ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { got7 } nerd♡ - markbam.

    ลำดับตอนที่ #11 : ` n e r d ♡ - 09

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 59









              “กลับแล้วนะครับ ขอบคุณมากครับ” ยูคยอมพูดพร้อมกับโค้งขอบคุณรุ่นพี่ที่มาช่วยซ้อมกีฬาให้ มันเป็นเรื่องปกติ ที่ในหนึ่งวันของแต่ละเดือน นักกีฬาทั้งหมดในชมรมบาสจะย้ายมาซ้อมกันที่ฝั่งมหา’ลัย โดยให้ลงเล่นเป็นทีมเพื่อเล่นกับนักกีฬารุ่นพี่ มองหาจุดที่ผิดพลาดกันเอง แล้วนำไปแก้ไขให้ดีขึ้น


              “นานว่ะ” ยูคยอมเดินมาพร้อมกับจักรยานลูกรัก ยักคิ้วเบะปากใส่เพื่อนรุ่นพี่คนสนิทอย่างไม่ใส่ใจ จนคนมองอดที่จะเตะเบาๆไม่ได้.. ใช่ อดไม่ได้ อดที่จะเตะเบาไม่ได้


              “พี่โว่ย มันเจ็บ หน้าจะทิ่มกับกองขี้แล้วเนี่ย โฮกก” คนที่โดนเตะ(อย่างแรง) หันมาบนใส่อีกฝ่ายทันที ซึ่งสิ่งที่ได้รับก็คือการทำหน้าไม่ใส่ใจอะไร อีกทั้งยังยักไหล่ให้แล้วเดินไปเฉย “รอด้วยดิพี่ เอ่ยย รอผมด้วย แจ็คสัน หวัง ฮุ้วววว” เมื่อเรียกแล้วอีกฝ่ายยังไม่รอ ก็คงต้องวิ่งเข้าใส่.. เป้าหมายมีไว้พุ่งชน


              แต่ถ้าดูแล้วว่าชนมันไม่สะใจ ก็กระโดดใส่แม่ง 
    !




              “เชี่ยหมี หนักลงไปจากหลังกูเดี๋ยวนี้”


              “จะได้ร่างกายแข็งแรงนะครับ แบกผมกลับบ้านไม่ตายหรอกเน้อะ นิดเดียวก็ถึง”


              “อย่ารัดแน่น หายใจไม่ออก”


              “พี่ก็เดินตรงๆดิ ผมก็กลัวตกนะเว่ย”


              “งั้นก็ลงไปซะ” แจ็คสันปล่อยมือทั้งสองข้างลง ทำเอาคนที่ไม่ได้ตั้งตัวตกลงมาปะทะกับพื้น


              “จุกชิบ พี่บอกดีดีดิ แค่บอกผมก็ลงแล้วน่า” กล้าพูดมาก.. ยูคยอมกล้าพูดมาก ทำอย่างกับเขาไม่พูดว่าให้มันลงอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวก็เหยียบให้จุกกว่าเดิมเลย “อุ้มหน่อย เดินไม่ไหว” นี่
    ก็ยังไม่เข็ดเนอะคนเรา (;¬_¬)




              “ลุก.. จะได้กลับบ้าน” คนเป็นพี่ยื่นมือให้อีกฝ่ายจับ ก่อนที่จะดึงตัวขึ้นมา “รอตรงนี้ เดี๋ยวไปเอาจักรยานก่อน”


              ถ้าเขากับยองแจกลับบ้านด้วยกันเพราะบ้านอยู่ทางที่สามารถไปด้วยกันได้ในระดับหนึ่ง ก็คงต้องบอกว่าบ้านของเขากับพี่แจ็คสันหน่ะ ทางเดียวกันเลยหล่ะ หลังตรงข้ามกันเลย ดังนั้นถ้าวันไหนเขากลับเย็นก็จะกลับกับพี่ชายคนนี้เนี่ยแหละ บางวันก็ให้ยองแจกลับก่อน บางวันก็กลับพร้อมกันทั้งสามคนเลย



              เรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้เลยนะเนี่ย นอกจากเราสามคนหนะ อิอิ


              “เห่ยหมี”


              “ว่าไงพี่” ยูคยอมหันมาพูดกับอีกคนที่ขี่จักรยานอยู่ข้างกัน อย่างสงสัย


              “กูว่าจะไปเรียนภาษาเพิ่ม แต่ไม่รู้จะเอาภาษาไรดีว่ะ ความสามรถด้านภาษากูก็ค่อนข้างเยอะอะนะ”


              “พี่จะเที่ยวรอบโลกหรอวะ” ยูคยอมเม้มปากราวกับใช้ความคิด “ญี่ปุ่นดิพี่ ไม่อยาก เดี๋ยวผมสอนให้”


              “พูดเป็น” แจ็คสันมองเพื่อนรุ่นน้องอย่างไม่เชื่อ แทบจะไม่ใช่ว่าเด็กบ้าบอที่อยู่ข้างๆนี่จะพูดภาษาอื่นนอกจากภาษาบ้านเกิดและภาษาอังกฤษนิดหน่อยได้ บ่นหนักหนาว่าเกลียดภาษาแต่ดันได้ภาษาญี่ปุ่น



              “พี่อยู่ดูถูกผม มา พูดตามผมนะ” สูดหายใจซักหนึ่งทีเพื่อความเป็นสิริมงคล “อิไต อิไต”


              “อิไตพร่องส์”


              “เห่ยพี่ อย่าถีบ อย่าถี้บบบบ อ๊ากกกก อย่าตามม๊า เชี่ยพี่เดี๋ยวรถล้ม
    !!



















              “อ่า.. ขอบคุณที่มาส่งนะครับ ขอบคุณสำหรับมือเย็นด้วย” ทันทีที่รถคันหรูจอดลงบริเวณหน้าบ้าน เจ้าของบ้านก็หันไปขอบคุณคนที่มาส่งโดยทันที ทั้งยังเลี้ยงข้าวเย็นอีก 


              เกรงใจชะมัด แต่ถ้าไม่ยอมกินก็คงไม่ได้กลับบ้านกันพอดี


              “ไม่เป็นไรครับ” มือหนาขยี้เบาๆที่ผมของอีกฝ่าย ยองแจหดคอลงอัตโนมัติ ทั้งยังเผลอหลับตาไม่รู้ตัว เล่นเอาคนที่มองอยู่อย่างเจบีอดยิ้มตามไม่ได้


              สายเบลท์ถูกปลดโดยคนเป็นพี่ ทั้งยังมีการทำเนียนเอื้อมตัวไปเก็บสายเบลท์ให้เรียบร้อยอีก ใบหน้าที่เข้ามาใกล้ทำให้อีกคนหายใจกระตุก ใบหน้าร้อนผ่าว


              บางทีถ้ามาแค่นั้นเขาจะไม่เป็นไรจริงๆนะ.. แต่สายตาที่มองมานี่มัน อา..


              ดวงตาคู่เรียวมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างนึกคิด รอยยิ้มเล็กๆเกิดขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าที่เลื่อนเข้ามาใกล้ ทำเอาคนเป็นน้องที่นั่งออยู่แทบลืมหายใจ









              !!!!!!!!




              “โทษทีครับมึ.ง ตอนนี้กูยังอยู่ ฮัลโหล่ว เห็นมั้ย เห็นหัวเพื่อนมึงมั้ย ?”


              เบาะนั่งด้านหน้าถูกเอนมาข้างหลังอย่างเร็ว จนเท่าให้ยองแจที่นั่งอยู่ใจหายด้วยความตกใจทันที 


              โชคดีที่ยองแจเลื่อนเบาะไปข้างหน้ามากพอสมควรให้เขา(จูเนียร์)ที่นั่งอยู่ด้านหลัง มีพื้นที่ในการขยับตัวเพื่อที่จะส่งแขนยาวไปสู่ที่ปรับเบาะ เอ่อ.. ถึงมันจะลงมาไม่มากก็เหอะ แต่รอดพ้นเพื่อนใจไวอย่างมันก็โอเคแล้ว




              เจบีทำปากคว่ำใส่เพื่อนสนิทที่นั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ด้านหลัง หลังจากที่ปรับเบาะของอีกคนลง ทั้งยังเอามือมาดันหน้าเขาด้วย เดี๋ยวก็ฟาดเข้าให้ ทำไมชอบขัดครับคุณเพื่อน ?


              ทันทีที่สติกลับมายองแจก็เปิดประตูรถแล้วลงไปยืนบนพื้นโดนทันที จะว่ายังไงหล่ะ.. จู่ๆก็โดนจู่โจมแบมนั่น มันก็ต้องใจหายกันเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือไง แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะขอบคุณอีกครั้งพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ “ขอบคุณที่มาส่งอีกครั้งนะครับ”


              “เข้าบ้านดีๆน้า” จูเนียร์ยกมือขึ้นมาบ๊ายบ่าย “อย่านอนดึกนะ ฝันถึงพี่ด้วยหล่ะ”


              “กลับบ้านกันดีดีนะครับ ฝนมันดูท่าว่าจะตกอีกแล้ว ขับรถดีๆนะฮะพี่เจบี” รอยยิ้มจากไปพร้อมกับเสียงปิดประตูรถ ทิ้งไว้เพียงคนสองคนที่เหมือนจะอยู่ใน.. ภวังค์ หรอ


              “เมื่อกี้มึงจะทำไรครับเพื่อน ถ้ากูยังอยู่อย่าหวังว่าจะได้แอ้มน้องง่ายๆ”


              “อย่ามาโม้ นี่ยังไม่เคลียร์เรื่องที่ขัด เดี๋ยวปล่อยทิ้งแม่ง”


              “ดีเลย จะได้เข้าไปนอนกับน้อง น้องจะเป็นของกู อิอิอิซ่า”


              “ตื่นเหอะมึง”


              “มึงก็อย่ามโน 
    แจบอม


              “มึงต้องตั้งสตินะ ปาร์ค จินยอง ยังไงน้องก็(ต้อง)เป็นของกู”


              “ของกรู้ววว”


              “ของกรู๊วววววววว”





















             หลังจากที่นั่งฟินอยู่บนรถมานานพอสมควร ผมก็เดินตามพี่มาร์คที่บอกว่าจะไปส่งที่บ้าน พี่มาร์คเดินตามทางที่ผมบอกไว้ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน บางครั้งเขาก็จะทำหน้านึกว่าควรจะไปทางไหน เพราะหลังจากที่ลงจากรถประจำทางแล้ว ต้องเดินต่อก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้าน ตอนแรกพี่เขาก็มั่นใจนะ คงเป็นเพราะมาบ้านพี่เนียร์บ่อย


             แต่พอเลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้านเท่านั้นแหละ.. ฮื้อออ ทำไมเหมือนเด็กจนน่าฟัดขนาดนี้ 



              โอ่ยย พี่มึง ทำกูหลงรักอีกแล้ว (♡´艸`)




             “แบมระวังเหยียบ” พี่มาร์คพูดพร้อมกับชี้ไปที่เปลือกกล้วย ชิบหายละ มันอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่ผมดันมีเรด้าประเภทเดียวกับสิบโทเคโรโระเนี่ยสิ เจอเปลือกกล้วยเป็นต้องวิ่งใส่ ...โครตจะอาย












             ...


             @$#%$%&(_%^&#%$




             “พี่มาร์คอย่าบีบแรงดิ เจ็บบบบ”




             “ปล่อย อื้อออ ไม่งั้นแบมจะร้องไห้นะเว่ย”




             ครืน ครืนน




             ฝะ..ฝะ ฝนตก




             แฮร่





             “หยุดทำหน้าแบบนั้นเลย ไม่ให้เล่นหรอก”





             “พี่มาร์คอย่าใจร้ายดิ











             .

             “พี่มาร์คอย่าใจร้ายดิ ผมมองตรงไปยังเด็กตรงหน้าที่ทำท่าทางอยากจะเข้าไปเล่นน้ำฝนที่กำลังจะตกในไม่ช้า ทั้งที่ข้อเท้าตัวเองก็พลิก แถมยังลื่นเพราะเปลือกกล้วยทันทีที่ผมบอกให้ระวัง เลยยิ่งทำให้ข้อเท้าบวมขึ้นมากกว่าเดิม แต่ดูเหมือน เจ้าตัวจะไม่เป็นห่วงตัวเองเท่าไหร่


             “อ่า.. พี่มาร์คอย่าเงียบสิ แบมไม่เล่นก็ได้นะ” แบมแบมก้มหน้าลงเบะปากจนเหมือนเด็ก ซึ่งนั่นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้


             “ที่ไม่อยากให้เล่น เพราะเป็นห่วงนะครับ”


             “เอ่อ.. คือ จริงๆพี่กลับไปเลยก็ได้นะ เดินเข้าไปอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแบมแล้ว” ผมมองหน้าของแบมแบมที่มองไปรอบๆ แบบนี้ไม่ดีเลยนะ เวลาพูดกับใครก็ต้องมาหน้าคนนั้นสิ


             “อีกนิดเดียว เดี๋ยวไปส่ง” ผมพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออก 
    เหลือเสื้อยืดสีดำที่อยู่ข้างในไว้ ก่อนที่จะยื่นไปให้อีกฝ่าย แล้วนั่งยองๆลง “ขึ้นมา แล้วเอาเสื้อคลุมหัวไว้”




             “เอ่อ.. คือแบมเดินได้นะ”




             “ขึ้นมาเถอะน่า”




             “อื้อ” แบมแบมตอบรับก่อนที่จะขี่หลังผม แขนเล็กที่โอบรอบคอผมดูเกร็งทันทีที่ผมยืนขึ้น “รบกวนด้วยแล้วกันนะพี่ แฮะๆ” คนบนหลังก้มหน้าจนชิดกับไหล่ของผมพูดราวกับเด็กน้อย โชคดีหน่อยที่วันนี้ผมเอากระเป๋าสะพายข้างขนาดเล็กมา.. เพราะวันนี้เข้าช็อปแค่อย่างเดียว พวกอุปกรณ์หรือชีทต่างๆก็ยื่นให้คุณเพื่อนทั้งหลายเก็บไปแล้ว “หนักป่ะ”




             “หนักดิ”




             “หนักมากมั้ย แบมลงได้นะเว่ย”




             “ช่างมันเถอะ เอาเสื้อมาคลุมหัวตัวเองไว้ เดี๋ยวไม่สบาย” แบมแบมดูเหมือนจะลังเล อาจจะเป็นเพราะน้องกลัวจะตกด้วยส่วนหนึ่ง “แบมจะไม่ตกหรอก เชื่อใจพี่สิ” แบมแบมค่อยๆคลายมือทั้งสองออก แล้วหยิบเสื้อช็อปของผมที่ดูเหมือนว่ามันจะโดนทับตอนที่แบมแบมขี่หลังผม




             คิดว่าคนบนหลังน่าจะเอาเสื้อมาคลุมได้เสร็จก็เริ่มเดิน “เสื้อนี่ พรุ่งนี้พี่ไม่ต้องใช้หรอ” แบมแบมถามผมขึ้นหลังจากที่ฝนเริ่มลงเม็ดมาเล็กน้อย เจ้าตัวพยายามดึงเสื้อให้มันสามารถกันฝนได้ทั้งผมและตัวน้องเอง ส่วนตัวผมเองก็เร่งเท้าขึ้น




             ถึงมันจะรู้สึกดีก็เห้อะ.. แต่ถ้าให้เจ้าตัวแสบที่อยู่บนหลังนี่ไม่สบาย ผมก็ยอมที่จะทิ้งความรู้สึกดีนั่น




             “ช่างมันเหอะ กะว่าจะเอาไปซักพอดี ไม่ได้ซักมาเป็นเดือนแล้ว”




             “พี่นี่โสโครกชะมัด” ถ้าให้ผมเดา ผมว่าอีกคนต้องทำหน้าขยาดอยู่แน่ๆ ผมจึงได้แต่ยิ้มออกมา ให้กับประโยคที่เจ้าตัวพูด




             ไม่ได้ซักมาเป็นเดือนหรอ




             อ่า.. เพิ่งซักเมื่อวานเองแท้แท้




             เสื้อช็อปหน่ะ.. บางคนอาจจะดูว่ามันไม่สำคัญอะไร ในขณะที่หลายคนก็ดูจะสนใจมัน




             เสื้อ.. ที่กว่าจะได้มาต้องร้องตะโกนจนคอแห้ง จนเสียงแหบ ต้องวิ่งกลางแดด ต้องกลิ้งบนพื้นร้อนๆ ต้องเหนื่อยยากขนาดไหน ต้องเสียเหงื่อเยอะเท่าไหร่ ไหนจะระบบโซตัสอะไรเยอะแยะนั่น จำได้ดีเลยหล่ะ กว่าจะได้มันมา.. จำได้ไม่มีวันลืม เสื้อที่มีเพียงตัวเดียว..




             “คลุมดีๆสิ อย่าให้ตัวโดนฝนด้วย”




             “ถ้างั้นพี่ก็จะเปียกดิ”




             “ไม่เป็นไรหรอก แปบเดียวเอง แล้วไปทางไหนต่อ ?”




             เพราะกว่าจะได้เสื้อช้อปมา มันไม่ง่าย ทั้งยังแสนลำบากอีก ..เสื้อก็สำคัญไม่แพ้เกียร์ ถ้าไม่มีเสื้อ ก็เข้าช็อปไม่ได้ เสื้อช็อปหนะ สำคัญมากนะ และถ้าจะให้มันไปอยู่กับใคร หรือจะยอมให้มันเปียกเพราะใคร ก็หมายความว่า ใครคนนั้น มักจะ



             สำคัญ..















             “รอให้ฝนหยุดตกก่อนแล้วค่อยกลับไม่ดีกว่าอ่อพี่ ?” หลังจากที่ส่งแบมแบมเสร็จ เจ้าตัวก็บอกให้ผมเข้ามาหลบในบ้านก่อน แต่ด้วยความเกรงใจผมเลย มานั่งที่โซฟาแล้วหละ นี่เกรงใจจริงๆนะ ไม่หลอกนะเอ้อวว




             “มันตกไม่มาก ไม่เป็นอะไรหรอก” นั่งพักให้หายเหนื่อยเล็กน้อย แล้วกะว่าจะกลับเลย 




             “งั้นพี่รอแปบเดี๋ยวผมไปหยิบร่มมาให้” พูดจบก็เดินหาร่มให้ผม.. ใช่ เพราะดูท่าทางเหมือนจะหาซะมากกว่าไปหยิบ ผมเลยนั่งมองไปรอบๆ หยิบนู้นนี่มาสำรวจ มาขีดเขียนเล่น ระหว่างรออีกคนที่บอกจะหยิบร่มมาให้ผม “เดี๋ยวผมไปส่ง”




             ผมพยักหน้าตอบรับแบมแบม ก่อนที่จะเดินออกไป โดยไม่ลืมบอกลาคุณน้า แม่ของน้องที่เข้าครัวอยู่ ผมบอกให้เจ้าตัวส่งแค่รั้วบ้านพอ เพราะถ้ามากกว่านี้ ข้อเท้าเจ้าตัวแสบนี่อาจจะบวมหนักกว่าเดิม แบมแบมพยักหหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ จึงเปิดรั้วบ้านให้ผมออก




             “งั้นเดี๋ยวเสื้อพี่ พรุ่งนี้ผมจะเอาไปให้แล้วกันนะ” แบมแบมพูดจบก็เตรียมที่จะเดินเข้าไปในบ้าน ก็ถูกผมเรียกไว้ก่อน จึงได้แต่ส่งสายตาสงสัยมาให้




             “รีบอาบน้ำหล่ะ” คนฟังพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ “จริงๆแล้ว.. พี่ทำเบอร์ที่เราให้พี่หายหน่ะ” แบมแบมยู่ปากราวกับเด็กทันทีที่ผมพูดจบ ผมจึงได้แต่ยืนขำเล็กๆ จนเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามองค้อน ผมเดินเข้าไปชิดรั้ว ก่อนจะเอื้อมมือไปหาเด็กขี้งอน(?)ตรงหน้า




             กระดาษโพสอิทสีเดียวกันกับวันนั้น.. วันที่ใครบางคนเขียนเบอร์โทรศัพท์และช่องทางการติดต่อๆอื่นให้ โพสอิทแผ่นใหม่ถูกแปะบนหน้าผาก แล้วตบเบาๆไม่ให้มันหลุดไป บนกระดาษมีตัวเลขอยู่ ตัวเลขที่ดูคล้ายกับกระดาษโพสอิทแผ่นก่อนหน้า




             “นั่น.. เบอร์พี่ ถ้าคิดถึงก็โทรมาแล้วกัน J




















    — TBC —





    ขี้อ้อยแค่ไหนถามใจพี่มัคดู้วววว โอ่ยยยย อ่อยอะไรเบอร์นั้นหละพ่อคุณ
    จริงๆแล้วนี่ชอบยูคแจ็คนะ แต่แบบเหมือนคู่ค่อนข้างแรร์อะ
    หาอ่านยากเหลือกเกิ้นนน เลยสนองนี้ดตัวเองแทน สบายใจดี ฮุฮาา

    ไม่รู้ว่าที่เกาหลีมีเสื้อช็อปเหมือนที่นี่มั้ยเหมือนกัน
    แต่อยากได้ฉากนี้อะ ติต่างว่ามีแล้วกันโน้ะ555555555555
















     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×