ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { got7 } nerd♡ - markbam.

    ลำดับตอนที่ #6 : ` o s ♡ - s u n d a y m o n d a y

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 59












    คำเตือน : ฟิคกากใดใดล้วนแล้ว อย่าคาดหวัง555555555555555555.
     














              ปลายดินสอไม้ถูกจรดลงบนกระดาษขาวแผนหนึ่งอย่างใช้ความคิด ก่อนที่มันจะถูกเรียบเรียงเป็นเนื้อร้องของเพลงๆหนึ่ง นิ้วเรียวหยิบดินสอแท่งเดิมขึ้นมาหมุนเมื่อรู้สึกคิดไม่ออก ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง คิ้วขมวดเข้าหากันจนแทบจะติดกัน



              “เอสเปรสโซร้อนหนึ่งแก้ว ได้แล้วครับ”



              เจ้าของกาแฟหันไปพยักหน้าพร้อมกับยิ้มขอบคุณให้กับพนักงานของร้าน ก่อนจะเหลือบมองไปยังหน้าปัดนาฬิกาบนผนังกำแพงสีขาวสะอาดภายในร้านกาแฟขนาดกลาง ที่บ่งบอกเวลาใกล้ 9 โมงเช้า



              3..


              2..


              1..



              ใบหน้าได้รูปหันมองไปยังด้านนอกของร้าน มองผู้คนที่ต่างเดินขวักไขว่ไปมาอย่างที่เห็นทุกๆวัน สายตาคู่คมมองตรงไปยังป้ายรถเมล์ภายฝั่งเดียวกับตัวร้าน ก่อนจะลอบยิ้มออกมาเมื่อเห็นใครบางคนรีบวิ่งมาที่ป้ายรถประจำทาง พร้อมกับหอบของมาซะมากมาย ทั้งกระเป๋าเอย ทั้งกระบอกใส่งานเอย ไหนจะการแต่งตัวที่ดูไม่ค่อยเรียบร้อยนั่นอีก..



              วันนี้ก็สายอีกแล้วสินะ



              แก้วกาแฟถูกยกขึ้นมาอยู่ระดับริมฝีปาก ก่อนที่มันจะถูกลิ้มรสและวางลงบนจานรองในเวลาต่อมา เอสเปรสโซ กาแฟที่ไร้น้ำตาล ใครต่อใครก็ว่ามันขม แต่ตอนนี้มันกลับรู้สึกหวาน.. จู่ๆมันก็เกิดหวานขึ้นมา ตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน



              เช้าของวันนั้นก็เหมือนกับทุกๆวัน ต่างออกไปตรงที่เขาได้ใช้เวลาสังเกตรอบข้างมากขึ้น และวันนั้น ก็เหมือนกับวันนี้ ภาพของใครบางคนที่รีบวิ่งมายังป้ายรถประจำทาง ใครบางคนที่ทำให้กาแฟรสขมกลับเปลี่ยนรสชาติไปทุกทีที่ได้ลิ้มลองรส



              ดวงตาทั้งสองข้างยังคงจับจ้องไปที่ร่างของคนด้านนอก ทุกอิริยาบถที่ทำเหมือนเดิมซ้ำๆทุกวัน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาที่เป็นคนมองรู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย ทั้งใบหน้าน่ารักที่ส่งยิ้มให้กับเด็กน้อยที่เดินผ่าน หรืออาจจะทำใบหน้าบึ้งตึงเมื่อแสงแดดยามเช้าส่องเข้าที่ตา และอิริยาบถอื่นๆที่ยิ่งมองยิ่งทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน มองจนเจ้าของร่างเล็กก้าวขึ้นรถประจำทางไป ตัวรถค่อยๆเคลื่อนที่ออกไปจนลับตา ดวงตาคู่คมจึงไปหันกลับมามองยังกระดาษแผ่นสีขาวอีกครั้ง



              ดินสอไม้ด้ามเดิมถูกหยิบขึ้นมาใช้อีกครั้ง ก่อนที่จะใช้เขียนเนื้อร้องกลายเป็นบทเพลงที่ไพเราะต่อไป เนื้อเพลงที่บ่งบอกถึงความรู้สึกถูกรียบเรียงออกมาอย่างไม่ติดขัด เจ้าของใบหน้าคมลอบยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว รอยยิ้มเล็กๆที่มักเกิดขึ้นทุกเช้าของวันจันทร์.. ทุกเช้าของทุกๆวัน ที่ได้แอบมองใครบางคน



              ใครบางคนที่เขาก็ไม่ยังรู้จักแม้แต่ชื่อ..



              ขายาวก้าวออกไปตามทางที่คุ้นเคยอย่างไม่เร่งรีบ ริมฝีปากฮัมตามเพลงที่ได้ฟังอย่างผ่อนคลาย ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเลี้ยวเข้าที่พักของตน



              ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นถุงกระดาษสีคุ้นตาถูกวางไว้หน้าห้อง ถุงกระดาษสีฟ้าอ่อนลายจุดสีขาวภายในใส่อาหารเช้าที่ทำง่ายๆมาให้ ถูกนำมาวางไว้หน้าห้องของเขาราวๆ 2 สัปดาห์ก่อน ยอมรับว่าช่วงแรกๆก็รู้สึกตกใจอยู่เหมือนกัน กลัวด้วยแหละ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอามาวางไว้ให้ จนเจ้าตัวเล็กลูกของคุณน้าห้องถัดไปบอกว่าเป็นของพี่ห้องตรงข้าม แต่พอถามว่าใครเจ้าเด็กตัวน้อยก็กลับยิ้มออกมาให้พร้อมกับส่ายหน้ารัวแล้ววิ่งเข้าห้องทันที



              แต่ถึงจะรู้ว่าคร่าวๆว่าเจ้าของคือใคร ก็ใช่ว่าเขาจะกล้ากินมันโดยทันทีซะหน่อย จนกระทั้งวันที่เพื่อนสนิทอย่างแจ็คสัน หวังหิวจัด เข้ามาเปิดถุงกระดาษและคว้าเอาของด้านในกินเข้าไป เจ้าตัวก็ได้แต่พูดพร่ำว่ามันอร่อยนัก อร่อยหนาจนเขาเริ่มจะวางใจขึ้นมา ก็กะอยู่หรอกนะว่าจะลองกินดู แต่ดูเหมือนจะช้าไปเพราะพอจะให้ไปลองชิม เจ้าเพื่อนตัวดีก็ยัดคำสุดท้ายเข้าปากไปอย่างหน้าตาเฉย แค่นั้นยังไม่พอ ยังอุตส่าห์หันมาเรอให้เขาฟัง จนเขาเองต้องรอลองชิมดูในวันรุ่งขึ้น จะว่าไป.. เขาก็ยังไม่รู้เลย ว่าห้องตรงข้ามของเขาคือใครกัน รู้แค่ว่าย้ายเข้ามาในช่วงที่เขาต้องไปทำธุระไม่ได้กลับมาที่ห้องกว่า 3 วัน



              เจ้าของห้องก้มลงไปหยิบเจ้าถุงกระดาษขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะเดินเข้าห้องไป ถุงกระดาษสีสวยถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ที่ขั้นระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่นอย่างเบา ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปเก็บเอกสารเนื้อเพลงต่างๆพร้อมด้วยกีต้าร์โปร่งคู่ใจในห้องนอน



              สำหรับวันนี้อาหารมื้อแรกของวันที่ถัดจากกาแฟรสโปรด ก็เป็นแซนวิชแฮมและทูน่า ไม่รอช้าเจ้าแซนวิชก็ถูกลิ้มรสโดยทันที มือหนาหยิบกล่องใส่แซนวิชออกมา ก่อนจะก้มลงมองด้านในถุง ปากที่ยังคงคาบแซนวิชอยู่ฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย เมื่อพบกับโพสอิทสีหวาน ที่มักถูกส่งมาให้เขาหลังจากที่เขานำมันไปติดไว้ที่ประตูของห้องตรงข้าม..



              ทานให้อร่อยนะครับ
    J แต่ต้องขอโทษด้วยที่วันนี้ทำได้แค่นี้ T___T เพราะเมื่อวานของที่จะซื้อดันไม่มีซะได้ *งอแง*




              ได้แต่ยิ้มให้กับข้อความสั้นๆ ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันสักครั้ง ก็ไม่เห็นจะต้องใส่ใจอะไรขนาดนั้น โพสอิทสีหวานที่ไม่รู้ว่ามันแผ่นที่เท่าไหร่ถูกติดไว้ที่ตู้เย็นขนาดปานกลาง ก่อนที่ตัวคนติดจะยิ้มให้กับมันอีกครั้งราวกับมันมีชีวิต
























              หนังสือเล่มบางถูกหยิบขึ้นมาจากชั้น ก่อนที่ตัวคนหยิบเองจะเปิดมันขึ้นมามองไปมาแบบไม่ใส่นัก ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเรือนสวยก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่ามันเลยเวลาที่กำหนดมาเกือบ 10 นาที ได้แต่โทษตัวเองที่ดันลืมโปรเจคสำคัญไว้บนห้องเรียนชั้น 6 ลำบากต้องวิ่งขึ้นไปหยิบเพื่อมาส่งให้ทันเวลา อาจารย์ก็ดันหาตัวยากจนเขาแทบอยากจะร้องไห้มันซะดื้อๆ



              ดวงตาคู่ใสเหม่อมองออกไปด้านนอกร้านอย่างเบื่อหน่าย ทุกวันเขาต้องรีบวิ่งขึ้นรถเพื่อตรงมายังร้านหนังสือแห่งนี้ ต้องเลือกหนังสือขึ้นมา เปิดดูแบบผ่านๆ และนับเวลาถอยหลัง เพื่อที่จะรอแอบมองคุณนักดนตรี คุณนักดนตรีมีสะพายกระเป๋ากีต้าร์ไว้ด้านหลัง คุณนักดนตรีที่ชอบใส่หมวกตลอดเวลา คุณนักดนตรีที่มีใบหน้าที่โดดเด่น สามารถดึงดูดให้มองได้ไม่รู้จักเบื่อ



              หื้อ.. ? นั่นมันคุณนักดนตรีหนิ



              ใบหน้าหวานลอบยิ้มออกมาอย่างดีใจเล็กๆ ทั้งที่เลยเวลาปกติไปแล้วแต่กลับเห็นอีกฝ่ายเดินมาหยุดที่ฝั่งตรงข้ามของร้าน พร้อมกับกีต้าร์คู่ใจและหมวกอีกใบ ใบหน้าคมของอีกฝ่ายขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ในขณะที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่ เจ้าตัวคอยชะเง้อมองรถสลับกับนาฬิกาแทบจะตลอดเวลา



              ทุกๆการกระทำถูกมองไว้ตลอด แม้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงไปแล้วก็ตาม แต่ใบหน้าก็ยังคงความหงุดหงิดอยู่ นาฬิกาข้อมือแทบจะถูกยกขึ้นมาดูตลอดเวลา ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เบะปากออกมาเล็กน้อยแล้วพึมพำออกมาราวกับเด็ก เห็นแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้



              รถแท็กซี่ถูกจอดลงบริเวณหน้าคนโบก ก่อนจะขับหายลับไปแทบจะทันที ริมฝีปากคู่สวยยิ้มให้กับตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปเก็บหนังสือเข้าที่ เดินผ่านพี่คนดูแลร้านก็ได้แต่ยิ้มไปให้เขา ก็เล่นมาทำแบบนี้ตลอด จนพี่เขาจำหน้าได้แล้วหนิ ไม่ว่าจะเป็นตอนเย็นของวันอาทิตย์ที่เป็นวันว่าง หรือของทุกๆวัน ตามเวลาเดิม ก็มักจะพบเขาที่นี่ตลอด



              คนตัวเล็กก้าวออกไปตามทางอย่างไม่เร่งรีบ ใบหน้าน่ารักที่คล้ายกับเด็กมักจะดึงดูดผู้คน หรือบางครั้งเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแม่เหล็กคนละขั้วกับเด็กน้อยทั้งหลายที่มักมองมาทางเขาพร้อมกับส่งยิ้มให้ เขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงได้แต่ส่งยิ้มกลับไปให้เด็กๆเหล่านั้น























              ก๊อก ก๊อก




              เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทำเอาสมาชิกภายในห้องมองหน้ากันด้วยความสงสัย เจ้าของห้องได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะนี่มันก็เป็นเวลาก่อนจะเช้าวันใหม่ในอีกไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ แล้วใครกันที่มาเคาะเอาตอนนี้



              เจ้าของห้องลุกไปเปิดประตูออก ก่อนจะพบกับคุณคนห้องตรงข้าม ที่ยืนรออยู่ก่อน อีกฝ่ายมองหน้าเขาเล็กๆก่อนจะยิ้มออกมา แล้วยื่นกล่องเค้กขนาดไม่ใหญ่มากมาให้



              “แทนคำขอบคุณสำหรับอาหารเช้าแล้วกัน” ตัวคนรับได้แต่ยิ้มกลับไปให้อีกฝ่าย โดนไม่ลืมพูดขอบคุณ สายตาคู่คมมองเข้าไปด้านในห้องอย่างถือวิสาสะ พบกับสมาชิกภายในห้องร่วมอีกสามชีวิตที่นั่งเล่นเกมส์กันอย่างสนุกสนาน



              “เสียงมันรบกวนมั้ยฮะ ถ้างั้นเดี๋ยวผมบอกให้เพื่อนเบาเสียงลงก็ได้นะ” อีกฝ่ายส่ายหน้าตอบรับกลับมาเบาๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนที่เจ้าตัวจะขอตัวกลับเข้าห้องไป คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาในห้องก่อนจะเดินเอากล่องเค้กไปเก็บในตู้เย็นและเดินกลับมานั่งเล่นเกมส์ต่อ



              “คนเมื่อกี้ใครว่ะ จูเนียร์



              “เค้กนั่นกินได้มั้ยอ่ะ



              “พี่ชายห้องตรงข้ามหน่ะ แล้วก็เสียใจด้วย เพราะเค้กนั่นไม่ใช่ของนาย”














              ช้อนกาแฟคนตัวกาแฟในแก้วไปเรื่อยๆ สายตามองไปยังด้านนอกก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา เมื่อรับรู้ว่าเข็มสั้นชี้เข้าที่เลข 9 ร่างของใครบางคนก็มาปรากฏต่อสายตา ใครบางคนที่ทำให้เขายิ้มออกทุกครั้งที่ได้มอง ทุกๆวันจะต้องมาคอยมองอยู่ตลอด วันไหนที่ไม่ได้เห็นจะรู้สึกคิดถึง.. อย่างไม่มีสาเหตุ ดวงตาคู่คมมองไปยังอีกฝ่าย รูปร่างที่ดูเล็กทันทีเมื่อเทียบกับตัวของเขาเอง จะว่าไป.. คนที่อยู่ห้องตรงกันข้ามก็ตัวเล็กเหมือนกันหนิ แต่ก็ดูตัวสูงกว่าคนที่ยืนอยู่ที่ป้ายรถประจำทางนั่นแหละ หืมม ! จริงสิ เขายังไม่ได้ถามชื่อคนที่อยู่ห้องตรงข้ามหนิ ลืมจนได้สินะ













              5..


              4..


              3..


              2..


              “แฮร่
    !



              “เหวออ ~”



              คนตัวเล็กส่งเสียงตกใจออกมาหลังจากที่โดนเพื่อนร่วมสถาบันเข้ามาแกล้ง คนโดนแกล้งหันไปคาดโทษอีกฝ่ายที่ยืนขำเขาได้อย่างน่าหมันไส้ ก่อนที่จะหยิบหนังสือขึ้นไปตีที่แขนของเพื่อนอย่างไม่แรงนัก แต่อีกฝ่ายที่โดนตีกลับทำหน้าตาเหมือนจะเป็นจะตายจนเขาอดไม่ได้ที่จะบ่นเพื่อนออกไป ก็แหม.. เขากำลังนับเวลาถอยหลังเพื่อนที่จะได้เจอ(?)คุณนักดนตรีหนิ แถมนับถึงสองแล้วด้วย.. สองหรอ
    !!




              เจ้าของใบหน้าน่ารักเลิกสนใจเพื่อนข้างกายโดยทันที ดวงตาคู่ใสมองตรงไปยังภายนอกร้าน เห็นคุณนักดนตรีเพียงชั่วครู่ทำนั้น เพราะไม่นานเจ้าตัวก็ขึ้นรถไปซะแล้ว สุดท้ายจึงได้แต่หันไปมองค้อน เพื่อนร่างสูงที่เล่นไม่ดูเวลา



              “เออ แบม.. จูเนียร์บอกว่าสัปดาห์นี้ต้องไปออกกองกับคณะกะทันหัน นายต้องอยู่ห้องคนเดียวนะ”



              ได้ฟังแบบนั้นก็อยากจะเบะปากร้องไห้ออกมา ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยต้องอยู่คนเดียวนานขนาดนี้เลยนะ ทุกๆวันจะต้องมีเพื่อนร่วมห้องมาคอยปลุกเขายามเช้าตลอด แล้วจากนี้เขาจะตื่นไปเรียนทันมั้ยหล่ะ
    TvT ทุกวันนี้ก็แทบจะไปไม่ทันเช็คชื่อแล้วนะ
























              นี่มันพึ่งผ่านไปสามวันเอง สามวันที่ผ่านมาเขานี่ตาลีตาเหลือกทุกเช้าจนบางวันนี่ไม่ได้เก็บที่นอนกันเลยทีเดียว ไหนจะบางคืนก็แทบจะไม่ได้นอน โชคยังดีที่วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ที่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาตื่นสายขึ้นมาได้เล็กน้อย



              กล่องอาหารถูกบรรจุใส่ถุงกระดาษสีฟ้าอ่อนอย่างตั้งใจ โดยที่ไม่ลืมแปะโพสอิทไว้ด้วย ประโยคข้อความสั้นๆที่เขาตั้งใจจะเขียนไปให้ เหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้เป็นช่วงเวลา แปดโมงกว่า ช่วงเวลาที่พี่ชายห้องตรงข้าม.. หรือคุณนักดนตรีมักจะไม่อยู่ห้อง จูเนียร์มักจะเดินสวนกับคุณนักดนตรีบ่อยครั้งในช่วงเวลานี้ และนั่นคงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งละมั้งที่ชอบทำให้เขาไปสาย ก็อยากจะเอากล่องข้าวไปวางไว้ให้เองมากกว่านี่หน่า .
    ______. แล้วเป็นยังไงหล่ะ ถึงป้ายรถประจำทางตอน 9 โมงตลอดนั่นแหละ











              เสียงครางอื้ออึงในลำคอดังขึ้นจากคนที่นอนอยู่บนโซฟา มือหนาควานหาโทรศัพท์คู่ใจจนเจอก่อนที่จะกดดูเวลา ทันทีที่เห็นเวลาต่อจากนั้นร่างกายกูดูเหมือนจะติดสปริงขึ้นมาโดยทันที กลัวจะไม่ทัน 9 โมง เมื่อคืนไม่น่าไปดื่มต่อจนเกือบสว่างเลย ให้ตายเถอะ



              เสียงน้ำไหลกระทบกับพื้นดูสั้นลงกว่าทุกครั้ง ชุดที่ใส่ก็ดูเหมือนจะเลือกแบบส่งๆ แค่การหยิบตัวไหนได้ก็ใส่เลยเท่านั้นแหละ โชคยังดีที่ก่อนหยิบเขายังมองมันผ่านๆ อย่างน้อยมันก็ยังพอเข้ากันได้ เหลือบไปมองนาฬิกาอีกทีก็เริ่มเข้าช่วงเวลาแปดโมงกว่า เจ้าของห้องรีบใส่รองเท้าทันทีก่อนจะเปิดประตูออกไป และดูเหมือนประตูห้องตรงข้ามก็เปิดในเวลาใกล้เคียงกันด้วย..



              ดวงตาคู่กลมโตขึ้นทันทีที่เห็นเจ้าของห้องฝั่งตรงข้ามเปิดประตูมาในเวลาที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่อยู่ มือเล็กถูกไขว้ไปด้านหลังเพื่อซ้อนถุงกระดาษทันที่สบตากับฝ่ายตรงข้าม



              คนตัวสูงกว่ามองบุคคลตรงข้ามห้องอีกคนที่ไม่ใช่คนเดิม แต่กลับเป็นคนที่ชอบวิ่งไปที่ป้ายรถประจำทางตอนช่วงเวลา 9 โมง คนที่หอบของมากมายดูไม่เข้ากับขนาดตัว คนที่แต่งตัวไม่ค่อยจะเรียบร้อยที่วันนี้อยู่ในชุดลำลอง



              น่ารัก..



              ดวงตาคู่คมมองไปยังด้านหลังของคนฝั่งตรงข้าม ถุงกระดาษสีฟ้าที่เขาได้มันมาทุกๆวัน พร้อมกับโพสอิทน่ารักๆ คนถูกมองก็ดูเหมือนจะรู้ตัวถึงได้ก้มหน้าจนคางแทบชิดอกและพยายามซ่อนถุงกระดาษให้มิดชิดที่สุด ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่ทันก็ตาม



              “มาร์ค”



              นั่นคือเสียงเดียวของเขาที่มันหลุดออกไป แถมกว่าจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป ก็ได้สายตาสงสัยมาจากคนตัวเล็กตรงหน้ามาไม่น้อย ถึงได้อธิบายว่านั่นคือชื่อของตนเอง คนตัวเล็กกว่าก็ทำตาลอกแลกไปมาราวกับหาจุดที่จะมองไม่ได้ ใบหน้าน่ารักขึ้นสีเล็กน้อย ก็อุตส่าห์แอบมาตั้งนาน จู่ๆพอเปิดประตูมาก็เจอคุณนักดนตรีโดยทันที.. หัวใจชักจะเต้นแรงเกินไปแล้ว



              “อ่า.. แบมแบมฮะ แล้วก็นี่อาหารเช้าครับ ทานให้อร่อยนะฮะ”



              อีกฝ่ายพูดเร็วจนตัวเขาแทบฟังไม่รู้เรื่อง ทั้งยังรีบยื่นอาหารเช้ามาให้อีก แล้วก็รีบพาตัวเองกลับเข้าห้องไป ปล่อยให้ตัวเขาเองยืนสงสัย แต่ก็สงสัยได้ไม่นาน รอยยิ้มเล็กๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันที



              เสียงเคาะประตูดังขึ้นไม่นาน เจ้าของห้องที่โดนเคาะก็ค่อยๆแง้มประตูออกเล็กน้อย ลอบมองอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ ..รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
    ;_____;




              “ไหนๆก็ทำมาให้ทุกเช้าแบบนี้แล้ว รบกวนอีกเรื่องได้มั้ย..


































































              ช่วยมานั่งกินพร้อมกันทุกเช้าต่อจากนี้ได้มั้
















              t h e   e n d.
                กรี้ดกร้าดดดด เรื่องยาวไม่อัพ อยากแต่งเรื่องสั้น เป็นอันว่าโอเค ก้ากกกกกกกกกกกกกกก ~ แต่เรื่องนี้ละเหมือนตัวละครจิเป็นใบ้ อุคริอุคริ -...- ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจกันหรือปล่าว แต่เอามาขั้นเวลา.. ขั้นเวลาการขี้เกียจ -[]- ก็ได้แต่หวังว่าจิชอบกันน้อวว ;^; เดี๋ยวเรื่องยาวจะพยายามแต่งนะ ตอนนี้ในหัวโล่งเฟร้อออ ♥ รอกันนะตัวเธอ งื้อออ ~ 
                ไม่บอกหรอกว่าอยากได้คอมเม้นท์ ไม่บอกแน่แน่ -..- กรี้ดดดดดด ! ไม่มีทางบอกแน่แน่ ก้ากกก ~












    ❥ o s - g o o d b y e s u m m e r .
    เรื่องเล่าของ พนักงานเสิร์ฟกับพี่ชายร้านหนังสือ
     




     
     

     
     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×