ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✎iKON —PICKKAPOOO ✦ BJIN

    ลำดับตอนที่ #1 : os♡ – l i p s

    • อัปเดตล่าสุด 29 ม.ค. 59















              Title : Lips
              Pairing : Hanbin x Jinhwan 
              Rate : PG - 15




              หนึ่ง



              สอง



              สาม



              “สี่ครั้งแล้วนะครับเทอมนี้” ฮันบินเงยหน้าขึ้นหวังสบตากับคู่สนทนาตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจที่มีจะไม่มากพอให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มกับตัวเองอย่างอดไม่ได้ 



              เสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นเป็นจังหวะ ดวงตาเรียวเล็กจ้องมองไปยังสมาร์ทโฟนในมือ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันราวกับมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ริมฝีปากขยับพึมพำคำพูดต่างๆออกมาไม่ขาดสาย ดูเหมือนเจ้าตัวจะลืมไปแล้วว่าในห้องนี้มีคนอื่นนอกจากตัวเองอยู่



              “รุ่นพี่ครับ ฟังผมอยู่หรือปล่าว”



              “เออๆ มีอะไรก็รีบพูดมา” 



              เฮ้อ.. ประโยคแบบนี้มันแปลว่าไม่ได้สนใจฟังคำที่เขาพูดเลยสินะ ให้ตายเถอะ “เทอมนี้พี่เข้าห้องปกครองไปสี่ครั้งแล้วนะครับ”



              “มึงเข้าบ่อยกว่ากูอีก”



              “นั่นเพราะผมเข้าไปทำงาน แต่พี่ไม่ใช่” ดวงตาคู่คมยังคงจ้องมองไปที่คู่สนทนาไม่เคลื่อนย้ายไปไหน จึงไม่แปลกใจหนักถ้าหากจะเห็นว่าอีกฝ่ายเบะปากออกทำสีหน้าล้อเลียนอย่างไม่เกรงกลัว ก็แน่แหละขนาดอาจารย์เจ้าตัวยังไม่สนใจ แล้วเขาที่เป็นรุ่นน้องที่โดนอาจารย์โยนงานมาให้รับผิดชอบต่อหละ ก็คงไม่ต้องคิดถึงผลลัพธ์ “ถ้าพี่เข้าห้องปกครองอีกครั้ง ต้องเรียกพบผู้ปกครองแล้วนะครับ”



              ได้ผล.. ครั้งนี้อีกฝ่ายยอมเงยหน้าขึ้นจากสมาร์ทโฟนในมือมามองเขาตอบ ความเงียบเข้าปกคลุม ไม่มีเสียงใดดังขึ้นมารบกวนเหมือนตอนก่อนหน้า มีเพียงรอยยิ้มโง่ๆของประธานสภากับดวงตาเอาเรื่องของนักเรียนในความดูแล



              “เอาเป็นว่าครั้งนี้ผมจะปล่อยไปก่อน ยังไม่มีบทลงโทษอะไรนะครับ”



              “มึงไง..”



              “ครับ ?”



              “ก็มึงไงผู้ปกครองกู เตรียมหาเวลาว่างเข้าไปพบอาจารย์ได้เลย กูไปละ” สิ้นสุดประโยคบานประตูก็ถูกปิดลงพร้อมกับคนพูดที่ออกไปจากห้องแล้ว ฮันบินทอดสายตามองไปยังบานประตูที่นิ่งสนิท ก่อนที่จะก้มลงมองเอกสารบนโต๊ะที่ถูกกางออกไว้ตั้งแต่แรก หนังสือความประพฤติของนักเรียนมัธยมปลายปีที่ 3 ห้อง 4 



              ‘คิม จินฮวาน’



              กวาดสายตาอ่านความประพฤติทั้งหมดที่ถูกบันทึกลงไปอย่างหน่ายใจ เมื่อพบว่าข้อความที่บันทึกส่วนมากเต็มไปด้วยการทะเลาะวิวาท บอกตามตรงเลยว่าตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เมื่อไปถึงห้องปกครองแล้วอาจารย์ซองตัดสินใจให้เขาดูความประพฤติของรุ่นพี่ตัวเล็ก ในตอนนั้นก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับไปแบบมึนงง โดยไม่รู้เหตุผลอะไรเลย..



              มือทั้งสองข้างรวบรวมเอกสารเข้าด้วยกันอย่างเป็นระเบียบ ตัดสินใจแล้วว่าจะหอบงานบางส่วนกลับไปทำที่บ้าน จึงแบ่งงานออกบางส่วนอย่างไม่เร่งรีบนัก สมาธิทั้งหมดถูกเอกสารดังกล่าวดูดไปเสียหมดจนกระทั่งน้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง



              “ฮันบิน” เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นแทนการขานรับ “แบตโทรศัพท์กูหมด ฝากบอกแม่ด้วยว่ากูกลับช้า” เป็นอีกครั้งที่สิ้นสุดประโยคคนพูดมักจะหายตัวไปทันที



              หรือเหตุผลจะเป็นเพราะเขากับพี่จินฮวานสนิทกัน ?





              .

              เข็มสั้นล่วงเลยมาถึงเลขสิบเอ็ดแล้ว ยังคงไร้วี่แววของคนตัวเล็ก เขาก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าวันศุกร์แบบนี้ นักเรียนบางคนเลือกที่จะกลับบ้านดึกหนะ แต่นี่มันออกจะดึกเกินไปไหม สำหรับเด็กมัธยมน่ะ ? หลังจากที่เคลียร์งานที่หอบจากสภามาทำ ฮันบินก็นั่งกอดอกมองภาพตัวเองที่ถูกสะท้อนโดยโทรทัศน์ที่ไม่ได้ถูกใช้งาน นั่งมาราวๆชั่วโมงกว่าได้ ก็ยังไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะกลับเข้าบ้านมาเลย 



              เสียงกลอนประตูถูกปลดทำให้คนนั่งรอหลุดออกจากภวังค์ สายตามองไปยังบานประตูที่เปิดออกอย่างช้าๆ พยายามทำให้เงียบที่สุด เพราะเจ้าตัวก็ดูจะรู้ว่าเวลานี้คนในบ้านเข้าสู่นิทรากันหมด เว้นแต่..



              “ฮันบิน ทำแผลให้กูหน่อยดิ” 



              สองร่างพากันขึ้นมาชั้นบนของตัวบ้าน ก่อนจะตรงเข้าสู่ห้องนอนของคนตัวสูงกว่า เจ้าของห้องเดินเลี่ยงไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลในขณะที่ผู้มาเยือนก็เดินตรงไปนั่งลงบนเตียงนิ่มในผ้าปูที่นอนลายการ์ตูนคลาสสิก



              ก้อนสำลีชุบแอลกอฮอล์ทุกกดลงรอบบาดแผลทั้งที่โหนกแก้ม หางคิ้ว หลังมือ และริมฝีปาก ก่อนที่จะทำความสะอาดด้วยน้ำเกลืออีกครั้ง บุรุษพยาบาลจำเป็นขมวดคิ้วติดกันทันทีที่เห็นบาดแผลของอีกคน ครั้งนี้ดูเหมือนมันจะมากกว่ครั้งไหนๆ แต่โชคดีตรงที่ส่วนมากเป็นเพียงแค่ลอยถลอก เพราะถ้ามันมากกว่านี้ เขาก็กลัวว่าจากที่เคยห้ามอีกคนมีเรื่อง จะเป็นเขาซะเองนี่แหละที่มีเรื่อง



              จินฮวานลอบมองใบหน้าของน้องชายตามกฎหมายที่นั่งชันเข่าทำแผลให้ทั้งที่ยังขมวดคิ้วไม่คลายด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ดูจากรูปการแล้ว ถ้าทำแผลเสร็จ เขาอาจจะต้องฟังอีกคนบ่นยันเช้าแน่ๆ 



              “หน้าหนาวก็ไม่ใช่ ทำไมมึงชอบปล่อยให้ปากแตก” พูดออกมาพร้อมกันกับนิ้วเล็กสะกิดเข้าที่ริมฝีปากของคนที่อยู่เบื้องหน้า “ลอกได้เป็นแผ่นเลย” ก่อนที่มือซุกซนจะถูกคว้าไว้เป็นการบังคับให้หยุด ดวงตาคู่คมสบเข้ากับอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเตียงนอนของตน แล้วกระตุกแขนดึงอีกคนให้ก้มลงมาใกล้กัน ไล่สายตาไปทั่วใบหน้าที่หวานกว่าผู้ชายปกติที่ตัวเองชอบมอง จนจบลงที่ริมฝีปากบาง



              “พี่ก็เหมือนกัน หน้าหนาวก็ไม่ใช่ทำไมชอบปล่อยให้ปากแตก” มุมปากกระตุกยิ้มส่งไปให้อีกฝ่ายที่แสยะยิ้มรับคำยอกย้อนอย่างไม่รู้สึกรู้สาใดใดอยู่ก่อนแล้ว



              “กูคงเป็นพวกมาโซมั้ง” จินฮวานสบตาตอบกลับอีกฝ่ายไป มือข้างที่ว่างก็ขยับมาช่วยคลายพันธนาการที่ข้อมือของอีกข้าง ก่อนที่จะวางลงบนบ่ากว้างของคนตรงหน้า นิ้วเรียวไล่สัมผัสกล้ามเนื้อแน่นผ่านเสื้อนอนตัวบาง “หรือไม่ก็.. เรียกร้องความสนใจจากมึง



              ไม่รู้หรอกว่าประโยคที่อีกฝ่ายพูดหนะมันเป็นจริงซักแค่ไหน แต่เขาก็อดยิ้มให้กับมันไม่ได้จริงๆ “พี่ก็รู้ไม่ใช่หรอครับ” มือหนาเกลี่ยเข้าที่แก้มใสอย่างถะนุถนอม จัดการกับเส้นผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายให้ออกไปจากรัศมีการมองของตนเอง “ว่าพี่ไม่ต้องทำอะไรเลยผมก็สนใจ” 



              ฝ่ามือที่อบอุ่นของน้องชายรั้งให้คนเป็นพี่ขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม ความห่างของใบหน้าทั้งสองลดลงเรื่อยๆจนเป็นศูนย์ ริมฝีปากทั้งสองแนบชิดกันสนิท จนไม่มีสิ่งใดสามารถแทรกเข้ามาได้ ความร้อนแผ่กระจายออกมารอบร่างกาย ริมฝีปากยังคงมอบสัมผัสให้กันอย่างโหยหา 



              สัมผัสเคลิบเคลิ้มแปรเปลี่ยนจากการโหยหาเป็นความต้องการ จินฮวานไม่รู้ว่าตัวเองลงมานั่งค่อมตักของอีกฝ่ายเมื่อไหร่ เช่นเดียวกับฮันบินที่ไม่รู้ว่าตัวเองเลิกนั่งชันเข่าตั้งแต่ตอนไหน แต่ช่างมันเถอะ เพราะยังไงตอนนี้ก็มีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่าท่านั่งที่เปลี่ยนไปอยู่แล้ว



              แขนเล็กโอบรอบคอของคนตัวสูงไว้แน่น บดเบียนร่างกายให้สัมผัสกันมากกว่าก่อนหน้า นิ้วเรียวขยุ้มเส้นผมของอีกฝ่ายไว้ราวกับหาที่ระบายความรู้สึกภายใน ที่ถูกต้อนรุนแรงมากขึ้นจากริมฝีปากหนาและมือซน เรียวลิ้นเกี่ยวกระวัดตอบรับกันไปมาอย่างรู้ใจ ฟันคมกัดลงที่ริมฝีปากเล็กของคนด้านบนอย่างนึกสนุก รสจูบที่เร่าร้อนคละคลุ้งไปกับกลิ่นคาวของเลือดในเวลาเดียวกัน ลิ้มรสสัมผัสกันต่อเล็กน้อยก่อนจะผละออกจากกัน



              ฮันบินเชยคางของอีกฝ่ายที่ก้มลงเล่นซุกซนกับคอของเขาให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น กลิ่นคาวของเลือดที่รู้สึกเมื่อกี้คงมาจากปากแผลที่มุมปากเปิด เป็นเหตุให้ต้องสวมวิญญาณบุรุษพยาบาลคอยทำแผลให้คนตัวเล็กกว่าอีกครั้ง



              “ถ้าพี่ปากแตกอีก ผมจะไม่จูบกับพี่แล้วนะ”  เสียงทุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากที่ความเงียบเข้าเกาะกุมมาระยะหนึ่ง ประโยคเรียบๆส่งไปให้ใครอีกคนที่ขึ้นไปนอนเล่นบนเตียงของเขาในขณะที่ตัวเองก็ก้มเก็บอุปกรณ์ทำแผลให้เข้าที่เข้าทางจนไม่ได้สนใจรอบข้าง หันกลับมาก็เจอกับคนที่คิดว่านอนเล่นอยู่บนเตียงทำหน้าตาไม่พอใจมาให้



              “ถ้ามึงปากแตกอีก กูก็ไม่จูบมึงเหมือนกัน” พูดจบก็ปะทุร้ายเจ้าของห้องโดยการเตะเข้าที่หน้าขาแล้วเดินตึงตังกลับห้องตัวเองไปทันที 



              เจ้าของห้องมองตามอีกฝ่ายไปจนได้ยินเสียงประตูจากมุมไม่ไกลกันปิดลง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันอย่างใช้ความคิดอีกครั้ง เขาก็แค่ไม่อยากให้พี่จินฮวานเลือดออกอีกเลยบอกไปแบบนั้น แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่พอใจซะอย่างงั้น อ่า.. ให้มันได้แบบนี้สิ อย่างจะทึงหัวตัวเองแรงๆซักสองสามที มีหวังพรุ่งนี้ต้องโดนเมินอย่างไม่ต้องสงสัย สุดท้ายตัวเองก็ต้องไปง้อเจ้าตัวโดยการสานต่อกิจกรรมเมื่อครู่จนเสร็จเหมือนอย่างทุกครั้งแน่ๆ











































              “เมื่อไหร่หน้าใสๆของมึงจะไม่มีแผลซะทีวะ” ยังไม่ทันที่ร่างทั้งร่างจะเข้ามาในห้องเรียนได้หมด เสียงทักจากเพื่อนคนสนิทอย่างยุนฮยองก็ดังขึ้นทันที คนโดนถามยักไหล่เป็นเชิงตอบจนได้ยินเสียงหัวเราะเล็กๆลอดออกมา



              “บ็อบบี้อะ ?” จินฮวานวางกระเป๋าบนโต๊ะเรียนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง นิ้วเรียวสัมผัสหน้าจอโทรศัพท์รอคำตอบว่าสมาชิกอีกคนของกลุ่มหายไปไหน 



              “มันบอกวันนี้มาสายหน่อย ต้องเสียเวลาพรางลอยช้ำของมัน” คนฟังพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจนัก “มึงนี่โชคดีเนอะ ไปด้วยกันแต่หน้ามึงไม่แหกเท่ามัน” ยุนฮยองว่าพลางหยิบขนมในถุงมินิมาร์ทมากินโดยไม่ลืมที่จะแบ่งคนข้างๆด้วยเช่นกัน 



              “กูไวกว่ามันไง”



              “เหอะ”



              “เผื่อวันไหนมึงอยากเปลี่ยนอารมณ์บอกพวกกูได้นะ” 



              “ฝัน.. มันจะทำให้หน้ากูเยินและปากกูแตกมากกว่าเดิม ไม่มีทางซะหรอก” พอได้รับคำตอบจากอีกฝ่ายก็อดขำไม่ได้กับคำตอบที่เหมือนก็อปวางทุกครั้งที่มีการถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ “มึงก็เหมือนกัน อยากเลิกเหมือนไหร่บอกกูได้”



              “มึงก็รู้ว่ามันยาก”



              “มันอยากหรือมึงแค่อยากเรียกร้อง” คำพูดที่เหมือนจี้ถูกจุดนั่น แปลกที่คนฟังกลับรู้สึกตลกกับมันมากกว่าจะรู้สึกไม่ดี “กูรู้ว่ามึงรู้ดี ว่าต่อให้มึงนั่งกระดิกตีนเป็นง่อยห่าเหวอะไรเถือกนั้น น้องชายที่แสนดีของมึงก็ไม่ห่างมึงอยู่แล้ว” ยิ่งน้ำเสียงที่ส่งมามีความประชดประชันมากเท่าไหร่ จินฮวานก็รู้สึกสนุกกับมันมากขึ้นเท่านั้น



              “มันไม่ใช่มึงเองก็รู้”



              “อะไรที่ว่าไม่ใช่ อ่อ.. ลืมไปว่ามึงสองคนไม่ใช่พี่น้องกัน” ยุนฮยองเบะปากใส่คนด้านข้างอย่างอดไม่ได้ 



              จินฮวานยกยิ้มให้กับสถานะที่ดูเหมือนจะซับซ้อนแต่ก็ไม่ของตนเอง คนส่วนมาก(เพื่อนร่วมห้อง)เข้าใจว่าเขากับประธานสภาปีนี้เป็นพี่น้องกัน มีแค่ส่วนน้อยที่จะรู้ว่าพวกเขาก้าวข้ามคำนั้นมานานพอสมควรแล้ว รู้สึกผิดหรอ ก็อาจจะใช่ในตอนแรก แต่ในตอนนี้บอกเลยว่าไม่ ถึงแม้ว่าเรื่องนี้พ่อของเขาและแม่ของฮันบินจะยังไม่รู้ก็ตาม..



              แรงสั่นสะเทือนจากสมาร์ทโฟนในมือเรียกให้ใครที่อยู่ในภวังค์ตนเองหลุดออกมา คิ้วทั้งสองข้างขมวนเข้าหากันก่อนที่จะสบถคำหยาบคายออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับสมาชิกอีกคนในกลุ่ม “สงสัยว่าวันนี้จีวอนมันจะไม่มาแล้วว่ะ” หน้าจอโทรศัพท์ในมือถูกส่งไปให้คู่สนทนาดู ข้อความที่สื่อราวๆกับเกิดเรื่องขึ้น 



              คนตัวเล็กยืนขึ้นพร้อมกับกระเป๋าของตัวเอง “ฝากเรียนด้วยนะยุนฮยองอ่า.. ส่วนนี่กูขอแล้วกัน” ก่อนจะเดินออกจากห้องก็ไม่วายหันไปหยิบของบางอย่างออกจากถุงมินิมาร์ทที่อยู่บนโต๊ะยัดใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมโทรศัพท์ แล้ววิ่งออกจากห้องไปตามทางจนกระทั่งถึงทางออก 



              “จะไปไหนครับ ?” ฮันบินเอ่ยดักคนที่วิ่งสวนทางมาพอดี ฝ่ามือจับเขาที่แขนเล็กของอีกฝ่ายเป็นการยื้อไม่ให้คนตรงหน้าออกจากเขตโรงเรียน ยิ่งดิ้นแรงเท่าไหร่ ยิ่งจับแน่นขึ้น



              “กูขอโดดเรียนวันนึงแล้วกัน” กระเป๋านักเรียนถูกปาเข้าใส่คนตรงหน้าอย่างไม่ออมแรง เป็นเหตุให้หลุดจากพันธนาการ พอเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่รู้ตัวก็ใช้โอกาสนี้วิ่งออกไปทันที



              สองเท้าวิ่งสุดแรงเกิดจนเจอเข้ากับเจ้าของข้อความ แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากอะไร ความเจ็บแปร๊บที่ต้นคอก็มาเยือน แผลเก่ายังไม่หาย แผลใหม่ก็มาอีกแล้ว..






              .


              ‘เอากระเป๋ากับกล่องยามาให้กูด้วย’



              ฮันบินก้มมองโทรศัพท์อีกครั้ง อ่านข้อความที่ถูกส่งมาเมื่อครึ่งที่แล้ว ข้อความที่ทำให้เขาต้องขออนุญาตอาจารย์ออกจากโรงเรียนก่อนเวลาโดยให้เหตุผลว่าจะไปทำธุระทางบ้าน 



              หลังจากที่เคาะประตูห้องของเจ้าของข้อความแล้วได้ความเงียบตอบกลับมา จึงเลือกที่จะเปิดประตูเข้าไป โชคดีหน่อยที่อีกฝ่ายไม่ล็อคห้องไว้ ราวกับรู้ว่าเขาจะกลับมาทันทีที่ได้รับข้อความ สายตากวาดดูทั่วทั้งห้องจนเจอคนตัวเล็กนอนหลับสบายอยู่บนเตียง ใบหน้ามีรอยฟกช้ำกว่าครั้งก่อน หลังมือมีทั้งคราบเลือดคราบฝุ่นปนกันไป


              ทำไมไม่ล้างแผล ?



              “พี่จินฮวาน ตื่นมาทำแผลก่อน” ริมฝีปากหยักกระซิบข้างหูของคนที่นอนหลับสบาย คนโดนปลุกขยับตัวเล็กน้อยเมื่อถูกรบกวนการนอนไปเรื่อยๆ จากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสาม จนต้องตื่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ “ทำแผลก่อนนะครับ”



              จินฮวานลุกขึ้นนั่งบนเตียงตามแรงบังคับของอีกฝ่ายที่อยู่บนเตียงเช่นเดียวกัน ดวงตาเรียวเล็กใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะปรับสภาพการมองเห็นได้ ดวงตาทั้งสองลอบมองไปยังคนที่นั่งเงียบทำแผลให้ไม่ปริปากพูดอะไรเหมือนทุกครั้ง พอเห็นดังนั้นตัวเองเลยพาลไม่กล้าพูดอะไรออกมาด้วยเช่นกัน 



              ความอึดอัดเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ บุรุษพยาบาลจำเป็นยังคงทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่องอะไร ยิ่งทำให้คนไข้ส่วนตัวรู้สึกใจไม่ดีมากยิ่งขึ้น รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงมากแค่ไหน แต่มันก็นิสัยนี้ไม่ได้ซะที 



              “อยากกัดปากสิครับ ปากพี่มันแตกอยู่นะ” ความอบอุ่นจากนิ่วส่งผ่านมาหา หัวใจเต้นแรงกว่าครั้งไหน น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั่น ไม่มีรู้ว่าจะยิ่งทำให้คนฟังเครียดมากยิ่งขึ้น “นี่ปากแตกเพิ่มไม่ใช่หรอครับ หือ” รอยยิ้มโง่ๆกับเสียงหัวเราะแปลกๆที่ถูกส่งมาให้ช่วยผ่อนคลายความเครียดไปได้เยอะ 



              “เอาไว้กันมึงจูบ” ริมฝีปากเล็กขยับตอบคู่สนทนาที่ง่วนอยู่กับการทำแผลที่ริมฝีกปากตัวเอง ฮันบินละลายตาขึ้นมองเข้าไปในนัยน์ตาหวานและกระตุกยิ้มออกมาพร้อมกับส่งเสียงหึในลำคออย่างชอบใจ 



              “พี่ก็รู้ว่าผมอดไม่ได้”



              “กูก็ไม่ได้หวังให้มึงอดทนได้” แขนเล็กกระตุกเนกไทด์อีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้กันมากยิ่งขึ้นก่อนที่จะกดจูบหนักๆไปสองสามที “ปากมึงก็แตกนะ” นิ้วชี้เกลี่ยเล่นเข้าที่ริมฝีปากของอีกคน ก่อนจะผละไปหยิบสิ่งของที่ขโมยมากจากเพื่อนสนิทเมื่อตอนช่วงเช้า ลิปบาล์มแท่งสีแดงถูกแกะออกจากห่อ “เดี๋ยวกูทาให้ก็แล้วกัน” แล้วถูกทาลงบนริมฝีปากของเจ้าของประโยค ก่อนที่มันจะถูกถ่ายโอนไปอยู่กับอีกคนผ่านการสัมผัส



              ฮันบินล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มตามแรงผลักจากอีกฝ่าย ริมฝีปากทั้งสองยังคงมอบสัมผัสให้แก่กันไม่ห่าง กลิ่นผลไม้จากลิปเพิ่มความหอมหวานให้รสจูบร้อนแรง ร่างกายเริ่มขยับตามความต้องการ ปัดป่ายไปทั่วร่างของกันและกัน โดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมภายนอกแล้ว ไม่สนว่าขวดยาจะตกแตกหรือลิปบาล์มที่ถูกใช้เพียงครั้งเดียวกระเด็นหายไปไหนแล้ว 



              ชิ้นส่วนของเสื้อผ้าเริ่มกระจัดกระจายหายไปจากร่างกาย สัมผัสของเนื้อเริ่มแนบกับเนื้อมากยิ่งขึ้น ความร้อนจากร่างกายส่งผ่านให้กันยิ่งเพิ่มความต้องการอย่างไม่มีสิ้น ลิ้นร้อนลากผ่านลำตัวร่างเล็กที่ถูกพลิกกลับให้อยู่ใต้ล่าง ก่อนจะลอบวนบริเวณหน้าท้องและท้องน้อยอย่างนึกแกล้ง 



              “พรุ่งนี้ผมคงต้องเข้าห้องปกครองเพราะพี่ พี่รู้ใช่มั้ย”



              “...”



              “ไหนๆพ่อกับแม่ก็ไม่อยู่ ผมคงต้องลงโทษพี่ที่ทำให้ผมเสียการเรียนแล้วหละ”







































    E N D
    จบเถอะเน้าะ เพราะมันป่วงมากฮาาาาาาาาาาาา
    ขอบคุณที่ติดตามจนจบนะคะ ถึงแม้จะฝืนทนอ่านกันก็ตาม ;^; 
    ด้วยความอะไรก็แล้วแต่ เราก็ยังจะบากหน้าแต่งต่อไปนะคะ เย้ ♥
    ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องหน้าด้วยนะนะนะนะ

    ปล. เปลี่ยนชื่อฟิดเลยเปลี่ยนแท๊กด้วย #ฟิคปิ๊กปู้ววว ไปเล่นกันเยอะๆน้อว ~












    Ⓒ QRD
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×