คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ❥littlekid 。 – 01.2
( cr. IG @oattrt )
รู้ไหมว่าเธอเป็นคนน่ารักดี มีใครมาด้วยหรือปล่าว ?
วันนี้ผมเจอเขาตั้งแต่เช้า สงสัยวันนี้..
‘นายพุ่มโพธิงาม’ ผมที่กำลังเตรียมตัวออกจากห้องเนื่องจากเป็นเวลาพักระหว่างคาบหยุดการก้าวเท้าแล้วหันหลังกลับไปหามิสมินธิราพร้อมกับขานตอบด้วยน้ำเสียงที่ดังในระดับหนึ่ง
ใครที่มีพี่อยู่โรงเรียนเดียวกับเราน่าจะเข้าใจเหตุการณ์นี้นะครับ
จะถูกจำนามสกุลได้ก่อนชื่อ และมักจะโดนเรียกใช้เป็นประจำ..
‘ช่วยเอาเอกสารพวกนี้ไปให้หัวหน้าห้องสามทีสิ’ ทันทีที่ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะที่มีเอกสารต่างๆวางอยู่มากมาย
มิสมินธิราก็ได้หยิบเอกสารที่หนาระดับหนึ่งขึ้นมาแล้วยื่นมันให้ผม
‘ครับ แค่นี้ใช่มั้ยครับ’ ผมถามออกไปด้วยเสียงที่ดูยานจนมิสถึงกับเหลือบตาขึ้นมองอย่างจิกกัดเล็กน้อย
แน่นอนว่าผมก็ทำเป็นมองไม่เห็นแล้วขอตัวลาออกมาเลยทันทีที่แกโบกมือไล่ผม
หลังจากที่ผมเดินมาถึงประตูก็พบว่าเพื่อนของผมมันหายสาบสูญไปเกือบหมด
เหลือไว้เพียงอู๋ที่ยังยืนรอผมอยู่
มันส่งสายตามาถามประมาณว่ามิสมินธิราเรียกผมทำไม
ผมจึงชูเอกสารในมือก่อนจะบอกมันไปโดยไม่ลืมเบะปากในตอนท้ายหลังจบประโยค
อู๋เดินมาเป็นเพื่อนผมจนถึงหน้าห้องสาม ประตูไม้ด้านหลังถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น
ภายในห้องเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนแถมหัวหน้าห้องก็ไม่อยู่ ที่เหลืออยู่ก็ดูจะไม่ว่างรับเอกสารจากผมเท่าไหร่(พวกมันเล่นไม้กวาดอยู่หลังห้องกัน)
ผมรีบสอดส่องสายตาจนไปเจอกับใครคนหนึ่งที่กอดอกตัวเองหลับตาพริ้มหลังพิงเก้าอี้พร้อมกับหูฟังที่เสียบอยู่ที่หูตัวเองทั้งสองข้างราวกับต้องการจะตัดขาดจากโลกภายนอก
ผมเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างตัวของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รับรู้ถึงการมาของผมเท่าไหร่
เพราะดูจากท่าทางสบายแบบนั้นแล้ว.. ทำยังไงดีหละผมอยากออกไปจากห้องนี้ให้เร็วๆนะ
แต่ผมไม่อยากละสายตาไปจากเขาเลย ขนาดตอนหลับตา แค่ผมได้มองดูเขาใกล้ๆก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างหยุดลง
แม้ว่าความจริงมันจะยังคงดำเนินต่อไปก็ตาม
‘นาย..’ สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเรียกเขาขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ซึ่งบางทีผมคงลืมไปว่าหูทั้งสองข้างของเขามันไม่มีที่ว่างพอให้เสียงของผมเข้าไปได้
ผมเอื้อมมือไปสะกิดที่ไหล่ของเขาเบาๆ โชคดีหน่อยที่เขาดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว
เปลือกตาสีมุกค่อยๆเปิดออก ดวงตาใสของเขามองตรงมายังผม
ทันทีที่ผมมองเข้าไปในดวงตาของเขาที่มีภาพของผมสะท้อนอยู่ก็เหมือนถูกดึงลงหลุมขนาดใหญ่ไป
คราวนี้เวลารอบตัวของของผมดูเหมือนจะหยุดลงจริงๆซะแล้วหละ ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากของผม
ไม่มีคำถามใดหลุดออกจากปากของเขา
ปึก..
!!?
ดูเหมือนว่าการที่ผมยืนเหม่อจะไม่เป็นผลดีกับตัวเองเท่าไหร่
เมื่อแรงกระแทกจากด้านหลังทำให้ผมเสียการทรงตัว
ผมรีบวางเอกสารลงบนโต๊ะเรียนของเขาทันที
อย่างน้อยถ้าหน้าผมฟาดพื้นจะได้รีบกลับห้องไปโดยไม่ต้องมาเก็บเอกสารที่มันจะปลิวไปรอบห้อง
โอเค.. นั่นเป็นพียงภายในความคิดของผมเพราะความจริงผมสามารถตั้งหลกได้ทะ—
ปึกก..
!!!!?
ดูเหมือนว่าฟ้าจะเข้าข้างผมไม่นานเท่าไหร่เมื่อผมโดนชนอีกรอบ และดูเหมือนว่าขาของผมที่ยังไม่ทันได้ทรงตัวดีมันจะพันกันจนผมที่คิดว่าใช้มือยันโต๊ะไว้มันจะอยู่
ผมคิดพลาดเมื่อโต๊ะมันเลื่อนไปตามแรงดันจากตัวผม ..ทีนี้ได้หน้าคว่ำจริงๆแน่กู
ผมหลับตาแน่นไม่กล้ามองภาพพื้นที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่แล้ว..
‘เป็นอะไรหรือปล่าว ?’
เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นข้างใบหูของผม ลมร้อนที่รดลงบริเวณแก้มทำให้ผมพอจะนึกภาพออกเลยว่าใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ผมแค่ไหน
เขาคว้าตัวของผมไว้ได้ทัน เขาคว้าตัวของผมเข้าหาตัวของเขา ผม..นั่งอยู่บนตักของเขา
หัวใจเต้นแรงจากความกลัวตรงหน้าดูเหมือนจะเต้นแรงขึ้นเมื่อผมประมวนผลเสร็จ
‘พวกมึงเล่นระวังกันหน่อยดิ โดนเพื่อนคนอื่นแล้วเนี่ย’
เขาหันไปพูดกับคนที่ชนผมเมื่อกี้ในขณะที่ผมยังนั่งตัวเกร็งปล่อยให้เขากอดเอวของผมไว้แน่น
‘ขอโทษที มึงโอเคนะ โอ๊ต..? ใช่ชื่อนี้ปะวะ’ คนที่ชนผมพูดขอโทษกลับมาพร้อมกับพูดชื่อเจาะจงว่าประโยคนั้นถูกส่งมาให้ผมจริงๆ
ถึงแม้เจ้าตัวจะดูไม่มั่นใจว่าเรียกถูกหรือไม่ก็ตาม
ผมพยักหน้ารับคำขอโทษรวมถึงบอกเป็นนัยว่านั่นคือชื่อของผม
.
“โอ๊ต !” ผมสะดุ้งเพราะเสียงเรียกจากเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน หันกลับไปมองจึงได้รู้ว่ากายมายืนอยู่ข้างผม เหมือนที่ผมเคยยืนอยู่ข้างเขาในครั้งแรกที่เราเจอกัน.. แต่ดูเหมือนเขาจะจำไม่ได้ ; ( “เหม่อไปไหนหละ แดกข้าวเร็ว เที่ยงแล้ว” ผมพยักหน้าตอบรับ กายจึงบอกว่าจะออกไปรอนอกห้องกับเพื่อนที่เหลือ
ใช้เวลาลงจากตึกไม่นาน ระหว่างทางเดินไปโรงอาหารพวกเราก็เจอกับกลุ่มของแบงค์(ที่สนิทกับกายมากกกก)
กลุ่มเพื่อนของแบงค์ที่มีเขาอยู่ แต่แปลกที่ตอนนี้ไร้วี่แววของเขา
พวกเราคุยกันไปเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงโรงอาหารผมก็ยังไม่เห็นเขา อ่า.. ถ้าผมจำไม่ผิด
เขาเรียนที่ตึกสามสินะ.. ผมเห็นจากตารางเรียนหน้าห้องของเขาหรอกนา
อย่ามองแบบนั้นกันสิถึงแม้ว่าผมจะแอบถ่ายตารางนั่นไว้แล้วก็ตาม -3-
“เดี๋ยวเรามานะ” ผมพูดพร้อมกับก้าวตรงไปยังตึกสามที่ตั้งเด่นในโรงเรียน
ก้าวขึ้นบันไดไปจนถึงห้องเรียนรวม(ที่มิสอรดียึดเป็นห้องของตัวเอง- -)
มองเข้าไปภายในห้องทุกอย่างดูโล่งมากถึงแม้จะดูไม่เป็นระเบียบเหมือนก่อนใช้งาน
สายตาพลันไปเห็นกับกลุ่มผมสีดำสนิทที่แนบชิดกับโต๊ะเรียน ผมก้าวเท้าเข้าไปอย่างช้าๆกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาซะก่อน
เส้นผมสีดำขลับตัวกับผิวขาวสะอาดของเขา ดวงตากลมโตใต้เปลือกตาสีมุกนั่นดูเหมือนจะดูดกลืนทุกอย่างเพียงแค่ปรายตามอง จมูกโด่งรั้นที่แสดงออกถึงความขี้เล่นและเอาแค่ใจ ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอออกเล็กน้อยไม่ได้ทำให้เจ้าของดูน่าเกลียดขึ้นเลย ตรงกันข้ามภาพนั้นกลับดึงสติที่เคยมีครบถ้วนออกไป เหมือนยิ่งมองนานแค่ไหน สติที่พามาด้วยก็จะยิ่งถูกริดรอนไป
เหมือนจมดิ่งอยู่ในมนต์สะกด
“เอ่อ.. คือ”
❥littlekid 。
ผมมองดูความสะอาดภายในห้องเรียนก่อนจะคิดเองเออเองว่ามันสะอาดมากพอแล้วจึงตกลงกับเพื่อนว่าควรกลับบ้านแยกย้ายกันซะทีปิดแอร์ ปิดไฟพากันดูให้แน่ใจอีกทีว่าไม่มีอะไรผิดพลาด จึงเริ่มเดินลงมา
“เห่ย เดี๋ยวพวกกูไปชมรมละ กลับดีๆนะมึง” ผมพยักหน้าตอบรับก่อนที่จะเดินออกจากโรงเรียนเพื่อไปบีทีเอส
ใช้เวลาเดินไปสักพักก็รู้สึกว่าเริ่มเย็นแล้ว
ที่บ้านก็ไปทำธุระกันน่าจะกลับดึกคงไม่มีอะไรกิน ผมเลยกะว่าจะแวะหาอะไรกินแถวเซ็นทรัลเวิลด์ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน
อีกอย่างผมต้องเปลี่ยนขบวนรถที่สยามอยู่แล้วเลยคิดว่าลงสยามแล้วเดินต่อไปก็น่าจะดีอยู่
อืม.. แล้วจะกินอะไรดีหละ ค่อยคิดอีกทีก็แล้วกันเนอะ
พอขบวนรถเข้ามาจอดผมจึงก้าวขึ้นไปหลังจากที่ผู้โดยสารคนอื่นนอกจากขบวนรถ
โบกี้นี้คนดูเยอะกว่าที่คาดไว้ผมจึงเลือกเดินไปที่โบกี้ถัดไป ผมก็พอจะเข้าใจว่าตอนนี้มันเวลาเลิกเรียน
ซึ่งการที่จะพบเจอกับเด็กในโรงเรียนบนรถไฟฟ้านี่ก็ไม่แปลกนักหรอก
แต่คนเป็นพันคนที่ผมเจอกลับเป็นเขา เขาเพียงคนเดียว..
เขาดูเหม่อเหมือนตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
เพราะดูจากการสีหน้าของเขาแล้วเหมือนกำลังวิตกอะไรบางอย่าง จนไม่รู้ว่าผมยืนอยู่ไม่ไกลจากเขานัก
“เจอกันอีกแล้วเนอะ” ผมใช้ความคิดอยู่ว่าควรจะทักเขายังไงดี
แต่ดูเหมือนปากของผมมันจะไวกว่าความคิดของผมซะแล้วสิ แบบนี้ไม่ดีเลยนะ ก็ถ้าเกิดผมเผลอหลุดความลับของผมออกไปหละ..
เขาสะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ “อะ.. อือ”
“นี่กำลังจะกลับบ้านหรอ ไปทางเดียวกันเลยแฮะ”
ผมเสมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจที่ดูจะเต้นเร็วขึ้น
ผมไม่กล้าหันไปหรอกนะถ้าเขายังไม่ละสายตาจากผมแบบนี้ ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก
ไม่กล้ามอง ไม่กล้าสบตาทั้งสองข้างนั้น ดวงตาคู่ที่ทำให้ผมเหมือนต้องมนต์ เขาครางตอบผมด้วยน้ำเสียงอื้ออึงในลำคอ
“เดี๋ยวสถานีต่อไปเราก็ลงแล้วน—”
“ท–ทำไมลงหละ ?” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ เขาก็โพล่งถามขึ้นมา
“หาอะไรกินหนะ ไปด้วยกันป่าว ?” ผมตอบกลับเขาไปแถมด้วยการชวนเขาไปหาอะไรกินพร้อมกัน จนลืมคิดไปว่าบางทีเขาอาจจะต้องรีบกลับบ้าน
.
ทำยังไงดีหละผมรู้สึกทำตัวไม่ถูกเลย ผมไม่คิดด้วยว่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผม
สายตาที่เขามองมามันกำลังทำให้ผมรู้สึกร้อนนะ เขาไม่ควรมองผมแบบนี้สิ ก็.. ก็
ก็บางทีผมก็อยากจะหันไปมองเขาบ้างหนิ ซีดีจะหมดชั้นแล้วนะ
โคร่กก...
ดูเหมือนว่าท้องผมจะร้องขึ้นมาเล็กน้อยซะแล้วสิ ผมคงไม่ต้องหยิบอัลบั้มนู้นอัลบั้มนี้มาแล้วยกขึ้นถามเขาเพื่อมองเขาแล้วหละ
แต่ว่า เขาจะได้ยินเสียงท้องร้องของผมไหมนะ ทำยังไงดีหละ หวังว่าเขาจะไม่ได้ยินนะ
แล้วถ้าเกิดเขาได้ยินหละ มันจะต้องเป็นความประทับใจที่ไม่ดีแน่เลย อ่าาา
ผมควรทำยังไงดี ฮื้อออออ ~
จริงสิ.. ผมควรรีบพาเขาไปจากตรงนี้สิ ถ้าเกิดท้องผมเกิดร้องดังอีกครั้งจะทำยังไงกัน
“ท้องร้องแล้วอะ
ไปหาอะไรกินกันเหอะ” เอ้า..
แล้วผมจะไปบอกเขาว่าท้องผมร้องทำไม ? ทำไมทำไมทำไม
ผมส่งยิ้มให้เขาเพราะเห็นเขาทำหน้าตามึนๆอยู่
ก่อนที่จะรีบพาดึเขาออกจากบีทูเอสแล้วรีบไปหาอะไรกิน
ที่มันกำลังสั่นครืนครืนนี่เกิดจากท้องร้องหรือใจผมมันสั่นกันแน่นะ
ตึกตึก
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก
อาจจะเป็นเพราะทันทีที่เรามาถึงที่นี่ เราก็ตรงไปบีทูเอสเลย ไม่ได้ตัดสินใจกันก่อนว่าจะกินอะไร เราเดินวนจนจบที่หน้าร้านไก่ทอดชั้น 6 ผมนั่งรอคิวที่เก้าอี้ ส่วนเขาก็ยืนอยู่ข้างผม เพราะเก้าอี้มันเต็ม ตอนแรกผมก็จะให้เขานั่งนั่นแหละ เพราะยังไงผมก็เป็นคนชวนมา ไม่อยากให้เขายืนนาน
อีกอย่าง.. ถ้าเขานั่ง ผมก็จะได้มองเขาได้ถนัดด้วย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมแสดงอาการว่ารู้สึกหิวออกมามากเกินไปหรืออะไร เขาถึงได้หยิบขนมจากในกระเป๋าของเขาออกมาให้ผม
เขาอ้างว่าเป็นเพราะผมดูหิว(จริงๆก็หิวนี่แหละ) แต่ผมก็ปฏิเสธไปเพราะความเกรงใจ
ก็มันเป็นขนมของเขาหนิ เขาอาจเก็บไว้กินเผื่อหิวก็ได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังพยายามให้ผมกินมันเข้าไปให้ได้
สุดท้ายผมก็เลยบอกเขาไปว่าให้แบ่งกัน ก็ยังดีกว่าผมกินของเขาหมดคนเดียวนั่นแหละนะ
ระหว่างที่ผมกำลังกินขนมในส่วนของผมอยู่ สัมผัสเบาๆที่เกิดขึ้นบนศีรษะก็ทำให้ผมสะดุ้ง
ใจเต้นเป็นจังหวะที่ถี่มากกว่าเดิม พร้อมๆกับที่เขาชักมือของเขาออกไป
ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ดลใจให้ผมพูดประโยคบางประโยคออกมา
อาจเป็นเพราะสีหน้าของเขาตอนที่ผมเหลือบมองหลังจากที่เขาชักมือกลับ อาจเป็นเพราะผมกลัวว่าเขาจะคิดมากว่าผมรู้สึกไม่ดี
“เราแค่ตกใจเฉยๆ ไม่มีอะไร แต่ถ้ามินอยากลูบเราก็ไม่ว่าหรอกนะ..” หรือบางที่มันอาจไม่มีเหตุผล
มันอาจเป็นความรู้สึกของผมจริงๆ “เราชอบ..”
ยังไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไรออกมา พนักงานก็เรียกคิวของเราแล้ว
ก่อนหน้านี้เขารับออเดอร์จากพวกเราไปก่อนแล้ว พอเข้ามานั่งของที่สั่งไปก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่ละอย่างสองอย่าง
จนครบทุกเมนู
ผมกับเขานั่งตรงข้ามกัน ต่างคนต่างรู้สึกมือไม่อยู่นิ่ง
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ มองอะไรอยู่
เพราะตอนนี้ผมรู้สึกไม่กล้าสบตากับเขาเลย ต้องเป็นเพราะประโยคบ้าๆนั่นแน่เลย
ตั้งสติสิธาราธร ตั้งสติสิ
“ระ–เราเริ่มกินกันเถอะเนอะ”
ผมพูดขึ้นเมื่อทั้งผมและเขาต่างไม่มีใครขยับหรือเริ่มลงมือกิน ผมเอื้อมมือของตัวเองออกไปอย่างช้าๆ
ภาพแขนของผมที่มันสั่นตั้งแต่จับช้อนนั่น มันน่าอายจริงๆนะ
ผมกำลังรู้สึกว่าร่างกายไม่ใช่ของตัวเองเลย ผมควบคุมมันไม่ได้
สุดท้ายมื้ออาหารก็ผ่านไปได้ด้วยดี(ตามความคิดของผม- -) ระหว่างกินผมก็เหลือบมองเขาเป็นระยะ
มีบ้างที่แอบปะเข้ากับสายตาของเขา อ่า.. ต้องเป็นเพราะว่าผมมองเขาบ่อยจนเขารู้สึกตัวแน่เลย
“จะสามทุ่มแล้วหนิ โอ๊ตกลับยังไงอะ”
“เราว่าคงกลับแท็กซี่แหละ ตอนนี้รถคงไม่ติดแล้ว”
ผมหันไปตอบเขาในระหว่างที่เราทั้งสองกำลังเดินไปที่ทางออกของห้าง “แล้วมินหละ”
“เดี๋ยวเรากลับบีทีเอส” ผมพยักหน้ารับคำตอบจากเขา ก่อนที่จะโบกมือลาเขาเมื่อเรามาถึงหน้าห้างแล้ว
เพราะเดี๋ยวเขาคงจะแยกไปที่ทางเชื่อม
“อ่าว.. ยังไม่ไปหรอ ?” แต่แล้วผมก็คิดผิดเมื่อเขาไม่ได้โบกมือกลับมา
และไม่ได้แยกไปที่ชั้นที่มีทางเชื่อม เขายังคงยืนอยู่ข้างๆกับผม
มองตรงไปยังเบื้องหน้า รถต่างก็วิ่งไปมา
อาจจะมีติดบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถือว่ารถติดเลยซะทีเดียว
“เรารอเป็นเพื่อนแล้วกัน”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ เราอยู่ได้ เนี่ยเดี๋ยวรถก็มาแล้ว มินไปก่อนเลยก็ได้”
“ให้เราอยู่เป็นเพื่อนนั่นแหละ ดีแล้ว”
เขาหันมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มประจำตัวเองเขา ดวงตาของเขาก็เกือบจะเป็นรูปสระอิ
พร้อมกับสัมผัสเบาบางแต่อบอุ่นที่บริเวณศีรษะของผมอีกครั้งหนึ่ง “นะ : )”
“อะ—อืออ” ผมรีบหันกลับไปมองที่ถนนทันที ไม่กล้ามองไปยังเขาอีกแล้ว
ถ้าหากผมยังมองเขาต่อ มีหวังวันนี้ผมคงกลับไม่ถึงบ้านตัวเองแน่
สติของผมมันกำลังหายไปช้าๆ..
.
“โอ๊ต.. แท็กซี่ว่างผ่านไปสองคันแล้วนะ”
?
“หือ ? จริงปะเนี่ย” ผมหันไปมองเขาทันที ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้สึกตัว
เหมือนกำลังนอนหลับทั้งที่ลืมตา เขาพยักหน้าตอบคำถามที่ผมถาม
ไม่วายที่จะแซวผมเมื่อแท็กซี่คันที่ว่างคันที่สามวิ่งขับผ่านไปต่อหน้าต่อตา
“เหม่อแบบนี้ ให้เราไปด้วยแล้วกัน” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบกลับอะไรไป
เขาก็จัดการโบกแท็กซี่ที่ขับผ่านมาพร้อมกับคว้าตัวของผมแล้วดันเข้าไปด้านใน
ก่อนที่เขาจะตามขึ้นมาพร้อมกับปิดประตู
ส่งสายตามาให้ผมเป็นเชิงว่าให้บอกปลายทางกับคุณลุงคนขับ
โชคดีนะที่คุณลุงคนขับเขาไม่ใช่ประเภทเลือกสถานที่ไป เหมือนบางคัน เอ้..
ผมเผลอแซะใครไปหรือปล่าวนะ J
เสียงเพลงคลอเบาๆพร้อมกับอากาศที่เย็นมันเริ่มทำให้ผมง่วง
แต่ถ้าผมหลับแล้วใครจะบอกทางหละ อีกอย่าง.. ใครบางคนที่บอกจะมาด้วยกันกับผมก็ดูเหมือนจะสลบไปแล้ว
แรงกดทับเบาๆที่ไหล่ซ้ายของผม ลมหายใจที่สม่ำเสมอของเขายิ่งทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น
ผมก้มลงไปมองใบหน้าของเขา ใบหน้าที่คล้ายกับครั้งแรกที่ผมเจอเขา
ทุกส่วนบนใบหน้ามันดูลงตัวไปหมด ไม่ว่าจะมองกี่ทีก็ทำให้ละสายตาไม่ได้
เขาขยับตัวเองเล็กน้อยเผื่อให้นอนสบายมากขึ้น
พร้อมกับเสียงหัวใจของผมที่เต้นแรงมากกว่าทุกครั้ง
“มิน ตื่น ถึงบ้านเราแล้ว” ผมเขย่าที่ตัวเขา
ข้อดีของเขาคงจะเป็นที่การตื่นง่ายนั่นแหละนะ เขาค่อยๆลืมตามองซ้ายมองขวาราวกับเด็กก่อนที่จะบอกให้ผมเข้าบ้านไป
แล้วเดี๋ยวเขาจะให้คุณลุงคนขับไปส่งที่สถานีรถไฟ พร้อมกับบอกว่าค่าโดยสารเดี๋ยวค่อยไปคุยกันวันอื่น
เมื่อเห็นผมหยิบกระเป๋าใส่เงินออกมา
“โอ๊ต.. คือเรา.. เรา..”
ผมที่กำลังจะเปิดรั้วบ้านหันกลับมามองเจ้าของเสียงที่ลงจากรถแท็กซี่มายืนไม่ไกลจากผมนัก “เรา.. ขอละ— โอ่ย ช่างมันเถอะ ฝันดีนะ”
“มิน”
“?”
“เอาโทรศัพท์มาสิ” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วปลดล็อคให้ผมแบบมึนๆ ผมกดใส่ข้อมูลไม่นานก่อนที่จะส่งมันคืนให้เขา
“ถึงบ้านแล้วบอกเราด้วยนะ จะโทรมาหรือไลน์ก็ได้”
“ห่ะ.. อะ อืมม” เขารับโทรศัพท์คืนพร้อมกับมองไปทางอื่นโดยรอบ
ก่อนที่จะมองมาที่ผมแล้วยิ้มออกมา
เขาบอกให้ผมเข้าบ้านไปอีกครั้งก่อนที่ตัวเองจะขึ้นแท็กซี่ไปเมื่อเห็นว่าผมอยู่ในขอบเขตของรั้วบ้าน
ผมพาตัวเองขึ้นมาถึงห้องนอน โยนกระเป๋าและทิ้งตัวเองลงบนเตียง ใบหน้าของเขาตอนที่ผมแอบมองใกล้ๆยังคงติดตาอยู่
รวมถึงหัวใจของผมที่ยังเต้นแรงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาขยับตัว.. ตอนที่ปลายจมูกของเขามันเฉียดเข้ากับปลายจมูกของผม
อ่า.. ทำยังไงดีหละ หัวใจของผมมันเต้นไม่หยุดแล้วนะทีนี้
— TBC —
ความคิดเห็น