ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ❥littlekid 。 – minoat ☁

    ลำดับตอนที่ #2 : ❥littlekid 。 – 01.1

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 58








    ( cr. @PrincePipo )
     
     
     
     
     
    littlekid  – 01.1

    อีกแล้ว.. ได้พบได้เจอกับเธออีกแล้ว
    ถึงแม้ว่าการเจอกันในตอนนี้จะเป็นเพราะผมจงใจ
    แต่ถ้าให้เข้าไปทัก ผมคงไม่กล้า...
     — min
     








     
     
     
     

              ห้า..





              สี่..



              สาม..



              สอง..



              หนึ่ง..



              อ่า วันนี้ก็น่ารักอีกแล้วแฮะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่สายตาของผมจับจ้องไปที่ใบหน้าน่ารักนั่น แก้มป่องๆของเขามันดูเข้ากับเขามาเลยเนอะ ทำยังไงดีหละผมละสายตาจากเขาไม่ได้เลย ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเขาต้องรู้แน่ๆว่าผมแอบมองเขาแบบนี้



              “น่ารักเนอะ”



              “อื้อ..” ผมพยักหน้าเพราะครางตอบรับเสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นข้างหูของตัวเอง ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าในตอนก่อนหน้าผมอยู่ที่นี่คนเดียว “เอ้า ไอ่เชี้ยมาตอนไหนวะ ?”



              “ก็ตั้งแต่ตอนที่มึงเริ่มทำตาเคลิ้มใส่เด็กห้องแปดไง” แบงค์ตอบพร้อมกับทำท่าทางล้อเลียนแปลกๆที่ผมควรจะคิดได้ว่าไม่น่าเสียเวลาไปมองเลยแม้แต่น้อย - - “แล้วนี่ยังไงชอบจริงๆหรอวะ”



              “อะไร”



              “ก็.. เด็กห้องแปดนั่นไง” พูดพร้อมบุ้ยปากไปทางโต๊ะกินข้าวในโรงอาหารที่ตอนนี้เริ่มเต็มไปด้วยขนม ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรืออะไร ที่ที่ผมนั่งสามารถมองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน โดยที่ไม่มีอะไรมาบดบัง “ไอโอ๊ตอะ มึงชอบจริงหรอวะ เห็นมองตามซะ– ตบทำไมหละไอซัซ” ผมเบะปากใส่มันไปและไม่ลืมที่จะมอบของรางวัลในความคิดสุดติ่งให้กับมันด้วยเช่นกัน



              “เพ้อเจ้อไม๊มึง กูก็แค่เห็นว่าเขาน่ารักดี ก็เลยมอง” ผมตอบกลับไปก่อนที่จะใช้หลอดคนแก้วน้ำที่ซื้อไว้ซึ่งตอนนี้ละลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



              “หื้ออ ชอบก็บอกชอบ กูไม่ว่าหรอก” แบงค์พูดพร้อมกับบีบเข้าที่ไล่ของผมเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจ โอเค.. ผมยอมแพ้กับการคิดเรื่องราวของแบงค์มาก “ไม่ต้องอาย เข้าไปทักเลย มันไม่กัดหรอก”



              ถ้ามันทำได้ง่ายแบบนั้นก็ดีดิวะ...



              “อ่าว โอ๊ตจะรีบไปไหนวะ” ให้ตายเหอะ ผมว่าผมไม่ควรจะเลือกไปสนิทกับมันเลย จากที่ได้นั่งมองเล็กน้อยในยามเช้าให้วันของผมดูสดใสเหมือนรอยยิ้มเขา กลับต้องมานั่งส่งยิ้มแหยะๆให้เขาพร้อมกับปั้นหน้าปกติให้มากที่สุด



              นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมหัวใจผมมันเต้นแรงขนาดนี้หละ แค่เขายิ้มตอบกลับมาเองนะ..



              “อ่อ.. เราจะไปเอาของเป็นเพื่อนกายอะ พี่มันเอาของมาฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์หนะ”



              “อื้ม เข้าใจละ งั้นตอนเที่ยงเจอกัน” เขายิ้มให้กับแบงค์พร้อมกับโบกมือลาเพื่อเดินไปหาเพื่อนของเขา “เงียบเชียวมึง เขิน ?”



              “กูไม่ได้สนิทกับเขาแบบมึงหนิ จะให้กูพูดอะไรหละ”



              “แหนะ.. พูดแบบนี้สงสัยอิจฉา” มันพูดก่อนที่จะทำให้เชิ่ดใส่ผมที่นั่งมองอยู่ “จริงๆกูสนิทแค่กับกายปะวะ เลยพลอยได้คุยกับโอ๊ตมันบ้าง แต่จากนี้น้องมินไม่ต้องเสียใจนะครับ พี่แบงค์จะช่วยเอง
    J



              ทำไมกันนะ.. ทำไมผมถึงยอมฟังมันพูดจนจบได้ขนาดนี้กัน เสียเวลาชิบหาย
    =_______________=































              “...”




              “มิน”




              “ไอมิน
    !





              “ห้ะ !?” ผมสะดุ้งเมื่อเสียงเรียกจากแบงค์และมีนดังขึ้น ระหว่างที่เรากำลังเดินเปลี่ยนตึกเพื่อไปเรียนที่ตึก 3 ผมหันไปมองหน้าพวกมันสองคนพลางเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามประมาณว่าจะเรียกเสียงดังทำไม




              “นั่นมึงกำลังจะเดินไปไหน ?”




              “ตึก 3 ดิ จะให้กูเดินไปไหนหล่ะ” ผมตอบแบงค์ที่กำลังท้าวเอวมองมาที่ผมด้วยหน้าตาหาเรื่อง ประกอบกับด้านข้างที่มีมีนยืนกอดอกแล้วกระตุกยิ้มชนิดที่ว่าสาวๆเห็นเป็นต้องเคลิ้มตาม..




              แต่มึงครับ นี่โรงเรียนชายล้วนมั้ย.. ไม่ต้องยิ้มอ้อย -~-




              แรงตบเบาๆที่ไหล่ขวาทำให้ผมหันไปมองสมาชิกคนสุดท้ายของกลุ่มที่ยืนอยู่ข้างกัน ฟีฟ่าตบไหล่ผมพร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้นมา “คือกูก็รู้นะว่ามึงเข้ามาใหม่ปีนี้ แต่นี่มันเดือนกว่าแล้ว มึงยังจำไม่ได้อีกหรอวะว่าตึกไหนอยู่ทางไหน




              หลังจากที่จบประโยคของฟีฟ่า ผมถึงได้เริ่มสังเกตว่าทิศทางที่ผมกำลังเดินมันคือทางไหน ก่อนที่จะพบว่ามันคือฝั่งตรงกันข้ามของตึกเป้าหมายที่พวกเราต้องไปเรียน ผมจึงได้ส่งยิ้มแห้งๆไปให้พวกมันแล้วเดินตามพวกมันสามคนไป




              ใครจะยอมให้พวกมันรู้กันหละว่าตึกที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียน จะเล็กกว่าใครบางคนที่เดินเข้ามาในสายตาของผมเสียอีก




              “เอ้า ช้าอีกนะมึง” มีนหันหลังกลับมามองผมที่ดูเหมือนจะทิ้งระยะห่างจากพวกมันสามคนมากพอสมควร “นี่มึงคิดว่าหน้าตาน่ารักของมึงจะช่วยให้มึงรอดพ้นจากมิสอรดีได้หรือไง” มันเดินเข้ามาคว้าคอของผมเข้าไปกอดด้วยแรงเต็มรักแล้วเดินลากผมออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว




              กว่าจะพากันมาถึงห้องได้นี่ก็หวิดเสี่ยงตกบันไดตายไปหลายรอบเลยเหมือนกัน พวกเราเริ่มจับจองที่นั่งกันในขณะที่มิสอรดีก็เริ่มเตรียมบทเรียนคณิตศาสตร์ที่กำลังจะตามมาหลอกหลอนสมาชิกในห้อง เวลาผ่านไปประมาณครึ่งคาบ สมาชิกในห้องก็เริ่มทยอยก้มหน้าตั้งใจเรียนจนหน้าชิดหนังสือ และผมเองก็ไม่ต่างกัน..







              .


              “เอ่อ.. คือ” เสียงที่ดูไม่คุ้นหูดังขึ้น เรียกให้ผมตื่นจากนิทราที่ผมเผลอหลับใหลไปอย่างไม่ได้จงใจ มือข้างหนึ่งถูกใช้มาขยี้ผมจนฟู สายตาที่ยังปรับโฟกัสได้ไม่ดีมองไปรอบๆห้องถึงได้รับรู้ว่าผมถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว




              “ฮัลโหล ~ มินมองไปทางไหนกันไหน”




              !!!!!!!!!!!




              ทำไม.. ตรงหน้าผม ถึงเป็นเขากันหล่ะ !?




              “เหม่ออีกแล้ว” เขาตบโต๊ะที่ผมใช้เบาๆเป็นการเรียกสติของผมให้กลับมา “เราเห็นมินนอนอยู่ในห้องคนเดียวเลยว่าจะชวนลงไปข้างล่างพร้อมกันหนะ”  เขาพูดพร้อมกับใช้นิ้วชี้ออกไปที่ด้านนอกของห้อง พร้อมกับฉีกยิ้มตามแบบฉบับของเขาออกมา ผมเม้มปากพลางเสมองไปทิศทางอื่น ก่อนที่จะพยักหน้าตอบตกลงไป




              “อือ ไปสิ”




              อ่า.. ทำยังไงดีหละ ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะฉีกยิ้มที่กว้างที่สุดออกมาแล้วนะ




              ระหว่างทางที่เดินทั้งผมและเขาต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่ที่น่าแปลกคือความเงียบนี้มันไม่ได้อึดอัดตามแบบที่มันควรจะรู้สึก ในทางกลับกันผมรู้สึกชอบความเงียบในเวลานี้ที่สุด และหวังว่าเขาจะชอบมันเหมือนกับผม..




              ผมพยายามนึกคำพูดที่จะพูดกับเขา ได้แต่เรียบเรียงมันมาตลอดทาง จนกระทั่งเดินมาถึงโต๊ะที่เพื่อนของผมนั่งอยู่ ส่วนเขาก็ขอตัวไปหาเพื่อนของเขาเหมือนกัน






              สุดท้าย.. ผมก็ยังไม่กล้าจะชวนเขาคุยอยู่ดีนั่นแหละ ._____________________. 









     







     

     

    littlekid 



















     

              ตอนนี้เลยเวลาเลิกเรียนมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง จำนวนนักเรียนก็ดูร่อยหรอลงไปมากพอสมควร ที่เหลืออยู่ก็ดูจะมีพวกชมรมดนตรี ชมรมฟุตบอล กีฬาอะไรเทือกนี้ ผมนั่งมองหน้ากระดาษบนโต๊ะที่ปลิวเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆอย่างเบื่อหน่าย มือข้างหนึ่งใช้ท้าวคางตัวเอง ส่วนอีกข้างก็ควงปากกาเล่น




              รอ.. ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะลงมาจากตึกซะที เพราะถ้าผมไม่เห็นว่าเขากลับได้อย่างปลอดภัยผมคงไม่เป็นอันทำอะไรแน่




              ในวันกลางสัปดาห์แบบนี้ เขามันจะลงมาคนท้ายๆกับเพื่อนในห้องของเขาอีกประมาณสองถึงสามคน ก่อนที่เพื่อนที่ลงมาด้วยกันจะแยกไปเข้าร่วมกิจกรรมของชมรม ส่วนตัวของเขาก็มักจะเดินออกไปนอกโรงเรียนเลย ก็จะมีบางครั้งที่เขายังคงอยู่ในเขตโรงเรียนก่อน แต่วันนี้..ไม่




              ผมไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ผมโกยของที่วางไว้บนโต๊ะเข้ากระเป๋าแล้วเดินตามเขาออกไป รู้สึกตัวอีกที่ก็ตอนที่เสียงของผู้คนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าดังขึ้นรอบตัวของผม พร้อมกับเสียงสัญญาณร้องปิดประตู ผมเม้มปากอย่างใช้ความคิดที่เหตุการณ์ก่อนหน้าที่ผมเผลอตัวเป็นแบบนี้อีกแล้ว




              อา.. ผมรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะเป็นสตอล์กเกอร์มากขึ้นทุกวันแล้วหละสิ




              “เจอกันอีกแล้วเนอะ”




              ผมหันไปตามเสียงพูดที่จู่ๆก็ดังขึ้นมา รอยยิ้มอ่อนๆของเขาที่ส่งมาให้ทำเอาหัวใจของผมรู้สึกเต้นเร็วกว่าปกติ ราวกับว่ากำลังลุ้นอะไรอยู่




              “อะ.. อือ”




              ผมเกลียด เกลียดตัวเองที่ทุกครั้งที่เจอเขาผมมักจะพูดไม่ออก ทั้งที่ตลอดเวลาผมมักจะยิ้มและพูดคุยกับคนอื่นได้อย่างสนุกสนาน แต่กับเขาผมรู้สึกความเป็นตัวเองสูญหายไปหมด เขาเหมือนกอบกุมโลกของผมไว้ด้วยรอยยิ้มของเขา รอยยิ้มที่สะกดทุกอย่าง รอยยิ้มที่ไม่ว่าจะส่งมาให้ผมตอนไหนก็มักทำให้ผมเสียความเป็นตัวเอง




              แต่ถ้าความเป็นตัวเองของผมมันสูญหายไปบ่อยๆ มันก็คงไม่ดีแน่ เพราะโอกาสมันไม่ได้มีมาตลอด ผมคงต้องลองเลิกเรียบเรียงประโยค แล้วพูดกับเขาให้เหมือนที่ผมพูดกับคนอื่นได้ซะที




              “นี่กำลังจะกลับบ้านหรอ” เขาถามพลางเซมองออกไปนอกหน้าต่าง 
     ในขณะที่ผมยืนพิงแผ่นกระจกที่กั้นระหว่างคนนั่งกับประตู มองใบหน้าของเขา ขออย่าให้เขารู้ตัวเลยว่าผมกำลังมองเขาอยู่ ให้ผมได้มองต่อไปนั่นแหละ ดีแล้ว.. “ไปทางเดียวกันเลยแฮะ”




              ผมครางตอบรับในลำคอไปหวังว่าเขาจะได้ยิน และหวังว่าเขาจะไม่รำคาญตัวผมที่เป็นแบบนี้ “ท–ทำไมลงหละ ?” ผมอยากจะตบปากตัวเองดูซักทีเมื่อผมโพล่งถามเข้าออกไปทันทีที่เขาพูดจบว่าจะลงสถานีต่อไป ทั้งที่ปกติเขาจะลงอีกสามสถานีต่อจากนี้ ..กลัวว่าเขาจะรู้ว่าผมรู้ว่าปกติเขาลงสถานีไหน กลัวว่าเขาจะคิดว่าผมเป็นพวกโรคจิต




              “หาอะไรกินหนะ ไปด้วยกันป่าว ?”




              แต่แล้วความระแวงของผมก็เป็นอันสิ้นสุดไปเมื่อเขาไม่ได้เอะใจอะไร




              ผมกับเขาลงที่สถานีสยามก่อนจะเดินต่อไปอีกนิดเพื่อไปเซ็นทรัลเวิร์ด ผมเดินตามหลังเขามองดูเขาพูดด้วยความรู้สึกดีเล็กๆ น้ำเสียงขัดใจที่ดูราวกับเด็กของเขาถูกส่งมาให้ผมเมื่อผมไม่ยอมพูดตอบ




              ให้ตายเหอะ เขาจะทำให้แก้มของผมปริไปถึงไหนกัน




              อาจจะเป็นเพราะตอนนี้เป็นเวลาเย็น ผู้คนเลยดูมากขึ้น กว่าที่จะเดินมาถึงก็ใช้เวลาพอสมควร จากที่ผมเคยเดินซ้อนหลังเขาก็เปลี่ยนมาเดินข้างๆกัน




              “โอ๊ตจะกินไรอะ”




              “ไม่รู้ดิ เรายังไม่ค่อยหิวเลย มินหิวยังอะ”




              “เราก็ยังไม่ค่อยหิวนะ เดินเล่นก่อนมั้ยละ”




              “งั้นไปบีทูเอสกันนะ” เขาเดินนำไปจนถึงชั้นสี่ของห้าง เดินตรงเข้าไปยังโซนซีดี หยิบอัลบั้มนู้น อัลบั้มนี้มาดู คิ้วก็ขมวนเข้าหากันราวกับตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกเอาชิ้นไหน ก่อนที่จะปล่อยพวกมันไว้ยังชั้นวางของเหมือนเดิมแล้วเลือกอันใหม่ขึ้นมา




              ผมมองดูเขาเดินเลือกไปเพลินๆ มีบ้างบางครั้งที่เขาหันมาถามความคิดเห็นจากผม ก่อนที่เขาจะนิ่งค้างไปซักพักแล้ววางของในมือลง ใบหน้าของเขาดูลอกแลกไม่เป็นปกติจนผมอดเป็นห่วงและแปลกใจไม่ได้




              “ท้องร้องแล้วอะ ไปหาอะไรกินกันเหอะ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มจนตาแทบปิดมาให้ผม มือเล็กคว้าเข้าที่แขนของผมแล้วลากออกไปด้านนอกโดยเร็ว




              ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก




              ผมหวังว่าความหิวของเขาจะทำให้เขาไม่รู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจผมนะ




              เราทั้งคู่เดินวนรอบโซนร้านอาหารประมาณเกือบสองรอบ ก่อนที่สุดท้ายจะจบด้วยร้านไก่ทอดที่ชั้น6 โชคดีหน่อยที่คนต่อคิวมีไม่เยอะแบบที่คิดไว้ แต่เขาก็ท่าทางหิวจริงๆ




              “ในกระเป๋าเรามีขนมนะ รองท้องก่อนมั้ย ?” ผมก้มหน้าถามเขาที่นั่งรอคิวอยู่บริเวณเก้าอี้หน้าร้าน เขาทำปากเบะเล็กน้อยแล้วส่ายหน้าใส่ผม




              “ไม่เป็นไร มินเก็บไว้เถอะเผื่อเวลามินหิวไง”




              “แต่ตอนนี้โอ๊ตหิวไม่ใช่หรอ เอาขนมในกระเป๋าเราไปรองท้องก่อน”




              “แต่วะ—”




              “งั้นแบ่งกัน” ผมตัดจบโดยการพูดแทรกประโยคเหตุผลที่เขาจะยกมาปฏิเสธ และมัดมือชกด้วยการหยิบขนมล็อคเกอร์ออกมาจากกระเป๋าตัวเอง แล้วยื่นมันให้เขา ก่อนจะวางกระเป๋าไว้บนพื้นพิงกับขาเก้าอี้ไว้เหมือนเดิม เขาส่งสายตาลำบากใจมาให้ผม ผมจึงทำได้แค่ส่งยิ้มบางบางให้เขา




              เขารับขนมจากมือผมและแกะห่อออก แบ่งครึ่งหนึ่งออกมาให้ผมตามที่ตกลงกัน ผมยิ้มรับเป็นเชิงขอบคุณ มองเขาที่ค่อยๆกินขนมในมือตัวเองอย่างนึกเอ็นดู อาจจะเป็นเพราะร่างกายของผมที่มันมักไวกว่าความคิดทุกครั้งถึงทำให้มือข้างที่ว่างของผมเผลอไปลูบเบาๆที่ศีรษะของเขา แรงสะดุ้งเล็กเล็กจากร่างกายของเขาทำให้ผมชักมือกลับอย่างไว้ด้วยความตกใจไม่แพ้กัน




              เขากัดปากตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่จะเลื่อนมือมาจับมือของผมไปวางไว้บนศีรษะของเขาเหมือนเดิม เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมแล้วฉีกยิ้มออกมา




              “เราแค่ตกใจเฉยๆ ไม่มีอะไร แต่ถ้ามินอยากลูบเราก็ไม่ว่าหรอกนะ..”




              “?”




              “เราชอบ..”
































     

    — TBC —

    เป็นการแบ่งเปอร์เซ็นได้เหมือนตกเลขมาก55555555555555555555
    แต่ไม่เป็นไรนะ เราไม่ถือ วร้ายวร้าย ♥
    แต่งได้ธรธเคะแตกมาก ร้องไห้แรง.. เดี๋ยวตอนหน้าคืนความแมนให้นะลูก-...-
    ครบร้อยแล้ว คอมเม้นท์ได้แล้วนะรู้ยางงงงง ~
    อิ้อิ้.







     

     

    theme cr. – TF:)






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×