ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #50 : กลับสู่เมืองหลวง [รีไรท์]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 25.19K
      631
      13 ต.ค. 60





         กาเล็ทยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือเหาะเหลียวมองไปยังท้องฟ้า สายลมอันบริสุทธิพัดผ่านปะทะเข้ากับใบหน้าช่างเป็นความรู้สึกที่สดชื่นนัก

         "ท้องฟ้าช่างสวยงามนัก หากว่ามนุษย์เราสามารถโบยบินบนท้องฟ้าได้ไม่ทราบว่าจะวิเศษถึงเพียงไหน" แชลเทียเอ่ยอย่างคาดฝัน ซิลเวียที่ด้านข้างก็มีพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับคำกล่าวของเพื่อนสาว

         กาเล็ทซึ่งอยู่ระหว่างโดยสารเรือเหาะกลับไปเมืองหลวงก็เหลียวหน้ากลับมามองคนรักของตนเองพร้อมกับแย้มยิ้ม "เหตุใดจะไม่ได้" กล่าวจบกาเล็ทก็เดินไปยังส่วนหัวของเรือเหาะจากนั้นกาเล็ทก็กระทำในสิ่งที่ทั้งแชลเทียและซิลเวียต้องตกใจจนส่งเสียงร่ำร้องออกมา กาเล็ทกลับกระโดดลงจากเรือเหาะที่ลอยสูงอยู่บนฟ้าหลายร้อยเมตร

         ทั้งแชลเทียและซิลเวียต่างร่ำร้องออกมาด้วยความตกใจถึงขีดสุดพร้อมทั้งวิ่งไปชโงกหน้ามองยังระเบียงของเรือเหาะณจุดที่ร่างของกาเล็ทกระโดดตกลงไป แต่ยังไม่ทันที่จะได้ชโงกหน้าลงไปมองพวกนางกลับพบว่าร่างลอยกาเล็ทกลับล่อยรอยขึ้นมาปรากฎให้เห็นแก่สายตาอยู่ตรงหน้า "เจ้าเหาะเหินได้  ท่านเหาะเหินได้" ทั้งสองกลับเอ่ยคำถามที่แทบจะเหมือนกันออกมา

         "ย่อมได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องตกลงไปตายแล้ว" กาเล็ทเอ่ยยิ้มแย้มที่เล่นทีจริงพร้อมทั้งเอื้อมมือออกไปหาทั้งสอง "เจ้าอยากลองสัมผัสความรู้สึกของการร่องลอยดูหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยถามแชลเทีย "ท่านจะลองดูหรือไม่องค์หญิง" กาเล็ทยื่นมืออีกข้างออกไปพร้อมกับเอ่ยคำถามกับซิลเวีย

         เมื่อได้ยินคำถามของกาเล็ททั้งสองสาวก็หันไปมองหน้ากันจากนั้นจึงยื่นมือของตนเองออกไปจับยังมือของกาเล็ท ชั่วขณะที่มือของตนเองสัมผัสกับกาเล็ททั้งสองกลับสัมผัสได้ถึงพลังที่ไม่สามารถมองเห็นแล่นมาห่อหุ้มร่างของตนเองไว้จากนั้นก็รู้สึกได้ว่าร่างของตนเองค่อยๆร่องลอยขึ้น

         กาเล็ทนำพาร่างเล็กทั้งสองเคลื่อนห่างออกจากเรือเหาะไปเรื่อยๆ ในช่วงแรกทั้งสองยังคงรู้สึกเกร็งๆไม่น้อยแต่เมื่อเวลาผ่านไปความกลัวที่มีเมื่อเริ่มแรกก็เริ่มลดน้อยถอยลงและจางหายไปจนหมดสิ้น เมื่อสำรวจว่าใต้เท้าของตนไม่มีที่หยั่งเท้ารองกายอีกต่อไปแล้วดวงตาคู่งามของทั้งสองก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นเต้น "พวกเรา พวกเรากำลังบินอยู่" แชลเทียเอ่ย

         "ข้า ข้ากำลังลอยอยู่" ซิลเวียก็เอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้นเช่นกัน

         "ใช่แล้ว มนุษย์ย่อมสามารถล่องลอยดั่งเช่นนกได้เช่นกัน" กาเล็ทเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

         ซิลเวียกลับเริ่มรู้สึกตัวว่ามือของตนเองนั้นถูกเขาเกาะกุมอยู่ นี่เป็นครั้งที่สองที่ทั้งคู่ได้สัมผัสกัน ครั้งแรกนั้นคือเมื่อเขาช่วยตนเองจากคมเขี้ยวของงูสายรุ้ง เมื่อครั้งนั้นตนเองยังมีความเกลียดชั้งต่อเขาอยู่ไม่น้อย เขาเองก็มีความเกลียดชังต่อตนเองอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่บัดนี้ การสัมผัสครั้งที่สองเกิดขึ้นความรู้สึกเกลียดชังเขาในจิตใจของตนเองนั้นไม่มีหลงเหลืออยู่เลยแม้เศษเสี้ยวหนึ่ง คิดได้ดังนั้นในจิตใจนางก็อดตั้งคำถามกับตนเองไม่ได้ว่า "แล้วเขาเล่า ใช่ลบเลือนความเกลียดชังที่เคยมีต่อตนเองไปหมดสิ้นแล้วจริงหรือไม่?" นางเหลือบมองไปยังหน้าของกาเล็ท

         กาเล็ทที่สังเกตุได้ว่าบนใบหน้าของเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรมีสีแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย กาเล็ทกลับตีความไปว่านางรู้สึกตื่นกลัว ด้วยเหตุนี้กาเล็ทจึงนำร่างเล็กทั้งสองกลับไปยังเรือเหาะ

         "กาเล็ทเจ้าช่าววิเศษนัก ช่วยสอนข้าได้หรือไม่ สักวันจ้าจะต้องบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยตนเองให้ได้" แชลเทียเอ่ยอย่างคาดหวัง

         "ย่อมได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ การจะทำให้ร่างกายปฎิเสธกฎของแรงโน้มถ่วงได้จำเป็นต้องมีระดับพลังที่เพียงพอ อย่างต้องระดับพลังจิตวิญญาณต้องอยู่ในระดับขั้นที่ 7" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

         "กฎของแรงโน้มถ่วง ?" แชลเทียเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

         กาเล็ทที่พึ่งรู้สึกตัวว่าในโลกแห่งนี้นั้นย่อมไม่ได้มีการเรียนการสอนในเรื่องวิทยาศาสตร์เท่าใดนัก "ข้าหมายความว่าการที่เราจะเหาะได้จำเป็นต้องมีระดับพลังถึงขั้นหนึ่ง"

         "ขั้นที่ 7 เลยหรือ นั่นมิใช่หมายความว่าข้าต้องรออีกหลายปี หรืออาจบางทีชั่วชีวิตนี้ข้าคงไม่สามารถเหาะเหินได้แล้ว" แชลเทียเอ่ยอย่างผิดหวัง

         กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็รีบเอ่ยปลอบโยน "หาได้ยาวนานถึงเพียงนั้น เพียงระดับพลังขั้นที่ 7 ใช้เวลาไม่นานก็สามารถบรรลุถึง หากเจ้าตั้งใจฝึกฝนข้าคาดว่าใช้เวลาไม่ถึงปีเจ้าก็สามารถบรรลุถึงได้" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

         ได้ฟังคำปลอบโยนของชายคนรักแชลเทียยังคงเอ่ยอย่างหดหู่ "ขอบใจที่เอ่ยปลอบโยนข้า ตัวข้านั้นหาได้มีพรสวรรค์ดั่งเช่นเจ้ากาเล็ทข้ารู้ตัวเองดี อย่างท่านพ่อของข้าฝึกพลังมานับสิบปี บัดนี้พลังของท่านพ่อยังคงอยู่ที่ระดับ 7 เท่านั้นเอง"

         กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ดูท่าคงต้องอธิบายให้นางเข้าใจซะหน่อย "ข้าไม่ได้หลอกลวงเจ้าแชลเทีย คนส่วนใหญ่มักตีค่าให้กับพรสวรรค์สำคัญที่สุด ข้าไม่ทราบว่าที่อาณาจักรอื่นเป็นเช่นนี้หรือไม่แต่ที่โรฮานมักจะตีค่าผู้คนที่พรสวรรค์ หากผู้ใดที่มีพรสวรรค์อ่อนด้อยก็จะถูกทอดทิ้งไม่ใส่ใจ สุดท้ายสิ่งนี้จึงเป็นเหตุให้คนเหล่านั้นท้อแท้ถดทอยกับการฝึกฝนพลัง แต่สำหรับข้าแล้วไม่ว่าผู้ที่มีพรสวรรค์หรือไม่ก็ตามล้วนไม่ต่างกัน ทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับวิธีการฝึกฝนและความพยายาม ข้าคิดว่าที่พลังของบิดาเจ้าเพิ่มพูนอย่างเชื่องช้ามันมีสาเหตุมาจากวิธีการฝึกที่ผิด" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

         "ฝึกผิดวิธีหรือ ? ท่านพ่อก็ฝึกฝนตามตำราที่เขียนไว้ทุกประการ" แชลเทียเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ

         "เอาเถอะ หากเจ้าฝึกฝนตามคำแนะนำของข้า พร้อมทั้งมีข้าคอยเชื่อเหลือ ข้าสามารถรับประกันได้เลยว่าเจ้าจะมีระดับพลังขั้นที่ 7 ภายในระยะเวลา 1 ปี" กาเล็ทเอ่ย

         "กาเล็ท เจ้าไม่ได้หลอกข้าจิงๆนะ" แชลเทียเริ่มเอ่ยอย่างมีความหวัง

         "ข้าเคยหลอกเจ้าด้วยหรือ" กาเล็ทกลับตามคำถามของนางด้วยคำถามพร้อมกับใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมั่นใจ

         "ย่อมไม่" แชลเทียตอบพร้อมทั้งแย้มยิ้มที่งดงามปานบุปพาผิลบานออกมา

         เวลาผ่านไปไม่นานสุดท้ายเรือเหาะก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงและค่อยๆลดระดับลง
    ในระหว่างที่เรือเหาะค่อยๆลดระดับลง ซิลเวียกลับมีเสียหน้าที่แปลกประหลาดแสดงออกถึงความผิดหวังและเป็นกังวลใจ กล่าวไปช่วงระยะเวลลาหลายวันที่ผ่านมานี้เป็นช่วงระยะเวลาที่ตัวนางมีความสุขที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ช่วงเวลาที่นางได้ท่องเที่ยวไปรอบเมืองรีเวลพร้อมกับเขา ช่วงเวลาที่ตัวนางได้ออกไปเผชิญโลกกว้าง เพียงแค่คิดว่าช่วงเวลาแห่งความสุขเหล่านั้นจะต้องจบลงในไม่ช้า นางก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างไม่อาจจะสามารถเก็บงำไว้ได้

         แชลเทียที่สังเกตุเห็นได้ถึงความรู้สึกของเพื่อนสาวก็เอ่ยปลอบโยน "ซิลเวียนับจากนี้เจ้ามาหาข้าทุกวันเลยดีหรือไม่เราจะได้ไปฝึกฝนกับกาเล็ทด้วยกัน อีกอย่างข้าอยากให้เจ้าได้พบกับท่านป้าเร็วๆด้วย ท่านป้านีน่าน่ะทั้งใจดีทั้งสุภาพอ่อนโยน ท่านป้าจะต้องชอบเจ้าแน่นอนซิลเวีย" 

         ได้ยินคำกล่าวของเพื่อนสาวซิลเวียก็แย้มยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เวลานานนับชั่วโมงที่ผ่านมานางเฝ้ากังวลตลอดมา เมื่อได้ฟังว่าจะได้พบเจอกับเขา ได้พบเจอกับเพื่อนสาวของตนเองทุกวันนับจากนี้ความกังวลใจของนางก็มลายหายไป

         "วันนี้เจ้าไปนอนกับข้าดีหรือไม่ซิลเวีย จะอย่างไรบิดาเจ้าก็ยังไม่ได้กลับมาจากเมืองรีเวล เอางี้เถอะเราไปพบท่านป้าด้วยกันในวันนี้ เจ้าจะได้กล่าวขออภัยต่อท่านป้าด้วยจะได้ไม่มีอะไรติดค้างในใจ จากนั้นเจ้าก็ไปนอนกับข้าที่บ้านของข้า" แชลเทียเอ่ยเสนอแผนกำหนดการออกมา

         "จะไม่เป็นการรบกวนเจ้าหรือแชลเทีย" ซิลเวียเอ่ยอย่างเกรงใจ

         "ไม่แน่นอน" แชลเทียตอบด้วยรอยยิ้ม

         "เจ้าช่างดีกับข้าจริงๆ แชลเทีย" ซิลเวียเอ่ยอย่างสำนึกขอบคุณ

         แชลเทียนั้นรู้สึกสงสารในชะตากรรมของเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเพื่อนสาวของตนเองจับใจ หากเทียบกับตนเองแล้วนับว่าตัวนางนั้นมีชะตากรรมที่ดีกว่ามากนัก ตนเองนั้นมีทั้งบิดาและมารดา อีกทั้งยังมีเพื่อนฝูงมากมาย แต่ซิลเวียนั้นแม้จะเป็นเจ้าหญิงแห่งโรฮานแต่นางกลับขาดความรักจากมารดามาตั้งแต่เกิด ไม่เพียงแต่มารดาเท่านั้น บิดาของนางที่เป็นพระราชาแห่งโรฮานยังไม่มีเวลาให้แก่นางมากเท่าที่ควร ด้วยตำแหน่งที่สูงเป็นถึงเจ้าหญิงจึงเป็นเรื่องยากที่นางจะหาเพื่อนฝูงได้ บุคคลต่างๆที่เข้าหานางส่วนใหญ่ก็เพื่อผลประโยชน์ทั้งสิ้น เมื่อคิดถึงว่าเพื่อนสาวของตนผู้นี้ไม่ทราบว่าจะถูกยกให้แต่งงานเพื่อผลประโยชน์ของอาณาจักรเมื่อใด แชลเทียก็เกิดความรู้สึกเข้าอกเข้าใจและสงสารนางขึ้นมาจับใจ โดยหารู้ไม่ว่าเรื่องนั้นได้เกิดขึ้นแล้วแม้จะถูกล้มเลิกไปแล้วก็ตาม และบุคคลที่เพื่อนสาวของตนเองถูกยกให้คือคนรักของตนนั่นเอง


         ซิลเวียที่พึ่งเคยมาบ้านของกาเล็ทเป็นครั้งแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นตึงเครียดเป็นอย่างมาก นางหันซ้ายหันขวาสำรวจตลอดเส้นทางระหว่างท่าจอดเรือเหาะจนมาถึงทางเข้าบ้านตระกูลบุสโซ่ ตัวนางกลับพบว่าบ้านของมาร์ควิสบุสโซ่กลับไม่ได้โอ่อ่าดั่งเช่นที่ควรจะเป็น แม้บ้านที่เมืองหลวงของเขาจะดูดีกว่าบ้านที่เมืองรีเวลมากนักแต่หากบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นที่อยู่ของขุนนางระดับสูงที่มีตำแหน่งเป็นถึงมาร์ควิสมันยังคงดูไม่สมฐานะอยู่บ้าง ทั้งผู้คนข้ารับใช้ที่ดูโหวงเหวง ทั้งทหารที่คอยรักษาความปลอดภัยก็มีเพียงไม่กี่คน อีกทั้งขนาดของบ้านแล้วสวนรวามแล้วยังไม่ถึงหนึ่งไร่เลยด้วยซ้ำ

         "ท่านมาร์ควิส ท่านอยู่ที่นี่หรือ" ซิลเวียเอ่ยถาม

         "ใช่แล้วเป็นไรหรือ" กาเล็ทเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อได้ยินคำถามของซิลเวีย

         "ท่านมีตำแหน่งเป็นถึงมาร์ควิสเหตุใดท่านพ่อจึงยังให้ท่านอยู่ในที่แห่งนี่ ท่านพ่อออกจะจิตใจคับแคบไปแล้ว" ซิลเวียเอ่ย เมื่อนึกถึงกาเล็ทที่ทุ่มเทพยายามในภารกิจอพยพซิลเวียกลับคิดว่าบิดาของตนเองกลับปฎิบัติกับเขาอย่างไม่เป็นธรรม นางกลับคับแค้นใจแทนกาเล็ทแล้ว

         กาเล็ทได้ฟังก็ยิ้มออกมา "ข้าอยู่ในระหว่างย้ายบ้านน่ะ อันที่จริงในวันที่ย้านตำแหน่งองค์ราชาได้มอบปราสาทด้านนอกเมืองที่ยังว่างอยู่ให้แก่ข้าแล้ว แต่ด้วยเวลาที่ฉุกละหุกประกอบกับปราสาทถูกทิ้งร้างมานานข้าเลยยังไม่ได้ย้ายเข้าไปอยู่" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

         "เช่นนั้นเอง" ซิลเวียพยักหน้าอย่างเข้าใจ 

         ได้ยินเสียงผู้คนพูดคุยกันนีน่าซึ่งกำลังจัดสั่งให้คนโยกย้ายของเพื่อนเตรียมที่จะย้ายไปที่ปราสาทหลังใหม่ก็ออกมาตรวจดูที่หน้าบ้าน "กาเล็ท กลับมาแล้วหรือลูก" นี่น่ารีบปรี่เข้ามาหาบุตรชายของตนเองเพื่อสำรวจตรวจดูว่าบุตรชายของตนเองนั้นสบายดีอยู่มีส่วนไหนบาดเจ็บบ้างหรือไม่ หลายวันที่ผ่านมานีน่านั้นแทบจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่อหลายปีก่อนนางต้องเสียสามีไปอย่างไม่มีวันกลับ สามีของนางออกจากบ้านไปกลางดึกด้วยเหตุเร่งด่วนของอาณาจักรหลังจากนั้นสามีของนางก็ไม่กลับมาอีกเลย มิหนำซ้ำสามีของตนเองยังถูกตราหน้าว่าเป็นทหารหนีทัพ ในครั้งนี้ก็เฉกเช่นเดียวกันบุตรชายของตนเองถูกเรียกออกไปกลางดึกเพราะเหตุฉุกเฉินไม่ต่างจากครั้งสามีของตนเอง ในใจจริงนีน่าอยากที่จะบอกกับบุตรชาย อยากที่จะบอกว่าตำแหน่ง ลาภยศ ทุกสิ่งล้วนไม่สำคัญ นางไม่ต้องการให้บุตรชายออกไปเสี่ยงอันตราย หากว่าต้องสูญเสียที่ยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตไปอีกนางคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

         กาเล็ทสังเกตุได้ว่าขณะที่ตรวจดูทั่วร่างของตนเองอยู่นั้น มือไม้ของนี่น่านั้นสั่นเครือ ในแววตาปรากฎแววน้ำตาเออคลอออกมา

         "ท่านแม่ ข้าสบายดี ท่านซูบผอมไปไม่น้อย ข้าช่างใช้ไม่ได้ที่ทำให้ท่านต้องเป็นห่วงเช่นนี้" กาเล็ทกล่าวอย่างรู้สึกผิดพร้อมกอดร่างของมารดาตนไว้

         กาเล็ทกลับพบว่าร่างกายของนีน่านั้นอ่อนแรงอย่างมาก "ท่านแม่ท่านไม่สบายหรือ" กาเล็ทรีบเอ่ยถามด้วยความตกใจ

         นี่น่ารีบผละออกจากบุตรชายของตนเองพร้อมทั้งปาดเช็ดน้ำตาออก "แม่เพียงแต่อ่อนเพลียเท่านั้นเอง ตลอดหลายวันมานี้แม่เฝ้าเป็นห่วงเจ้าตลอดมา" นีน่าเอ่ย ในขณะเดียวกันที่นีน่าสังเกตุเห็นหญิงสาวน่ารักที่ดูไม่คุ้นตาผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างแชลเทีย

         "ท่านป้านี่คือองค์หญิงซิลเวีย" แชลเทียชิงเอ่ยอธิบาย

         นีน่าซึ่งได้ทราบว่าหญิงสาวที่อยู่ต่อหน้าตนเองนี้คือเจ้าหญิงแห่งโรฮานก็เวีตรียมตัวจะก้มลงแสดงความเคารพ 

         ซิลเวียที่เห็นเช่นนั้นก็ใจหายวาบทันที ตนเองต้องการมาเพื่อขออภัยต่อมารดาของเขาหากว่าต้องให้มารดาของเขาก้มลงแสดงความเคารพมิทราบว่าตนเองจะถูกโกรธเคืองมากน้อยเท่าใด คิดได้ดังนั้นนางก็รีบถลันออกไปรับร่างของนีน่าไว้ "ท่านป้า ไม่จำเป็นต้องแสดงความเคารพใดๆต่อข้า ให้ท่านป้าถือว่าข้าเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาผู้หนึ่งเถอะ" ซิลเวียเอ่ยพร้อมทั้งพยุงร่างของนีน่าขึ้น

         กาเล็ทที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกดีกับเจ้าหญิงผู้นี้มากขึ้นกว่าเดิม

         "ท่านป้าที่ข้ามาในวันนี้ก็เพราะข้ามีเรื่องไม่สบายใจ" ซิลเวียเอ่ย

         นีน่าเห็นเช่นนั้นก็รีบเชื้อเชิญซิลเวียให้เข้าไปด้านในบ้านพร้อมทั้งหันไปบอกกับบุตรชาย "กาเล็ทนำพาองค์หญิงเข้าไปรอยังห้องรับแขกก่อนลูก แม่จะไปเตรียมน้ำเตรียมอาหาร"

         ซิลเวียซึ่งเห็นท่าทีของนีน่าก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยและเป็นกังวลในใจ แต่พอหันมาเห็นท่าทีของกาเล็ทที่ไม่มีทีท่าว่าจะโกรธเคืองนางตัวนางก็สบายใจขึ้น
         
         "ท่านมาร์ควิสดูว่าข้าจะรบกวนท่านเสียแล้ว" ซิลเวียเอ่ย

         "เชิญองค์หญิงเข้าด้านในก่อนเถอะ มีเรื่องใดค่อยว่ากล่าว" กาเล็ทเอ่ย

         เข้ามาภายในบ้านซิลเวียกลับพบว่าตัวบ้างข่อนข้างดูโหวงเหวงอยู่บ้าง จะมีก็เพียงแต่ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเช่นโต๊ะเก้าอี้เท่านั้น "ดูท่าที่ว่าเขากำลังจะย้ายที่อยู่จะเป็นความจริง"

         ผ่านไปสักพักนีน่าก็นำคนถือน้ำและอาหารจำนวนหนึ่งมาพร้อมกับนั่งลงข้างกับกาเล็ทบุตรชาย "ไม่ทราบว่าองค์หญิงมีเรื่องใดให้นีน่ารับใช้" นีน่าเอ่ยถาม น้ำเสียงของนางดูอ่อนแรงอยู่บ้าง

         กาเล็ทซึ่งเห็นเช่นนั้นก็ยื่นมือออกไปแตะยังร่างของนีน่า ส่งถ่ายพลังจิตวิญญาณเพื่อช่วยให้นีน่าฟื้นฟูจากความเหนื่อยล้า

         ทันทีที่มือของบุตรชายกุมมือของตนเองไว้นีน่านั้นรู้สึกร่างกายเบาสบาย เรี่ยวแร่งค่อยๆกลับคืนมาทีละน้อย เมื่อหันไปมองที่บุตรชายนางก็พบแต่เพียงรอยยิ้ม

         "ท่านป้า ขอให้เรียกข้าว่าซิลเวียก็เพียงพอแล้ว วันนี้ที่ข้ามาเหตุเพราะข้าต้องการมาขออภัยท่านป้าด้วยตนเอง" ซิลเวียเอ่ยอธิบายถึงจุดประสงค์การมาเยือนของตนเอง

         "ขออภัยต่อข้าหรือ ?" นีน่าเอ่ยถามอย่างสงสัยใจ

         "ท่านป้า ข้านั้นโง่เขลาจนหลงเชื่อข่าวลือของคนต่ำช้า จนทำให้ข้า ทำให้ข้าพลั้งปากดูหมิ่นท่านลุงผู้ล่วงลับ ดู่หมิ่นท่านป้า แต่ตอนนี้ข้ารู้ความจริงแล้วว่าเรื่องทั้งหมดนั้นไม่เป็นความจริง ท่านลุงกาลานสามีของท่านป้าต้องถูกคนต่ำช้าใส่ร้ายแน่นอน" ซิลเวียเอ่ย

         ได้ยินซิลเวียเอ่ยถึงกาลานสามีผู้ล่วงลับนีน่าก็เศร้าหมองลง "ข้าไม่ถือโทษองค์หญิง" นีน่าเอ่ยพร้อมทั้งปั้นร้อยยิ้มขึ้นบนใบหน้าของตนเองอย่างฝืนๆ

         "ท่านป้าข้าขออภัยที่ทำให้ท่านต้องนึกถึงเรื่องนั้น" ซิลเวียกล่าวอย่างรู้สึกผิดสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น

         "ไม่เป็นไรองค์หญิงเรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว หนูแชลเทียป้าขอบใจหนูมากที่ช่วยดูแลกาเล็ทแทนป้า" นีน่าเปลี่ยนเรื่องหันไปกล่าวขอบคุณแชลเทียแทน

         "มันเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วท่านป้า" แชลเทียกล่าว

         "ท่านแม่ ท่านจะว่าอย่างไรหากว่าเราจัดการทุกเรื่องย้ายบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าจะ ข้าจะรบกวนท่านแม่ไปคุยเรื่องหมั้นหมายอย่างเป็นทางการกับทางครอบครัวของแชลเทีย" กาเล็ทเอ่ยถามความเห็นจากมารดาของตนเอง

         นีน่าได้ฟังก็แย้มยิ้มออกมา "เหตุใดแม่จะไม่เห็นด้วยล่ะ นับเป็นเรื่องดีที่เจ้าคิดได้กาเล็ท ลูกผู้ชายน่ะต้องทำให้มันถูกต้องนะลูก" นีน่าเอ่ย พร้อมทั้งหันไปหาแชลเทียที่บัดนี้อายม้วนหน้าแดงก้มหน้างุดอยู่ มือของนางถึงกลับม้วนพันชายเสื้อของตนเองไปมา "หนูแชลเทียสะดวกวันไหนหรือลูก"

         "แล้ว แล้วแต่ท่านป้าเลย ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าไม่ค่อยได้ออกไปไหนอยู่แล้ว" แชลเทียยังคงก้มหน้างุดพร้อมทั้งม้วนพันแขนเสื้อของตนเอง

         เห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทั้งๆที่ตนเองสมควรมีความรู้สึกยินดีไปกับแชลเทีย แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดตนเองกลับมีความรู้สึกเศร้าลึกๆในใจ

         ทั้งหมดนั่งพูดคุยกันอีกพักใหญ่สุดท้ายแล้วทั้งแชลเทียและซิลเวียก็บอกลานีน่าขอลากลับ โดยมีกาเล็ททำหน้าที่ผู้พิทักษ์บุปผางามทั้งสองไปส่งถึงตระกูลเรนเดล













    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×