ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #79 : เราต้องการทั้งหมด [รีไรท์]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17.74K
      592
      6 พ.ย. 60




    ยามรุ่งเช้าที่โต๊ะอาหารภายในปราสาทบุสโซ่ แชลเทียจ้องมองไปที่กาเล็ทซึ่งกำลังอุ้มมิร่าในร่างของมังกรตัวน้อยขนปุกปุยอยู่ด้วยสายตาแสดงออกถึงความอิจฉาอย่างไม่ปิดบัง ที่เป็นเช่นนี้หาโทษนางได้ไม่? มีสตรีใดบ้างที่ไม่นิยมความงาม? มีสตรีใดบ้างที่ไม่นิยมความน่ารัก? มิร่าในร่างของมันกรยามที่อยู่กับกาเล็ทนั้นน่ารักน่าชังยิ่ง เพียงแค่มองดูก็ชวนให้ผู้เหลือบเห็นเกิดความอยากกอดอยากอุ้มชูดูสักครั้งหนึ่งขึ้น แต่น่าเสียดายที่มิร่านั้นยังไม่ยอมให้แชลเทียสัมผัส



    "ท่านแม่ นานแล้วที่ข้าไม่ได้พาท่านแม่เข้าเมืองไปเลือกซื้อของ" กาเล็ทเอ่ยกับนีน่า
    นีน่าได้ฟังก็เงยหน้าจากการปอกผลไม้ขึ้นมายิ้มให้แก่บุตรชายอย่างอ่อนโยน "ไม่จำเป็นหรอกกาเล็ท สิ้นเปลืองเงินทองเสียเปล่าๆ อีกอย่างลูกก็มีงานคั่งค้างตั้งมากมาย จะมาเสียเวลาไปกับแม่เปล่าๆได้ยังไง" การที่นีน่ากล่าวเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการเอ่ยกล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจแต่อย่างใด หากแต่ว่าภายในจิตใจของนางคิดเช่นนั้นจริงๆ
    "ท่านแม่อย่าได้กล่าวเช่นนี้ ไม่ว่าข้าจะมีงานการรัดตัวมากกว่านี้ร้อยเท่า จะอย่างไรเวลาสำหรับท่านแม่ก็ยังมีเสมอ สำหรับข้าไม่มีสิ่งใดมาทดแทนท่านแม่ได้" กาเล็ทเอ่ยจากใจจริง
    "กรู๊ๆๆ" มังกรน้อยเปล่งเสียงร้องออกมาคราหนึ่ง ประหนึ่งจะต้องการเอ่ยบอกว่าสำหรับตนเองก็ไม่มีสิิ่งใดมาทดแทนกาเล็ทได้เช่นกัน
    เห็นการแสดงออกของมิร่านีน่าก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและเปี่ยมสุข จากนั้นจึงหันมองไปรอบห้องรับประทานอาหารภายในปราสาทบุสโซ่ซึ่งแตกต่างจากเดือนก่อนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งโต๊กลมหรูหราราคาแพงขนาดใหญ่ที่ตนเองกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ตอนนี้ ยังมีรูปภาพ เครื่องลายคราม ทุกสิ่งล้วนดูมีราคาทั้งสิ้น เมื่อหวนนึกไปว่าเมื่อปีก่อนตนเองกับกาเล็ทยังต้องเย็บปักถักร้อยเสื้อผ้านำไปแลกกับเศษเงินอยู่เลย ภายในจิตใจก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา เงินทองสมควรใช้อย่างสิ้นเปลืองเช่นนี้?
    เสมือนว่าสามารถรับรู้ถึงความในใจของนีน่าได้ กาเล็ทจึงเอ่ยขึ้น "ท่านแม่อย่าได้คิดว่าการจับจ่ายซื้อของนั้นเป็นสิ่งสิ้นเปลือง ยามที่ข้ายังเล็กและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เป็นท่านแม่ที่อุ้มชูเลี้ยงดูข้ามาอย่างยากลำบาก ยังมีตอนที่บาดเจ็บสาหัสครึ่งเป็นครึ่งตายก็เป็นท่านแม่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง บุญคุณนี้ของท่านแม่ไม่ว่าข้าจะชดใช้อีกสิบปี ร้อยปี หรือตลอดชีวิตของข้าก็ไม่มีทางหมดสิ้น ยังไม่ต้องกล่าวถึงว่าท่านแม่มีบุญคุณเป็นผู้ให้กำเนิดอีก ณ ตอนนี้ข้ามีความสามารถเพิ่มขึ้น เงินทองที่หาได้ก็มีมากขึ้น หากท่านแม่ยินยอมจับจ่ายเงินทองที่ข้าหามาได้ บุตรเช่นข้าก็จะรู้สึกว่าได้ทดแทนบุญคุณของท่านแม่ขึ้นมาสักเสี้ยวหนึ่งบ้าง ยามที่เรายากไร้ก็สมควรประหยัดอดออมอยู่ แต่ว่ายามนี้เงินทองไม่ใช่ปัญหาสำหรับตระกูลบุสโซ่เราอีกแล้ว ยังมีเมื่อไม่กี่วันก่อนราชาเบรุทก็ได้เพิ่มเงินสนับสนุนแก่ตระกูลบุสโซ่เราอีกหลายเท่า" กาเล็ทเอ่ยกล่าวอธิบายแก่ผู้เป็นมารดา

    ได้ฟังกาเล็ทผู้เป็นบุตรชายเอ่ยอ้างว่าต้องการทดแทนบุญคุณ นีน่าก็ยากที่จะปฎิเสธได้ จึงทำได้แต่ผงกหัวรับคำ จากนั้นจึงนำผลไม้ที่พึ่งจะปอกเองกับมือยื่นส่งเข้าปากมังกรน้อยไป
    "วันนี ข้าจะนำนางเข้าไปเรียนรู้เกี่ยวกับสังคมของมนุษย์ภายในเมืองแบรี่ ท่านแม่ก็ถือโอกาสนี้ไปเดินเล่นเที่ยวชมเมืองพร้อมกับข้าเป็นอย่างไร?" กาเล็ทเอ่ย
    "กรู๊ๆๆๆๆ" มิร่าร้องออกมาด้วยความดีใจหลังจากเคี้ยวกลืนผลไม้ที่นีน่าป้อนให้และได้ฟังว่ากาเล็ทจะนำพาตนเองออกท่องเที่ยว หางของนางถึงกับสะบัดแกว่งไกวไปมาแสดงออกถึงความเบิกบานใจที่มี
    "เอาเช่นนั้นก็ได้" นีน่าเอ่ยตอบตกลงจากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับแชลเทีย "แล้วหนูแชลเทียล่ะ จะไปกับพวกเราด้วยไหม?"
    แชลเทียได้ฟังคำถามยิ้มออกมา "ท่านป้า วันนี้ข้ามีนัดกับซิลเวียพอดี อีกอย่างข้าก็ไม่ได้กลับไปที่ตระกูลเรนเดลหลายวันแล้ว ข้าสมควรกลับไปหาท่านพ่อท่านแม่บ้าง" แชลเทียเอ่ย นางก็รู้สึกเสียดายไม่น้อยที่ต้องเอ่ยปฎิเสธไป
    กล่าวถึงซิลเวีย จนถึงบัดนี้กาเล็ทยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองถูกจับคลุมถุงชนเข้ากับเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรผู้นี้แล้วแต่คู่หมั้นของตนเองอย่างแชลเทียกลับรู้เรื่องนี้ดี ซึ่งนีน่าเป็นผู้เอ่ยบอกกับแชลเทียด้วยตนเอง เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากปากของนีน่าแชลเทียกลับไม่ได้มีความรู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใดหากแต่กลับรู้สึกยินดี เหตุที่นางรู้สึกยินดีนั้นเพราะตัวนางเฝ้าเป็นห่วงเพื่อนสาวผู้นี้ตลอดมา หากว่าต้องแต่งนางออกไปให้ผู้ใดก็ไม่ทราบได้นอกอาณาจักร มิสู้แต่งนางให้กับกาเล็ทยังดีเสียกว่า อย่างน้อยนางก็สามารถการันตีและรับรองได้ว่ากาเล็ทคนรักของตนเองจะไม่ข่มเหงรังแกซิลเวีย กล่าวถึงเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของค่านิยิม ในโลก่อนที่กาเล็ทจากมาหากว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นที่คู่หมั้นของตนเองจะมีหญิงสาวเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคนมีหรือที่จะผู้ใดจะยินยอมพร้อมใจ ทว่านั่นคือโลกก่อนของกาเล็ท แต่ทว่าในดินแดนยูยานแห่งนี้หาได้เป็นเช่นนั้น บุรุษที่มีความสามารถจะมีสามหรือสี่ภรรยากลับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสามารถเห็นได้เป็นปกติทั่วไปและน้อยนักที่จะเห็นว่ามีหญิงสาวใดไม่พอใจกับเรื่องเช่นนี้ นี่คืออิธิพลของค่านิยม


    "ปะป๋า นี่คืออะไร"
    "ปะป๋า นั่นคืออะไร"
    "ปะป๋ามนุษย์พวกนั้นกำลังทำอะไร"
    มิร่าเอ่ยคำถามมากมายขึ้นจนกาเล็ทรู้สึกปวดหัวขึ้นมาไม่น้อย กาเล็ทเริ่มจะเข้าใจถึงความลำบากของบิดามารดาผู้ต้องอุ้มชูเลี้ยงดูบุตรของตนเองขึ้นมาบ้างแล้ว มิร่านั้นกล่าวไปแล้วนางก็เปรียบเสมือนเด็กน้อยผู้หนึ่ง ที่ว่านางเสมือนเด็กน้อยผู้หนึ่งก็หาใช่ทุกเรื่องหากแต่กลับเป็นเพียงเรื่องราวทางโลกของมนุษย์ เช่นยามที่นางเห็นกิ๊บติดผมและเครื่องประดับนาๆชนิดที่วางขายอยู่ นางก็จะเอ่ยถามว่านี่คืออะไร นั่นคืออะไร เหตุใดมนุษย์มากมายต้องมายืนเรียงรายอยู่พร้อมกับสิ่งของพวกนี้ พวกนั้นกำลังทำอะไร เมื่อได้ฟังกาเล็ทเอ่ยอธิบาย นางก็จะมีคำถามตามมาอีกว่าเหตุใดมนุษย์พวกนี้ต้องขายของ ในโลกของนางผู้แข็งแกร่งย่อมได้ทุกสิ่งยังต้องมีการขายของอันใดอีก? หากต้องการครอบครองก็เพียงแต่แย่งชิงมา หากอ่อนแอก็ต้องเสียทุกสิ่ง แข็งแกร่งได้ทุกสิ่ง โลกของนางเป็นเช่นนี้ นางย่อมไม่เข้าใจว่ากาเล็ทที่แข็งแกร่งกว่าคนพวกนี้เหตุใดจึงต้องเจรจาพาทีเพื่อสิ่งของให้ต้องยุ่งยากด้วย

    ชั่วขณะที่กาเล็ทกับนีน่าหันหลังไปเหลียวมองดูร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เด็กหญิงตัวน้อยก็มายืนอยู่หน้าร้านขายขนมหวานร้านหนึ่ง ร้านนี้จะนำน้ำตาลที่มีรสหวานมาตกแต่งขึ้นรูปเป็นรูปสัตว์ต่างๆบ้าง ดอกไม้ต่างๆบ้างและเสียบใส้ไม้ไว้เพื่อแบ่งหายให้กับผู้คนที่เดินผ่านไปมายังถนนเส้นนี้
    "เจ้ามนุษย์ เราต้องการสิ่งนี้ ส่งมา" เด็กหญิงเอ่ยบอกกับชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ผู้เป็นพ่อค้าแผงขายขนมหวานนั้น
    ชายวัยกลางคนเหลียวมองมาที่เด็กหญิง มันรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างกับคำพูดคำจาของเด็กหญิงผู้นี้ ทว่าเมื่อกวาดตาสำรวจตรวจดูรูปร่างหน้าตา อีกทั้งเสื้อผ้าที่นางสวมใส่ก็ดูเริดหรูราคาแพง ดูไปคล้ายลูกหลานของคนมีเงินทอง เช่นนี้มันจึงไม่ได้ใส่ใจถึงคำพูดคำจาที่แปลกประหลาดของเด็กหญิง "คุณต้องการชิ้นไหนหรือ?"
    "เราต้องการทั้งหมด ส่งมาซะ" เด็กหญิงเอ่ย
    ชายอ้วนท้วนลังเลใจเล็กน้อย ในวันนี้มันขายขนมหวานได้ไม่ค่อยดีนัก นี่ไม่ใช่โชคก้อนใหญ่ที่ฟ้าประทานให้แก่มันหรอกหรือ? อยู่ดีดีก็มีคุณหนูผู้หนึ่งต้องการเหมาขนมหวานของมันปรากฎขึ้น คิดได้เช่นนั้นมันก็ไม่ลังเลใจอีก รีบกวาดขนมหวานที่มีใส่ห่อขนาดใหญ่และส่งให้แก่เด็กหญิงเบื้องหน้า "ทั้งหมด 50 เหรียญทองแดงขอรับคุณหนู"
    ทว่าเมื่อเด็กหญิงคว้าจับห่อขนมจากมือของมันไปแล้วกลับไม่ได้ส่งเงินทองให้แต่อย่างใด กลับจ้องมองหน้ามันอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงหันกายหมายจะจากไปทันที แน่นอนว่ามิร่าย่อมไม่เข้าใจว่า "50 เหรียญทองแดงหมายความว่าอย่างไร"
    "ค คุณหนู ท ท่านยังไม่ได้จ่ายเงิน" พ่อค้าอ้วนท้วนเอ่ยทักท้วงขึ้นอย่างตกใจ

    กาเล็ทและนีน่าที่หันมาเห็นพอดีก็รีบปรี่เข้ามาหาพ่อค้านั้น
    "ม มิร่า จะเอาของๆคนอื่นมาเฉยๆไม่ได้นะ" กาเล็ทเอ่ยสอนสั่ง
    ส่วนนีน่าก็รีบเข้าไปพูดคุยกับพ่อค้าและควักเงินทองออกมาจ่ายให้
    "ทำไมอ่า ก็มิร่าแข็งแกร่งกว่านะ มิร่าขอดีดีแล้วนะ" มิร่าเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
    กาเล็ทได้ฟังคำถามก็ปวดหัวไม่น้อย "มิร่าในสังคมของมนุษย์น่ะเราจะเอาของคนอื่นมาเฉยๆ หรือแย่งชิงของคนอื่นมาเป็นของตนเองเฉยๆไม่ได้ ต้องถามความยินยอมของเจ้าของก่อน จำได้ไหมที่ปะป๋าบอกว่าคนพวกนี้เข้ากำลังขายของอยู่ ขนมนี่ก็เช่นกัน ลุงคนนั้นเขากำลังขายขนม ถ้ามิร่าอยากได้ขนมก็ต้องซื้อ" กาเล็ทค่อยๆเอ่ยบอกกับมิร่า
    จะว่าไปแล้วการสวนสั่งมิร่าให้เข้าใจเรื่องราวความเป็นไปของสังคมมนุษย์นั้นหาได้เรียบง่ายดังเช่นที่กาเล็ทคาดคิด เหตุเพราะตัวนางหาได้อ่อนแอเสมือนเด็กทั่วไปไม่หากแต่กลับมีพลังมากพอที่จะทำในสิ่งที่นางต้องการได้อย่างไม่สมดุลกัน กล่าวไปแล้วหากเด็กผู้หนึ่งต้องการขนมดั่งเช่นที่นางต้องการแต่ไม่มีเงินทองเพียงพอ เด็กผู้นั้นก็ทำได้แต่เพียงยืนมองขนมชิ้นนั้นทว่ามิร่านั้นหากได้เป็นเช่นนั้น หากนางต้องการแต่ไม่มีเงินทองนางจะยังคงยืนมองหรือ? ย่อมไม่ เพียงแค่ผลิกฝ่ามือน้อยๆของนางทุกสิ่งที่ต้องการก็สามารถได้มาอยู่ในกำมือแล้วมีหรือที่นางจะอดทนอดกลั้นไว้ สรุปได้เช่นนี้กาเล็ทก็ตัดสินใจได้ว่าตนเองไม่สามารถละสายตาจากนางได้เลยแม้สักนาทีเดียวก็ตาม
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×