คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ` n e r d ♡ - 08
“ขย้ำนมคยอมมี่ ขย้ำ~ ขย้ำ~ เหว่ยย นมตั้งเต้าแล้วนะตะเองเอาชั้นในมาใส่ได้ละ กิกิ ԅ(¯﹃¯ԅ)” คือ.. อยากให้ลองนึกภาพตาม ผู้ชายตัวค่อนข้างสูงยืนอยู่หลังห้องเรียน ไม่นานนักก็มีมนุษย์ตัวเล็กกว่ามายืนซ้อนข้างหลัง ตวัดแขนโอบรอบคนตัวโตกว่า แล้วก็บีบบีบ แบงแบง ปี๊บปิ๊บ แปงแปง พร้อมกับประโยคที่พูดไปข้างต้น.. ด้วยใบหน้าที่ฟินเกินคำบรรยาย
ยูคยอมบอกไว้ก่อนเลยว่าถ้านี่ไม่ใช่แบมแบมหรือยองแจแล้วหล่ะก็ ตายคาตีนไปตั้งแต่ขย้ำแรกแล้ว
“สนุกมั้ยมึง”
“อะไรหรอ ??” ทำหน้าตาตื่นเต้นถามไป
“นมกูจะย้อยแล้วแบม เอามือออกไปได้ละ”
“หู้ยย กลัวนมย้อยด้วย แบบนี้วันเกิดเดี๋ยวลงทุนซื้อของวิคตอเรี่ยซีเคร็○ให้เลย”
“แบมแบม”
“โอเค ไม่เล่นแล้วก็ได้“
“แบม ได้ดูจงซอกโอปป้าป่ะ” กลุ่มผู้หญิงที่นั่งคุยกัน หันมาถามผมที่กำลังหาของกินในกระเป๋า
ถือเป็นอีกเช้าที่สดใสของกันต์พิมุกต์เลยทีเดียว *ยิ้มกว้างต้อนรับความฉดใฉ*
....
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช้าที่ดีของพี่แบมก็ตาม แต่กับเพื่อนซี้สองสหายคงต้องบอกว่าไม่สดใส่เท่าไหร่
โดยเฉพาะกับคิม ยูคยอมแล้วนั้น มันค่อนข้างที่จะ..
ยูคยอมและยองแจมีความเห็นตรงกันว่า สิ่งที่เป็นบาปที่สุดในชีวิต คือการมี แบมแบม เป็นเพื่อน
“ทำไมพี่มาร์คยังไม่โทร.มาอีกวะ โฮกก” ผมวางแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะและชักดิ้นชักงอเล็กน้อย หลังจากที่อ่อย(?)พี่มาร์คไปเกือบอาทิตย์ คิดดูดิเกือบอาทิตย์พี่เขายังไม่โทร.มาเลยนะเว่ย นี่อ่อยไปนี่ได้อะไร ได้ป้าขายเน็ตหรอ วอนผู้คนช่วยเห็นใจ
“นี่นั่งจ้องโทรศัพท์ทุกคืนจนคุณนายหาว่าบ้าแล้วนะเว่ย”
“พี่เขาไม่ว่างป่าว”
“ไม่ว่างก็น่าจะบอกกันซักคำดิ นี่อะไรปล่อยให้รอจน(เล่นเกมส์)แบตหมดไปหลายรอบละ”
“ถ้าโทร.มาเมื่อไหร่นะ จะเอาเบอร์ไปปล่อยให้คนโรคจิตแถวบ้านเลย”
“นี่ยังมีใครโรคจิตกว่าแบมอีกหรอ ?”
“เมื่อกี้ได้พึมพำอะไรมั้ยยองแจ ?”
“ปล่าวหนิ หูแว่วไปเองหรือปล่าว ” ผมพยักหน้าตอบกลับยองแจ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนตัวโตที่นั่งดูดน้ำสบายใจ “ไปเอาเบอร์พี่มาร์คมาให้หน่อยดิ” ยูคยอมชี้ที่ตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน “อื้อ”
“เรื่องอะไร อยากได้ทำไมไม่ไปเอาเอง อ่อยเขาไปแล้วขนาดนั้น”
“โห่ พูดงี้นี่คือจะ..” ผมที่กำลังจะเถียงกับยูคยอมโดนขัดจังหวะไปโดยผู้ที่เข้ามาร่วมสนทนาโดยไม่บอกกล่าว..
“น้องครับ.. ขอเบอร์หน่อยได้มั้ย?” ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวก็ยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูมาให้ ผมเงยหน้ามองและชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนที่จะกดเบอร์ไป ใครคนนั้นบอกขอบคุณพร้อมกับยิ้มมาให้แล้วเดินออกไป
“อ่อยเนอะ เมื่อกี้ยังบอกให้ไปเอาเบอร์พี่มาร์คให้อยู่เลย นี่อะไร มีคนมาขอเบอร์ก็ให้”
“เขาอยากได้ก็ต้องให้ดิ” ผมทำปากคว่ำใส่คนพูด ก่อนที่จะยิ้มออกมาให้อีกฝ่าย “ให้เบอร์มึงไปนั่นแหละ”
จนถึงตอนนี้ แม้ยองแจจะไม่ออกความเห็นอะไร
แต่ยูคยอมก็ยังมั่นใจว่า บาปที่สุดในชีวิต คือการมีแบมแบมเป็นเพื่อน
ช่วงบ่ายจู่ๆฝนก็ตกลงมา และตัวแบมแบมเองก็อยากเล่นน้ำฝน ถึงได้วิ่งฝ่าฝนเล่น.. จนได้เรื่อง วิ่งไปไม่ถึงสิบนาที ก็ลื่นขาแหกเกือบ 180 องศา ปวดหนึบตรงขาหนีบมาก แต่ยังไม่เท่าข้อเท้าพลิก เพราะนั่นหมายความว่าตัวเองนั้น จะไม่สามารถออกไปวิ่งเล่นได้อย่างปกติแม้ฝนจะหยุดตกแล้วก็ตาม
ผมกับยองแจที่ตัดสินใจจะเดินไปส่งผมที่ป้ายรถประจำทาง มองซ้ายขวาอยู่ซักพักก่อนที่จะเดิน หลังจากที่ส่งเพื่อนตัวบิ๊กไซต์อย่างคิม ยูคยอมข้ามฝั่งเพื่อที่จะไปซ้อมกีฬากับทางฝั่งมหา’ลัย แต่เดินไปได้ไม่ถึงกลางทาง ชเวยองแจก็โดนพี่เจบีสอยไปซะแล้ว..
“จะกลับบ้านหรอ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่เจบีเปิดประตูฝั่งตรงข้ามกับคนขับ เป็นเชิงว่าให้ขึ้นไปได้เลย
“ผมจะเดิน เอ่อ..” ยองแจพูดกระตุกเล็กน้อย หันมาสบตาขอความช่วยเหลือจากผม ด้วยความที่ไม่อยากให้เพื่อนลำบาก ก็เลยบอกให้พี่เจบีส่งยองแจซะ อีกฝ่ายมองผมอย่างรู้สึกผิด ก่อนที่จะบอกขอบคุณพี่ชายก่อนขึ้นรถไป
ยองแจ(ของผม)ขี้เกรงใจ แถมยังไม่ค่อยกล้าปฏิเสธคนอื่นเท่าไหร่ ผมรู้และเข้าใจดี
“จะกลับบ้านหรอ เออไปส่งกูด้วยดิ” แต่อันเนี่ยแบมไม่เข้าใจ.. ฮัลโหลวว พี่จูเนียร์ เห็นหัวน้องไหม ?? ช่วยดูสภาพขาน้องหน่อยว่ามันปกติหรือปล่าว เดินผ่านกันไปแทบจะทันที ทักกันบ้างอะไรบ้าง หึ ไม่มีอะ เปิดประตูหลังแล้วขึ้นไปเลย
สุดท้ายกันต์พิมุกต์ก็เลยต้องเปลี่ยว เดินไปป้ายรถประจำทางคนเดียว พร้อมกับขาที่พันด้วยสแตรปส์จากอาจารย์ห้องพยาบาลคนสวย และ หลอดยาที่ใกล้หมดมาเป็นของแถม อาจารย์ใจดีมากครับ จะฝากทิ้งก็บอก..
ผมนั่งรอรถมาประมาณเกือบสิบนาที ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ามันจะมา หรือว่า ! รถมันจะละลายไปกับน้ำฝน ต้องใช่แน่แน่ แบมมั่นใจ
“แบม ?”
“หื้อ?” ผมหันไปมองคนเรียกด้วยหน้าตาที่ง่วงสุดๆ คงเป็นเพราะตอนออกไปเล่นน้ำฝนแน่เลยถึงได้เหนื่อยขนาดนี้ ดูสิ ขนาดพี่มาร์คยังมีตั้งสามคน “พี่มาร์ค.. ห้ะ พี่มาร์ค !” หันหน้าหนีกลับแทบไม่ทันอ่ะ
ตอนดูดีก็ไม่ค่อยโผล่มาเนอะคนเรา ชอบมาตอนหลุดๆ
ตอนชอบใครก็เป็นแบบนี้ตลอดนะสังคม *เบะปากทำจมูกบาน*
พี่มาร์คพยักหน้าก่อนที่จะนั่งลงที่ข้างๆผม วันนี้พี่มาร์คไม่ได้ใส่แว่น.. โอ่ยย ชอบแบบนี้ “ทำไมยังไม่กลับอะ เห็นจูเนียร์มันก็ออกไปแล้วหนิ”
“แบมรอรถอยู่ รอมาสิบนาทีกว่าแล้วเนี่ย ไม่รู้ว่าคนขับหลงทางหรือปล่าวถึงได้นานขนาดนี้” ผมบุ้ยปากไปทีนึง ก่อนที่จะพูดต่อ “พี่อย่าพูดถึงพี่จูเนียร์เลย รายนั้นนะ เดินผ่านหน้าไปเฉยเลย เห็นนี่หรือปล่าวก็ไม่รู้เลย นึกแล้วหมั่นไส้อยากเอาไข่ระเบิดไปปาใส่รั้วบ้าน” ผมได้ยินพี่มาร์คขำออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะถามอีกฝ่ายบ้าง “แล้วทำไมพี่ถึงเพิ่งออกมาอ่ะ”
“เข้าช็อปหน่ะ” ผมพยักหน้าเข้าใจ เพราะจำได้ว่าวันนึงตอนที่ผมยังไม่ได้กลับมานอนบ้านตัวเอง พี่เนียร์บอกช่วงอาทิตย์หน้าถึงเดือนหน้าอาจจะมีเข้าช็อป เวลาเลยไม่แน่นอน อาจจะไปรับไม่ได้.. หยั่มมาทำพูด เมื่อกี้เลิกเร็วพี่แกยังไม่คิดจะมารับเลย “แล้วนี่เป็นไร ?” ผมมองตามสายตาพี่มาร์คถึงได้เห็นว่าพี่เขามองที่ข้อเท้าอยู่
“มันเกิดเเอคซิเดนเล็กน้อยตอนแบมจะไปส่งงานหน่ะ”
“ไม่ใช่วิ่งฝ่าฝน”
“ห่ะ หื้ออ ไม่ใช่ เออ.. ใช่ก็ได้ พี่รู้ได้ไง?” พี่มาร์คชูหนังสือออกมาเล่มนึง มีตราโรงเรียนที่ปกเด่นหรา “ห้องสมุดที่มอไม่มีไงเนี่ย ถึงชอบมาจังที่ห้องสมุดโรงเรียน” พี่มาร์คยักไหล่แบบไม่สนใจเท่าไหร่
“เดี๋ยวนั่งรอรถเป็นเพื่อนแล้วกัน”
“เห่ย ไม่เป็นไรพี่ กลับไปก่อนก็ได้ แบมอยู่ได้” จริงๆแบมอยู่ได้ ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ช่วยเข้าใจนิดนึงได้ป่ะ ว่ามันหมายความว่าให้อยู่ พี่มาร์คเก่งอยู่แล้ว เพราะพี่มาร์คไม่ใช่คิงคองอ้วนยูคยอม
“ไม่ได้เอารถมาอยู่แล้ว ช่างเถอะ”
“แบมเกรงใจอ่ะ พี่มาร์คกลับก่อนก็ได้ พี่เข้าช็อปด้วย น่าจะเหนื่อยนะ พี่น่าจะรีบกละ..”
“อันตราย” คำพูดแค่นั้นที่ทำให้ผมเงียบทุกข้อโต้แย้ง.. มันเริ่มเย็นแล้ว อันตรายก็จริง แต่พี่มาร์คไม่มีทางรู้หรอกว่าอยู่กับพี่มาร์ค อันตรายกว่าแค่ไหน
เอะ..
แต่เมื่อกี้ก็อ้อยเข้าในใจว่าให้อยู่นี่หว่า ช่างมันแล้วกันโน้ะ
“ヽ(´▽`)ノ”
“คันนี้ ?” พี่มาร์คถาม เมื่อเห็นผมขยับก่อนที่รถประจำทางจะค่อยๆชะลอตัวจอดที่ป้าย “เดี๋ยวไปส่ง” แล้วพี่มาร์คก็เดินตามหลังผมขึ้นมาบนรถทันที บ้าชะมัด.. ทำไมใจมันเต้นไม่หยุดแบบนี้วะ
กลับถึงบ้านเดี๋ยวพ่อปล่อยให้เต้นแรงนะลูก ตอนนี้เงียบก่อนนะ ชู้วว ~
โชคดีที่ช่วงนี้มันค่อนข้างเย็นกว่าปกติ บนรถเลยมีที่นั่งพอสำหรับเรา ผมเลือกที่จะนั่งลงริมฝั่งหน้าต่าง อาจจะเป็นเพราะผมชอบที่จะนั่งมองรอบๆ หรืออะไรก็ตาม แต่สุดท้ายพี่มาร์คก็เลือกที่จะนั่งลงข้างๆผม ตัวรถเคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ เวลาช่วงเย็น ถึงแม้บนรถจะมีคนไม่มาก อาจเป็นเพราะหลายคนโตพอที่จะขับรถ หรือไม่ก็เลือกที่จะขึ้นรถโดยสารอย่างอื่นแทน คงไม่แปลก ถ้ารถมันจะติด.. และยิ่งวันนี้ฝนตกลงมา แน่นอนว่ามันทำให้รถติดยิ่งกว่าเดิม พี่มาร์คขยับตัวเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “เหนื่อย”
“หือ ?” ผมขมวดคิ้วก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงน้ำหนักบริเวณไหล่ หันไปมองเห็นเป็นพี่มาร์คหลับตาพิงไหล่ผมอยู่ ..เขาจะได้ยินเสียงหัวใจของผมมั้ยนะ มันเต้นแรงทุกครั้งที่เราเข้าใกล้กัน
คนที่ผมนึกว่านอนหลับไปแล้ว ยื่นหูฟังมาให้ข้างหนึ่ง พร้อมกับมองเหมือนอยากให้ฟังด้วยกัน ผมก็รับมาอย่าง งงๆ ผมยอมรับนะว่างงจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไม ริมฝีปากของผม มันยิ้มแบบนี้กัน.. เสียงเพลงจังหวะเบาๆ กับอากาศที่สบายจากตัวรถมันทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ไม่ยาก และคนข้างๆอย่างพี่มาร์คก็ดูเหมือนจะหลับไปแล้วจริงๆ ผมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ทุกครั้งที่ลอบมองอีกฝ่าย ทั้งที่ไม่มีอะไร แต่ทำไมผมถึงหยุดยิ้มไม่ได้หละ
ทุกครั้งที่ขึ้นรถประจำทาง ถ้าหากเลือกที่นั่งได้ ผมจะชอบเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง เพื่อที่จะได้มองวิวข้างทางด้านนอก แต่วันนี้ไม่รู้ทำไม.. วิวสวยๆข้างทางมันถึงดูไม่น่ามองเหมือนทุกวัน สายตาผมถึงได้หยุดมองที่คนข้างๆ
ผมมักจะไม่ชอบรถติดเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าผมจะชอบมองดูวิวตลอดข้างทางก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าวันนี้มันจะต่างออกไป ผมได้แต่ภาวนาขอให้ รถมันติดกว่าทุกวัน
ความคิดเห็น