ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ❥littlekid 。 – minoat ☁

    ลำดับตอนที่ #3 : ❥littlekid 。 – 01.2

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 58







    ( cr. IG @oattrt )
     
     
     
     
     
    littlekid  – 01.2

    รู้ไหมว่าเธอเป็นคนน่ารักดี มีใครมาด้วยหรือปล่าว ?
    วันนี้ผมเจอเขาตั้งแต่เช้า 
    สงสัยวันนี้..
     จะต้องเป็นวันที่ดีแน่ๆเลยแฮะ : ) — oat




              ‘นายพุ่มโพธิงาม’ ผมที่กำลังเตรียมตัวออกจากห้องเนื่องจากเป็นเวลาพักระหว่างคาบหยุดการก้าวเท้าแล้วหันหลังกลับไปหามิสมินธิราพร้อมกับขานตอบด้วยน้ำเสียงที่ดังในระดับหนึ่ง




              ใครที่มีพี่อยู่โรงเรียนเดียวกับเราน่าจะเข้าใจเหตุการณ์นี้นะครับ จะถูกจำนามสกุลได้ก่อนชื่อ และมักจะโดนเรียกใช้เป็นประจำ..




              ‘ช่วยเอาเอกสารพวกนี้ไปให้หัวหน้าห้องสามทีสิ’ ทันทีที่ผมหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะที่มีเอกสารต่างๆวางอยู่มากมาย มิสมินธิราก็ได้หยิบเอกสารที่หนาระดับหนึ่งขึ้นมาแล้วยื่นมันให้ผม 




              ‘ครับ แค่นี้ใช่มั้ยครับ’ ผมถามออกไปด้วยเสียงที่ดูยานจนมิสถึงกับเหลือบตาขึ้นมองอย่างจิกกัดเล็กน้อย แน่นอนว่าผมก็ทำเป็นมองไม่เห็นแล้วขอตัวลาออกมาเลยทันทีที่แกโบกมือไล่ผม




              หลังจากที่ผมเดินมาถึงประตูก็พบว่าเพื่อนของผมมันหายสาบสูญไปเกือบหมด เหลือไว้เพียงอู๋ที่ยังยืนรอผมอยู่ มันส่งสายตามาถามประมาณว่ามิสมินธิราเรียกผมทำไม ผมจึงชูเอกสารในมือก่อนจะบอกมันไปโดยไม่ลืมเบะปากในตอนท้ายหลังจบประโยค 




              อู๋เดินมาเป็นเพื่อนผมจนถึงหน้าห้องสาม ประตูไม้ด้านหลังถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้น ภายในห้องเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนแถมหัวหน้าห้องก็ไม่อยู่ ที่เหลืออยู่ก็ดูจะไม่ว่างรับเอกสารจากผมเท่าไหร่(พวกมันเล่นไม้กวาดอยู่หลังห้องกัน) ผมรีบสอดส่องสายตาจนไปเจอกับใครคนหนึ่งที่กอดอกตัวเองหลับตาพริ้มหลังพิงเก้าอี้พร้อมกับหูฟังที่เสียบอยู่ที่หูตัวเองทั้งสองข้างราวกับต้องการจะตัดขาดจากโลกภายนอก 




              ผมเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างตัวของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รับรู้ถึงการมาของผมเท่าไหร่ เพราะดูจากท่าทางสบายแบบนั้นแล้ว.. ทำยังไงดีหละผมอยากออกไปจากห้องนี้ให้เร็วๆนะ แต่ผมไม่อยากละสายตาไปจากเขาเลย ขนาดตอนหลับตา แค่ผมได้มองดูเขาใกล้ๆก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างหยุดลง แม้ว่าความจริงมันจะยังคงดำเนินต่อไปก็ตาม




              ‘นาย..’ สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเรียกเขาขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ซึ่งบางทีผมคงลืมไปว่าหูทั้งสองข้างของเขามันไม่มีที่ว่างพอให้เสียงของผมเข้าไปได้ ผมเอื้อมมือไปสะกิดที่ไหล่ของเขาเบาๆ โชคดีหน่อยที่เขาดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัว




              เปลือกตาสีมุกค่อยๆเปิดออก ดวงตาใสของเขามองตรงมายังผม ทันทีที่ผมมองเข้าไปในดวงตาของเขาที่มีภาพของผมสะท้อนอยู่ก็เหมือนถูกดึงลงหลุมขนาดใหญ่ไป คราวนี้เวลารอบตัวของของผมดูเหมือนจะหยุดลงจริงๆซะแล้วหละ ไม่มีคำพูดใดหลุดจากปากของผม ไม่มีคำถามใดหลุดออกจากปากของเขา 




              ปึก..


              !!?




              ดูเหมือนว่าการที่ผมยืนเหม่อจะไม่เป็นผลดีกับตัวเองเท่าไหร่ เมื่อแรงกระแทกจากด้านหลังทำให้ผมเสียการทรงตัว ผมรีบวางเอกสารลงบนโต๊ะเรียนของเขาทันที อย่างน้อยถ้าหน้าผมฟาดพื้นจะได้รีบกลับห้องไปโดยไม่ต้องมาเก็บเอกสารที่มันจะปลิวไปรอบห้อง โอเค.. นั่นเป็นพียงภายในความคิดของผมเพราะความจริงผมสามารถตั้งหลกได้ทะ—




              ปึกก..


              !!!!?




              ดูเหมือนว่าฟ้าจะเข้าข้างผมไม่นานเท่าไหร่เมื่อผมโดนชนอีกรอบ และดูเหมือนว่าขาของผมที่ยังไม่ทันได้ทรงตัวดีมันจะพันกันจนผมที่คิดว่าใช้มือยันโต๊ะไว้มันจะอยู่ ผมคิดพลาดเมื่อโต๊ะมันเลื่อนไปตามแรงดันจากตัวผม ..ทีนี้ได้หน้าคว่ำจริงๆแน่กู




              ผมหลับตาแน่นไม่กล้ามองภาพพื้นที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่แล้ว.. ‘เป็นอะไรหรือปล่าว ?’  เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นข้างใบหูของผม ลมร้อนที่รดลงบริเวณแก้มทำให้ผมพอจะนึกภาพออกเลยว่าใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ผมแค่ไหน เขาคว้าตัวของผมไว้ได้ทัน เขาคว้าตัวของผมเข้าหาตัวของเขา ผม..นั่งอยู่บนตักของเขา หัวใจเต้นแรงจากความกลัวตรงหน้าดูเหมือนจะเต้นแรงขึ้นเมื่อผมประมวนผลเสร็จ 




              ‘พวกมึงเล่นระวังกันหน่อยดิ โดนเพื่อนคนอื่นแล้วเนี่ย’ เขาหันไปพูดกับคนที่ชนผมเมื่อกี้ในขณะที่ผมยังนั่งตัวเกร็งปล่อยให้เขากอดเอวของผมไว้แน่น 




              ‘ขอโทษที มึงโอเคนะ โอ๊ต..? ใช่ชื่อนี้ปะวะ’ คนที่ชนผมพูดขอโทษกลับมาพร้อมกับพูดชื่อเจาะจงว่าประโยคนั้นถูกส่งมาให้ผมจริงๆ ถึงแม้เจ้าตัวจะดูไม่มั่นใจว่าเรียกถูกหรือไม่ก็ตาม ผมพยักหน้ารับคำขอโทษรวมถึงบอกเป็นนัยว่านั่นคือชื่อของผม





              .


              “โอ๊ต !”  ผมสะดุ้งเพราะเสียงเรียกจากเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกัน หันกลับไปมองจึงได้รู้ว่ากายมายืนอยู่ข้างผม เหมือนที่ผมเคยยืนอยู่ข้างเขาในครั้งแรกที่เราเจอกัน.. แต่ดูเหมือนเขาจะจำไม่ได้ ; ( “เหม่อไปไหนหละ แดกข้าวเร็ว เที่ยงแล้ว” ผมพยักหน้าตอบรับ กายจึงบอกว่าจะออกไปรอนอกห้องกับเพื่อนที่เหลือ




              ใช้เวลาลงจากตึกไม่นาน ระหว่างทางเดินไปโรงอาหารพวกเราก็เจอกับกลุ่มของแบงค์(ที่สนิทกับกายมากกกก) กลุ่มเพื่อนของแบงค์ที่มีเขาอยู่ แต่แปลกที่ตอนนี้ไร้วี่แววของเขา พวกเราคุยกันไปเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงโรงอาหารผมก็ยังไม่เห็นเขา อ่า.. ถ้าผมจำไม่ผิด เขาเรียนที่ตึกสามสินะ.. ผมเห็นจากตารางเรียนหน้าห้องของเขาหรอกนา อย่ามองแบบนั้นกันสิถึงแม้ว่าผมจะแอบถ่ายตารางนั่นไว้แล้วก็ตาม -3- 




              “เดี๋ยวเรามานะ” ผมพูดพร้อมกับก้าวตรงไปยังตึกสามที่ตั้งเด่นในโรงเรียน ก้าวขึ้นบันไดไปจนถึงห้องเรียนรวม(ที่มิสอรดียึดเป็นห้องของตัวเอง- -) 




              มองเข้าไปภายในห้องทุกอย่างดูโล่งมากถึงแม้จะดูไม่เป็นระเบียบเหมือนก่อนใช้งาน สายตาพลันไปเห็นกับกลุ่มผมสีดำสนิทที่แนบชิดกับโต๊ะเรียน  ผมก้าวเท้าเข้าไปอย่างช้าๆกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาซะก่อน 




              เส้นผมสีดำขลับตัวกับผิวขาวสะอาดของเขา ดวงตากลมโตใต้เปลือกตาสีมุกนั่นดูเหมือนจะดูดกลืนทุกอย่างเพียงแค่ปรายตามอง จมูกโด่งรั้นที่แสดงออกถึงความขี้เล่นและเอาแค่ใจ ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอออกเล็กน้อยไม่ได้ทำให้เจ้าของดูน่าเกลียดขึ้นเลย ตรงกันข้ามภาพนั้นกลับดึงสติที่เคยมีครบถ้วนออกไป เหมือนยิ่งมองนานแค่ไหน สติที่พามาด้วยก็จะยิ่งถูกริดรอนไป 




              เหมือนจมดิ่งอยู่ในมนต์สะกด




              “เอ่อ.. คือ”






















    littlekid 

















              ผมมองดูความสะอาดภายในห้องเรียนก่อนจะคิดเองเออเองว่ามันสะอาดมากพอแล้วจึงตกลงกับเพื่อนว่าควรกลับบ้านแยกย้ายกันซะทีปิดแอร์ ปิดไฟพากันดูให้แน่ใจอีกทีว่าไม่มีอะไรผิดพลาด จึงเริ่มเดินลงมา




              “เห่ย เดี๋ยวพวกกูไปชมรมละ กลับดีๆนะมึง” ผมพยักหน้าตอบรับก่อนที่จะเดินออกจากโรงเรียนเพื่อไปบีทีเอส ใช้เวลาเดินไปสักพักก็รู้สึกว่าเริ่มเย็นแล้ว ที่บ้านก็ไปทำธุระกันน่าจะกลับดึกคงไม่มีอะไรกิน  ผมเลยกะว่าจะแวะหาอะไรกินแถวเซ็นทรัลเวิลด์ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน อีกอย่างผมต้องเปลี่ยนขบวนรถที่สยามอยู่แล้วเลยคิดว่าลงสยามแล้วเดินต่อไปก็น่าจะดีอยู่ อืม.. แล้วจะกินอะไรดีหละ ค่อยคิดอีกทีก็แล้วกันเนอะ




              พอขบวนรถเข้ามาจอดผมจึงก้าวขึ้นไปหลังจากที่ผู้โดยสารคนอื่นนอกจากขบวนรถ โบกี้นี้คนดูเยอะกว่าที่คาดไว้ผมจึงเลือกเดินไปที่โบกี้ถัดไป ผมก็พอจะเข้าใจว่าตอนนี้มันเวลาเลิกเรียน ซึ่งการที่จะพบเจอกับเด็กในโรงเรียนบนรถไฟฟ้านี่ก็ไม่แปลกนักหรอก แต่คนเป็นพันคนที่ผมเจอกลับเป็นเขา เขาเพียงคนเดียว..




              เขาดูเหม่อเหมือนตกอยู่ในความคิดของตัวเอง เพราะดูจากการสีหน้าของเขาแล้วเหมือนกำลังวิตกอะไรบางอย่าง จนไม่รู้ว่าผมยืนอยู่ไม่ไกลจากเขานัก “เจอกันอีกแล้วเนอะ” ผมใช้ความคิดอยู่ว่าควรจะทักเขายังไงดี แต่ดูเหมือนปากของผมมันจะไวกว่าความคิดของผมซะแล้วสิ แบบนี้ไม่ดีเลยนะ ก็ถ้าเกิดผมเผลอหลุดความลับของผมออกไปหละ..




              เขาสะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ “อะ.. อือ”




              “นี่กำลังจะกลับบ้านหรอ ไปทางเดียวกันเลยแฮะ” ผมเสมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจที่ดูจะเต้นเร็วขึ้น ผมไม่กล้าหันไปหรอกนะถ้าเขายังไม่ละสายตาจากผมแบบนี้ ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก ไม่กล้ามอง ไม่กล้าสบตาทั้งสองข้างนั้น ดวงตาคู่ที่ทำให้ผมเหมือนต้องมนต์ เขาครางตอบผมด้วยน้ำเสียงอื้ออึงในลำคอ “เดี๋ยวสถานีต่อไปเราก็ลงแล้วน—”




              “ท–ทำไมลงหละ ?” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ เขาก็โพล่งถามขึ้นมา




              “หาอะไรกินหนะ ไปด้วยกันป่าว ?” ผมตอบกลับเขาไปแถมด้วยการชวนเขาไปหาอะไรกินพร้อมกัน จนลืมคิดไปว่าบางทีเขาอาจจะต้องรีบกลับบ้าน 







              .


              ทำยังไงดีหละผมรู้สึกทำตัวไม่ถูกเลย ผมไม่คิดด้วยว่าจะมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผม สายตาที่เขามองมามันกำลังทำให้ผมรู้สึกร้อนนะ เขาไม่ควรมองผมแบบนี้สิ ก็.. ก็ ก็บางทีผมก็อยากจะหันไปมองเขาบ้างหนิ ซีดีจะหมดชั้นแล้วนะ 




              โคร่กก...




              ดูเหมือนว่าท้องผมจะร้องขึ้นมาเล็กน้อยซะแล้วสิ ผมคงไม่ต้องหยิบอัลบั้มนู้นอัลบั้มนี้มาแล้วยกขึ้นถามเขาเพื่อมองเขาแล้วหละ แต่ว่า เขาจะได้ยินเสียงท้องร้องของผมไหมนะ ทำยังไงดีหละ หวังว่าเขาจะไม่ได้ยินนะ แล้วถ้าเกิดเขาได้ยินหละ มันจะต้องเป็นความประทับใจที่ไม่ดีแน่เลย อ่าาา ผมควรทำยังไงดี ฮื้อออออ ~ 




              จริงสิ.. ผมควรรีบพาเขาไปจากตรงนี้สิ ถ้าเกิดท้องผมเกิดร้องดังอีกครั้งจะทำยังไงกัน
    “ท้องร้องแล้วอะ ไปหาอะไรกินกันเหอะ” เอ้า.. แล้วผมจะไปบอกเขาว่าท้องผมร้องทำไม ? ทำไมทำไมทำไม ผมส่งยิ้มให้เขาเพราะเห็นเขาทำหน้าตามึนๆอยู่ ก่อนที่จะรีบพาดึเขาออกจากบีทูเอสแล้วรีบไปหาอะไรกิน




              ที่มันกำลังสั่นครืนครืนนี่เกิดจากท้องร้องหรือใจผมมันสั่นกันแน่นะ




              ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก




































              อาจจะเป็นเพราะทันทีที่เรามาถึงที่นี่ เราก็ตรงไปบีทูเอสเลย ไม่ได้ตัดสินใจกันก่อนว่าจะกินอะไร เราเดินวนจนจบที่หน้าร้านไก่ทอดชั้น 6 ผมนั่งรอคิวที่เก้าอี้ ส่วนเขาก็ยืนอยู่ข้างผม เพราะเก้าอี้มันเต็ม ตอนแรกผมก็จะให้เขานั่งนั่นแหละ เพราะยังไงผมก็เป็นคนชวนมา ไม่อยากให้เขายืนนาน 




              อีกอย่าง.. ถ้าเขานั่ง ผมก็จะได้มองเขาได้ถนัดด้วย




              ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมแสดงอาการว่ารู้สึกหิวออกมามากเกินไปหรืออะไร เขาถึงได้หยิบขนมจากในกระเป๋าของเขาออกมาให้ผม เขาอ้างว่าเป็นเพราะผมดูหิว(จริงๆก็หิวนี่แหละ) แต่ผมก็ปฏิเสธไปเพราะความเกรงใจ ก็มันเป็นขนมของเขาหนิ เขาอาจเก็บไว้กินเผื่อหิวก็ได้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังพยายามให้ผมกินมันเข้าไปให้ได้ สุดท้ายผมก็เลยบอกเขาไปว่าให้แบ่งกัน ก็ยังดีกว่าผมกินของเขาหมดคนเดียวนั่นแหละนะ




              ระหว่างที่ผมกำลังกินขนมในส่วนของผมอยู่ สัมผัสเบาๆที่เกิดขึ้นบนศีรษะก็ทำให้ผมสะดุ้ง ใจเต้นเป็นจังหวะที่ถี่มากกว่าเดิม พร้อมๆกับที่เขาชักมือของเขาออกไป 




              ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ดลใจให้ผมพูดประโยคบางประโยคออกมา อาจเป็นเพราะสีหน้าของเขาตอนที่ผมเหลือบมองหลังจากที่เขาชักมือกลับ อาจเป็นเพราะผมกลัวว่าเขาจะคิดมากว่าผมรู้สึกไม่ดี “เราแค่ตกใจเฉยๆ ไม่มีอะไร แต่ถ้ามินอยากลูบเราก็ไม่ว่าหรอกนะ..” หรือบางที่มันอาจไม่มีเหตุผล มันอาจเป็นความรู้สึกของผมจริงๆ “เราชอบ..” 




              ยังไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไรออกมา พนักงานก็เรียกคิวของเราแล้ว ก่อนหน้านี้เขารับออเดอร์จากพวกเราไปก่อนแล้ว พอเข้ามานั่งของที่สั่งไปก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่ละอย่างสองอย่าง จนครบทุกเมนู




              ผมกับเขานั่งตรงข้ามกัน ต่างคนต่างรู้สึกมือไม่อยู่นิ่ง ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ มองอะไรอยู่ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกไม่กล้าสบตากับเขาเลย ต้องเป็นเพราะประโยคบ้าๆนั่นแน่เลย ตั้งสติสิธาราธร ตั้งสติสิ




              “ระ–เราเริ่มกินกันเถอะเนอะ” ผมพูดขึ้นเมื่อทั้งผมและเขาต่างไม่มีใครขยับหรือเริ่มลงมือกิน ผมเอื้อมมือของตัวเองออกไปอย่างช้าๆ ภาพแขนของผมที่มันสั่นตั้งแต่จับช้อนนั่น มันน่าอายจริงๆนะ ผมกำลังรู้สึกว่าร่างกายไม่ใช่ของตัวเองเลย ผมควบคุมมันไม่ได้




              สุดท้ายมื้ออาหารก็ผ่านไปได้ด้วยดี(ตามความคิดของผม- -) ระหว่างกินผมก็เหลือบมองเขาเป็นระยะ มีบ้างที่แอบปะเข้ากับสายตาของเขา อ่า.. ต้องเป็นเพราะว่าผมมองเขาบ่อยจนเขารู้สึกตัวแน่เลย




              “จะสามทุ่มแล้วหนิ โอ๊ตกลับยังไงอะ” 




              “เราว่าคงกลับแท็กซี่แหละ ตอนนี้รถคงไม่ติดแล้ว” ผมหันไปตอบเขาในระหว่างที่เราทั้งสองกำลังเดินไปที่ทางออกของห้าง “แล้วมินหละ”




              “เดี๋ยวเรากลับบีทีเอส” ผมพยักหน้ารับคำตอบจากเขา ก่อนที่จะโบกมือลาเขาเมื่อเรามาถึงหน้าห้างแล้ว เพราะเดี๋ยวเขาคงจะแยกไปที่ทางเชื่อม 




              “อ่าว.. ยังไม่ไปหรอ ?” แต่แล้วผมก็คิดผิดเมื่อเขาไม่ได้โบกมือกลับมา และไม่ได้แยกไปที่ชั้นที่มีทางเชื่อม เขายังคงยืนอยู่ข้างๆกับผม มองตรงไปยังเบื้องหน้า รถต่างก็วิ่งไปมา อาจจะมีติดบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถือว่ารถติดเลยซะทีเดียว 




              “เรารอเป็นเพื่อนแล้วกัน” 




              “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ เราอยู่ได้ เนี่ยเดี๋ยวรถก็มาแล้ว มินไปก่อนเลยก็ได้”




              “ให้เราอยู่เป็นเพื่อนนั่นแหละ ดีแล้ว” เขาหันมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มประจำตัวเองเขา ดวงตาของเขาก็เกือบจะเป็นรูปสระอิ พร้อมกับสัมผัสเบาบางแต่อบอุ่นที่บริเวณศีรษะของผมอีกครั้งหนึ่ง “นะ
    : )




              “อะ—อืออ” ผมรีบหันกลับไปมองที่ถนนทันที ไม่กล้ามองไปยังเขาอีกแล้ว ถ้าหากผมยังมองเขาต่อ มีหวังวันนี้ผมคงกลับไม่ถึงบ้านตัวเองแน่ สติของผมมันกำลังหายไปช้าๆ..




              .


              “โอ๊ต.. แท็กซี่ว่างผ่านไปสองคันแล้วนะ”




              ?




              “หือ ? จริงปะเนี่ย” ผมหันไปมองเขาทันที ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้สึกตัว เหมือนกำลังนอนหลับทั้งที่ลืมตา เขาพยักหน้าตอบคำถามที่ผมถาม ไม่วายที่จะแซวผมเมื่อแท็กซี่คันที่ว่างคันที่สามวิ่งขับผ่านไปต่อหน้าต่อตา




              “เหม่อแบบนี้ ให้เราไปด้วยแล้วกัน” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบกลับอะไรไป เขาก็จัดการโบกแท็กซี่ที่ขับผ่านมาพร้อมกับคว้าตัวของผมแล้วดันเข้าไปด้านใน ก่อนที่เขาจะตามขึ้นมาพร้อมกับปิดประตู ส่งสายตามาให้ผมเป็นเชิงว่าให้บอกปลายทางกับคุณลุงคนขับ




              โชคดีนะที่คุณลุงคนขับเขาไม่ใช่ประเภทเลือกสถานที่ไป เหมือนบางคัน เอ้.. ผมเผลอแซะใครไปหรือปล่าวนะ J




              เสียงเพลงคลอเบาๆพร้อมกับอากาศที่เย็นมันเริ่มทำให้ผมง่วง แต่ถ้าผมหลับแล้วใครจะบอกทางหละ อีกอย่าง.. ใครบางคนที่บอกจะมาด้วยกันกับผมก็ดูเหมือนจะสลบไปแล้ว 




              แรงกดทับเบาๆที่ไหล่ซ้ายของผม ลมหายใจที่สม่ำเสมอของเขายิ่งทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น ผมก้มลงไปมองใบหน้าของเขา ใบหน้าที่คล้ายกับครั้งแรกที่ผมเจอเขา ทุกส่วนบนใบหน้ามันดูลงตัวไปหมด ไม่ว่าจะมองกี่ทีก็ทำให้ละสายตาไม่ได้ เขาขยับตัวเองเล็กน้อยเผื่อให้นอนสบายมากขึ้น พร้อมกับเสียงหัวใจของผมที่เต้นแรงมากกว่าทุกครั้ง 




              “มิน ตื่น ถึงบ้านเราแล้ว” ผมเขย่าที่ตัวเขา ข้อดีของเขาคงจะเป็นที่การตื่นง่ายนั่นแหละนะ เขาค่อยๆลืมตามองซ้ายมองขวาราวกับเด็กก่อนที่จะบอกให้ผมเข้าบ้านไป แล้วเดี๋ยวเขาจะให้คุณลุงคนขับไปส่งที่สถานีรถไฟ พร้อมกับบอกว่าค่าโดยสารเดี๋ยวค่อยไปคุยกันวันอื่น เมื่อเห็นผมหยิบกระเป๋าใส่เงินออกมา




              “โอ๊ต.. คือเรา.. เรา..” ผมที่กำลังจะเปิดรั้วบ้านหันกลับมามองเจ้าของเสียงที่ลงจากรถแท็กซี่มายืนไม่ไกลจากผมนัก “เรา.. ขอละ— โอ่ย ช่างมันเถอะ ฝันดีนะ”




              “มิน”




              “?”




              “เอาโทรศัพท์มาสิ” ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วปลดล็อคให้ผมแบบมึนๆ ผมกดใส่ข้อมูลไม่นานก่อนที่จะส่งมันคืนให้เขา “ถึงบ้านแล้วบอกเราด้วยนะ จะโทรมาหรือไลน์ก็ได้”




              “ห่ะ.. อะ อืมม” เขารับโทรศัพท์คืนพร้อมกับมองไปทางอื่นโดยรอบ ก่อนที่จะมองมาที่ผมแล้วยิ้มออกมา เขาบอกให้ผมเข้าบ้านไปอีกครั้งก่อนที่ตัวเองจะขึ้นแท็กซี่ไปเมื่อเห็นว่าผมอยู่ในขอบเขตของรั้วบ้าน




              ผมพาตัวเองขึ้นมาถึงห้องนอน โยนกระเป๋าและทิ้งตัวเองลงบนเตียง ใบหน้าของเขาตอนที่ผมแอบมองใกล้ๆยังคงติดตาอยู่ รวมถึงหัวใจของผมที่ยังเต้นแรงเมื่อนึกถึงตอนที่เขาขยับตัว.. ตอนที่ปลายจมูกของเขามันเฉียดเข้ากับปลายจมูกของผม




              อ่า.. ทำยังไงดีหละ หัวใจของผมมันเต้นไม่หยุดแล้วนะทีนี้




































     

    — TBC —

    วนไปวนมาแบบนี้งงกันมั้ย ไม่หรอกเน้าะ ฮิฮ้าาา ~
    นี่เรียกอินเนอร์แรงมาก จากคลิปน้องมินเลย ต อ แ ห – ตัลล้าคค55555555555
    ครบร้อยละนะ ต้องคอมเม้นท์ละนะ อิ้อิ้ ♥
    ขอโทษที่ทำให้รอนานนะเฮิ้ฟ ม๊วฟแรงพันที X3







     

     

    theme cr. – TF:)






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×