทำให้อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย
“ไม่” คำตอบสั้นง่ายแต่กลับได้ใจความยิ่งนัก มิวะเพียงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วเร่งฝีเท้าเดินไล่ตามคนที่กำลังแอบตามหรือกำลังตามอย่างโจ่งแจ้งไปต่อในทันที
จนกระทั่งเดินเข้ามาในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเข้า สองหนุ่มหันมาสบตากันเพียงเล็กน้อยก่อนเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปภายใน สายตากวาดมองดูให้ทั่วเพื่อหาเป้าหมายโดยเร็วที่สุด ก็หันไปเห็นคนทั้งคู่กำลังเดินขึ้นไปชั้นบนพอดี ไม่ต้องยืนนิ่งให้เสียเวลาเปล่า ทั้งสองรีบเดินตามไปในทันที
แอบเดินตามไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง ไคกับมิวะตัดสินใจได้ในทันทีว่าควรยืนรออยู่หน้าร้าน เวลาผ่านไปสักพักก็เป็นทั้งคู่เดินออกมาจากร้านมือเปล่า ดูท่าทางคงไม่ได้สิ่งที่ต้องการถึงได้คุยอะไรบางอย่างกันแล้วเดินไปร้านเสื้อผ้าถัดไปในทันที
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปไม่รู้กี่ชั่วโมง จากร้านเสื้อผ้าก็เป็นร้านขายตุ๊กตาบ้างล่ะ ร้านขายขนมบ้างล่ะ ร้านขายรองเท้าแล้วร้านอื่นๆ อีกเพียบ จนในที่สุดก็ดูเหมือนว่าจะซื้อของเสร็จแล้ว เพราะในมือของคนทั้งสองต่างมีถุงถือกันอยู่คนละหลายใบเลยทีเดียว
ดูจากจำนวนถุงที่ถือในมือแล้ว ของที่ถือกันอยู่มันคงหนักมากน่าดู ไคจึงคาดว่าหลังจากนี้คงจะแยกย้ายกันกลับบ้านแล้วเพราะเวลาในตอนนี้มันก็เที่ยงเข้าไปแล้วและพอยิ่งได้เห็นทั้งสองเดินออกไปนอกห้าง มันยิ่งเสริมความมั่นใจให้เขามากขึ้นไปอีก
ทว่าพอแอบเดินตามมาได้สักพัก ปรากฏว่าคนทั้งสองไม่ได้มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟเพื่อกลับบ้านแต่กลับเดินแวะเข้าไปในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งแทน พอเห็นแบบนี้เข้า มันก็พอจะเดาได้แล้วว่าสิ่งที่เขาคาดเอาไว้มันคงผิด ระหว่างนั้นก็แอบเดินตามมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ใจกลางสวนสาธารณะ
พื้นที่ในส่วนนี้เป็นที่โล่งที่มีน้ำพุตั้งอยู่ตรงใจกลาง ล้อมรอบพื้นที่โล่งมีเก้าอี้นั่งตั้งวางอยู่ตามจุดต่างๆ ไอจิกับมิซากิก็เดินไปนั่งในที่ที่ว่างอยู่พร้อมหยิบเอาข้าวกล่องขึ้นมา แต่เนื่องจากเมื่อเช้าไอจิรีบออกไป เลยไม่ได้ทำข้าวกล่องออกมาด้วย เพราะฉะนั้นข้าวกล่องที่เอาออกมาจึงเป็นของเด็กสาว
“ดูแบบนี้เหมือนมาเดทกันเลยเนอะ มีทำข้าวกล่องมากินด้วยกันอีก เอ๋... หรือว่าจะมาเดทกันจริงๆ” ถ้าเป็นตามปกติ ไคคงรู้สึกหงุดหงิดไปนานแล้วแต่เพราะด้วยความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นกับตัวเขาทุกครั้งที่เผลอคิดไปแบบนั้น อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บแปลกๆ ที่อกซ้ายเสียอีก ประกอบกับท่าทางที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็เหมอนร้องไห้เสียมากกว่าของมิวะ มันทำให้เขาไม่หงุดหงิด
“มิวะ”
“ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันดีเนอะ” น้ำเสียงก็ฟังดูร่าเริงดีอยู่หรอกแต่สีหน้านี่ไม่ใช่เลย มันทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาเสียกว่า ไคถึงกับปิดปากเงียบ เดาได้แล้วว่าอาการที่เพื่อนคนนี้เป็นอยู่มันคืออะไร ถึงได้ตัดสินใจปิดปากเงียบไป
“ไค... แล้วนายไม่หวงไอจิแล้วเหรอ ไม่คิดไปจับแยกทั้งคู่ออกจากกันเหรอ” ไม่รู้ทำไม ไคถึงได้รู้สึกเหมือนกำลังโดนหาแนวร่วมก็ไม่รู้ แต่ปากก็ยังตอบออกไปตามความคิดของตัวเอง
“ถ้าไอจิมีความสุข ฉันก็มีความสุข”
“พระเอกไปไหมเพ่!”
ตอบไปแบบนั้นก็โดนสวนกลับมาแทบจะในทันที ไคได้แต่นึกแก้อยู่ภายในใจว่ามันต้องบอกว่าเป็นพี่ที่ดีไม่ใช่หรืออย่างไร แต่พอเห็นสภาพของมิวะที่มีอาการเหมือนคนอกหักแบบนี้แล้ว คิดว่าตัดสินใจปิดปากเงียบไปมันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“นี่ไค... รู้ไหม ฉันแอบชอบโทคุระอยู่ล่ะ” เล่นพูดขึ้นมาลอยๆ แบบนี้ ไคยิ่งปิดปากเงียบสนิทยิ่งกว่าเก่า ไม่คิดพูดอะไรออกไปทั้งสิ้น ถึงภายในใจจะนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเลยก็เถอะ ถึงความจริงที่พึ่งรับรู้จากปากของอีกฝ่าย แม้พอจะเริ่มเดาได้จากท่าทางและคำพูดก่อนหน้านี้แล้วก็เถอะ
“ตั้งแต่แรกเห็นเลยด้วย... อย่างนี้เขาเรียกว่ารักแรกพบใช่ไหม” ท่าทางจะเริ่มเพ้อขนาดหนัก เริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาหน่อยแล้วว่าอีกฝ่ายยังไหวอยู่หรือเปล่า แต่อีกใจก็ยังไม่อยากออกไปจากพื้นที่ตรงนี้เท่าไรนัก เพราะยังอยากจะเห็นกับตาตัวเองเสียก่อน ว่าไอจิจะกลับถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย
“แต่ดูเหมือนรักแรกพบของฉันจะอกหักเสียแล้วล่ะ ดูสิ... สองคนนั้นเหมาะกันดีเนอะ”
ตุบ...
“...!?”
บ่นให้เขาฟังจบก็ทรุดลงไปนั่งกองกับพื้นเฉย ไคถึงกับเบิกนัยน์ตาขึ้นกว้างด้วยความตกใจ สายตาเหล่ไปมองทางพวกไอจิ พบว่ายังนั่งกินข้าวกันอยู่ถึงได้ย่อตัวลงต่ำจนทำให้ระดับสายตาอยู่เท่ากัน ปากที่ปิดเงียบไปอยู่นานเพราะคิดว่าความเงียบคือคำตอบที่ดีที่สุด เอ่ยถามเสียงเรียบ
“ไหวไหม”
“...”
ไร้ซึ่งคำตอบใดนอกจากร่างที่อยู่ๆ กระโจนเข้ามากอดเขาเอาไว้แน่นแล้วซุกใบหน้าลงที่ไหล่ รู้สึกได้ว่าที่ไหล่เริ่มชื้น ไครับรู้ได้โดยไม่ต้องพูดอะไรออกมาทั้งสิ้นว่าในตอนนี้อีกฝ่ายรู้สึกยังไง ถึงได้นั่งนิ่งปล่อยให้มิวะยืมไหล่เขาซ่อนน้ำตาไปอยู่แบบนั้น จนกว่าเจ้าตัวจะพอใจ....
แล้วก่อนที่เรื่องนี้มันจะกลายเป็นคู่ ไค x มิวะ หรือ มิวะ x ไค ไปมากกว่านี้ ตัดไปทางด้านไอจิเพื่อดูความจริงกันเถอะ...
ทางด้านไอจิที่ตอนนี้กำลังกินข้าวกล่องกันอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่ได้รับรู้เลยว่าอีกด้านหนึ่งกำลังเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ยังคงนั่งกินข้าวกันไปอย่างสบายอารมณ์เช่นเก่า จนกระทั่งข้าวกล่องที่มิซากิทำมาหมดลงแล้ว บทสนทนาที่เงียบหายไปนานก็ได้เริ่มต้นขึ้น
“น่าเสียดายนะ ที่อิชิดะไม่ได้มาด้วยกัน”
...ไม่อย่างนั้นคงมีคนช่วยขนของเพิ่ม...
เริ่มต้นเปิดบทสนทนามา มิซากิพูดออกไปแบบนั้นด้วยความรู้สึกเสียดายจริง แม้เหตุผลจะเก็บเงียบเอาไว้ในใจโดยไม่บอกให้ไอจิได้รับรู้ก็เถอะ
“นั่นสินะครับ ทั้งที่นัดกันเอาไว้แล้วแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมนาโอกิคุงถึงได้มีธุระกะทันหัน” ว่าออกไปด้วยความรู้สึกเสียดายอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงอะไรแบบมิซากิทั้งสิ้น ฝ่ายเด็กสาวก็ได้แต่พยักหน้ารับขึ้นลงด้วยความรู้สึกเห็นด้วยแบบสุดๆ สายตาก็บังเอิญเหล่ไปเห็นหัวน้ำตาลกับหัวเหลืองเข้าพอดี
“ไคกับมิวะทำอะไรอยู่น่ะ...”
“เมื่อกี้คุณมิซากิพูดถึงไคคุงเหรอครับ” เผลอพึมพำออกไปเสียงแผ่วจนคนด้านข้างได้ยิน แต่ดูเหมือนเสียงของเธอจะเบามากเกินไป ประกอบกับมีสายลมพัดมาพอดี ทำให้ไอจิไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดออกไปทั้งหมด
“ใช่ ฉันแค่สงสัยน่ะ ว่านายรู้สึกยังไงกับไค” จะเรียกว่าเนียนก็น่าจะใช่แต่จะเรียกว่าแอบหลอกถามอีกก็น่าจะใช่เช่นกัน เพราะในตอนนี้เธอค่อนข้างอยากรู้จริงๆ ว่าไอจิคิดยังไงกับอีกฝ่าย หลังจากที่เฝ้ามองคนทั้งคู่มาตลอด เธอถึงได้เริ่มรู้สึกตัว ว่าบางทีสองคนนี้อาจจะชอบกันอยู่ก็เป็นได้ แล้วถ้าคำตอบคือใช่ เธอก็พร้อมที่จะช่วยสนับสนุนเต็มที่เลย
เพราะไอจิเป็นเพื่อนคนแรกของเธอและเพราะอีกฝ่าย จากคนที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้เพราะเธอเป็นคนชอบทำหน้าตาไม่รับแขกอยู่ตลอดเวลา ก็กลายเป็นคนที่เริ่มมีคนเข้าหามากขึ้น มีเพื่อนมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ไม่ค่อยมีคนกลัวเธอเท่าไร
เรียกได้ว่าเธอได้ไอจิช่วยทำให้เธอได้ใช้ชีวิตที่โรงเรียนสนุกมากขึ้นก็ว่าได้ เธอจึงเห็นไอจิเป็นเหมือนเพื่อนสนิท แล้วที่สำคัญไปกว่านั้นไอจิเองก็ดูเหมือนจะชอบของน่ารักอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ดูจากหน้าตาแล้วมันออกไปทางผู้หญิงมากกว่าก็เถอะ ทำให้ในหลายๆ ครั้งเธอถึงได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนหญิงมากกว่าชาย
“รู้สึกยังไงกับไคคุงเหรอครับ” สติกลับเข้าตัวหลังได้ยินคำถามนี้ย้อนกลับมา มิซากิรีบพยักหน้ารับเป็นการยืนยันคำถามอย่างเดียวไม่พอ ยังมีย้อนถามกลับไปอีกด้วย
“ใช่ๆ ชอบไคหรือเปล่า” น้ำเสียงออกจะฟังตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย จนมิซากิรู้สึกว่าตัวเองคงจะออกอาการมากเกินไปหน่อย สายตาก็แอบเหล่ไปมองทางพวกที่แอบซ่อนตัวอยู่เป็นระยะ ด้วยความรู้สึกสนุกที่จะได้เห็นปฏิกิริยาของไคยามเมื่อได้รับฟังคำตอบที่หลุดออกจากปากของไอจิ
“ชอบสิครับ” คำตอบที่ไม่ได้เกินคาดเท่าไรนัก เพราะเธอก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว รอยยิ้มบางถึงกับคลี่ออกมาเล็กน้อย สายตาก็เตรียมหันไปมองทางพวกไคอย่างเต็มตา ทว่าพอได้ยินประโยคถัดมาเข้า รอยยิ้มจางหายไปอย่างรวดเร็ว สายตาตวัดหันกลับมามองทางไอจิ
“ก็ไคคุงเป็นพี่ชายของผมนี่น่า”
“...” คำตอบที่ทำเอามิซากิถึงกับนั่งกินจุดไปอยู่หลายนาที แล้วกว่าจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ มันก็ใช้เวลาไปอีกพักใหญ่ๆ เลยเช่นกัน
“ไอจิ...”
“ครับ” ขานรับเสียงใสประหนึ่งว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปมันเป็นเรื่องแสนธรรมดาอย่างถึงที่สุด เห็นสภาพแบบนี้ของไอจิเข้า มิซากิได้แต่นึกถอนหายใจเหนื่อย ในใจก็ได้แต่นึกปลอบใจไคไปด้วยความรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก หรือควรกลุ้มใจกับสองคนนี้ดีไม่ทราบ
...พยายามเข้าล่ะไค กว่าจะทำให้ไอจิรู้สึกตัวได้คงยาก ไม่สิ ว่าแต่ฝ่ายนั้นรู้สึกตัวหรือยังน่ะ...
ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดแทนสองคนนี้อยากบอกไม่ถูก ทั้งที่ในสายตาเธอ มองดูก็รู้แล้วว่าชอบกัน แถมชอบแบบเกินคำว่าพี่น้องไปแล้วด้วย แต่ดูเหมือนไอจิหรืออาจจะทั้งคู่เลยนั่นแหละ อาจจะยังไม่รู้สึกตัวก็เป็นได้ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ มิซากิถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เฮ้อ....”
“คุณมิซากิเป็นอะไรไปเหรอครับ” อยู่ๆ เธอก็ถอนหายใจออกมาแบบนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ไอจิจะนึกสงสัยจนเอ่ยถามออกมา แน่นอนเธอไม่คิดตอบออกไปตามตรงหรอก ถึงได้เลือกที่จะโกหกออกไปอย่างเนียนๆ
“ไม่มีอะไรหรอก พวกเรากลับกันเถอะ” ว่าปัดไปอย่างไม่อยากให้อีกฝ่ายสนใจก่อนเอ่ยชวนกลับไปด้วยกัน เพราะรู้สึกว่าถ้ายังคิดไปเดินเที่ยวที่ไหนต่ออีก อาจจะเกิดเรื่องขึ้นก็เป็นได้ อย่างเช่นว่าไคชักเริ่มทนไม่ไหว โผล่ออกมาตามไอจิกลับบ้าน แล้วหลังจากนั้นไอจิก็จะไม่พอใจที่โดนแอบตาม จนในที่สุดทั้งคู่ก็ทะเลาะกัน
เอาเถอะ นั่นคือจิตนาการเพ้อเจ้อของเธอเองคนเดียว ในความเป็นจริงมันอาจจะผิดคาดกว่านั้นเยอะก็เป็นได้ แล้วเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าปวดหัวอะไรขึ้น ตัดสินใจกลับไปให้เร็วที่สุดนั่นแหละ ดีแล้ว!
มุมน้ำชา
คู่รองเริ่มออกอาการอย่างชัดเจนแล้วค่ะแม้มิซากิจะยังไม่รู้สึกตัวก็เถอะ ส่วนฝ่ายคู่หลัก...มาลุ้นกันแล้วค่ะ ว่ามิซากิจะช่วยทำให้ทั้งคู่หลักรู้สึกตัวได้หรือไม่!
ตอนหน้า ทุกคนมาร่วมตัวกันเพื่อทำการบ้านค่ะ จะเกิดอะไรขึ้นนั่น รอชมต่อไป แน่นอนว่าตัวร้ายก็ยังไม่ออกอีกเช่นเคย (นี่มันตอนที่ 6 แล้วนะเฟ้ยยยย///ตัวร้าย)
หมายเหตุ
ในญี่ปุ่นเขาจะมีเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติค่ะ โดยตั๋วที่มีขายจะหลายรูปแบบมาก เช่นบัตรเหมาที่ใช้ได้ทั้งวัน ตั๋วตามราคาที่สามารถลงสถานีไหนก็ได้แต่ต้องราคานี้ ซึ่งราคาเดียวสามารถลงได้หลายสถานีพอสมควรเลยค่ะ แต่มันก็แล้วแต่ประเภทรถไฟอีกล่ะน่ะ เหอะๆ (รถไฟที่ญีปุ่นเยอะมากเลยค่ะ จนเขาก็เริ่มงงว่าอะไรเรียกเป็นอะไร) ส่วนในกรณีของมิวะ เป็นการซื้อแบบเหมามันทั้งวันมาค่ะ ไม่เหมือนไคที่เอาแต่ยืนคิดว่าจะซื้อตั๋วราคาไหน หุๆ
หมายเหตุ 2
เรื่องนี้คู่ไค x ไอจิจริงๆ นะ! แม้จะออกทะเลจนเกือบสลับคู่หลายครั้งก็เถอะ
H & H
ความคิดเห็น