ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : chapter 4
Chapter 4
"มิยอง.."
แทยอนเดินออกมาหาทิฟฟานี่ที่จวนเจียนจะเข้าบ้านอยู่รอมร่อ ความกระวนกระวายที่กำลังเกาะกุมหัวใจดวงเล็กๆสั่งให้เธอดึงรั้งข้อมือบางของอีกคนไว้แน่น
เธอไม่พร้อมจะเห็นทิฟฟานี่เป็นของใคร แม้คนคนนั้นจะเป็นพี่สาวที่เธอรักมากก็ตาม.. เธอรู้ดีว่าถ้าจะรั้งทิฟฟานี่ไว้ด้วยความไม่ชัดเจนของตัวเองมันคงเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวที่สุดที่ใครคนนึงจะทำได้ และยิ่งสำหรับคนที่มีความแค้นมากมายอย่างเธอ.. ความรักเป็นสิ่งที่สมควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง..
บางที.. เธออาจจะขี้ขลาดเกินไปที่จะค้นหาคำนิยามของความรู้สึกที่เธอมีให้กับหญิงสาวคนนี้ก็เป็นได้
เธอก็แค่กลัวที่จะรับรู้ว่าความรู้สึกที่เธอมีให้กับทิฟฟานี่มันคือความรัก.. ซึ่งมันเป็นความรู้สึกต้องห้ามสำหรับเธอในตอนนี้
"แทแท.." ทิฟฟานี่มองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะดีใจเหมือนทุกๆครั้งที่ได้เจอกัน หรือควรจะเสียใจ ควรจะน้อยใจ เธอไม่รู้ว่าทำไมแทยอนถึงได้ชอบทำให้เธอสับสนนัก
หลายครั้งที่เธอทำเหมือนให้ความหวังกัน และมันก็หลายๆครั้งเหมือนกันที่เธอทำเหมือนฉันเป็นแค่ใครคนนึงที่ยืนหายใจอยู่ข้างๆ
แทยอน.. สิ่งที่มันอยู่ในหัวใจของเธอน่ะ บอกฉันบ้างได้มั้ย.. ถ้าเธอไม่รักกัน ก็ช่วยพูดให้ฉันได้สำนึกเสียที.. ได้โปรดเถอะ..
"ฉันขอโทษนะมิยอง" แทยอนดึงตัวหญิงสาวตรงหน้าเข้ามากอดไว้ เสียงสะอื้นเบาๆของคนในอ้อมแขนทำให้เธอยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
"ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันอยากให้มิยองรู้ไว้นะว่ามิยองสำคัญกับฉันที่สุด.."
ยอมรับว่าสำหรับแทยอนแล้ว เธอเลือกไม่ได้ถ้าจะต้องทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป เธอหยุดความคิดที่จะแก้แค้นไม่ได้ และเธอก็เสียทิฟฟานี่ไปไม่ได้เหมือนกัน..
ถ้าต้องเลือก เธอขอดันทุรังทำมันทั้งสองทางเสียยังดีกว่า..
.........
"จ๋า ที่รัก.. ยุนกำลังจะกลับแล้วนะคะ" เสียงหวานหยดย้อยถูกส่งผ่านไปตามคลื่นโทรศัพท์
ยุนอากำลังโทรศัพท์คุยกับสาวคนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ทันจะพ้นสัปดาห์ จะเรียกว่าแฟนคงไม่ได้ เพราะหากจะใช้คำๆนั้น ถ้านับคราวๆชั่วโมงนี้เธอคงจะมีแฟนมากกว่า 5 คนเป็นแน่.. เพราะงั้น.. เธอขอนิยามความสัมพันธ์พวกนี้ว่าคนรู้กาย ไม่อยากจะรู้ใจ คบแค่พอกรุบกริบให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย หมดความซาบซ่าแล้วก็ลาจากกันไปแบบไม่มีพันธะ
มือถือโทรศัพท์ ริมฝีปากก็ขยับขับน้ำเสียงหวานใส แต่สองตากลับสอดส่ายมองสาวสวยในชุดเครื่องแบบนักศึกษาเสียได้
ใช่แล้ว.. เธอกำลังเดินอยู่ในมหาวิทยาลัยมีชื่อในกรุงโซล
แหม ชอบจริงเชียวเวลากิ๊กกั๊กอยู่กับสาวมหาวิทยาลัยเนี่ย.. มันเป็นหนึ่งในไม่กี่อาชีพที่เธออยากจะตามรับตามส่งทุกๆวัน..
.
.
.
"อุ้ย! ขอโทษค่ะ" ซอฮยอนกล่าวคำขอโทษเบาๆเมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอชนเข้ากับหญิงสาวที่กำลังเดินคุยโทรศัพท์ตรงหน้า
ความจริงเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นเพราะความไม่ทันระวังของตนเองที่มัวแต่ให้ความสนใจกับหนังสือเรียนเตรียมตัวสอบ หรือเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้มัวแต่มองนู่นมองนี่จนไม่ได้สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมากันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เลือกที่จะเอ่ยคำๆนี้.. มารยาทที่ดีเป็นสิ่งที่เธอถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กๆ..
"อ้อ.. ไม่เป็นไรน้อง คราวหลังก็เดินดีๆหน่อยแล้วกัน" ยุนอาปรายตามองหญิงสาวในชุดนักศึกษาตัวยาว ที่ดูเรียบร้อยมากๆในสายตาของเธอ ผมยาวสีดำขลับถูกม้วนขึ้นไปเกล้าไว้อย่างง่ายๆไม่พิถีพิถัน เมื่อบวกรวมเข้ากับแว่นสายตาหนาเตอะและหนังสือเรียนเล่มใหญ่ขนาดปาหัวหมาแตกในมือยิ่งทำให้เด็กคนนี้ช่างเหมาะสมกับคำว่า 'เด็กเนิร์ด' เสียเหลือเกิน
สาวๆประเภทนี้สำหรับเธอแล้วก็เหมือนนมรสจืด รู้ว่าดี รู้ว่ามีคุณค่า แต่เย็นชืดไร้รสชาติเธอก็ไม่สน.. สู้เปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันเหมือนสาวนุ่งสั้น เสื้อรัดเปรี๊ยะคนนู้นก็ไม่ได้
ซอฮยอนค้อมศีรษะลงต่ำเพื่อเป็นการขอโทษอีกครั้งอย่างมีมารยาท ปกติเธอก็ไม่ใช่คนไม่ดูแลตัวเอง แต่เพราะเป็นช่วงสอบ คนที่รักดีอย่างเธอจึงเลือกที่จะให้ความสำคัญกับหนังสือเหนือสิ่งอื่นใด
"น้องซอ!" เสียงใสเรียกชื่อกันทำให้ซอฮยอนหันหลังขวับหาต้นเสียงทันที เห็นคนตัวเล็กกำลังโบกมือส่งยิ้มแจ่มใสมาทางนี้ เธอจึงระบายยิ้มหวานเป็นการทักทายกลับไป
"พอดีไอ้พี่ยูลมันติดธุระ เลยฝากพี่เอาของพวกนี้มาให้ซอแทน" แทยอนพูดพลางยื่นถุงกระดาษที่มีทั้งหนังสือ ชีทเรียน และข้อสอบเก่าๆให้กับซอฮยอน
ยูริมักจะส่งทอดตำราเรียนให้กับรุ่นน้องหน้าตาน่ารักคนนี้เสมอ พี่สาวเธอสนิทกับซอฮยอนยิ่งกว่าพี่รหัส น้องรหัสสายเดียวกันเสียอีก ดูสิ เรียนจบไปตั้งเป็นปียังอุตส่าห์เก็บหนังสือไว้ให้ เธอยังเคยสงสัยเลยว่า ถ้าเธอเรียนคณะเดียวกับยูริเหมือนซอฮยอน คนที่ได้รับของพวกนี้จะเป็นเธอ หรือเด็กน้อยนิสัยดีคนนี้กันแน่
แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกนะ ก็น้องซอน่ะน่ารัก ใครๆก็พากันเอ็นดูเธอทั้งนั้น
"ขอบคุณนะคะพี่แท ฝากขอบคุณพี่ยูลด้วยนะ" สาวน้อยระบายยิ้มสวย แทยอนฉีกยิ้มเป็นการตอบรับเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนองศาของใบหน้าจนสายตาไปปะทะเข้ากับเจ้าเพื่อนพันธุ์เสือที่ยืนมองมาอย่างอึ้งๆ
"อ้าว! ยุน มาทำอะไรแถวนี้วะ"
"มาส่งเด็ก แล้วแกอะ มาหาแฟนรึไง" ยุนอาเลิกคิ้วถามอย่างตรงไปตรงมา พลางเหล่ตามองสาวเนิร์ด ก่อนจะหรี่ตามองเพื่อนร่วมงานอีกครั้ง
ถึงจะไม่คิดว่าคนอย่างแทยอนจะติดเด็ก แต่ทำไงได้ ความสัมพันธ์ในสมองของเธอมันมีแค่ไม่กี่ประเภทนี่นา
"ไอ้บ้า นี่ซอฮยอน รุ่นน้อง สนิทกัน"
"อ้อ.. ก็ว่า.. ดูไม่คลิก สายตาไม่ลึกซึ้ง ดูไม่มีซัมทิง รองเหมือนมิยองคนสวยของแกเลย" ฟังจบก็พูดไปอย่างที่ใจคิด ก่อนจะโดนตอบกลับด้วยศอกเหมือนเคย
ยุนอายกมือขึ้นกุมท้องด้วยสีหน้าเหยเก พลางด่าเพื่อนรักเบาๆในใจ
ไอ้เพื่อนบ้า ชอบใช้กำลัง! ไอ้พวกไม่ยอมรับความจริง! ให้ทิฟฟานี่โดนคนอื่นคาบไปก่อนเหอะ ต่อให้แกร้องไห้จนน้ำท่วมบ้าน ฉันก็จะไม่ปลอบสักแอ๊ะ! ไอ้หมาหวงก้าง! ไอ้ซึน! ไอ้...!!!! ฺฮึยยยย!!!!!!
แต่ดูเหมือนคนที่สนใจคำพูดเมื่อกี้ของยุนอามากกว่าใครจะเป็นซอฮยอนเสียมากกว่า.. แน่ล่ะ.. ก็เธอคนนี้น่ะ แอบลุ้นคู่แทยอนกับทิฟฟานี่ให้คบกันมาหลายปีแล้ว! ซอฮยอนรู้ดีว่าทิฟฟานี่ชอบแทยอนเพราะมันสังเกตไม่ยากเท่าไหร่ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนสงสัยว่าแทยอนเองก็ชอบทิฟฟานี่เหมือนที่เธอคิดไว้ด้วย!
อยากบอกใครนะคะ ฉันเนี่ย.. เป็นแม่ยกพี่แทกับพี่ฟานี่ตัวจริงเลยล่ะ! อิอิ
ยืนได้อีกสักพัก ซอฮยอนก็ขอตัวไปฝังตัวในห้องสมุดเหมือนเคย ทิ้งให้สองเพื่อนซี้ต่างนิสัยยืนสบสายตากันไปมา
"ฉันว่า.. น้องเนิร์ดนั่นโตไปต้องแต่งงานกับหนังสือแน่เลยว่ะ ใช้เวลาร่วมกันเยอะขนาดนั้นลูกหัวปีท้ายปี ไม่นานเปิดห้องสมุดเพื่อประชาชนได้แน่" ยุนอาพูดพลางทำหน้าตาทะเล้น
"เหอะ.. ระวังเถอะ ถ้าแกเห็นน้องซอเวอร์ชั่นปกติ ไม่ใช่ช่วงสอบ แกจะไม่พูดแบบนี้ไอ้ยุน" แทยอนสวนกลับอย่างหมั่นไส้ เธอเอ็นดูซอฮยอนเหมือนน้องสาวคนนึง แล้วเรื่องอะไรจะปล่อยให้ไอ้เพื่อนสุดเกรียนคนนี้มาว่าน้องสาวเธอได้ง่ายๆ
"ต่อให้สวยก็ไม่ไหวว่ะ แมร่งเนิร์ดอะ จืดมาก นี่ถ้าทำได้คงใส่กระโปรงลากพื้นแล้วมั้งเนี่ย! เชรี่ยเอ้ยแทยอน!! สาวมหาลัยนะเว้ย! มันต้องโชว์ส่วนสัดแห่งความเป็นอิสตรีสิวะ แต่งตัวแบบนี้เสียชาติเกิดมากๆ!" พูดเสร็จก็ผิวปากตามสาวน้อยหุ่นสะบึมที่เพิ่งเดินส่ายก้นผ่านไปต่อหน้าต่อตา
แทยอนหัวเราะหึในลำคอ จะว่าเอือมระอาก็คงไม่ผิดนัก.. แต่ก็ดีเหมือนกัน.. เด็กดีๆแบบน้องซอไม่ควรแปดเปื้อนกับเสือหื่นอย่างยุนอา.. จริงๆก็ไม่ใช่ว่าเธอหวงอะไรซอฮยอนมากมาย แต่ซอฮยอนแสนดีเกินกว่าจะปล่อยให้เพื่อนของเธอแทะโลมได้จริงๆ ไว้ให้มันตัดเขี้ยวเล็บได้ก่อนเกิดมาปิ๊งน้องซอเข้าจริงๆก็ค่อยว่ากัน
แต่ดูท่าจะยาก.. เอ.. หรือฉันควรบอกให้ซอฮยอนแต่งตัวแบบนี้ทุกวัน เผื่อวันดีคืนร้ายมาเจอไอ้ยุนอีก จะได้หายห่วง..
"เออนี่ ว่าแต่แกเหอะ เรื่องโปรเจคที่แกจะยื่นให้บริษัทน่ะ ฉันว่ามันดูจะข้ามหน้าข้ามตาซูยอง หัวหน้าแผนกเราไปหน่อยนะ" ยุนอาเปลี่ยนเรื่องพลางทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆแถวนั้น
"ก็ไม่นี่ บริษัทเราสมควรพัฒนาบ้าง โปรเจคแบบนี้มันควรมีตั้งนานแล้ว" แทยอนกดหัวคิ้วลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงโปรเจคที่คิดไว้เพื่อที่จะปูทางไปสู่การใกล้ชิดกับเจสสิก้า
"แต่มันเกินหน้าที่เรานะเว้ย! นั่นมันหน้าที่งานบริหาร! ซูยองเป็นรุ่นพี่ที่ฉันสนิทก็จริง แต่ทำแบบนี้เท่ากับแกไม่เห็นหัวเค้าเลยนะเว้ย!"
"งั้นแกก็ช่วยฉันคุยกับพี่ซูยองเค้าหน่อยสิยุนอา" แทยอนพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง เธอรู้ดีว่ายุนอาสนิทกับซูยองขนาดไหน แทบจะไม่ต้องเรียกพี่เรียกน้อง หากให้ยุนอาช่วยเธอเรื่องนี้ การที่จะผ่านการรับรองของซูยองคงไม่ยากนัก
แม้โปรเจคที่เธอเตรียมจะนำเสนอ มันจะไม่อยู่ในขอบเขตของพนักงานระดับล่างอย่างเธอ แต่เธอมั่นใจว่า เพียงแค่ซูยองยอมผ่านมันให้ไปถึงมือเจสสิก้าได้ แค่นั้นเธอก็จะได้เข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นมากขึ้นอีก และนั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ
"ไอ้แท! แกรู้ใช่มั้ยว่าถึงจะผ่านซูยองได้ แต่ด่านต่อไปมันคือบอร์ดบริหาร บอกตรงๆ ถึงโปรเจคแกจะดีขนาดไหน ต่อให้แกได้เกียรตินิยมกี่ใบ แต่ฝ่ายบริหารเค้าไม่มีทางให้เด็กใหม่อย่างพวกเราทำงานใหญ่ขนาดนั้นหรอกนะ เสียเวลาเปล่าน่าแทยอน อีกอย่าง แกจะโดนเขม่นเอานะเว้ย!"
ยุนอาขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนรักอย่างไม่เข้าใจ เธอยอมรับว่าแทยอนเป็นคนเก่งมากๆ และเธอก็เคยสงสัยหลายครั้งว่าทำไมคนเก่งๆอย่างแทยอนถึงไม่รับงานในตำแหน่งที่สูงกว่านี้ ทั้งๆที่น่าจะมีโอกาสที่จะเลือกงานได้เองด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น หากแทยอนเลือกที่จะทำงานนี้ ก็ควรจะค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับขั้นตอนมากกว่าที่ทำแบบนี้ไม่ใช่รึไง
อีกอย่าง เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแทยอนถึงได้ดูมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น ถึงเธอจะช่วยให้ผ่านซูยองได้ แต่หลังจากนั้นมันไม่ง่ายเลยจริงๆ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเรื่องนี้ถึงมือเจสสิก้า เพื่อนของเธออาจจะโดนเด้งออกโทษฐานทะเยอทะยานเกินหน้าที่ก็เป็นได้ ลูกสาวประธานจองคนนั้นโหดอย่างกับอะไร
"วางใจเถอะน่า แกแค่พูดให้พี่ซูยองช่วยเซ็นรับรองโปรเจคนี้ให้ก็พอ ขั้นต่อไปฉันจัดการเอง"
สงครามมันกำลังจะเริ่มต้น.. จอง เจสสิก้าก็เป็นแค่สะพานที่ฉันใช้เพื่อทำลายพวกคนตระกูลจองก็แค่นั้นแหละ..
...........
"แต่พ่อคะ งานโฆษณาพวกนี้ทำไมสิก้าต้องลงไปดูเองด้วยล่ะ!" เจสสิก้าเปล่งเสียงดังอย่างหัวเสีย เมื่อทราบว่าพ่อของเธอจะให้เธอเป็นคนลงไปคัดเลือกบริษัทโฆษณาที่จะมารับหน้าที่ทำโฆษณาโปรโมทตัวใหม่ให้กับจอง คอร์ปฯด้วยตัวเอง
"งานนี้มันสำคัญกับบริษัทของเรามากนะสิก้า พ่ออยากให้มันออกมาดีที่สุด และพ่อคิดว่ามันถึงเวลาที่ลูกควรจะได้พิสูจน์ตัวเองกับกรรมการบริหารเสียที" ประธานจองเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารขึ้นมามองหน้าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอีกครั้ง
เขารู้ดีว่าเจสสิก้ายังไม่เป็นที่ยอมรับของคณะกรรมการบริหารสักเท่าไหร่นัก คงเป็นเพราะเขาเองที่ปล่อยปละละเลยเธอมากจนเกินไป ฉะนั้น การที่เขามอบงานนี้ให้เธอรับผิดชอบ มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แม้จะไม่ใช่งานของฝ่ายบริหารโดยตรง แต่อย่างน้อยๆมันก็ได้เนื้องานที่เห็นผลเป็นชิ้นเป็นอันในเวลาแค่ไม่นาน
"แต่สิก้ามีงานต้องดูแลอยู่แล้วนะคะ"
"ก็แค่เพิ่มงานนี้เข้าไป มันใช้เวลาแค่ไม่นานเองนะลูก"
.
.
.
.
.
.
.
.
"ทางนี้ครับคุณเจสสิก้า" เลขาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเนี้ยบสีเทาเข้มผายมือให้หญิงสาวนั่งในตำแหน่งประธานในที่ประชุม
โต๊ะตัวยาวเหลือที่ว่างเพียงตำแหน่งหัวโต๊ะ เจสสิก้าเดินผ่านตัวแทนจากบริษัทโฆษณามากมายที่นั่งตัวเกร็งโดยไม่สนใจนัก เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ วางกระเป๋าแบรนด์ดังไว้ข้างกาย ก่อนจะควานหาโทรศัพท์ราคาแพงในนั้นมากดเล่นอย่างเบื่อหน่ายเต็มทน
"เอ่อ.. คุณเจสสิก้าครับ จะให้เริ่มเลยมั้ยครับ" เลขาคนเดิมเอ่ยปากถามอย่างเกรงๆ กว่าเขาจะสามารถพาเธอมายังห้องนี้ได้ก็เลยเวลาไปร่วมชั่วโมง ที่สำคัญเขาเองยังโดนเธอใส่ไปซะหลายชุด
"เอาสิ ต้องถามด้วยรึไง!" เจสสิก้าขึ้นเสียงดัง เธอคิดว่าการมาอยู่ในห้องนี้เป็นเรื่องไร้สาระมากสำหรับเธอ
ฉันเป็นถึงรองประธาน งานพวกนี้มันควรเป็นหน้าที่ฉันรึไง!
"ครับ งั้นเริ่มที่บริษัทแรกเลยนะครับ" ชายหนุ่มในชุดสูทโค้งศีรษะให้เจ้านายคนสวยเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปหาตัวแทนบริษัทโฆษณาอีกครั้ง เพื่อให้เตรียมเริ่มการพรีเซ้นต์ตามลำดับที่ได้วางไว้ตั้งแต่แรก
"เดี๋ยว!" เจสสิก้าส่งเสียงค้านขึ้นมาอีกครั้ง บรรยากาศในห้องเย็นเฉียบขึ้นมาทันที เธอกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย สายตาจับจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ห่างไปหลายที่นั่งคนนั้นไม่กระพริบ
เหมือนงานนี้จะสนุกกว่าที่คิดแล้วสิ..
ยูริเสียวสันหลังวาบ รู้สึกตัวเล็กลงในทันที ความจริงเธอเริ่มรู้สึกถึงภยันตรายบางอย่างตั้งแต่เจสสิก้าย่างกรายเข้ามาในห้องแล้ว แม้วินาทีแรกที่เห็นว่าคนที่จะมาคัดเลือกงานนี้เป็นใครเธอจะแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะทำงานอยู่ในบริษัทนี้.. บริษัทเดียวกับที่น้องสาวเธอทำอยู่.. แต่นั่นก็แค่แป๊บเดียว หลังจากนั้นความสงสัยก็เปลี่ยนเป็นความหายนะทางจิตใจเสียหมด
ให้ตายสิ อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะเนี่ย! งานใหญ่ชิ้นแรกก็โดนตัวแม่เลย ให้ตายเถอะ!!
"ฉันอยากให้ผู้หญิงคนนั้นพรีเซ้นต์ก่อน" สิ้นคำประกาศิต ทุกสายตาก็มองตามเธอเป็นตาเดียว
นั่นไง! กูกะแล้วววว ไม่เคยพลาด! ยัยป้านี่แมร่งต้องอาฆาต กัดไม่ปล่อยแน่ๆ!
ควอน ยูริ ขยับกายอย่างประหม่าเล็กน้อย ก่อนจะยันตัวขึ้นยืน สูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจ แล้วหยิบแผ่นงานขนาดใหญ่ข้างกายขึ้นมาตระเตรียมไว้ทันที
เอาวะ! อุตส่าห์เตรียมมาตั้งหลายคืน! จะมาตายตรงนี้ก็ให้มันรู้ไปสิไอ้ยูล!!
"เธอชื่ออะไร" เสียงเย็นยะเยือกหยุดทุกการเคลื่อนไหวภายในห้องดังขึ้นอีกครั้ง ยูริในตอนนี้รู้สึกหายใจลำบากซะเหลือเกิน ยิ่งกว่ายืนอยู่บนเทือกเขาสูงที่มีความกดอากาศต่ำมากๆเสียอีก
"ยูริ เอิ่ม.. ควอน ยูริ ค่ะ.." เมื่อตั้งสติได้จึงใส่หางเสียงท้ายประโยคเพื่อความสวยงาม
เอาเหอะ ไอ้ยูล ท่องไว้.. เพื่อเงิน เพื่อเงิน เพื่อเงิน! สู้โว้ย!!
"นามสกุลควอนงั้นหรอ.. เธอเป็นอะไรกับแทยอน"
"ฉันว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับงานของเรานะคะ" และแล้วตบะก็แตกอย่างง่ายดาย.. สิ้นประโยคของยูริ เลขาหนุ่มแทบจะล้มลงไปแกล้งตายกับพื้น ไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับคุณหนูจองผู้เย่อหยิ่งได้ขนาดนี้
เจสสิก้าขมวดคิ้วลงเล็กน้อยที่ยูริกล้าขัดเธอทั้งๆที่อยู่ในสถานะที่เรียกได้ว่าเป็นลูกไก่ในกำมือของเธอแท้ๆ แต่ก็แค่แปลกใจเท่านั้น เพราะมากกว่านี้ เธอก็เคยโดนมาแล้ว
"ฉันถามว่าเธอเป็นอะไรกับควอน แทยอน" รองประธานบริษัทกดเสียงต่ำเพื่อบีบยูริอีกครั้ง ยอมรับว่าตอนแรกเธออยากจะรู้จริงๆว่ายูริกับแทยอนเป็นอะไรกัน เพราะเธอต้องการที่จะเจอกับแทยอนอีกครั้ง โดยที่เธอไม่เคยทราบเลยว่าคนที่เธออยากเจอนักหนาคนนั้นเป็นลูกน้องในบังคับบัญชาของเธอเอง นั่นคงเป็นเพราะเธอไม่ค่อยได้เข้ามาดูความเป็นไปในบริษัทเสียเท่าไหร่
แต่วินาทีนี้ เธอชักเริ่มสนุกกับการแกล้งผู้หญิงตรงหน้าคนนี้แล้วสิ.. เวลาที่ได้เห็นยูริกระวนกระวาย อารมณ์เดือดดาลแต่ทำอะไรไม่ได้นี่มันสะใจพิลึก
"แทยอนเป็นน้องสาวฉัน.." ยูริผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เธอไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไร เรื่องในครอบครัวของเธอมันไม่เกี่ยวกับงานนี้สักนิด ไม่เข้าใจว่าทำไมเจสสิก้าถึงต้องมาละลาบละล้วงเอาข้อมูลพวกนี้ไปด้วย แต่เพราะอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่าทำให้เธอเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ไม่ได้ ก็แม่คุณเล่นกัดไม่ปล่อยขนาดนี้
"แต่เค้าบอกว่าเค้าไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของเธอ"
"ฉันเป็น.. ญาติผู้พี่ของแทยอนน่ะ" ยูริบิดเบือนความเป็นจริงเพราะเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าหากพูดไปแล้วจะมีผลอะไรต่อแทยอนบ้าง ถึงเรื่องที่ครอบครัวของเธอรับอุปการะแทยอนมาจากสถานสงเคราะห์จะไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับเธอและแทยอน แต่กับคนอื่นมันไม่ใช่ ที่สำคัญผู้หญิงคนนี้เป็นเจ้านายของน้องสาวที่เธอคิดว่าไว้ใจไม่ได้ที่สุดในโลกด้วยแล้ว ประมาทได้ซะที่ไหน เกิดยัยป้านี่อยากจะไล่น้องสาวเธอออกเพราะชาติกำเนิดด่างพล้อยขึ้นมามันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนแบบนี้ไม่ใช่รึไง!
พูดแบบนี้ไปก็คงไม่เป็นไร เพราะยังไงแทยอนก็เป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆของเธออยู่แล้ว เหลือแค่ไปเตี๊ยมกับไอ้หมานิดหน่อยกันพลาด แค่นั้นก็คงพอ
"งั้นหรอ.."
"แล้วนี่ป้.. เอิ่ม.. คุณจะให้ฉันเริ่มพรีเซ้นต์งานได้รึยัง.. คะ.."
"ไม่ต้อง! เธอไม่ต้องพรีเซ้นต์แล้ว"
"ห๊ะ! อะไรของคุณเนี่ย!" ยูริเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง สู้อุตส่าห์เตรียมงานแทบตาย เสียค่ารถมานั่งรอในนี้เป็นชั่วโมงๆ กว่ายัยป้านี่จะเสด็จมาถึง พอจุ่มก้นลงนั่งยังไม่ทันจะร้อน ยัยนี่ก็ซักไซ้จะรู้เรื่องของแทยอนให้ได้ ได้รู้ปุ๊บก็ถีบหัวไล่ งานเงินก็ไม่ได้!
เฮ้ย!!! อะไรวะเนี่ย!!!
"ก็ไม่ต้องแล้วไง ฉันเลือกบริษัทเธอ! จบการประชุมเลยละกัน.. แต่ถ้าเธออยากจะพรีเซ้นต์ให้เลขาฉันดูเล่นๆก็ได้นะ ควอน ยูริ.." สิ้นประโยค ยูริก็ต้องเลิกตาโตกว่าเดิม เสียงฮือฮาในห้องประชุมไม่เข้าไปในโสตประสาทของเธอสักนิด
สั้นๆ อึ้ง!
ยัยป้านี่จะเอาอะไรกับกูวะเนี่ย!!
เจสสิก้าคว้ากระเป๋าคู่ใจ เดินเฉิดฉายออกจากห้องประชุมโดยไม่คิดจะสนใจความวุ่นวายภายในห้องที่เกิดจากฝีมือของเธอเอง เธอยกยิ้มกริ่มอย่างพอใจ.. ถ้าควอน ยูริเป็นลูกพี่ลูกน้องของแทยอน การตัดสินใจเลือกยูริเข้ามาทำงาน สำหรับเธอมันเป็นเรื่องดี
ก็นอกจากจะได้แกล้งยัยโย่งปากจัดนั่นแล้ว ฉันยังมีโอกาสจะได้รู้จักแทยอนมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยสิ..
มีแต่ได้กับได้ชัดๆ..
...........
สรุปว่าพี่แทแกกะควบสอง...
ตอนนี้ลากพี่ยูลมาเดินอยู่ในชีวิตของคุณหนูจองมากขึ้น และนำน้องซอมาเจอหน้าพี่ยุนจอมเกรียนแล้วด้วย แต่เหมือนพี่ยุนของเราจะไม่ประทับใจเท่าไหร่ 55
;)
"มิยอง.."
แทยอนเดินออกมาหาทิฟฟานี่ที่จวนเจียนจะเข้าบ้านอยู่รอมร่อ ความกระวนกระวายที่กำลังเกาะกุมหัวใจดวงเล็กๆสั่งให้เธอดึงรั้งข้อมือบางของอีกคนไว้แน่น
เธอไม่พร้อมจะเห็นทิฟฟานี่เป็นของใคร แม้คนคนนั้นจะเป็นพี่สาวที่เธอรักมากก็ตาม.. เธอรู้ดีว่าถ้าจะรั้งทิฟฟานี่ไว้ด้วยความไม่ชัดเจนของตัวเองมันคงเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวที่สุดที่ใครคนนึงจะทำได้ และยิ่งสำหรับคนที่มีความแค้นมากมายอย่างเธอ.. ความรักเป็นสิ่งที่สมควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง..
บางที.. เธออาจจะขี้ขลาดเกินไปที่จะค้นหาคำนิยามของความรู้สึกที่เธอมีให้กับหญิงสาวคนนี้ก็เป็นได้
เธอก็แค่กลัวที่จะรับรู้ว่าความรู้สึกที่เธอมีให้กับทิฟฟานี่มันคือความรัก.. ซึ่งมันเป็นความรู้สึกต้องห้ามสำหรับเธอในตอนนี้
"แทแท.." ทิฟฟานี่มองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะดีใจเหมือนทุกๆครั้งที่ได้เจอกัน หรือควรจะเสียใจ ควรจะน้อยใจ เธอไม่รู้ว่าทำไมแทยอนถึงได้ชอบทำให้เธอสับสนนัก
หลายครั้งที่เธอทำเหมือนให้ความหวังกัน และมันก็หลายๆครั้งเหมือนกันที่เธอทำเหมือนฉันเป็นแค่ใครคนนึงที่ยืนหายใจอยู่ข้างๆ
แทยอน.. สิ่งที่มันอยู่ในหัวใจของเธอน่ะ บอกฉันบ้างได้มั้ย.. ถ้าเธอไม่รักกัน ก็ช่วยพูดให้ฉันได้สำนึกเสียที.. ได้โปรดเถอะ..
"ฉันขอโทษนะมิยอง" แทยอนดึงตัวหญิงสาวตรงหน้าเข้ามากอดไว้ เสียงสะอื้นเบาๆของคนในอ้อมแขนทำให้เธอยิ่งกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
"ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันอยากให้มิยองรู้ไว้นะว่ามิยองสำคัญกับฉันที่สุด.."
ยอมรับว่าสำหรับแทยอนแล้ว เธอเลือกไม่ได้ถ้าจะต้องทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป เธอหยุดความคิดที่จะแก้แค้นไม่ได้ และเธอก็เสียทิฟฟานี่ไปไม่ได้เหมือนกัน..
ถ้าต้องเลือก เธอขอดันทุรังทำมันทั้งสองทางเสียยังดีกว่า..
.........
"จ๋า ที่รัก.. ยุนกำลังจะกลับแล้วนะคะ" เสียงหวานหยดย้อยถูกส่งผ่านไปตามคลื่นโทรศัพท์
ยุนอากำลังโทรศัพท์คุยกับสาวคนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่ทันจะพ้นสัปดาห์ จะเรียกว่าแฟนคงไม่ได้ เพราะหากจะใช้คำๆนั้น ถ้านับคราวๆชั่วโมงนี้เธอคงจะมีแฟนมากกว่า 5 คนเป็นแน่.. เพราะงั้น.. เธอขอนิยามความสัมพันธ์พวกนี้ว่าคนรู้กาย ไม่อยากจะรู้ใจ คบแค่พอกรุบกริบให้ชีวิตกระชุ่มกระชวย หมดความซาบซ่าแล้วก็ลาจากกันไปแบบไม่มีพันธะ
มือถือโทรศัพท์ ริมฝีปากก็ขยับขับน้ำเสียงหวานใส แต่สองตากลับสอดส่ายมองสาวสวยในชุดเครื่องแบบนักศึกษาเสียได้
ใช่แล้ว.. เธอกำลังเดินอยู่ในมหาวิทยาลัยมีชื่อในกรุงโซล
แหม ชอบจริงเชียวเวลากิ๊กกั๊กอยู่กับสาวมหาวิทยาลัยเนี่ย.. มันเป็นหนึ่งในไม่กี่อาชีพที่เธออยากจะตามรับตามส่งทุกๆวัน..
.
.
.
"อุ้ย! ขอโทษค่ะ" ซอฮยอนกล่าวคำขอโทษเบาๆเมื่อรู้สึกตัวว่าเผลอชนเข้ากับหญิงสาวที่กำลังเดินคุยโทรศัพท์ตรงหน้า
ความจริงเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นเพราะความไม่ทันระวังของตนเองที่มัวแต่ให้ความสนใจกับหนังสือเรียนเตรียมตัวสอบ หรือเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้มัวแต่มองนู่นมองนี่จนไม่ได้สนใจคนที่เดินผ่านไปผ่านมากันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็เลือกที่จะเอ่ยคำๆนี้.. มารยาทที่ดีเป็นสิ่งที่เธอถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กๆ..
"อ้อ.. ไม่เป็นไรน้อง คราวหลังก็เดินดีๆหน่อยแล้วกัน" ยุนอาปรายตามองหญิงสาวในชุดนักศึกษาตัวยาว ที่ดูเรียบร้อยมากๆในสายตาของเธอ ผมยาวสีดำขลับถูกม้วนขึ้นไปเกล้าไว้อย่างง่ายๆไม่พิถีพิถัน เมื่อบวกรวมเข้ากับแว่นสายตาหนาเตอะและหนังสือเรียนเล่มใหญ่ขนาดปาหัวหมาแตกในมือยิ่งทำให้เด็กคนนี้ช่างเหมาะสมกับคำว่า 'เด็กเนิร์ด' เสียเหลือเกิน
สาวๆประเภทนี้สำหรับเธอแล้วก็เหมือนนมรสจืด รู้ว่าดี รู้ว่ามีคุณค่า แต่เย็นชืดไร้รสชาติเธอก็ไม่สน.. สู้เปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟันเหมือนสาวนุ่งสั้น เสื้อรัดเปรี๊ยะคนนู้นก็ไม่ได้
ซอฮยอนค้อมศีรษะลงต่ำเพื่อเป็นการขอโทษอีกครั้งอย่างมีมารยาท ปกติเธอก็ไม่ใช่คนไม่ดูแลตัวเอง แต่เพราะเป็นช่วงสอบ คนที่รักดีอย่างเธอจึงเลือกที่จะให้ความสำคัญกับหนังสือเหนือสิ่งอื่นใด
"น้องซอ!" เสียงใสเรียกชื่อกันทำให้ซอฮยอนหันหลังขวับหาต้นเสียงทันที เห็นคนตัวเล็กกำลังโบกมือส่งยิ้มแจ่มใสมาทางนี้ เธอจึงระบายยิ้มหวานเป็นการทักทายกลับไป
"พอดีไอ้พี่ยูลมันติดธุระ เลยฝากพี่เอาของพวกนี้มาให้ซอแทน" แทยอนพูดพลางยื่นถุงกระดาษที่มีทั้งหนังสือ ชีทเรียน และข้อสอบเก่าๆให้กับซอฮยอน
ยูริมักจะส่งทอดตำราเรียนให้กับรุ่นน้องหน้าตาน่ารักคนนี้เสมอ พี่สาวเธอสนิทกับซอฮยอนยิ่งกว่าพี่รหัส น้องรหัสสายเดียวกันเสียอีก ดูสิ เรียนจบไปตั้งเป็นปียังอุตส่าห์เก็บหนังสือไว้ให้ เธอยังเคยสงสัยเลยว่า ถ้าเธอเรียนคณะเดียวกับยูริเหมือนซอฮยอน คนที่ได้รับของพวกนี้จะเป็นเธอ หรือเด็กน้อยนิสัยดีคนนี้กันแน่
แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกนะ ก็น้องซอน่ะน่ารัก ใครๆก็พากันเอ็นดูเธอทั้งนั้น
"ขอบคุณนะคะพี่แท ฝากขอบคุณพี่ยูลด้วยนะ" สาวน้อยระบายยิ้มสวย แทยอนฉีกยิ้มเป็นการตอบรับเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนองศาของใบหน้าจนสายตาไปปะทะเข้ากับเจ้าเพื่อนพันธุ์เสือที่ยืนมองมาอย่างอึ้งๆ
"อ้าว! ยุน มาทำอะไรแถวนี้วะ"
"มาส่งเด็ก แล้วแกอะ มาหาแฟนรึไง" ยุนอาเลิกคิ้วถามอย่างตรงไปตรงมา พลางเหล่ตามองสาวเนิร์ด ก่อนจะหรี่ตามองเพื่อนร่วมงานอีกครั้ง
ถึงจะไม่คิดว่าคนอย่างแทยอนจะติดเด็ก แต่ทำไงได้ ความสัมพันธ์ในสมองของเธอมันมีแค่ไม่กี่ประเภทนี่นา
"ไอ้บ้า นี่ซอฮยอน รุ่นน้อง สนิทกัน"
"อ้อ.. ก็ว่า.. ดูไม่คลิก สายตาไม่ลึกซึ้ง ดูไม่มีซัมทิง รองเหมือนมิยองคนสวยของแกเลย" ฟังจบก็พูดไปอย่างที่ใจคิด ก่อนจะโดนตอบกลับด้วยศอกเหมือนเคย
ยุนอายกมือขึ้นกุมท้องด้วยสีหน้าเหยเก พลางด่าเพื่อนรักเบาๆในใจ
ไอ้เพื่อนบ้า ชอบใช้กำลัง! ไอ้พวกไม่ยอมรับความจริง! ให้ทิฟฟานี่โดนคนอื่นคาบไปก่อนเหอะ ต่อให้แกร้องไห้จนน้ำท่วมบ้าน ฉันก็จะไม่ปลอบสักแอ๊ะ! ไอ้หมาหวงก้าง! ไอ้ซึน! ไอ้...!!!! ฺฮึยยยย!!!!!!
แต่ดูเหมือนคนที่สนใจคำพูดเมื่อกี้ของยุนอามากกว่าใครจะเป็นซอฮยอนเสียมากกว่า.. แน่ล่ะ.. ก็เธอคนนี้น่ะ แอบลุ้นคู่แทยอนกับทิฟฟานี่ให้คบกันมาหลายปีแล้ว! ซอฮยอนรู้ดีว่าทิฟฟานี่ชอบแทยอนเพราะมันสังเกตไม่ยากเท่าไหร่ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนสงสัยว่าแทยอนเองก็ชอบทิฟฟานี่เหมือนที่เธอคิดไว้ด้วย!
อยากบอกใครนะคะ ฉันเนี่ย.. เป็นแม่ยกพี่แทกับพี่ฟานี่ตัวจริงเลยล่ะ! อิอิ
ยืนได้อีกสักพัก ซอฮยอนก็ขอตัวไปฝังตัวในห้องสมุดเหมือนเคย ทิ้งให้สองเพื่อนซี้ต่างนิสัยยืนสบสายตากันไปมา
"ฉันว่า.. น้องเนิร์ดนั่นโตไปต้องแต่งงานกับหนังสือแน่เลยว่ะ ใช้เวลาร่วมกันเยอะขนาดนั้นลูกหัวปีท้ายปี ไม่นานเปิดห้องสมุดเพื่อประชาชนได้แน่" ยุนอาพูดพลางทำหน้าตาทะเล้น
"เหอะ.. ระวังเถอะ ถ้าแกเห็นน้องซอเวอร์ชั่นปกติ ไม่ใช่ช่วงสอบ แกจะไม่พูดแบบนี้ไอ้ยุน" แทยอนสวนกลับอย่างหมั่นไส้ เธอเอ็นดูซอฮยอนเหมือนน้องสาวคนนึง แล้วเรื่องอะไรจะปล่อยให้ไอ้เพื่อนสุดเกรียนคนนี้มาว่าน้องสาวเธอได้ง่ายๆ
"ต่อให้สวยก็ไม่ไหวว่ะ แมร่งเนิร์ดอะ จืดมาก นี่ถ้าทำได้คงใส่กระโปรงลากพื้นแล้วมั้งเนี่ย! เชรี่ยเอ้ยแทยอน!! สาวมหาลัยนะเว้ย! มันต้องโชว์ส่วนสัดแห่งความเป็นอิสตรีสิวะ แต่งตัวแบบนี้เสียชาติเกิดมากๆ!" พูดเสร็จก็ผิวปากตามสาวน้อยหุ่นสะบึมที่เพิ่งเดินส่ายก้นผ่านไปต่อหน้าต่อตา
แทยอนหัวเราะหึในลำคอ จะว่าเอือมระอาก็คงไม่ผิดนัก.. แต่ก็ดีเหมือนกัน.. เด็กดีๆแบบน้องซอไม่ควรแปดเปื้อนกับเสือหื่นอย่างยุนอา.. จริงๆก็ไม่ใช่ว่าเธอหวงอะไรซอฮยอนมากมาย แต่ซอฮยอนแสนดีเกินกว่าจะปล่อยให้เพื่อนของเธอแทะโลมได้จริงๆ ไว้ให้มันตัดเขี้ยวเล็บได้ก่อนเกิดมาปิ๊งน้องซอเข้าจริงๆก็ค่อยว่ากัน
แต่ดูท่าจะยาก.. เอ.. หรือฉันควรบอกให้ซอฮยอนแต่งตัวแบบนี้ทุกวัน เผื่อวันดีคืนร้ายมาเจอไอ้ยุนอีก จะได้หายห่วง..
"เออนี่ ว่าแต่แกเหอะ เรื่องโปรเจคที่แกจะยื่นให้บริษัทน่ะ ฉันว่ามันดูจะข้ามหน้าข้ามตาซูยอง หัวหน้าแผนกเราไปหน่อยนะ" ยุนอาเปลี่ยนเรื่องพลางทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆแถวนั้น
"ก็ไม่นี่ บริษัทเราสมควรพัฒนาบ้าง โปรเจคแบบนี้มันควรมีตั้งนานแล้ว" แทยอนกดหัวคิ้วลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงโปรเจคที่คิดไว้เพื่อที่จะปูทางไปสู่การใกล้ชิดกับเจสสิก้า
"แต่มันเกินหน้าที่เรานะเว้ย! นั่นมันหน้าที่งานบริหาร! ซูยองเป็นรุ่นพี่ที่ฉันสนิทก็จริง แต่ทำแบบนี้เท่ากับแกไม่เห็นหัวเค้าเลยนะเว้ย!"
"งั้นแกก็ช่วยฉันคุยกับพี่ซูยองเค้าหน่อยสิยุนอา" แทยอนพูดด้วยเสียงที่อ่อนลง เธอรู้ดีว่ายุนอาสนิทกับซูยองขนาดไหน แทบจะไม่ต้องเรียกพี่เรียกน้อง หากให้ยุนอาช่วยเธอเรื่องนี้ การที่จะผ่านการรับรองของซูยองคงไม่ยากนัก
แม้โปรเจคที่เธอเตรียมจะนำเสนอ มันจะไม่อยู่ในขอบเขตของพนักงานระดับล่างอย่างเธอ แต่เธอมั่นใจว่า เพียงแค่ซูยองยอมผ่านมันให้ไปถึงมือเจสสิก้าได้ แค่นั้นเธอก็จะได้เข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นมากขึ้นอีก และนั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ
"ไอ้แท! แกรู้ใช่มั้ยว่าถึงจะผ่านซูยองได้ แต่ด่านต่อไปมันคือบอร์ดบริหาร บอกตรงๆ ถึงโปรเจคแกจะดีขนาดไหน ต่อให้แกได้เกียรตินิยมกี่ใบ แต่ฝ่ายบริหารเค้าไม่มีทางให้เด็กใหม่อย่างพวกเราทำงานใหญ่ขนาดนั้นหรอกนะ เสียเวลาเปล่าน่าแทยอน อีกอย่าง แกจะโดนเขม่นเอานะเว้ย!"
ยุนอาขมวดคิ้วมองหน้าเพื่อนรักอย่างไม่เข้าใจ เธอยอมรับว่าแทยอนเป็นคนเก่งมากๆ และเธอก็เคยสงสัยหลายครั้งว่าทำไมคนเก่งๆอย่างแทยอนถึงไม่รับงานในตำแหน่งที่สูงกว่านี้ ทั้งๆที่น่าจะมีโอกาสที่จะเลือกงานได้เองด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น หากแทยอนเลือกที่จะทำงานนี้ ก็ควรจะค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับขั้นตอนมากกว่าที่ทำแบบนี้ไม่ใช่รึไง
อีกอย่าง เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแทยอนถึงได้ดูมั่นอกมั่นใจขนาดนั้น ถึงเธอจะช่วยให้ผ่านซูยองได้ แต่หลังจากนั้นมันไม่ง่ายเลยจริงๆ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเรื่องนี้ถึงมือเจสสิก้า เพื่อนของเธออาจจะโดนเด้งออกโทษฐานทะเยอทะยานเกินหน้าที่ก็เป็นได้ ลูกสาวประธานจองคนนั้นโหดอย่างกับอะไร
"วางใจเถอะน่า แกแค่พูดให้พี่ซูยองช่วยเซ็นรับรองโปรเจคนี้ให้ก็พอ ขั้นต่อไปฉันจัดการเอง"
สงครามมันกำลังจะเริ่มต้น.. จอง เจสสิก้าก็เป็นแค่สะพานที่ฉันใช้เพื่อทำลายพวกคนตระกูลจองก็แค่นั้นแหละ..
...........
"แต่พ่อคะ งานโฆษณาพวกนี้ทำไมสิก้าต้องลงไปดูเองด้วยล่ะ!" เจสสิก้าเปล่งเสียงดังอย่างหัวเสีย เมื่อทราบว่าพ่อของเธอจะให้เธอเป็นคนลงไปคัดเลือกบริษัทโฆษณาที่จะมารับหน้าที่ทำโฆษณาโปรโมทตัวใหม่ให้กับจอง คอร์ปฯด้วยตัวเอง
"งานนี้มันสำคัญกับบริษัทของเรามากนะสิก้า พ่ออยากให้มันออกมาดีที่สุด และพ่อคิดว่ามันถึงเวลาที่ลูกควรจะได้พิสูจน์ตัวเองกับกรรมการบริหารเสียที" ประธานจองเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารขึ้นมามองหน้าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอีกครั้ง
เขารู้ดีว่าเจสสิก้ายังไม่เป็นที่ยอมรับของคณะกรรมการบริหารสักเท่าไหร่นัก คงเป็นเพราะเขาเองที่ปล่อยปละละเลยเธอมากจนเกินไป ฉะนั้น การที่เขามอบงานนี้ให้เธอรับผิดชอบ มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แม้จะไม่ใช่งานของฝ่ายบริหารโดยตรง แต่อย่างน้อยๆมันก็ได้เนื้องานที่เห็นผลเป็นชิ้นเป็นอันในเวลาแค่ไม่นาน
"แต่สิก้ามีงานต้องดูแลอยู่แล้วนะคะ"
"ก็แค่เพิ่มงานนี้เข้าไป มันใช้เวลาแค่ไม่นานเองนะลูก"
.
.
.
.
.
.
.
.
"ทางนี้ครับคุณเจสสิก้า" เลขาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทเนี้ยบสีเทาเข้มผายมือให้หญิงสาวนั่งในตำแหน่งประธานในที่ประชุม
โต๊ะตัวยาวเหลือที่ว่างเพียงตำแหน่งหัวโต๊ะ เจสสิก้าเดินผ่านตัวแทนจากบริษัทโฆษณามากมายที่นั่งตัวเกร็งโดยไม่สนใจนัก เธอทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ วางกระเป๋าแบรนด์ดังไว้ข้างกาย ก่อนจะควานหาโทรศัพท์ราคาแพงในนั้นมากดเล่นอย่างเบื่อหน่ายเต็มทน
"เอ่อ.. คุณเจสสิก้าครับ จะให้เริ่มเลยมั้ยครับ" เลขาคนเดิมเอ่ยปากถามอย่างเกรงๆ กว่าเขาจะสามารถพาเธอมายังห้องนี้ได้ก็เลยเวลาไปร่วมชั่วโมง ที่สำคัญเขาเองยังโดนเธอใส่ไปซะหลายชุด
"เอาสิ ต้องถามด้วยรึไง!" เจสสิก้าขึ้นเสียงดัง เธอคิดว่าการมาอยู่ในห้องนี้เป็นเรื่องไร้สาระมากสำหรับเธอ
ฉันเป็นถึงรองประธาน งานพวกนี้มันควรเป็นหน้าที่ฉันรึไง!
"ครับ งั้นเริ่มที่บริษัทแรกเลยนะครับ" ชายหนุ่มในชุดสูทโค้งศีรษะให้เจ้านายคนสวยเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปหาตัวแทนบริษัทโฆษณาอีกครั้ง เพื่อให้เตรียมเริ่มการพรีเซ้นต์ตามลำดับที่ได้วางไว้ตั้งแต่แรก
"เดี๋ยว!" เจสสิก้าส่งเสียงค้านขึ้นมาอีกครั้ง บรรยากาศในห้องเย็นเฉียบขึ้นมาทันที เธอกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย สายตาจับจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ห่างไปหลายที่นั่งคนนั้นไม่กระพริบ
เหมือนงานนี้จะสนุกกว่าที่คิดแล้วสิ..
ยูริเสียวสันหลังวาบ รู้สึกตัวเล็กลงในทันที ความจริงเธอเริ่มรู้สึกถึงภยันตรายบางอย่างตั้งแต่เจสสิก้าย่างกรายเข้ามาในห้องแล้ว แม้วินาทีแรกที่เห็นว่าคนที่จะมาคัดเลือกงานนี้เป็นใครเธอจะแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะทำงานอยู่ในบริษัทนี้.. บริษัทเดียวกับที่น้องสาวเธอทำอยู่.. แต่นั่นก็แค่แป๊บเดียว หลังจากนั้นความสงสัยก็เปลี่ยนเป็นความหายนะทางจิตใจเสียหมด
ให้ตายสิ อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะเนี่ย! งานใหญ่ชิ้นแรกก็โดนตัวแม่เลย ให้ตายเถอะ!!
"ฉันอยากให้ผู้หญิงคนนั้นพรีเซ้นต์ก่อน" สิ้นคำประกาศิต ทุกสายตาก็มองตามเธอเป็นตาเดียว
นั่นไง! กูกะแล้วววว ไม่เคยพลาด! ยัยป้านี่แมร่งต้องอาฆาต กัดไม่ปล่อยแน่ๆ!
ควอน ยูริ ขยับกายอย่างประหม่าเล็กน้อย ก่อนจะยันตัวขึ้นยืน สูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจ แล้วหยิบแผ่นงานขนาดใหญ่ข้างกายขึ้นมาตระเตรียมไว้ทันที
เอาวะ! อุตส่าห์เตรียมมาตั้งหลายคืน! จะมาตายตรงนี้ก็ให้มันรู้ไปสิไอ้ยูล!!
"เธอชื่ออะไร" เสียงเย็นยะเยือกหยุดทุกการเคลื่อนไหวภายในห้องดังขึ้นอีกครั้ง ยูริในตอนนี้รู้สึกหายใจลำบากซะเหลือเกิน ยิ่งกว่ายืนอยู่บนเทือกเขาสูงที่มีความกดอากาศต่ำมากๆเสียอีก
"ยูริ เอิ่ม.. ควอน ยูริ ค่ะ.." เมื่อตั้งสติได้จึงใส่หางเสียงท้ายประโยคเพื่อความสวยงาม
เอาเหอะ ไอ้ยูล ท่องไว้.. เพื่อเงิน เพื่อเงิน เพื่อเงิน! สู้โว้ย!!
"นามสกุลควอนงั้นหรอ.. เธอเป็นอะไรกับแทยอน"
"ฉันว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับงานของเรานะคะ" และแล้วตบะก็แตกอย่างง่ายดาย.. สิ้นประโยคของยูริ เลขาหนุ่มแทบจะล้มลงไปแกล้งตายกับพื้น ไม่อยากเชื่อว่าจะมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับคุณหนูจองผู้เย่อหยิ่งได้ขนาดนี้
เจสสิก้าขมวดคิ้วลงเล็กน้อยที่ยูริกล้าขัดเธอทั้งๆที่อยู่ในสถานะที่เรียกได้ว่าเป็นลูกไก่ในกำมือของเธอแท้ๆ แต่ก็แค่แปลกใจเท่านั้น เพราะมากกว่านี้ เธอก็เคยโดนมาแล้ว
"ฉันถามว่าเธอเป็นอะไรกับควอน แทยอน" รองประธานบริษัทกดเสียงต่ำเพื่อบีบยูริอีกครั้ง ยอมรับว่าตอนแรกเธออยากจะรู้จริงๆว่ายูริกับแทยอนเป็นอะไรกัน เพราะเธอต้องการที่จะเจอกับแทยอนอีกครั้ง โดยที่เธอไม่เคยทราบเลยว่าคนที่เธออยากเจอนักหนาคนนั้นเป็นลูกน้องในบังคับบัญชาของเธอเอง นั่นคงเป็นเพราะเธอไม่ค่อยได้เข้ามาดูความเป็นไปในบริษัทเสียเท่าไหร่
แต่วินาทีนี้ เธอชักเริ่มสนุกกับการแกล้งผู้หญิงตรงหน้าคนนี้แล้วสิ.. เวลาที่ได้เห็นยูริกระวนกระวาย อารมณ์เดือดดาลแต่ทำอะไรไม่ได้นี่มันสะใจพิลึก
"แทยอนเป็นน้องสาวฉัน.." ยูริผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เธอไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไร เรื่องในครอบครัวของเธอมันไม่เกี่ยวกับงานนี้สักนิด ไม่เข้าใจว่าทำไมเจสสิก้าถึงต้องมาละลาบละล้วงเอาข้อมูลพวกนี้ไปด้วย แต่เพราะอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่าทำให้เธอเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ไม่ได้ ก็แม่คุณเล่นกัดไม่ปล่อยขนาดนี้
"แต่เค้าบอกว่าเค้าไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของเธอ"
"ฉันเป็น.. ญาติผู้พี่ของแทยอนน่ะ" ยูริบิดเบือนความเป็นจริงเพราะเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าหากพูดไปแล้วจะมีผลอะไรต่อแทยอนบ้าง ถึงเรื่องที่ครอบครัวของเธอรับอุปการะแทยอนมาจากสถานสงเคราะห์จะไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับเธอและแทยอน แต่กับคนอื่นมันไม่ใช่ ที่สำคัญผู้หญิงคนนี้เป็นเจ้านายของน้องสาวที่เธอคิดว่าไว้ใจไม่ได้ที่สุดในโลกด้วยแล้ว ประมาทได้ซะที่ไหน เกิดยัยป้านี่อยากจะไล่น้องสาวเธอออกเพราะชาติกำเนิดด่างพล้อยขึ้นมามันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนแบบนี้ไม่ใช่รึไง!
พูดแบบนี้ไปก็คงไม่เป็นไร เพราะยังไงแทยอนก็เป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆของเธออยู่แล้ว เหลือแค่ไปเตี๊ยมกับไอ้หมานิดหน่อยกันพลาด แค่นั้นก็คงพอ
"งั้นหรอ.."
"แล้วนี่ป้.. เอิ่ม.. คุณจะให้ฉันเริ่มพรีเซ้นต์งานได้รึยัง.. คะ.."
"ไม่ต้อง! เธอไม่ต้องพรีเซ้นต์แล้ว"
"ห๊ะ! อะไรของคุณเนี่ย!" ยูริเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง สู้อุตส่าห์เตรียมงานแทบตาย เสียค่ารถมานั่งรอในนี้เป็นชั่วโมงๆ กว่ายัยป้านี่จะเสด็จมาถึง พอจุ่มก้นลงนั่งยังไม่ทันจะร้อน ยัยนี่ก็ซักไซ้จะรู้เรื่องของแทยอนให้ได้ ได้รู้ปุ๊บก็ถีบหัวไล่ งานเงินก็ไม่ได้!
เฮ้ย!!! อะไรวะเนี่ย!!!
"ก็ไม่ต้องแล้วไง ฉันเลือกบริษัทเธอ! จบการประชุมเลยละกัน.. แต่ถ้าเธออยากจะพรีเซ้นต์ให้เลขาฉันดูเล่นๆก็ได้นะ ควอน ยูริ.." สิ้นประโยค ยูริก็ต้องเลิกตาโตกว่าเดิม เสียงฮือฮาในห้องประชุมไม่เข้าไปในโสตประสาทของเธอสักนิด
สั้นๆ อึ้ง!
ยัยป้านี่จะเอาอะไรกับกูวะเนี่ย!!
เจสสิก้าคว้ากระเป๋าคู่ใจ เดินเฉิดฉายออกจากห้องประชุมโดยไม่คิดจะสนใจความวุ่นวายภายในห้องที่เกิดจากฝีมือของเธอเอง เธอยกยิ้มกริ่มอย่างพอใจ.. ถ้าควอน ยูริเป็นลูกพี่ลูกน้องของแทยอน การตัดสินใจเลือกยูริเข้ามาทำงาน สำหรับเธอมันเป็นเรื่องดี
ก็นอกจากจะได้แกล้งยัยโย่งปากจัดนั่นแล้ว ฉันยังมีโอกาสจะได้รู้จักแทยอนมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วยสิ..
มีแต่ได้กับได้ชัดๆ..
...........
สรุปว่าพี่แทแกกะควบสอง...
ตอนนี้ลากพี่ยูลมาเดินอยู่ในชีวิตของคุณหนูจองมากขึ้น และนำน้องซอมาเจอหน้าพี่ยุนจอมเกรียนแล้วด้วย แต่เหมือนพี่ยุนของเราจะไม่ประทับใจเท่าไหร่ 55
;)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น