Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

ลำดับตอนที่ #81 : หาอาสาสมัคร [รีไรท์]

กาเล็ทรีบเร่งนำพานีน่ากลับมายังปราสาทบุสโซ่ เมื่อมาถึงกาเล็ทก็ไม่รอช้า เอ่ยบอกต่อพ่อบ้านโจเซพพร้อมทั้งฝากฝังให้พ่อบ้านโจเซพดูแลเรื่องราวแทนตนเองพร้อมทั้งฝากให้โจเซพไปแจ้งข่าวต่อตระกูลเรนเดลด้วยจากนั้นกาเล็ทก็นำพานีน่าและมิร่าเข้าสู่มิติเทพเจ้า

เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่กาเล็ทพานีน่าเข้าสู่มิติเทพเจ้า นีน่าจึงแสดงความประหลาดใจและงุนงงออกมา กาเล็ทก็ไม่กล่าวอธิบายให้มากความได้แต่บอกให้นีน่านั่งลงก่อนตนเองจะได้ใช้พลังสำรวจตรวจดูร่างกายของนีน่าอย่างละเอียดอีกครั้ง ไว้จบเรื่องราวแล้วจนจะอธิบายบอกกล่าวทุกเรื่องราว

กาเล็ทใช้เวลานานหลายชั่วโมงเพื่อใช้พลังจิตวิญญาณวิเคราะห์สภาพร่างกายของนีน่า แม้ว่าจะมีความรู้จากโลกก่อนอยู่แต่ทว่าสิ่งที่กาเล็ทกระทำอยู่นั้นเลยความรู้จากที่โลกก่อนของตนเองมีไปไกลโข กาเล็ทส่งกระแสพลังจิตวิญญาณแทรกแทรงไปทั่วทั้งร่างของนีน่า เพื่อรับรู้การทำงานของอวัยวะ จากนั้นจึงเริ่มลงลึกไปถึงการทำงานของเซลล์ แม้กาเล็ทจะมีความสามารถมากมายถึงเพียงไหนแต่การใช้พลังจิตวิญญาณเพื่อตรวจสอบลึกละเอียดไปถึงระดับการทำงานของเซลล์ในร่างกายมนุษย์นั้นก็ไม่่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากร่างกายของมนุษย์มีความซัพซ้อนเป็นอย่างมาก จำนวนเซลล์แต่ละเซลล์ก็หาได้มีเพียงหลักหมื่นหลักแสนหากแต่กลับเป็นจำนวนนับอนันต์จึงเป็นการยากที่กาเล็ทจะสามารถวิเคราห์เซลล์ทั่วทั้งร่างของนีน่าได้หมดในเวลาอันสั้น

"บัดซบ พลังของเรายังอ่อนด้อยจนเกินไป ด้วยระดับความเร็วเช่นนี้ต่อให้ใช้เวลาอีกนานนับปีก็ไม่สามารถหาได้ว่าร่างกายของท่านแม่มีความผิดปกติ ณ ที่ใดบ้าง" กาเล็ทคิดตำหนิตนเองอยู่ภายในจิตใจ ด้วยพลังระดับราชาขั้นต้นของตนเอง ความเร็วในการสแกนตรวจสอบร่างกายของนีน่ายังคงช้าเกินไป หากว่าตนเองแข็งแกร่งกว่านี้วิธีนี้อาจจะเป็นไปได้ แต่พลัง ณ ตอนนี้ของตนเองยังไม่สามารถตรวจสอบร่างกายของนีน่าอย่างถี่ถ้วนให้ทันท่วงทีได

"หากว่าวิธีตรวจสอบอย่างละเอียดใช้ไม่ได้ผลเช่นนั้นก็ต้องใช้วิธีตรวจสอบเปรียบเทียบ" สมองของกาเล็ทหมุนแล่นครุ่นคิดหาวิธีต่อไปหลังจากที่วิธีแรกล้มเหลวอย่างรวดเร็ว

"กาเล็ท เจ้าไม่ใช้ผู้วิเศษที่จะกระทำได้ทุกเรื่องราว อย่าได้หักโหมจนเกินไปเลยลูกแม่ แม่ไม่ใช่ว่าจะจากไปในเร็ววันสักหน่อย" นีน่าเอ่ยปลอบประโลมบุตรชายอีกคราเมื่อนางสัมผัสได้ว่าฝ่ามือของบุตรชายที่ทาบอยู่กับแผ่นหลังของตนเองอยู่เคลื่อนไหวเล็กน้อย

"ท่านแม่โรคของท่านนั้นมีหนทางเยียวยารักษาแน่นอน หากว่าข้าสามารถทราบได้ว่าส่วนไหนในร่างกายของท่านที่ผิดแผกแตกต่างทำงานผิดปกติไปจากร่างกายของผู้อื่นเช่นนั้นข้าก็จะสามารถใช้พลังจิตวิญญาณช่วยกระตุ้นให้ร่างกายของท่านเยียวยารักษาตนเอง" กาเล็ทกล่าวถึงจุดนี้ก็ลังเลใจเล็กน้อยจากนั้นจึงเอ่ยกล่าวต่อ "น่าเสียดายที่ข้าไร้ความสามารถ ระดับพลังของข้าในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะตรวจสอบร่างกายของท่านแม่อย่างถี่ถ้วนได้"

"กาเล็ท อย่าได้โทษตนเองเช่นนี้" นีน่าหันมาโอบกอดบุตรชายที่บัดนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดและตำหนิตนเอง ภายในจิตใจนางก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ หากว่าตนเองต้องตกตายไปจริงๆไม่ทราบว่าบุตรชายผู้นี้จะต้องทุกข์ทนเช่นไร เขาต้องคิดโทษตนเองเป็นแน่

"กาเล็ท เจ้ายังไม่ได้บอกแม่เลยว่าที่นี่คือที่ใดกัน" นีน่าเอ่ยถามบุตรชาย

เมื่อได้ฟังคำถามกาเล็ทกลับไม่ได้เอ่ยตอบทว่าร่างกายของกาเล็ทกลับสั่นสะท้านขึ้นคราหนึ่ง "ใช่แล้วเหตุใดข้าถึงโง่เง่าถึงเพียงนี้ วิธีนี้ต้องช่วยยื้อเวลาได้มากพอแน่" กาเล็ทเอ่ยขึ้นอย่างลิงโลด

สิ่งที่ตนเองขาดที่สุดตั้งแต่มายังโลกนี้คือเวลา บัดนี้ตนเองก็ยังขาดเวลาในการที่จะเยียวยารักษามารดา ไม่ใช่ว่าตนเองไม่สามารถเยียวยารักษาผู้เป็นมารดาได้ หากว่ามีเวลามากพอกาเล็ทมีความมั่นใจเต็มร้อยว่าสามารถรักษาเยียวยาโรคร้ายนี้ของมารดาได้อย่างแน่นอน หากว่าพอมีวิธีที่จะยื้อช่วงชีวิตของนีน่าให้รอดพ้นจากโรคร้ายได้ยาวนานขึ้นเช่นนั้นก็มีหนทางในการรักษาแล้ว ที่อยู่ๆกาเล็ทลิงโลดยินดีขึ้นมาเหตุเพราะกาเล็ทกลับนึกได้วิธีหนึ่ง นีน่านั้นเดิมทีเป็นเพียงมนุษย์ปกติธรรมดาที่ไม่ได้ฝึกพลัง ร่างกายจึงยังอ่อนแออยู่ ทว่าหากนีน่าฝึกฝนพลังเล่า? อาจบางทีวิธีนี้ไม่เพียงแต่สามารถยื้อเวลาให้แก่นีน่าได้ถ้าโชคเข้าข้างอาจบางทีร่างกายของนีน่าจะสามารถเยียวยาตนเองได้เมื่อมีระดับพลังที่เพิ่มพูน กาเล็ทหาได้คาดหวังอย่างเลื่อนลอย เป็นที่ทราบกันว่าผู้ฝึกฝนพลังในระดับขั้นก่อสร้างแก่นจิตวิญญาณไปจนถึงผู้มีพลังระดับที่ 9 ทุกขั้นของการเลื่อนระดับร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจนถึงระดับเซลล์ ซึ่งจากที่มีบันทึกมาพบว่าผู้ที่มีระดับพลังถึงขั้นที่ 9 แทบจะไม่มีอาการป่วยไม่ว่าจากโรคภัยใดแสดงออกมาให้เห็นเลย

"กาเล็ท วิธีอะไรหรือลูก" นีน่าเอ่ยถาม

"ท่านแม่ท่่านต้องฝึกฝนพลังจิตวิญญาณแล้ว ผู้ที่ฝึกฝนพลังจิตวิญญาณเมื่อบรรลุพลังร่างกายจะเกิดความเปลี่ยนแปลง ทั้งช่วงชีวิตที่ยืดยาวขึ้น และที่สำคัญคือความแข็งแกร่งของร่างกายจะเพิ่มพูนไม่ว่าโรคภัยไข้เจ็บใดก็ยากจะย่างกรายได้ หากว่าท่านแม่ฝึกพลัง อย่างน้อยแม้อาการป่วยของท่านแม่ไม่หายดีก็สามารถยื้อเวลาให้แก่ข้าได้" กาเล็ทเอ่ยกล่าวอธิบาย

นีน่าเริ่มแรกเดิมทีที่ได้ยินบุตรชายร่ำร้องอย่างยินดีก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมาทว่าเมื่อได้ฟังคำอธิบายของบุตรชายนางก็กลับยิ้มออกมาอย่างฝืนๆ เหตุเพราะบุตรชายต้องการให้ตนเองฝึกฝนพลัง ตนเองนั้นเป็นเพียงหญิงธรรมดาที่ไร้พรสวรรค์ในหนทางแห่งการฝึกฝน หากว่าต้องให้ตนเองฝึกฝนพลังยังยากเย็นยิ่งกว่าปีนป่ายขึ้นสวรรค์อีก ไม่ทราบว่าต้องใช้เวลาถึงเพียงไหนกว่าตนเองจะสามารถบรรลุพลังได้ อาจบางทีแม้ใช้เวลาทั้งชีวิตตนเองก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ

ที่นีน่าคิดเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เหตุเพราะเป็นที่รู้กันดีว่ามีผู้คนไม่น้อยที่ล้มเหลวในการสร้างแก่นจิตวิญญาณ บ้างที่มีพรสวรรค์ก็สามารถสร้างแก่นจิตวิญญาณได้ก่อนที่จะอายุครบ 10ปี บ้างที่มีพรสวรรค์รองลงมาก็ 11 12 ปี และสำหรับคนที่ไร้พรสวรรค์หากแต่มีความพยายามอาจบางทีต้องใช้เวลาอีกหลายปี และก็มีไม่น้อยเช่นกันที่ไม่สามารถสร้างแก่นจิตวิญญาณได้สำเร็จจนต้องยอมแพ้ในหนทางของการฝึกพลังไป หากให้จัดอันดับของระดับพรสวรรค์ นีน่าย่อมจัดตนเองเป็นอันดับสุดท้าย ทุกสิ่งที่นางคิดล้วนเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในดินแดนยูยานแห่งนี้ทั้งสิ้น มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่นางคาดคิดผิดไปนั่นก็คือพรสวรรค์ของบุตรชาย

ด้วยพรสวรรค์ของกาเล็ทที่มีความสามารถควบคุมพลังถึงขั้นที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ หากว่าจะหาคนที่มีพรสวรรค์ในการควบคุมพลังได้ดีเท่ากาเล็ท ในโรฮานคงไม่สามารถพบเจอได้แม้สักคนเดียว อย่าว่าแต่ในโรฮานแม้จะกวาดตาหาทั่วทั้งดินแดนยูยานยังยากที่จะพบพานสักคน กาเล็ทนั้นไม่เพียงแต่มีความชำนาญในการควบคุมพลังเท่านั้น กาเล็ทยังมีความรู้และสามารถหลอมสร้างยาวิเศษได้หลายชนิด กล่าวถึงการหลอมสร้างยา นักหลอมยาส่วนใหญ่มักจะขาดแคลนวัตถุดิบสำคัญหลายๆอย่าง แต่การที่กาเล็ทได้เข้าไปยังส่วนลึกของป่าอสูรฟ้าเมื่อครั้งที่พบเจอกับมิร่าในครั้งก่อนนั้น กาเล็ทสามารถเก็บเกี่ยวสมุนไพรหายากได้มากมาย ด้วยความสามารถของตนเองในการควบคุมพลัง ด้วยยาวิเศษเช่นยาเทพโอสถทลายสวรรค์ การสร้างแก่นจิตวิญญาณให้แก่นนีน่านั้นง่ายดายยิ่งกว่าการพลิกฝ่ามือ ยังมีเมื่อสร้างแก่นจิตวิญญาณให้แก่นีน่าแล้วตนเองยังสามารถช่วยผลักดันให้มารดาบรรลุพลังไปถึงระดับ 3 4 ได้ไม่ยาก นี่จึงเป็นสาเหตุที่กาเล็ทแสดงความลิงโลดออกมาเมื่อครู่ เพราะตัวของกาเล็ทนั้นทราบดีว่าตนเองมีทุนรอนมากพอที่จะช่วยมารดาได้แล้วทว่ามารดาของตนนั้นหาทราบไม่

"ท่านแม่ แม้ข้าไร้ความสามารถในการตรวจสอบร่างกายของท่าน ทว่าการช่วยเหลือท่านในการฝึกฝนพลังนั้นง่ายดายดั่งพลิกฝ่ามือ ไว้ใจข้าได้เลย" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวกับผู้เป็นมารดาด้วยความมั่นใจผิดแผกจากเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด

"ท่านแม่ ท่านช่วยคัดเลือกเหล่าหญิงรับใช้ที่ไว้ใจได้มาสักสองสามคนได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยบอกกับนีน่าทันทีเมื่อสงบใจลงได้แล้ว

"คัดเลือกหญิงรับใช้? เพื่อเอาไปทำอะไรหรือลูก" นีน่าเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ หรือว่าบุตรชายของตนกลับกลายเป็นคุณชายเจ้าชู้กรุ้มกริ่มเข้าแล้ว? คิดถึงจุดนี้นีน่าก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่ได้บอกกล่าวแก่บุตรชายเรื่องที่ตนเองตกปากรับคำให้มีการหมั้นหมายระหว่างซิลเวียกับกาเล็ทไป

ขณะที่นีน่าครุ่นคิดวุ่นวายอยู่นั้นกาเล็ทก็เอ่ยบอกกล่าวอธิบายอีกครา "ท่านแม่ ที่ข้าให้ท่านคัดเลือกหญิงรับใช้มาก็เพราะว่าข้าต้องการเปรียบเทียบร่างกายของพวกนางกับของท่าน ว่ามีส่วนใดที่ทำงานแตกต่างกัน ข้าจะใช้ร่างกายของพวกนางที่แข็งแรงดีเป็นฐานในการตรวจสอบร่างกายท่าน ที่ต้องคัดเลือกมาสักสองสามคนก็เพราะเพื่อเป็นการประกันความผิดพลาดและสาเหตุที่ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้เหตุเพราะที่แห่งนี้เอง มิตินี้ข้าเรียกมันว่ามิติเทพเจ้า ด้วยการคงอยู่ของมันทำให้พวกเรามีทุนรอนมากพอและไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงกลัวผู้ใดอีก แม้แต่จักรพรรดิ์แห่งทวีปอย่างจักรพรรพดิ์แดงก็ไม่อาจทำอย่างไรข้าได้ ทว่านี่คือไพ่ลับที่ต้องเก็บไว้ หากว่ามีผู้รู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งดี" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

นีน่าได้ฟังก็พอจะเข้าใจขึ้นมาหลายส่วน เมื่อครู่ตนเองกลับคาดเดาวุ่นวายไปเองแล้ว "เช่นนั้นก็มีหนูลิลลี่ หนูโรซ่า หนูเซรีน ยังมีหนูเรร่า อืมมยัง.."

ได้ฟังมารดาเอ่ยชื่อหญิงรับใช้ออกมามากมายแถมยังดูเหมือนจะยังไม่จบสิ้นกาเล็ทก็ได้แต่ส่ายหัวออกมา "ท ท่านแม่พอแล้ว อ เอาเป็นว่าเราจะหาอาสามัครจากรายชื่อที่ท่านแม่กล่าวมาก็แล้วกัน การตรวจสอบร่างกายของพวกนางคงต้องใช้เวลาสักหลายวันต้องดูด้วยว่ามีผู้ใดพร้อม ผู้ใดมีภาระทางบ้านที่ต้องดูแล" กาเล็ทเอ่ย