ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #4 : พลังขั้นที่ 5 [รีไรท์ 2020]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 37.93K
      746
      6 พ.ย. 63






         หากว่าเปลี่ยนเป็นกาเล็ทเมื่อวันวาน เมื่อได้ยินคำดูถูกถากถางแบบที่กำลังได้ยินอยู่ตอนนี้ประกอบเข้ากับการที่มีพลังเพียงพอซึ่งจะสามารถจัดการกับกลุ่มของลูกขุนนางเใหญ่หล่านั้นได้อย่างตอนนี้  คงไม่ต้องสงสัยเลยว่ากาเล็ทคนก่อนต้องไม่รีรอลังเลใจเลยที่จะทะยานเข้าหาเพื่อลงมือจัดการกับคนกลุ่มนี้   แต่ กาเล็ทในตอนนี้กลายเป็นคนที่สุขุมเยือกเย็นและคิดถึงผลได้ผลเสียอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะลงมือกระทำ 

         จริงอยู่ว่าด้วยพลังของตัวเองที่อยู่ในระดับขีดขั้นที่สี่ ในตอนนี้กาเล็ทย่อมสามารถที่จะลงมือสั่งสอนกลุ่มลูกหลานของขุนนางใหญ่ภายในเมืองได้ไม่ยาก แต่หลังจากนั้นเล่า? 

         ในชีวิตของผู้คน ไม่ว่าจะตัดสินใจทำสิ่งใดลงไปก็ย่อมจะเกิดผลอย่างอื่นตามมาเสมอ คิดจะทุบตีสุนัขตัวหนึ่งยังคงต้องมองดูว่าใครคือเจ้าของ สุนัขเป็นเช่นนี้คนเองก็คงไม่แตกต่างกัน เมื่อต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ เราก็ต้องกลับมาดูว่าเบื้องหลังของลูกขุนนางใหญ่เหล่านั้นยังมีใครยืนอยู่? แน่นอนย่อมต้องเป็นเหล่าขุนนางซึ่งเป็นถึงชนชั้นปกครอง    แล้วถ้าหากว่าตัวเองเลือกจะลงมือทุบตีผู้คนไปในวันนี้ ครอบครัวของเหล่าลูกขุนนางใหญ่เหล่านี้จะนิ่งเฉยและปล่อยให้เรื่องผ่านไปแบบเลยตามเลยหรือไม่?   คำตอบย่อมเป็นที่แน่ชัด   ดังนั้นเมื่อวิเคราะห์ดูแล้วจึงทำให้กาเล็ทแน่ใจว่าด้วยพลังเพียงระดับขั้นที่สี่ยังคงถือว่าไม่มากเพียงพอที่จะทำให้ตนสามารถทวงความเป็นธรรมให้แก่กาเล็ทเจ้าของร่างได้ 

         พลังระดับสี่ถึงจะไม่เพียงพอให้ล้างแค้นได้ แต่มันกลับเพียงพอให้กาเล็ทและครอบครัวบุสโซ่ดำเนินชีวิตได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นและเปิดทางให้กาเล็ทสามารถที่จะลองผิดลองถูกจากความรู้ที่ได้อ่านศึกษามา

      
         พูดถึงความรู้และขั้นตอนของการผสมตัวยาแล้ว กาเล็กกลับมีความรู้สึกว่าวิธีการเหล่านั้นคล้ายเหมือนกับวิธีการผสมสูตรเคมีจากโลกก่อนอยู่ไม่น้อย เพราะสมุนไพรบางชนิดที่มีสรรพคุณเพียงน้อยนิดแต่หากนำมาผสมเข้าด้วยกันในอัตราส่วนที่พอเหมาะแล้ว สรรพคุณอันน้อยนิดของมันกลับสามารถเสริมเกื้อหนุดซึ่งกันและกันจนทำให้สรรพคุณสามารถเพิ่มทวีคูณเป็นสิบเท่าร้อยเท่า 

         ถ้าหากนำสมุนไพรเหล่านั้นมาผสมเข้าด้วยกันในปริมาณที่พอเหมาะแล้วหลอมรวมมันด้วยพลังจิตวิญญาณ สมุนไพรที่ไร้ค่าด้อยราคาก็กลับสามารถจะกลายมาเป็นยาวิเศษที่ล้ำค่าได้ แน่นอนว่าการพูดนั้นย่อมง่ายกว่าการกระทำ  การผสมยานั้นไม่เพียงเราต้องรู้สูตรผสมที่ถูกต้องและใช้มันในปริมาณที่พอดีแล้ว ขณะหลอมรวมตัวยาเหล่านั้นเข้าด้วยกันก็ต้องใช้ระดับพลังที่นิ่งและคงที่พอ พลังที่ใช้ในการหลอมต้องคงที ไม่มากไปน้อยไป ยิ่งระดับยาที่ต้องการผสมนั้นมีสรรพคุณสูงล้ำเท่าไหร่ วัตถุดิบที่ต้องใช้และระดับพลังซึ่งจำเป็นในการหลอมตัวยาก็ต้องสูงตามขึ้นเท่านั้น

         สำหรับสูตรในการผสมตัวยาวิเศษต่างๆมากมาย กาเล็ทย่อมสามารถที่จะจดจำได้อย่างขึ้นใจเนื่องจากได้อ่านความรู้จากหนังสือมากมายภายในมิติพิเศษเหล่านั้น ไม่เพียงแต่สูตรในการหลอมยาเท่านั้นที่กาเล็ทสามารถจดจำได้ยังรวมถึงข้อมูลและขั้นตอนของการหลอมสร้างอาวุธ ซึ่งแม้ในช่วงที่อ่านตัวกาเล็ทในตอนนั้นมองว่าพวกมันเป็นเพียงข้อมูลที่ดูไร้สาระ แต่เมื่อได้ตื่นขึ้นในร่างของกาเล็ทและรับรู้ได้ว่าพลังจิตวิญญาณซึ่งเป็นแกนหลักของทั้งหมดนั้นมีอยู่จริง ความคิดของกาเล็ทก็เปลี่ยนอย่างพลิกตลบ  กาเล็ทในตอนนี้นั้นรู้สึกตื่นเต้นยินดีและรู้สึกท้าทายที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่  ดังนั้นช่วงตลอดระยะเวลาหลายอาทิตย์ที่ได้เข้ามาอยู่ในร่างของกาเล็ท บุสโซ่ คลาวด์ได้พยายามอย่างหนักในการฝึกฝนพลังจิตวิญญาณ พร้อมกับที่ค่อยๆซึมซับเรียนรู้ถึงความเป็นไปของโลกนี้

         สำหรับเรื่องของสูตรยาย่อมไม่ใช่เป็นหา ที่เป็นปัญหาในตอนนี้ในการผสมตัวยาย่อมเป็นระดับพลังจิตวิญญาณของตัวกาเล็ทเอง และสิ่งที่ยากลำบากที่สุดสำหรับกาเล็ทในการเริ่มหลอมสร้างตัวยานั้นคือส่วนผสมที่จำเป็น ด้วยวัตถุดิบที่มีในตอนนี้เลยทำให้กาเล็ทสามารถทดลองหลอมสร้างได้เพียงแค่ตัวยาระดับต่ำเท่านั้น

        
         "กาเล็ท ซื้ออะไรมาตั้งมากมายหรอลูก?" นีน่าเอ่ยถามอย่างรู้สึกเป็นห่วงที่พบว่าในวันนี้กาเล็ทกลับหอบหิ้วสิ่งของพะรุงพะรังมากมายกลับมาด้วย


         "ท่านแม่ ข้าก็บอกท่านแล้วว่าต่อจากนี้ข้าจะเป็นคนหาเลี้ยงท่านแม่เอง ท่านแม่ไม่จำเป็นต้องลำบากทำงานเย็บผ้าพวกนั้นอีกแล้ว"  กาเล็ทเอ่ยขึ้นเมื่อหันมองไปนีน่าผู้เป็นแม่ของตนเองกำลังนั่งรออยู่ยังเก้าอี้หน้าบ้านเพื่อรอการกลับมาของตัวเอง

         "กาเล็ทไม่ให้แม่เย็บปักถักร้อยแล้วจะให้แม่อะไรล่ะลูก? อย่างน้อยงานพวกนี้ก็ยังสามารถนำไปขายเป็นรายได้เล็กๆน้อยๆ  พวกเราจะได้มีเงินทองเก็บสะสมไว้ในเวลาที่จำเป็น"  นี่น่าเอ่ยตอบกาเล็ท ในตอนนี้ตัวของนีน่านั้นรู้ดียิ่งกว่าใครว่าความยากลำบากนั้นเป็นอย่างไร ความรู้สึกที่ไม่สามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้จนต้องไปขอร้องหยิบยืมจากคนอื่นนั้นเป็นความรู้สึกที่ขมขื่นขนาดไหน เพราะสาเหตุนี้ทำให้นีน่าในตอนนี้ตระหนักรู้ถึงคุณค่าของการเก็บออมยิ่งกว่าใคร "ว่าแต่กาเล็ทเถอะซื้ออะไรมาลูก?"

          "สมุนไพรครับท่านแม่  ข้าคิดว่าอยากจะลองปรุงยาสำหรับใช้ช่วยในการฝึกฝนดู  ถ้าหากสำเร็จไม่เพียงมันจะช่วยให้ข้าสามารถฝึกฝนพลังได้อย่างราบรื่นขึ้น ยาเหล่านี้ยังสามารถจะนำไปขายได้ในราคาสูง ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายอีกต่อไป"  กาเล็ทซึ่งเดินมาถึงข้างกายของนีน่าวางข้าวของลงพร้อมทั้งก้มลงหอมแก้มนีน่าซึ่งกำลังถักทอเย็บผ้าอยู่ฟอดหนึ่ง "ท่านแม่อย่าได้หักโหมทำงาน เพียงงานบ้านก็ทำให้ท่านเหน็ดเหนื่อยแล้ว ความกังวลของท่านแม่ข้าเข้าใจดี แต่ขอให้ท่านแม่รู้ว่าข้านั้นไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วต่อจากนี้ข้าจะปรับปรุงตัวเองเพื่อเป็นที่พึ่งพิงให้กับท่านแม่ ท่านแม่ลองดูว่าข้านั้นแข็งแรงเพียง
    ไร" กาเล็ทกล่าวพลางชักดึงมือนีน่าให้ลุกขึ้นยืนจากนั้นจึงช้อนเอาร่างของนีน่าขึ้นมาอุ้ม

          "เจ้าทำอะไร" นีน่าอุทานออกมาอย่างรู้สึกตกใจ

     
         "ข้าเพียงแสดงให้ท่านแม่ดูว่าข้าเปลี่ยนไปขนาดไหน ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวล ภาระที่หนักอึ้งของท่านต่อจากนี้ข้าจะแบกรับมันเอง หากท่านอยากเย็บปักในเวลาว่างย่อมไม่มีปัญหาแต่ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ฝืนตัวเองจนเกินไป" กาเล็ทผ่อนแรงและปล่อยร่างของนีน่าลง จากนั้นจึงกล่าวอธิบายอย่างรู้สึกห่วงใย ถึงแม้ว่านีน่าจะไม่ใช่แม่แท้ๆของตัวเองแต่คลาวด์ในร่างของกาเล็ทกลับมีความรู้สึกรักและผูกพันกับนีน่าไม่ต่างจากแม่แท้ๆ  ดังนั้นตั้งแต่ที่วิญญาณของคลาวด์เข้ามาอยู่ในร่างของกาเล็ท คลาวด์ก็มักจะทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดจะทำในโลกก่อน นั่นคือการกอดนีน่าจนทำให้นีน่านั้นรู้สึกแปลกประหลาดใจอยู่บ่อยๆ

           "ท่านแม่ข้าคงต้องใช้เวลาสักพักในการทดลองสิ่งใหม่" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวกับนีน่า


         หลังจากบอกกล่าวกับนีน่า กาเล็ทก็ก้มลงมือจัดเตรียมวัตถุดิบพร้อมกับที่คัดแยกส่วนผสมของสมุนไพรต่างๆซึ่งตัวเองซื้อมาให้เข้าที่เข้าทาง

        
         

          อีกหลายชั่วโมงต่อมา ภายในห้องนอนของกาเล็ทปรากฎแสงสว่างวูบวาบขึ้นมาอย่างไม่ขาดช่วงติดต่อกันเป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมงแล้วนับจากที่กาเล็ทเริ่มที่จะทดลองหลอมสร้างตัวยา

          ภายในห้องนอนกาเล็ทนั้นกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงของตน มือทั้งของข้างของกาเล็ทนั้นยกสูงขึ้งระหว่างอก ที่กึ่งกลางระหว่างฝ่ามือสองข้างของกาเล็ทนั้นเองซึ่งเป็นที่มาของแสงสว่างภายในห้อง ในพื้นที่กึ่งกลางระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้างของกาเล็ทนั้นปรากฎม่านพลังโปร่งใสที่เปล่งแสงอ่อนๆออกมา ภายในม่ายพลังโปร่งใสนั้นกลับปรากฎสมุนไพรหลากชินิดซึ่งกำลังหมุนวนและค่อยๆสลายหลอมรวมเข้าด้วยกัน 


         "สำเร็จ!" กาเล็ทเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกยินดี  เมื่อแสงสว่างภายในห้องดับหายไปก็ปรากฎยาเม็ดสีน้ำตาลขนาดเท่าหัวแม่มือที่ค่อยๆลอยลงมาอยู่บนฝ่ามือของกาเล็ท 

         หลังจากการพยายามนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดกาเล็ทก็สามารถคลำหาวิธีซึ่งถูกต้องและเรียนรู้ถึงเคล็ดลับในการหลอมรวมตัวยาสมุนไพรเข้าด้วยกันได้เลยทำให้ในครั้งนี้การหลอมรวมวัตถุดิบตัวยาเป็นไปได้อย่างราบรื่น "แม้จะล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายแล้วก็สำเร็จ!" กาเล็ทคิดกับตัวเองในใจ 

         แม้จะในช่วงแรกที่กาเล็ททดลองการหลอมรวมตัวยาสมุนไพรนั้นจะต้องพบเจอกับความล้มเหลวแต่กาเล็ทก็ไม่ได้ย่อท้อ มีผู้ใครไม่เคยพบเจอกับความล้มเหลวบ้าง? มีใครในโลกที่ไม่พยายามแล้วจะสามารถประสบความสำเร็จ ? ในเรื่องนี้กาเล็ทนั้นรู้ดียิ่งกว่าใครว่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ย่อมต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและความพยายามที่มากกว่าคนอื่น ดังนั้นแม้แรกเริ่มจะพบเจอกับความล้มเหลวแต่กาเล็ทก็หาได้ใส่ใจและยังคงพยายามต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ ด้วยผลของความพยายามอย่างไม่ย่อท้อสุดท้ายจึงทำให้กาเล็ทผสมตัวยาได้สำเร็จเป็นเม็ดแรก

     
         "ยาเทพโอสถ เม็ดแรกที่เราผสมได้ ถึงแม้จะเป็นขั้นต่ำแต่มันยังคงสามารถช่วยให้ความเร็วในการฝึกฝนของเราเพิ่มขึ้นได้อย่างก้าวกระโดด" กาเล็ทนึกคิดกับตัวเองเสร็จก็นำยาบนฝ่ามือเข้าปากของตัวเองอย่างรวดเร็วโดยไม่มีแม้แต่ความลังเลแม้สักนิด ทันทีที่ยาเม็ดเข้าปากไป  กาเล็ทก็สัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณรอบตัวได้อย่างแจ่มชัดขึ้น "ยานี้ช่วยเราสามารถที่จะสัมผัสรู้ถึงพลังจิตวิญญาณได้อย่างแจ่มชัดขึ้น!"


          เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปอีกสองอาทิตย์นับตั้งแต่ที่กาเล็ทเริ่มกินยาเทพโอสถเม็ดแรกลงไป  ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นผลของตัวยาที่กินเข้าไปเม็ดแรกกลับยังคงส่งผลอยู่ เริ่มแรกเดิมทีในช่วงอาทิตย์แรกที่กินยาเม็ดนี้เข้าไป กาเล็ทนั้นเลือกที่จะใช้ทุกวินาทีตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ในการฝึกฝนระดับพลังของตัวเองเพื่อให้ยาที่ตัวเองหลอมผสมมาอย่างยากลำบากนั้นไม่สูญเปล่า 

     
         การที่ผู้ฝึกตนจะเริ่มดูดซับพลังจิตวิญญาณเพื่อเพิ่มระดับของแก่นจิตวิญญาณในร่างของตัวเองนั้น ขั้นแรกต้องเข้าสู่ห้วงสมาธิขั้นจิตว่างเปล่า เมื่อเข้าถึงขั้นนี้ได้จะสามารถรับรู้ถึงพลังบริสุทธิที่เรียกว่าพลังจิตวิญญาณ เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณได้จึงจะสามารถดึงดูดมันเข้าสู่แก่นจิตวิญญาณภายในร่างกายได้ นั่นคือกรรมมาวิธีในทางทฤษฎี  แต่การปฎิบัติจริงกลับไม่ได้ง่ายดายเหมือนในทฤษฎี   การเข้าสู่ห้วงสมาธิจนถึงขั้นจิตว่างเปล่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย  การรักษาสภาพจิตว่างเปล่าไว้ยิ่งยากเย็นกว่า  

         ดังนั้นผู้ที่สามารถรับรู้ถึงพลังจิตวิญญาณได้จึงถือว่าเป็นส่วนน้อย หากจะให้เปรียบเทียบแล้วชาวบ้านธรรมดาที่จะสามารถกลายมาเป็นผู้ฝนพลังได้นั้นนับว่ามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย โดยส่วนใหญ่ผู้ฝึกพลังนั้นจะมาจากตระกูลขุนนางหรือพ่อค้าผู้มั่งมีเงินทอง เพราะการจะเข้าสู้ห้วงสมาธิขึ้นจิตว่างเปล่าได้นั้นเป็นเรื่องยากและไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเกระทำได้ แต่ถ้าหากมีตัวยาช่วยก็จะสามารถช่วยลดระดับและขั้นตอนของความยากในส่วนนี้ลงได้อีกมาก  

         สำหรับผู้ฝึกฝนพลังทั่วไป การที่สามารถเข้าสู่ห้วงสมาธิขั้นจิตว่างเปล่าและสามารถหน่วงรักษามันไว้ได้ถึงสองชั่วโมงก็นับว่าหายากมากแล้ว..แต่สำหรับกาเล็ทการเข้าถึงห้วงสมาธิขั้นจิตว่างเปล่ากลับเป็นเรื่องง่ายเหมือนดั่งใจนึก ไม่เพียงจะสามารถเข้าถึงห้วงสมาธิขั้นจิตว่างเปล่าได้อย่างใจนึกหากแต่กาเล็ทกลับสามารถที่จะหน่วงรักษามันไว้ได้อย่างไม่รู้จบ


         ใช้เวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์ กาเล็ทก็สามารถที่จะทะลวงเพิ่มระดับแก่นจิตวิญญาณของตัวเองให้สูงขึ้นไปถึงขั้นที่ห้าได้สำเร็จ




         ปล.รีไรท์ 2020
















































        


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×