ลำดับตอนที่ #317
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #317 : มาเพื่อให้ท่านหญิงดูตัว
ในขณะที่ซานซานสามารถที่จะจับสัมผัสได้ถึงมวลพลังของกาเล็ท ตัวของกาเล็ทเองก็สามารถที่จะจับสัมผัสได้ถึงมวลพลังระดับจักรพรรดิขั้นสูงของซานซานที่อยู่ ณ โรฮานได้ไม่ต่างกัน สัมผัสรู้ได้เช่นนั้นกาเล็ทพร้อมกับมิร่าก็เร่งออกเดินทางออกจากเรือเหาะที่กำลังลอยลำเคลื่อนตัวกลับสู่โรฮานล่วงหน้าเพื่อตรวจสอบดูให้แน่ใจว่ามวลพลังระดับสูงนั้นเป็นของผู้ใดกันแน่
ใช้เวลาเพียงไม่นานกาเล็ทพร้อมกับมิร่าก็เดินทางกลับมาถึงตระกูลบุสโซ่ กาเล็ทที่ลอยตัวสูงขึ้นไปอยู่ในอากาศสังเกตุเห็นร่างบางที่กำลังจ้องมองขึ้นมายังตนเองพร้อมกับรอยยิ้มเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อยที่เจ้าของมวลพลังมหาศาลนั้นกลับเป็นจักรพรรดินีซานซานแห่งทวีปใต้
ก่อนที่กาเล็ทจะทันได้รู้สึกตัว มิร่าที่กระพือปีกลอยตัวอยู่ด้านข้างของตนเองก็พุ่งทะยานออกไปยังทิศทางที่ซานซานยืนอยู่ มิร่ากระพือปีกโผบินไปมารอบกายของซานซานพร้อมทั้งส่งเสียงร้องเสมือนว่าต้องการจะแจ้งบอกต่อกาเล็ทว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าของตนเองในยามนี้คือผู้ใด
สำหรับซานซานที่สังเกตุเห็นการกระทำของมิร่าก็เผยรอยยิ้มเฉิดฉันออกมายิ่งกว่าเดิมกับท่าทางที่มิร่าแสดงออกมาให้ได้เห็น หากจะให้กล่าวแล้วตั้งแต่ที่จากกันยังทวีปใต้ นางนั้นรู้สึกโหยหาช่วงเวลาที่ได้โอบโกดร่างน้อยซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นฟูฟ่องอยู่ไม่น้อย จนใจที่ในยามนี้ร่างน้อยนั้นอยู่ห่างออกไปเกินกว่าที่ตัวนางจะสามารถยื่นมือออกไปคว้าจับเอามาโอบกอดไว้ได้ นึกคิดได้เช่นนั้นซานซานพลันนำสิ่งของบางอย่างออกมาจากแหวนมิติ "มิร่าน้อย มานี่" เสียงหวานใสของซานซานดังขึ้นเพื่อเอ่ยเรียกมิร่าซึ่งกำลังโผบินขยับกายไปมาอยู่รอบกายของตนเอง
ในทันทีที่มิร่าสังเกตุเห็นว่าในมือของซานซานยึดถือสิ่งใดอยู่ ร่างของมิร่าก็หยุดกึกลงในทันที มิร่าจ้องมองไปยังขนมหวานในมือเรียวบางของซานซานที่ยื่นส่งออกมาเบื้องหน้าให้กับตนเองในทันที
ทันทีที่ร่างของมิร่าขยับเข้ามาใกล้กับตนเองมากพอแล้ว ซานซานก็ยื่นมือออกไปคว้าจับเอาตัวของร่างน้อยมาไว้ในวงแขนพร้อมกับหยิบยื่นส่งขนมหวานในมือที่ใช้เป็นเหยื่อล่อส่งป้อนเข้าสู่ปากของมิร่า
มิร่าเปิดปากรับเอาขนมหวานที่หยิบยื่นส่งเข้าสู่ปากของตนเองด้วยความยินดี
หลังจากป้อนขนมหวานภายในมือของตนเองให้กับร่างเล็กในวงแขนจนหมดสิ้นแล้วซานซานก็ก้มหน้าลงเพื่อหอมไปยังศรีษะของมิร่าที่กำลังเคี้ยวกินขนมหวานอยู่ภายในปากเพื่อลดทอนความรู้สึกคิดถึงที่มีให้เบาบางลง
กาเล็ทซึ่งลดระดับเคลื่อนต่ำลงมาจากเบื้องบนแล้วก็ได้แต่ถอดถอนในที่ผู้เป็นบุตรสาวของตนเองกลับเห็นแก่กินถึงเพียงนี้ "เป็นซานซานเอง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวทักทายขึ้นมา
ซานซานที่คลอเคลียหยอกล้ออยู่กับมิร่าได้ยินเสียงของกาเล็ทที่เอ่ยกล่าวกับตนเองก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับบรุษที่ตนเองเฝ้าคิดคำนึงหาตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา หากแต่พอได้พบหน้าเขาผู้นั้นจริงๆแล้วกลับไม่ทราบว่าตนเองสมควรที่จะเอ่ยกล่าวสิ่งใดดี
"เหตุใดซานซานจึงได้เดินทางมายังโรฮานกัน? เวลานัดหมายของการประชุมหารือของพวกเรามิใช่เป็นอีกสองอาทิตย์ให้หลังหรอกหรือ?" กาเล็ทเอ่ยปากกล่าวถามออกไปอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดสตรีที่งดงามเบื้องหน้าของตนเองจึงมาปรากฎตัวยังโรฮานในเวลานี้?
ซานซานได้ยินคำถามก็ได้แต่นิ่งเงียบไป นางไม่ทราบว่าตนเองสมควรที่จะเอ่ยบอกกล่าวออกไปเช่นไรดี หรือจะให้บอกกล่าวออกไปตามตรงว่าที่นางเดินทางมาในวันนี้ก็เพราะเรื่องนัดหมายดูตัว?
"เป็นไร หากไม่มีธุระแล้วข้ากับหลานสาวไม่สามารถเดินทางมายังทวีปตะวันออกได้หรือ?" เสียงของหลี่มี่อี้ดังขึ้นมาเพื่อคลายวงล้อมให้กับผู้เป็นหลานสาว
"ท่านยายมี่อี้" กาเล็ทซึ่งเห็นว่าผู้เอ่ยกล่าววาจาคือหลี่มี่อี้ก็ได้แต่หันไปเอ่ยเรียกหลี่มี่อี้
"ไม่ต้อนรับข้ากับหลานสาวหรือ?" หลี่มี่อี้ยังคงเอ่ยถาม
"ไม่ใช่อย่างนั้นครับท่านยาย เพียงแต่เกรงว่าตระกูลบุสโซ่ของข้าจะต้อนรับท่านยายกับซานซานได้ไม่ดีพอ" กาเล็ทยกมือขึ้นเกาศรีษะเอ่ยตอบ
ซานซานที่เห็นอากับกริยาท่าทีของกาเล็ทถึงกับหลุดหัวเราะขำออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "เขายังเป็นเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง" ซานซานนึกคิดกับตนเองในใจ
"ข้ากับหลานสาวหาได้เป็นคนประเภทที่พิรี้พิไรมากพิธี มีอย่างไรก็อยู่อย่างนั้น เพียงเสื่อผืนหมอนใบก็เพียงพอแล้วสำหรับกับข้าแต่สำหรับกับซานซานอย่างน้อยก็ขอให้พอมีห้องหับไว้คอยหลบลมฝนบ้าง เพียงเท่านี้ตระกูลบุสโซ่ของเจ้าคงไม่ถึงกับขัดสนกระมังเด็กน้อย" หลี่มี่อี้เอ่ยกล่าวพร้อมทั้งก้าวเดินเข้ามาที่เบื้องหน้าของว่าที่หลานเขยของตนเอง
"ท่านยายมี่อี้ ข้าจะไปปฎิบัติต่อท่านยายและซานซานเช่นนั้นได้อย่างไร" กาเล็ทเอ่ยกล่าว
ซานซานที่เห็นว่าบรรยากาศของการพูดคุยแรกพบปะเป็นไปอย่างราบรื่นก็หัวเราะขำออกมา "ท่านยาย อย่าได้กลั่นแกล้งกาเล็ทให้ลำบากใจอีกเลย"
ได้ยินคำเอ่ยกล่าวของผู้เป็นหลานสาว หลี่มี่อี้ก็มองค้อนไปยังผู้เป็นหลานสาวที่ช่วยเอ่ยปากว่ากล่าวให้กับเด็กหนุ่มที่เบื้องหน้าวูบหนึ่ง
"เจ้ากลับมาแล้ว" เสียงของเทลเล่อเอ่ยกล่าวดังขึ้นมา
"ครับท่านอาจารย์" กาเล็ทผงกศรีษะให้กับเทลเล่อ
"เป็นอย่างไรบ้าง" เทลเล่อเอ่ยถาม
กาเล็ทที่ได้ยินคำเอ่ยถามก็หันไปยิ้มให้กับเทลเล่อ "ถึงแม้จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นแต่ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่วางแผนไว้ครับท่านอาจารย์" กาเล็ทเอ่ยกล่าวแจ้งบอกต่อเทลเล่อจากนั้นจึงเอ่ยเล่าถึงการปรากฎตัวของอองตวนให้แก่ทั้งซานซาน หลี่มี่อี้และเทลเล่อรับฟัง
เทลเล่อที่ได้รับฟังจนจบความก็ผงกศรีษะอย่างครุ่นคิด "ไม่นึกฝันเลยว่าสงครามยังไม่จบผู้คนของทวีปกลางก็คิดตัดแบ่งชิ้นเนื้อกันเสียแล้ว"
"การที่กาเล็ทกำจัดอองตวนผู้เป็นสี่สุดยอดของทวีปกลางได้นับว่าฟ้าเข้าข้างพวกเรายิ่งนัก เช่นนี้คงไม่ผิดจากที่ท่านยายกล่าวไว้แล้ว" ซานซานแย้มยิ้มเอ่ยกล่าว พอเอ่ยกล่าวจนจบความใบหน้าของนางก็ขึ้นสีอยู่บ้าง เพราะคำทำนายของผู้เป็นยายนั้นนอกจากบอกกล่าวว่ากาเล็ทคือผู้ถูกเลือกจากเบื้องบนแล้วยังมีเรื่องที่ว่าเขาผู้นี้มีชะตาต้องกันและเป็นเนื้อคู่กับตนเองด้วย
เทลเล่อที่ได้รับฟังและเห็นถึงอากับกริยาของซานซานจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ก็ยกมือขึ้นมาป้องปากกระแอมไอออกมาคราหนึ่ง "ว่าแต่ท่านหญิงนีน่าเล่า เหตุใดจึงยังไม่กลับมา" เทลเล่อเอ่ยถาม
การเล็ทรู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อยที่อยู่ๆเทลเล่อก็เอ่ยถามถึงนีน่าขึ้นมา "ข้าล่วงหน้ากลับมาก่อน คาดว่าอีกไม่นานท่านแม่ก็น่าจะเดินทางกลับมาถึงแล้วครับท่านอาจารย์" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว
เทลเล่อได้รับฟังเช่นนั้นก็ผงกศรีษะ
ไม่นานรถม้าที่นีน่าและว่าที่ภรรยาทั้งห้าของกาเล็ทโดยสารอยู่ก็เดินทางกลับมาถึงปราสาทบุสโซ่จากท่าจอดเรือเหาะที่จัดทำไว้เป็นพิเศษภายในหมู่บ้านบุสโซ่
เทลเล่อที่สังเกตุเห็นเช่นนั้นก็หันไปเอ่ยกล่าวกับหลี่มี่อี้ "ท่านหญิงนีน่ากลับมาถึงแล้ว ขอเชิญท่านหญิงมี่อี้"
หลี่มี่อี้ผงกศรีษะรับพร้อมกับหันไปเอ่ยกล่าวกับซานซานผู้เป็นหลาน "ซานเอ๋อร์มากับยายไปพบหน้าเพื่อต้อนรับการกลับมาของท่านหญิงนีน่า"
ซานซานผงกศรีษะรับคำพร้อมกับอุ้มมิร่าหันกายเพื่อเดินติดตามผู้เป็นยายและเทลเล่อไปอย่างว่าง่ายปล่อยให้กาเล็ทได้แต่ยืนงงงวยไม่เข้าใจถึงเรื่องราว
"เจ้าติดตามมาทำอะไร มิใช่มีงานการมากมายต้องสะสางหรอกหรือ?" เทลเล่อเอ่ยกล่าวบอกต่อกาเล็ทที่ติดตามมาอยู่เคียงข้างของตนเอง
กาเล็ทยิ้มแห้งๆออกมาคราหนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยกล่าว "งานการเหล่านั้นไว้ค่อยสะสางทีหลังก็ยังไม่สาย ว่าแต่ท่านอาจารย์ทำหน้าที่ต้อนรับขับสู้ท่านยายมี่อี้กับซานซานมากว่าสองวันแล้ว ท่านอาจารย์พอจะทราบหรือไม่ว่าเหตุใดพวกนางจึงเดินทางมายังโรฮานก่อนกำหนดการเช่นนี้?"
เทลเล่อได้ยินคำถามที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัยใคร่รู้ของผู้เป็นศิษย์ก็เผยรอยยิ้มลี้ลับออกมาวูบหนึ่ง "อ้อเจ้ายังไม่ทราบหรือ?" เทลเล่อส่งเสียงร้องออกมาคำหนึ่ง
กาเล็ทผงกศรีษะรับ
"ฟังว่ามาดูตัว" เทลเล่อเอ่ยตอบ
กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นถึงกลับชงักเท้าไปก้าวหนึ่ง ไม่นานกาเล็ทก็รู้สึกตัวพร้อมกับก้าวเดินกลับมาติดตามผู้เป็นอาจารย์เพื่อเอ่ยถามให้แน่ใจว่าตนเองฟังไม่ผิดไปจริงๆ "มาดูตัวกับผู้ใดหรือท่านอาจารย์"
เทลเล่อที่ได้รับฟังคำถามก็ได้แต่ลอบส่ายศรีษะไปมากับความโง่งมของผู้เป็นลูกศิษย์ ไม่ว่าเรื่องใดเจ้าผู้นี้ล้วนฉลาดหลักแหมแต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดเฉพาะกับเรื่องนี้กลับโง่งมเหมือนดั่งวัวควาย เทลเล่อลอบถอดถอนใจ ปากก็เอ่ยกล่าว "มาให้ท่านหญิงนีน่าดูตัว"
ได้ยินเช่นนั้นกาเล็ทก็ถึงกับปากอ้าตาข้างไปไม่สามารถเอ่ยกล่าววาจาออกมาได้แม้สักคำเดียว
ทันทีที่นีน่าก้าวขาลงมาจากรถม้าก็ต้องเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อยที่เบื้องหน้าปราสาทบุสโซ่กลับมีผู้คนที่ไม่คุ้นตามารอคอยตนเองอยู่
รอคอยให้ผู้คนภายในรถม้าก้าวเดินลงมาจากรถม้าจนหมดสิ้นแล้วเทลเล่อก็เป็นผู้เปิดปากเอ่ยกล่าวขึ้น "ท่านหญิงมี่อี้นี่คือท่านหญิงนีน่ามารดาของกาเล็ท / ท่านหญิงนีน่านี่คือท่านหญิงมี่อี้แห่งทวีปใต้และซานซานหลานสาวของนาง" เทลเล่อเอ่ยกล่าวแนะนำ
หลี่มี่อี้เห็นเช่นนั้นก็รีบเดินเข้าหานีน่าด้วยท่าทางที่เป็นมิตรและใบหน้าที่ยิ้มแย้ม "ได้ยินชื่อเสียงของท่านหญิงนีน่ามาจากปากของท่านเทลเล่อมาไม่น้อย ไม่นึกเลยว่าพอมาพบเห็นตัวจริงแล้วกลับดูอ่อนโยนและสง่างามยิ่งกว่าที่ได้ฟังมามากนัก" เอ่ยกล่าวชื่นชมนีน่าเช่นนั้นจบหลี่มี่อี้ก็หันไปหาผู้เป็นหลายสาว "ซานเอ๋อร์มานี่ลูก มาทำความเคารพต่อท่านหญิงนีน่าเพื่อแสดงความขอบคุณ"
ซานซานได้ยินดังนั้นก็ก้าวเดินออกมาย่อกายลงแสดงความเคารพต่อนีน่าที่เบื้องหน้าทั้งที่ภายในวงแขนยังคงโอบอุ้มมิร่าอยู่ "ซานซานน้อมพบท่านหญิงนีน่า"
นีน่าที่เผชิญเรื่องราวอย่างกระทันหันไม่อาจที่จะตั้งตัวได้ติดไปชั่วครู่หนึ่ง ทว่าไม่นานนีน่าก็สามารถที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ออก นีน่าเหลียวมองไปยังเทลเล่อวูบหนึ่ง
เทลเล่อผงกศรีษะรับคำ
"ล..ลุกขึ้นเถอะลูก" นีน่าเกิดความรู้สึกไม่ปกติอยู่บ้างขณะที่เอ่ยกล่าวเพราะบัดนี้นางนั้นรับรู้แล้วว่าสตรีที่ย่อกายคาราวะตนเองอยู่นี้คือจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้เอง
"ค่ะท่านหญิง" ซานซานเองกล่าว
เห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วกาเล็ทในยามนี้นั้นก็เปรียบเสมือนคนใบ้ที่อมบอระเพ็ดมีปากยากจะกล่าว ยิ่งเหลือบเห็นสายตาของซิลเวีย เบลล่าและแชลเทียว่าที่ภรรยาทั้งสามของตนเองที่เหลือบมองไปยังมิร่าในอ้อมกอดของซานซานสลับกับหันมาเหลือบมองที่ตนเองเป็นระยะแล้วยิ่งส่งให้กาเล็ทสยิวกายอย่างหนาวเหน็บมากกว่าเดิม
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น