คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ` n e r d ♡ - 02
ง่วง เป็นคำเดียวที่นิยามได้ในตอนนี้
ง่วงชิบหาย เป็นกริยาที่แสดงออกมาว่าทนไม่ไหว
นอนละบาย เป็นคำที่บ่งบอกว่าห้ามรบกวน
แต่เสียงซาวน์เอฟเฟคระหว่างที่รออาจารย์นี่มันนรกแตกชัดๆ แบมจะนอน ดูปากแบมนะ แบมจะนอน !! ..ก็ได้แต่คิดไว้ในใจ ไม่กล้าพูดไป เดี๋ยวตายไม่รู้ตัว พวกริมหน้าต่างนี่ไซต์ธรรมดาซะที่ไหน นึกว่ามีคิม ยูคยอมอยู่สิบคน ー( ´ ▽ ` )ノ
“จะนอนหรอแบม” ผมที่หัวชิดโต๊ะเรียนเหลือบตาขึ้นไปมองยองแจที่นั่งอยู่ข้างกันถามมา ก่อนจะพยักหน้าตอบรับเบาๆ โดยที่ไม่ลืมหลับตาเป็นภาพประกอบ
เพราะเมื่อคืน ต้องจัดการกับพวกเกรียนในสตรีมซักหน่อย เลยเพลินไปอีก
“งั้นเดี๋ยวอาจารย์มาจะปลุกแล้วกัน” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับยองแจไป เลือกที่จะสนใจวิธีการหลับให้ดีมากกว่า..
.
“เชี่ยพี่แบมตื่น”
“ไอ่เตี้ย ตื่นดิวะ” ผมสะลึมสะลือขึ้นมา เมื่อเริ่มได้ยินยองแจกับยูคยอมที่นั่งอยู่ด้านหลังปลุก แต่ในขณะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นมา(อย่างเชื่องช้า)ก็โดนคิม ยูคยอมสะกิดเข้า..
เพี๊ยะ !
เชี่ยยย มือหรือเท้า ซี่โครงแทบหัก
“ตบหัวกูทำไม คยอมมี่” หันไปแว้ดใส่คนด้านหลังที่นั่งนิ่งทำลอยหน้าลอยตา เดี๋ยวก็ฟาดซะหรอก
“อะไรใครตบ”
“ก็เห็นอยู่ว่ามึงตบ”
“อ่าว.. เห็นแล้วทำไมไม่หลบ” กวนตีนมั้ยละสังคม.. *ถกแขนเสื้อรอ*
“คิม ยูคยอม !” ห้ามใจไม่ไหวเผลอเรียกซะดังเลย หวังว่าอาจารย์จะไม่ได้ยินนะ..
“คุณกันต์พิมุกต์ เสียงดังทำไมครับ ?” หูดีตามสไตล์คนแก่ก็เงี้ยะ “ตอบสิครับ คุณคิม ยูคยอม ไหนลองบอกเหตุผลที่คุณกันต์พิมุกต์เสียงดังสิครับ” ไม่เอาไม่ตอบอะ อย่าถามมากได้ป่ะ ตอบไปก็มีแต่เข้าตัวเองไง เออ..
“เอ่อ.. อ่อ เมื่อกี้กันต์พิมุกต์เขาจะตกเก้าอี้ครับ เลยเรียกให้ผมช่วย”
“แล้วไป นึกว่าจะหลับในคาบผมอีกนะครับ อ่า.. แต่มันเสียเวลาเล็กน้อย งั้นตอนพัก พวกคุณสองคนไปบำเพ็ญประโยชน์ที่ห้องสมุดแล้วกันนะครับ”
ว็อท ? ლ(ಠ_ಠლ)
“คุณกันต์พิมุกต์ กับ คุณคิม ยูคยอมใช่มั้ย” อาจารย์ป้าบรรณารักษ์ ถามขึ้น แกขยับแว่นเล็กน้อย ก่อนจะกดหน้าลง แล้วมองพวกเราสองคนนอกเลนส์แว่น(ถ้าจะมองแบบนี้ สวมแว่นทำไมวะ ?)
ผมกับยูคยอมพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่แกจะหยิบตั้งหนังสือมาวางที่เคาท์เตอร์สามตั้งใหญ่ พร้อมกับบอกให้ผมและยูคยอมช่วยกันแบกไปเก็บ และย้ำคำๆนึ่งหนึ่ง พร้อมกับมองหน้าผม.. อย่าลืมว่า อย่าใช้เสียง คาดว่าถ้านี่ไม่ใช่เวลางาน แกคงจะเอาเทปมาปิดปากแน่นอน
“บทความเรื่องทฤษฎีแรงโน้มถ่วง อ่า.. ทางนี้ๆ” ยองแจหยิบหนังสือเล่มแรกจากกองที่ผมถือมา แล้วอ่านหน้าปก ถ้าถามว่าทำไมเขาไม่ช่วยผมถือ ก็แน่หละ นี่มันงานผม ผมไม่ให้เพื่อนเดือดร้อนหรอกน้า ~
“ช่องนี้เลย เก็บดีดีละ ไปช่วยคยอมก่อน รายนั้นทำตั้งสองตั้ง”
ผมมองตามยองแจที่วางหนังสือไว้บนกองที่ผมต้องถือด้วยสายตาละห้อย ถึงจะไม่ยอมให้เพื่อนเดือดร้อนก็เถอะ แต่ก็ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้นะเว่ย
“เหวอออ ~” ให้ทาย.. เสียงอะไรติ๊กต๊อก ติ๊กต๊อก หมดเวลาครับ เฉลยละกัน..
พี่แบมเดินขาพันกันครับทุกคน
ตุบ !#$%&(@!#$_!+#%
นอกจากหน้าหล่อๆจะเสี่ยงต่อการแหกอย่างแล้วนั้น หนังสือยังกระจายไปด้านหน้า ที่เจ็บกว่านั้นคือ.. ไม่มีใครสนใจช่วยเลยไง ..โอเค มุมมันอับ จะคิดละกันนะว่าไม่ได้ยิน
“นายเป็นไรมั้ย” ผมที่นั่งทรุดอยู่กับพื้นด้วยท่าทีที่ไม่โอเคเท่าไหร่เงยหน้าขึ้น เห็นใครบางคนยื่นมือมาให้จับ คุณม๊าสอนว่า อย่าไว้ใจคนง่าย ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะปฏิเสธเขาไป ขีดเส้นใต้ตรงคำว่าจะนะครับ.. เพราะเมื่อผมมองไล่ตั้งแต่มือขึ้นไปจนถึงใบหน้า สกิลความเป็นคนอ่อนแอก็ถลาพุ่งเข้าใส่ทันที
พี่มาร์คเองไง จะใครหละ
“ไม่เป็นไรฮะ.. ขอบคุณมากครับ พี่มาร์ค” ผมบอกขอบคุณเขาที่ช่วยให้ผมลุกขึ้นมา เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อผมเรียกชื่อเขา
“นาย.. เราเคยเจอกันมาก่อนหรือปล่าว ?” พี่มาร์คทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย ..ใบหน้าใต้แว่นดำหนาเตอะนั่น ทำไมยังดูดี ดวงตาคนนั่น.. “อ่า.. นายคนที่เสียงดังที่หอสมุดสินะ” เขาชี้หน้าผมเล็กน้อย ก่อนจะมองออกมาอย่างเอือมระอา
สวัสดีความประทับใจแรก..
“อา..”ผมพยักหน้าตอบรับไปพร้อมกับส่งรอยยิ้มแหยะๆไปให้ พี่มาร์คถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงเก็บหนังสือที่ตกกระจายอยู่ ส่วนผมก็ยืนเอ๋ออยู่ รอจนพี่เขาเก็บหนังสือเสร็จ แล้วจึงยื่นมาให้ผม
“หัดมีสติซะบ้าง เพราะเสียงมันจะรบกวนคนอื่นเอา”
“เอะอะก็ชอบบอกว่าเสียงดัง เออออ เดี๋ยวจะดังให้ดู” ผมรับหนังสือจากมือพี่มาร์คพร้อมกับบ่นพึมพำออกไป แต่ด้วยความเงียบ ณ.จุดนั่นไง พี่เขาเลยได้ยิน พี่มาร์คจึงถลึงตาเข้าใส่ ซึ่งผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้แลบลิ้นปริ้นตาใส่เขาเฉย ก่อนจะหมุนกลับหลังไปทำงานต่อ แต่ว่า.. ให้คนที่เชี่ยวชาญในที่แห่งนี้ช่วยดีกว่า
“พี่มาร์ค..” ผมปั้นหน้าพร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนไปให้เขา *กระพริบตารัวๆ* “ช่วยอะไรผมหน่อยสิ” ผมเดินเข้าไปหาเขาอย่างไม่รีบ แต่พี่มาร์คกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไรเลย ตอบว่าได้สิเห่ย คนยิ่งหิวๆอยู่
พี่มาร์คทำหน้าเอือมเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ(ด้วยความรำคาญ) “ช่วยผมเก็บหนังสือพวกนี้หน่อยสิ”ผมทำท่าทีให้ดูเหมือนว่ามันหนัก พี่มาร์คมองการแสดงของผมอยู่นาน ก่อนจะเดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆ เข้ามาเรื่อยๆ
พี่มาร์คครับ.. ใกล้เกินไปแล้วมั้ง
ผมถอยหลังหนีจนรู้สึกได้ว่าหลังสัมผัสกับที่วางหนังสือขนาดใหญ่จนต้องหยุดการเคลื่อนไหว แต่พี่มาร์ค.. ยังไม่หยุด เขาเดินเข้ามาเรื่อยๆ ส่วนผมได้แต่ก้มหน้ามองหนังสือในมือตัวเอง ก่อนที่พี่มาร์คจะหยิบหนังสือเล่มบนสุดของกองที่ผมถือไปวางไว้ที่ชั้น.. นี่มันนานเกินไปแล้ว ทำไมพี่เขายังไม่ขยับออกไปซะทีวะ ตะคริวจะกินแขนละนะ (ಥДಥ)
“เอ่อ.. พี่มาร์คครับ..”
“หือ ?”
“จะไม่ขยับออกไปหน่อยหรอครับ”
“จำเป็นต้องขยับด้วยหรอ ?”
ไอเชี่ยพี่มาร์ค พูดอะไรออกม๊าาาาาาาาาาาา !
จะอ่อยหรอ ? จะอ่อยหรออออออ
“อยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
อ่อยก็ได้นะ ยอม..
ก่อนที่ผมจะเพ้อไปไกลกว่านี้ก็ใช้กองหนังสือดันตัวคนที่ยืนขวางทางอยู่ให้ขยับออกไป ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมขยับอย่างง่ายดาย ผมจึงเดินออกมาจากจุดนั้น เพียงแต่เดินไปได้ไม่ถึงสองก้าว พี่มาร์คก็จับที่แขนรั้งไว้
“เอามานี่มา เดี๋ยวช่วย” ว่าแล้วพี่มาร์คก็หยิบกองหนังสือในมือผม ไปถือไว้ส่วนหนึ่ง ก่อนจะเดินไปตามช่องที่ต้องเก็บหนังสือแต่ละเล่ม ส่วนผมก็ได้แต่เดินตามต้อย ~ ต้อย ~ ต้อย ~ ซึ่งระหว่างทาง อย่างที่พวกคุณรู้ ผมพูดมาก
“นี่ พี่มาร์ค.. พี่เคยคิดจะถอดแว่นมั้ย”
“ผมชอบสีผมพี่วะ แต่ถ้าไปทำแม่คงไม่ยอมให้เข้าบ้าน”
“พี่มาร์ครอผมด้วยสิ เหว่อๆ”
พี่มาร์คที่หันมามองเห็นว่าผมจะล้มรีบคว้าผมขึ้นมา ถึงจะเป็นลักษณะกระชาก(?)แขนก็เถ้อะ “หัดเงียบแล้วเดินดีๆซะบ้าง” พอพี่เขาพูดแบบนั้นผมจึงได้แต่ยู่ปากเงียบๆกับตัวเอง เอาจริงบางทีผมก็รำคาญอาการพูดมากของตัวเองเหมือนกัน
“แล้วเมื่อไหร่พี่จะหยุดบ่นผมซะทีหละ”
อันนี้เขาเรียกปากไว้ครับ เป็นกับพวกชอบเถียง เขามาช่วยแล้วยังจะไปเถียงเขาอีก..
สังคมไม่ได้ต้องการคนแบบนี้แบมแบม ทำตัวดีดีสิ
ผมกำลังจะส่งเสียงถามเขาอีก อีกฝ่ายก็ยกนิ้วขึ้นมาจุ๊ๆที่ปาก แบบที่ทำมาตลอดทางตอนที่ทำได้ เขาทำแบบนี้มาตลอดจริงๆนะฮะ.. เพราะพอผมถามอะไรที่แกก็ไม่ตอบ
“มานี่แปบ” ผมเดินเข้าไปหาเขาอย่างสงสัย
“!?” พี่มาร์คดึงผมจนผมเซเข้าไปชนกับตู้หนังสือจนผมเกือบร้องออกมา.. ชนหรอ แต่ทำไมไม่เจ็บ ?
พี่มาร์คที่ยืนค่อมผมอยู่ใช้มือหนึ่งปิดปากผมไว้ มือที่ปล่อยจากเอวของผม ที่กันไม่ให้ผมกระแทกกับตู้.. ก่อนที่เขาจะเลื่อนมันลง ในขณะที่มืออีกข้างท้าวไว้กับชั้นของตู้ ผมได้แต่มองตาเขาปริบๆ อยากจะถาม แต่กลับพูดไม่ออก.. เพราะดวงตาคมคู่นั้น ที่มันจ้องมองมาที่ตาของผม จนละสายตาออกไม่ได้
ดาเมจรุนแรงจนอยากถวายตัวใส่พานให้เหลือเกิน
พี่มาร์คค่อยๆเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผมอย่างช้าๆ จนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขา ผมหลับตาหนีทันที ก่อนที่จะ
โป๊ก
“เฮ้ย !” หนังสือเล่มหนาสัมผัสที่หัวผม จนผมต้องร้องออกมาซะเสียงหลง ทำไมทุกคนชอบทำร้ายกัน ตอบบบ ผมหันไปมองค้อนคนตีอย่างเอาเรื่อง แต่เจ้าตัวกลับหัวเราะออกมา..
“หัดสนใจเรื่องเรียนเหมือนเรื่องของพี่บ้างก็ดีนะครับ น้องแบมแบม” พี่มาร์คพูดเท่านั้น ก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ผมยืนเอ๋ออยู่คนเดียว กว่าจะนึกได้ว่าโดนเขาจิกกัดก็ช้าไป
ไอ่เชี่ยพี่ต้วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน !!!!!!!!!!!!!
ความคิดเห็น