คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ❥littlekid 。 – 02.1
“ไปแล้วนะครับแม่” ผมพูดบอกลาก่อนจะออกไปใส่รองเท้า เพื่อที่จะเตรียมไปโรงเรียน แต่ระหว่างที่กำลังใส่รองเท้าอยู่นั้น หางตาก็เหลือบไปเห็นสิ่งของที่มีความยาวพอประมาณ “ครับ ?”
“เอาไปเผื่อฝนตกสิ”
“แต่แดดมันเปรี้ยงมากเลยนะแม่”
“ก็เผื่อไว้ก่อนไง ใกล้หน้าฝนแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
ฟังอย่างนั้นผมจึงพยักหน้ารับพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณไป
“ไปมิน เดี๋ยวพ่อไปส่งหน้าปากซอย”
“อ่า.. ขอบคุณครับ”
.
“วันนี้มาเช้าจังเลยนะ” ผมให้ไปตามเสียงที่ลอยมาตามลม
ยังไม่ทันได้ทายว่าเป็นใครที่พูด เจ้าของเสียงก็ยืนอยู่ข้างๆผมแล้ว
“อะ..อื่อ โอ๊ตด้วย”
“มาลอกงานหนะ” อีกฝ่ายพูดพร้อมกับยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ทำเอาผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
ก็ตอนที่เขายิ้ม ตามันปิดจนดูเหมือนเด็กน้อยขนาดนั้น “เข้าไปพร้อมกันเลยมั้ย ?”
ผมพยักหน้าตอบกลับคำถามไป
เราทั้งสองคนเดินขึ้นไปบนอาคารเรียนอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่
แม้เขาจะบอกว่ามาลอกงานก็ตาม.. ไม่นานนักเราก็หยุดที่หน้าห้องของผม
ก่อนที่จะกล่าวบอกลากันเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ดูเสียมารยาท
“มิน!”
ยังไม่ทันทีประตูที่ผมเปิดจะถูกเปิดสุด
เสียงดังจากภายในห้องมันดังจนทำให้สะดุ้งเพราะความตกใจขึ้นมาได้
ผมใช้เวลาพิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะขานตอบไป “ครับ ?” แต่ทั้งที่ตอบกลับไปแล้ว
จนเดินมานั่งที่แล้ว คู่สนทนาก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย อ่า.. ถ้าจำไม่ผิด
คนคนนี้รู้สึกว่าจะอยู่ชั้นเดียวกัน ชื่ออะไรซักอย่างเนี่ยแหละที่ผมลืมไปแล้ว
“มิน มึงเล่นกีต้าร์เป็นใช่มั้ย!?” !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! แต่พอไม่ได้ตั้งตัว
อีกฝ่ายก็ถลาเข้ามา ทำตาปริบๆใส่ ผมพยักหน้าตอบไปทีสองที ยังไงหละเหมือนจะยังไม่หายตกใจเท่าไหร่หนะ
“ดีเลย คืองี้กูมีเรื่องให้ช่วย มึงไม่ปฏิเสธนะ ขอบคุณมาก”
เอ่อ.. กูยังไม่ตอบอะไรเลย
“รายละเอียดก็เดี๋ยวตอนเที่ยงกูมาบอกอีกที โอเคตั้งใจเรียนนะมึง บาย”
หลังจากที่เจ้าตัวพูดจบก็เดินออกจากนอกห้องไปเลย ไม่รอให้ผมได้ประมวลผลใดๆทั้งนั้น
แต่ช่างมันเหอะ มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร J
❥littlekid 。
สุดท้ายผมก็เดินมาตามทางที่มาร์คมันบอกเมื่อตอนกลางวัน(โอเค
ในที่สุดผมก็รู้ชื่อมันซะที)
เมื่อช่วงกลางวันเจ้าตัวมาบอกกับผมถึงเรื่องที่ขอให้ช่วย คือ
ให้ช่วยไปรับหน้าที่แทนมือกีต้าร์ที่เสือกตกบันไดบ้าน ซึ่งแขนต้องเข้าเฝือกสองเดือน
โดยวันแสดงคือวันเปิดบ้านซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกประมาณเดือนเศษข้างหน้า
หลังจากที่มันทุกข์มาราวๆสองวันกว่า มันก็ดันไปได้ข้อมูลมาว่าผมพอจะเล่นกีต้าร์ได้
มันเลยขู่บังคับให้ผมไปเล่นด้วยความเว้าวอนและเหตุผลพร้อมกับคำเยินยอร้อยแปดต่างๆนาๆ
สารภาพว่าผมรำคาญเสียงมันเลยตกลงไป และนั่นเป็นเหตุให้ผมมาหยุดอยู่หน้าห้องดนตรีของตึกมัธยมต้นที่พวกมันกับเพื่อนใช้เป็นห้องซ้อมแทนการนั่งรอใครบางคนลงมาจากตึกเรียน
เสียงพูดคุยในห้องดังระงมลอดออกมาภายใน ฟังแล้วดูวุ่นวายดี - -
ผมเลื่อนประตูกระจกขุ่นให้ออกไปพ้นทาง
สายตามองเข้าไปยังภายในห้องที่มีสมาชิกอยู่ประมาณห้าคน สี่คนนั่งส่งเสียงเล่นไพ่อยู่กลางห้องสองในนั้นมีมาร์คและสมาชิกอีกคนที่แขนเข้าเฝือกอยู่
ส่วนอีกหนึ่งคนนั่งอยู่บนโซฟาก้มมองแผ่นกระดาษในมือ
“เอ่อ..”
“ไง”
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก
เหมือนกับความคิดหยุดลง เมื่อน้ำเสียงที่หวานกว่าผู้ชายปกติดังขึ้น
รอยยิ้มเล็กๆจากสมาชิกที่นั่งบนโซฟาส่งมา พร้อมกับการเลิกคิ้วทักทาย ผมจึงส่งยิ้มตอบกลับไปตามแบบของตัวเอง
ดันพูดไม่ออกซะได้แฮะ..
“อ่าว มาแล้วหรอ ช้านะมึงอะ” มาร์คเงยหน้าขึ้นมาทักเมื่อเห็นว่าผมเดินเข้ามาภายในห้องแล้วก็หันไปสนใจในวงธุรกิจของมันต่อ
ผมจึงตัดสินใจเดินไปนั่งที่โซฟาเดียวกับเขา แล้วก็เกิดเป็นความเงียบระหว่างเราทั้งคู่
มีเพียงเสียงจากทั้งสี่คนที่นั่งไม่ไกลเท่านั้น
ราวๆสิบนาที กว่าที่พวกนั้นจะเลิกเล่นแล้วหันมาเอาจริงเอาจังกว่าเดิม
มาร์คแนะนำสมาชิกในวง(ไพ่)ให้ผมรู้จักทีละคน
ก่อนที่จะจบลงที่คนสุดท้ายที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากผม
“ส่วนนั่นมึงคงรู้จักดี เห็นไอ่แบงค์ห้องมึงบอกว่ากิ๊กกันอยู่
กูคงไม่ต้องแนะนำเนอะ” มันพูดพร้อมกับส่งสายตาเชิงล้อเลียนออกมา
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรออกไป สลิปเปอร์สีขาวก็ประกบกับใบหน้าด้านข้างของมัน
คงไม่ต้องบอกว่ามันมาจากไหน
“ไม่ต้องไปฟังมันมากหรอก มันบ้าหนะ”
“อะ..อือ”
สมาชิกแต่ละคนก็เริ่มเข้าประจำเครื่องดนตรีของตนเอง
ยกเว้นผมที่มาใหม่กับเฟิร์บที่สภาพร่างกายไม่พร้อม(ที่แขนเดี้ยงนั่นแหละครับ)
“ไม่ๆมึง ‘โทษทีกูลืมบอก” ระหว่างที่ผมกำลังซ้อมในแต่ละเพลงที่มุมของห้อง
เฟิร์บมันก็มาช่วยบอกรายละเอียดการเล่นในแต่ละช่วงให้มันง่ายขึ้น
จนถึงท่อนหนึ่งของเพลงมันก็บอกให้ผมหยุดเล่น ก่อนที่จะลื้อๆกองกระดาษจนเจอแผ่นที่ต้องการแล้วเอามาวางไว้ข้างๆกับเพลงที่ผมเล่นก่อนหน้า
“ตรงช่วงนี้อะ พวกกูปรับให้มันมีโซโล่ของกีต้าร์ด้วย แบบเอาไว้ในสาวกรี้ด จริงๆเสียงกรี้ดควรจะเป็นของกู
แต่ไม่เป็นไรเป็นของมึงก็ได้ กูไม่ถือ ลองใหม่ดิ”
ผมลอบขำเบาเบาให้กับความคิดด้านบวกของมันก่อนที่จะเริ่มซ้อมท่อนโซโล่ที่เจ้าตัวพรีเซนต์เต็มที่
บางช่วงมันก็ทำหน้าพึงพอใจ บางช่วงมันก็ทำหน้ายักษ์ใส่ จริงๆมันก็ตลกดี
ป้าบ
ความเจ็บเล่นริ้วเข้ามาที่ไหล่ซ้ายของผม เรียกให้สายตาตวัดไปที่ตัวต้นเหตุ “ตีกูทำไมเนี่ย”
ผมถามพร้อมกับส่งหน้ายุ่งๆไปให้มันที่มือข้างที่ไม่เป็นอะไรถือม้วนกระดาษที่หนาพอควรไว้อยู่
“ก็มึงเหม่อ อยากไปซ้อมกับพวกนั้นมึงก็เล่นให้ได้ก่อนดิ” มันพูดพร้อมกับบุ่ยปากไปแถวๆกลางห้องที่มีสมาชิกที่เหลือซ้อมเต็มเพลงกันอยู่
นี่ขนาดว่าซ้อมกันแค่อาทิตย์กว่า ฟอร์มยังโอเคขนาดนี้เลย แม่.งเจ๋งดีว่ะ
ว่าแต่เมื่อกี้ผมเหม่อไปทางนั้นหรอ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ ให้ตายสิ
ขนาดมีสิ่งอื่นให้สนใจ เขายังดึงดูดสายตาได้ ชักจะน่ากลัวไปแล้วนะ
“พอก่อนได้มั้ย กูขี้เกียจแล้ว จะกลับบ้าน” ผมให้ไปมองตามเสียง
เป็นมาร์คที่พูดขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าเหนื่อยล้าเต็มที่
เป็นเหตุให้ว่าหยุดเพียงเท่านี้ “ไปเข้าห้องน้ำแปบ มีใครไปมั้ย ?”
หลังจากที่มันถามผมก็ตะโกนบอกให้มันรอผม
เพราะทันทีที่มันพูดจบก็เดินดุ่มๆออกไปไม่รอเลย
ตอนที่เดินไปเข้าห้องน้ำท้องฟ้าก็ดูมืด ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่ามันคงจะมืดตามเวลา
แต่ปล่าวเลย เพราะพอเข้าห้องน้ำเสร็จห่าฝนก็เทลงมาเหมือนไม่เคยตกลงมาก่อน
ตกเหมือนวันพรุ่งนี้โลกจะแตก ไม่ได้ตก เป็นอันว่าเราทั้งสองคนคือผมกับเขา..ต้องรอให้ฝนซากว่านี้ถึงจะออกไปได้
ไม่ผิดหรอกครับ แค่ผมกับเขาเท่านั้น เพราะระหว่างทางไปห้องน้ำ โทรศัพท์มาร์คมันดังขึ้น
เจ้าตัวทำตาตื่นแล้ววิ่งกลับไปห้องดนตรีพร้อมกับบอกลาผมเลย
และหลังจากที่เข้าห้องน้ำเสร็จ เดินกลับมาที่ห้อง สมาชิกคนอื่นก็กลับหมดแล้ว
ยกเว้น เขาเพียงคนเดียว
ผมกับเขานั่งอยู่ริมประตูรอดูว่าเมื่อไหร่ฝนจะซาลง พร้อมกับพูดคุยกันเล็กน้อย “ฝนซาลงแล้ว
มินจะกลับเลยมั้ย”
“ก็คงกลับเลย เผื่อมันตกหนักกว่าเดิมอะ โอ๊ตหละ ?”
“เราไม่มีร่มคงรอให้ฝนหยุดก่อนอะ”
“เอ่อ.. ถ้าไม่คิดอะไรกลับกับเราก็ได้ เมื่อเช้าแม่ให้เราเอาร่มมา” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มแหยะๆให้เขา
กลัว.. ว่าเขาจะปฏิเสธ และก็กลัว กลัวว่าหัวใจตัวเองจะเต้นแรงถ้าเขาตอบตกลง
“ถ้างั้นรบกวนด้วยนะ”
อ่า.. ขอบคุณสำหรับร่มอีกครั้งนะครับแม่ :
)
ความคิดเห็น