ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {Fic Vanguard} Statice (Kai x Aichi)

    ลำดับตอนที่ #1 : {SF} Listen to your heart

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 60


    Title: Listen to your heart

    Genre: Drama

    Rating:  PG

    Pairing: Kai x Aichi

     

     

    ความมืดที่ปกคลุมอยู่รอบกายนั่นช่างเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ ไร้ซึ่งแสงสว่างใดที่คอยช่วยส่องสว่างนำทาง เด็กหนุ่มเพียงยืนนิ่งอยู่ในสถานที่แห่งนั้น สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์ ไม่คิดขยับก้าวขาออกไปจากจุดที่ยืนอยู่แม้แต่น้อย สายตายังคงมองไปรอบตัวราวกับเพื่อพยายามหาบางสิ่ง

     

    แต่แล้ว... ท่ามกลางความมืดมิดที่ไร้ซึ่งสีสันอื่นใด เขากลับเห็นแผ่นหลังบางแสนคุ้นเคย ดูเล็กแต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นและโหยหาได้อย่างน่าประหลาด เส้นผมสีฟ้าครามแสนคุ้นตา ทันใดนั้นร่างกายขยับไปก่อนใจคิด มือยื่นออกไปหมายคว้าคนตรงหน้า

     

    ตึกๆ

     

    ฝีเท้าออกวิ่งไปอย่างสุดกำลังหมายเข้าไปใกล้อีกฝ่ายและคว้าร่างนั่นมาให้ได้ ทว่ายิ่งวิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเหมือนห่างไกล ร่างที่ดูส่องสว่างในความมืดก่อนหน้านี้เริ่มจางหายเข้าไปในความมืดมิด

     

    ...ไม่นะ...

     

    ภายในใจเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องแต่ปากกลับปิดเงียบไร้ซึ่งสรรพเสียงใดหลุดรอดออกมา สองขาพยายามเร่งฝีเท้าเพื่อลดระยะห่างระหว่างกัน ต่อให้รู้ดีอยู่เต็มอกว่าต่อให้ออกแรงวิ่งไปมากขนาดไหน ใจกรีดร้องขนาดไหน ระยะห่างไม่ได้ลดลง ร่างนั้นไม่ได้หันกลับมามองเขา

     

    ความรู้สึกหวาดกลัวเข้าครอบงำจิตใจอย่างไม่เคยเป็น รับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังหวาดกลัวต่อความรู้สึกสูญเสีย วิ่งต่อไป พยายามวิ่งต่อไปเรื่อยๆ มือยื่นออกไปหมายคว้ามือนั้นเอาไว้ ร่างนั้นกำลังจางหายเข้าไปในความมืดมิด ราวกับความมืดคือสิ่งที่กำลังพรากคนตรงหน้าไปจากเขา เสียงที่ทำได้เพียงกรีดร้องอยู่ภายในใจ เริ่มเผยออกมาก่อนจะกลายเป็นเสียงตะโกนร้องออกไปสุดเสียง

     

    ไอจิ!

     

    พรวด!

     

    มือยื่นค้างอยู่เช่นนั้นพร้อมร่างที่ลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ลมหายใจหอบถี่ราวกับพึ่งออกไปวิ่งร้อยเมตรมาทั้งที่เขาหลับอยู่ สายตาเริ่มกวาดมองสภาพแวดล้อมโดยรอบก็พบว่าตอนนี้เขาอยู่ภายในห้องของตัวเอง นอนอยู่บนเตียง ไม่ได้ไปวิ่งไล่ตามใครบางคนที่เขาพยายามตามหาอยู่หลายวัน

     

    ...ไอจิ นายไปอยู่ที่ไหนกันแน่...

     

    สองมือยกขึ้นกุมขมับด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า ภายในใจก็ได้แต่เอ่ยถามคำถามนี้กับตัวเองไม่กี่ร้อยครั้งแล้ว ทว่าคำตอบที่ค้นหากลับไม่เคยปรากฏ ถึงอย่างนั้นความคิดที่จะค้นหาอีกฝ่ายก็ยังไม่หายไปจากใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว เขายังคงเอาแต่ครุ่นคิดอยู่ทุกวันว่าอีกฝ่ายหายไปอยู่ที่ไหน แล้วเหตุใดทุกคนจึงได้ลืมไอจิไปกันหมดแบบนี้

     

    ช่วงระหว่างที่คิดแบบนั้น ไคตัดสินใจลุกออกจากเตียงแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่ ก่อนตัดสินออกไปข้างนอกในที่สุด โดยไม่ลืมหยิบของสำคัญอย่างเด็ครอยัลพาราดินติดมือไปด้วย เพราะคิดว่าอย่างน้อยการออกไปข้างนอกคงดีกว่ามานั่งคิดอยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมแบบนี้

     

    เปิดประตูออกไปสู่โลกภายนอก อากาศข้างนอกสดใสผิดกับจิตใจของเขาโดยสิ้นเชิง ไคยังคงปั้นหน้าเคร่งเครียดเช่นปกติ สองขาก็ก้าวเดินไปอย่างไร้จุดหมายไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีความคิดไปที่ไหนเป็นพิเศษในวันหยุดเช่นนี้ จนกระทั่งได้เดินมาหยุดอยู่ภายในสวนสาธารณะโดยไม่ทันรู้สึกตัว

     

    บางทีเขาคงจะใจลอยมาเกินไป จึงไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่าเดินมาถึงสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร แต่ในเมื่อวันนี้เขาไม่มีกำหนดการไปที่ไหนเป็นพิเศษ การมาหยุดพักอยู่ในสถานที่แบบนี้ก็คงไม่เลวร้ายเท่าไรนัก คิดได้แบบนั้นจึงเดินเข้าไปด้านในและนั่งลงที่เก้าอี้ยาวตัวหนึ่ง

     

    สายลมเย็นพัดผ่านมาแผ่วเบา ชวนพาให้ใครหลายคนรู้สึกสบายใจ แต่นั่นไม่ใช่กับเขาอย่างแน่นอน ไคเพียงหลับตาลงแล้วนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดอีกครั้ง หวังจะพบสาเหตุหรือสิ่งน่าสงสัยอะไรบ้าง ทว่าในความทรงจำของเขานั่น กลับเต็มไปด้วยภาพรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนนั่น

     

    รอยยิ้มที่เขารู้สึกคิดถึงมันอย่างบอกไม่ถูก อยากได้ยินเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อเขา อยากจะพูดคุยกันให้มากกว่านี้ ทั้งๆ ที่ในตอนนี้พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว ทว่าก่อนที่จะได้ทำอะไรด้วยกันมากกว่านี้ อีกฝ่ายกลับหายตัวไปเสียก่อน รู้สึกมันช่างไม่ยุติธรรม รู้สึกเกลียดโลกใบนี้ขึ้นมา เกลียดโลกใบนี้ที่มักจะช่วงชิงสิ่งสำคัญของเขาไปอยู่เสมอ

     

    ...นี่เรา...

     

    ก่อนมารู้สึกตัวว่าเผลอคิดอะไรออกไป ไคตัดสินใจลืมตาขึ้นเพื่อทำให้ตัวเองเลิกฟุ้งซ่านและคิดหาหนทางที่จะตามหาตัวคนที่หายไปต่อ ทว่าในยามที่เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ไครีบลุกขึ้นพรวดแล้วกวาดสายตามองรอบกายด้วยความสับสน นึกแปลกใจว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้

     

    ...เพราะจิตนการอย่างนั้นเหรอ...

     

    จิตนการคือพลัง เรื่องนี้เขารู้ดีเพราะนั่นคือสิ่งที่เขามักชอบพูดอยู่เสมอ ทว่าในยามนี้เขาไม่ได้จิตนการอะไร เช่นนั้นเขาก็ไม่สมควรมาอยู่ในสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้สุดลูกหูลุกตาเช่นนี้ได้ ใบหน้าก้มลงมองสองมือตัวเองที่โปร่งแสง ดูท่าทางสภาพของเขาในตอนนี้คือวิญญาณ

     

    ...คงจะไม่ใช่...

     

    ไคคุง

     

    ขณะกำลังคิดอะไรไปเรื่อยกับสิ่งที่พบเจออยู่ เสียงที่เขานึกอยากได้ยินดังเรียกมาจากทางด้านหลัง ไครีบตวัดสายตาหันกลับไปมองอย่างรวดเร็วแล้วก็ถึงกับยืนนิ่งไปด้วยความตกใจ ไม่คาดคิดว่าจะได้พบกันในลักษณะเช่นนี้

     

    ก่อนได้พบเจอ เขามีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดคุย อยากจะเอ่ยถาม ทว่าพอได้พบกันจริงๆ กลับไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกไปสักคำ

     

    ไคคุง เลิกตามหาผมได้แล้วน่ะครับใบหน้านั่นประดับไปด้วยรอยยิ้ม หากแต่เป็นรอยยิ้มแสนเศร้า สีหน้าเองก็ดูเหมือนพร้อมจะร่ำไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ

     

    ทำไมคำถามที่อยากจะเอ่ยออกไป มีมากกว่านี้อย่างแน่นอน ทว่าเสียงที่หลุดรอดออกไป มีเพียงถ้อยคำไม่กี่คำเท่านั้น นึกเจ็บใจตัวเอง มีโอกาสได้พูดคุย ได้สอบถามถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะเงียบ แล้วเอาแต่จ้องมองใบหน้านั่นเพียงอย่างเดียว

     

    เพราะมัน... อันตรายกล่าวออกมาเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน ถึงอย่างนั้นไคกลับได้ยินในสิ่งที่ไอจิพูดออกมาทุกคำ เพียงรับฟังคำนี้ ความหงุดหงิดก่อขึ้นภายในหัวใจ

     

    ไร้สาระแล้วกล่าวคำนี้ออกไปด้วยแรงอารมณ์เหล่านั้น มันคงทำให้ไอจิรู้สึกไม่ดี เจ้าตัวถึงกับสะดุ้งตกใจแล้วก้าวถอยหลังไป เห็นแบบนี้ไคก็เผลอก้าวเดินตามไปโดยอัตโนมัติเช่นกัน ต่อให้ใจรู้ว่าอีกฝ่ายอยากทิ้งระยะห่างแต่อีกใจกลับร้องบอก ว่าจะให้ระยะห่างระหว่างพวกเขามีมากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

     

    ฉันจะตามหานายให้พบกล่าวออกไปด้วยความตั้งใจเกินร้อย ช่วงจังหวะนั้น ระยะห่างระหว่างกันได้ลดลงไปอีกหนึ่งก้าวโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้สึกตัว เพราะคนตรงหน้าเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองพื้นอยู่เช่นนั้น ท่าทางดูสับสน กังวลและโศกเศร้าไปในขณะเดียวกัน

     

    ขอร้องล่ะ ผมไม่อยากให้ไคคุงต้องเจอกับอันตรายนะเมื่อค้นพบเสียงของตัวเองที่ดูจะลืมไปช่วงครู่หนึ่ง ไอจิก็ว่าออกมาเช่นนั้นทันที นัยน์ตาสีฟ้าครามเช่นเดียวกับเส้นผมนั่น ดูแตกตื่นและหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก มันเริ่มทำให้เขารู้สึกว่าไอจิกำลังกลัว แต่ว่าสิ่งใดกันล่ะที่ไอจิกำลังหวาดกลัวอยู่

     

    ถึงอย่างนั้น... ฉันก็ยังจะตามหานายก้าวเดินเข้าไปอีกหนึ่งก้าว แต่ระยะห่างที่ควรลดลงกลับเพิ่มมากขึ้นไปอีก เมื่ออีกฝ่ายเลือกเดินถอยหนีไปจากเขา พอได้เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบเช่นนี้กลับมา มันทำให้นึกขึ้นได้ว่าบางที สิ่งที่อีกฝ่ายกำลังหวาดกลัวอยู่นั่น อาจจะเป็นตัวเขาเอง...

     

    นาย... ไหนบอกว่าจะอยู่เคียงข้างฉันต่อให้ใจมันเผลอคิดไปเช่นนั้นแล้วก็ตาม ทว่าปากกลับเลือกที่จะเอ่ยทวงถึงสิ่งที่อีกฝ่ายเคยกล่าวกับเขา แล้วไม่รู้เป็นเพราะถ้อยคำของเขาที่ได้กล่าวบอกออกไปหรือเปล่า นัยน์ตาของอีกฝ่ายเบิกขึ้นกว้าง แววตาสั่นไหวราวกับพร้อมจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ ริมฝีปากบางสั่นเทา ราวกับต้องกล่าวบางสิ่งออกมาแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจปิดปากเงียบไปเช่นเดิมพร้อมทั้งหันหน้าหนีไปอีกทาง

     

    ราวกับถูกปฏิเสธ ใจเขามันตีความหมายออกมาได้เช่นนั้น แม้จะไม่มีถ้อยคำใดที่เอ่ยกล่าวออกมาให้เขาได้รับฟังชัดๆ แม้การแสดงออกจะไม่ได้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าตัวเองปฏิเสธ แต่แค่หลบสายตาไม่ยอมมองหน้าแค่นี้ เขาก็สามารถเข้าใจได้แล้ว

     

    โกหก... งั้นเหรอบังคับเสียงของตัวเองไม่ให้สั่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงอย่างนั้นเสียงที่กล่าวออกไปก็ยังฟังดูสั่นอยู่ดี นึกหงุดหงิดตัวเองที่เผลอแสดงความอ่อนแอออกไป

     

    ขอโทษ... ไม่สามารถทำมันได้แล้วล่ะ ผมขอโทษนะ ไคคุงอย่าเกลียดผมนะอยากจะย้อนบอกออกไป ว่าคนที่โดนเกลียดแล้วมันคือตัวเขาไม่ใช่หรืออย่างไร ทว่าพอได้ยินสิ่งที่ไอจิตะโกนร้องบอกออกมาด้วยใบหน้าแสนเศร้าแบบนั้นแล้ว เขาถึงได้เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงจะมีความจำเป็นอะไรบางอย่าง

     

    ไอจิ... นายเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ฉันไม่มีวันเกลียดนายหรอกนะนั่นคือความเป็นจริงจากใจเขาแล้วดูเหมือนไอจิจะเริ่มยิ้มออกหลังจากได้ยินคำพูดนี้ของเขา

     

    ถ้าอย่างนั้น...

     

    แต่ฉัน... คงจะเกลียดตัวเองไปจนวันตายแน่ถ้าหานายไม่พบต่อให้ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา ทว่าเขารู้สึกไม่อยากรับฟัง ไม่อยากได้ยินถึงได้กล่าวดักขึ้นมาแบบนี้พร้อมเอ่ยบอกถึงความตั้งใจจริงของเขา สายตาสบมองนัยน์ตาของอีกฝ่ายนิ่ง ขาที่หยุดก้าวเดินไปเริ่มออกเดินเข้าไปใกล้ทีละก้าว ทีละก้าว

     

    หนึ่งก้าวที่ก้าวเดินไป ระยะห่างเริ่มลดน้อยลง

     

    อีกหนึ่งก้าวที่ก้าวออกไป หากยื่นมือออกไปจนสุดมือก็จะคว้าอีกฝ่ายเอาไว้ได้

     

    และอีกหนึ่งก้าว... ระยะห่างระหว่างพวกเราไม่มีเหลืออยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นกลับรู้สึกเหมือนอยู่ห่างไกลกัน มือยื่นออกไปแต่ไม่กล้าสัมผัส เพราะหวาดกลัวว่าหากสัมผัสร่างตรงหน้าแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะแตกสลายจนไม่เหลือสิ่งเลยก็เป็นได้

     

    ไคคุง...เสียงเอ่ยเรียกชื่อของเขาแผ่วเบาและเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมาย จนเขาไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่ามันรู้สึกเช่นไรบ้าง ทว่ามีเพียงหนึ่งอารมณ์ความรู้สึกที่เขารับรู้มันได้อย่างชัดเจน

     

    ...หวาดกลัว...

     

    ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมนายถึงหายตัวไปแล้วกำลังสู้กับอะไรอยู่แต่... ครั้งนี้ล่ะ ครั้งนี้... ฉันจะเป็นคนช่วยนายเอง จะหาตัวนายให้พบแล้วช่วยนายออกมาให้ได้จะบอกว่าเป็นการตอบแทนก็น่าจะใช่ ทว่าใจเขากลับไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย รู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างมากกว่านั้น มือที่ยื่นออกไปยังคงค้างอยู่เช่นนั้น ทั้งที่อีกเพียงนิดเดียวก็จะเอื้อมไปถึง

     

    ทำไม... ถึงพยายามเพื่อผมขนาดนี้นั่นเป็นคำถามที่เขาเองก็ไม่สามารถเอ่ยตอบออกมาได้ในทันทีเช่นเดียวกัน ไคเพียงนิ่งเงียบ มองมือที่ยื่นออกไปแต่กลับไม่มีมือของอีกฝ่ายมายื่นจับมันเอาไว้ เปลือกตาปรือปิดลงมือที่ยื่นค้างอยู่เริ่มลดลงต่ำเรื่อยๆ

     

    เรื่องนั้นน่ะในเมื่อใช้สมองคิดแล้วไม่อาจหาคำตอบที่ต้องการพบ ก็จงหยุดใช้มันไปเสียแล้วเอ่ยคำถามนั้นถามหัวใจตัวเองดูเอง ไคพึ่งรู้ว่าการทำแบบนั้นมันหาคำตอบได้ไม่ยากเย็นอะไรเลย ง่ายกว่าที่คิดด้วยซ้ำ รอยยิ้มบางประดับขึ้นบนใบหน้าคม

     

    เอาไว้ได้พบกันเมื่อไร ฉันจะเป็นคนบอกนายเองมือที่ลดลงต่ำเปลี่ยนเป็นยื่นเข้าไปใกล้แล้วคว้ามือตรงหน้าเอาไว้แทน นาทีแรกที่เขาคว้ามืออีกฝ่ายเอาไว้ ดูเหมือนจะสร้างความตกใจให้ไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้สะบัดมือของเขาทิ้งไป นอกจากยืนนิ่งมองมือที่จับกันเอาไว้

     

    แล้วผม... จะรอนะครับสองมือจับกันเอาไว้มั่น สัมผัสอบอุ่นที่ไม่น่าจะรู้สึกถึงมันได้แต่กลับรับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน สายตาก็ได้แต่จ้องมองใบหน้าที่แย้มรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนมาให้ ราวกับต้องการเป็นกำลังใจให้แก่กันหรือเพื่อปลอบใจตัวเองอยู่ก็มิอาจล่วงรู้ ทว่ายามนี้เขาอยากจดจำรอยยิ้มนี้เอาไว้ อยากจดจำมันเอาไว้ถึงส่วนลึกของหัวใจ

     

    อืม รอฉันด้วยนะราวกับคำสัญญาระหว่างกันแต่เขาตัวและคนตรงน้า ต่างก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เพียงคำสัญญา แต่มันคือคำสาบานที่ต่อให้ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม เขาก็จะทำตามวาจาที่ได้ลั่นออกมาแล้วให้จงได้ ไอจิยังคงยิ้มอยู่เช่นนั้น ทว่าสัมผัสอบอุ่นที่มือเริ่มจางหายไปแล้ว เช่นเดียวกับสติของเขา

     

    ไอจิ...ภาพตรงหน้าเริ่มเลือนราง ชักเริ่มมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้ไม่ชัด ริมฝีปากเอ่ยเรียกนามของอีกฝ่ายไปเสียงแผ่วแต่ยังไม่ทันได้กล่าวพูดอะไรออกมามากกว่านั้น สัมผัสนุ่มหากแต่แฝงไปด้วยความโศกเศร้าแตะลงบนริมฝีปากแผ่วเบาราวกับขนนก

     

    แล้วในยามที่ทุกสิ่งกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ทุกสิ่งกลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาไม่ได้ยืนอยู่กลางทุ่งดอกไม้เหล่านั้นอีกต่อไป เบื้องหน้าเองก็ไม่มีคนที่ตามหาอยู่อีกแล้วเช่นกัน ถึงอย่างนั้นทั้งสัมผัสอันแสนเศร้าที่ริมฝีปาก ความอบอุ่นที่ฝ่ามือยังคงหลงเหลืออยู่แม้จะเบาบางมากก็ตาม

     

    ก่อนมารู้สึกตัวว่าในมือข้างนั้น มือข้างที่เขาใช้มันกุมมือของไอจิเอาไว้ ได้ถือการ์ดใบหนึ่งเอาไว้อยู่ ไคยกขึ้นมองการ์ดที่ถือเอาไว้อยู่ด้วยความแปลกใจว่ามันมาอยู่ในมือเขาตั้งแต่เมื่อไรกัน แต่เมื่อได้เห็นสิ่งที่ถืออยู่ในมือชัดเต็มสองตาแล้ว นัยน์ตาเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนรอยยิ้มจะแย้มออกมาอย่างเบาบาง

     

    ฉันขอสาบานต่อการ์ดใบนี้ ว่าจะหานายให้พบ แล้วจะเอ่ยบอกคำนั้นออกไปอย่างแน่นอน...

     

    บลาสเตอร์ เบลด

     

    มันคือสิ่งที่เชื่อมโยงพวกเขาเข้าเอาไว้ด้วยกัน เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับสายสัมพันธ์นี้ เช่นนั้นเขาจะขอกล่าวคำสาบานต่อมัน ว่าตัวเขาจะต้องหาอีกฝ่ายให้พบ แล้วเอ่ยบอกถ้อยคำหนึ่งออกไป ถ้อยคำที่ได้รับฟังมันมาจากเสียงของหัวใจเขาเอง 
     

    ...แล้วฉันจะเอ่ยบอกมันกับนายอย่างแน่นอน... 
     

    ...ว่าฉัน... 
     

    รักนาย

     

    …END…

     



     

    มุมน้ำชา (คุยเล่นนั่นแหละค่ะ แต่อยากแนวเลยใช้คำนี้)

    จบไปแล้วกับเรื่องสั้น! ขอบอกเลยค่ะว่าจะแต่งนานแล้วตั้งแต่ได้ฟัง ED13 แล้วรู้สึกใช่เลย! เพลงนี้แต่งขึ้นมาเพื่อสองคนนี้แน่นอน! เลยขอเอามาฟินจนได้กลายเป็นเรื่องสั้นเรื่องนี้ขึ้นมา (ถึงรู้สึกมันจะต่างจากที่วางพล็อตไว้ตอนแรกก็เถอะ)

    เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันค่ะ คาดว่าหลายคนคงสังเกตแล้วว่าบทความนี้เป็นเรื่องยาว ดูจากชื่อเรื่องแล้วมันไม่ใช่ของเรื่องสั้นนี้ด้วย มันก็หมายถึงได้อย่างเดียวค่ะ ของจริงยังไม่โผล่ยังไงล่ะค่ะ! เรื่องยาวที่กำลังวางพล็อตอย่างเมามันส์ (?) แต่ยังไม่ลงตัว (แต่ชื่อเรื่องได้แล้วเนี่ยน่ะ!) 

    กำหนดในการเอามาลง บอกได้คำเดียวค่ะ ดูจากเสียงตอบรับของเรื่องสั้นนี้ค่ะ ถ้ามีคนสนใจเยอะ ไม่ช้าก็เร็วจะนำมาลงให้อย่างแน่นอนค่ะ! ยังไงก็ฝากทุกท่านช่วยกันแสดงความคิดเห็นด้วยนะคะ เพื่อของแรงดลใจให้วางพล็อตให้จบสักทีเถอะ ฮ่าๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×