ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #305 : สี่สุดยอดแห่งทวีปกลาง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4K
      382
      4 ม.ค. 62


    เดินทางกว่าสี่ชั่วโมงสุดท้ายแล้วเรือเหาะก็เข้าสู่เขตของแคว้นสมิธและใช้เวลาอีกไม่นานก็เดินทางถึงเมืองหลวงของแคว้นสมิธ
    "มาร์ติน เจ้าล่วงหน้าลงไปติดต่อประสานงานกับทางการของแคว้นสมิธให้เรียบร้อย อย่าให้เกิดปัญหาใดขึ้นมา เข้าใจหรือไม่ และอย่าได้ลืมไปติดต่อกับตระกูลโรม่าว่าในวันพรุ่งนี้พวกเราจะไปร่วมงานเลี้ยงแน่นอน"
    "ขอรับนายน้อย" มาร์ตินเอ่ยขานรับ
    สำหรับกับที่พัก กาเล็ทเลือกที่จะพักในเรือเหาะหลวงเพราะสาเหตุในการรักษาความปลอดภัยที่ง่ายดายกว่าออกไปพักยังเบื้องนอก
    "ไม่ว่าที่ใดก็เจริญก้าวหน้ากว่าโรฮานเราทั้งสิ้น" ซิลที่เหม่อมองลงไปยังเบื้องล่างเอ่ยกล่าวอย่างทอดถอนใจ
    "เป็นเช่นนี้ก็คงไม่แปลก โรฮานของเรามีสถาพการเมืองภายในที่ไม่มั่นคงมาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายปี คาดว่าอีกไม่เกิน 5 ปี โรฮานของเราจะเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่และเจริญก้าวหน้ากว่าแว่นแคว้นใดในทวีปตะวันออกแน่นอน รู้เช่นนี้แล้วใยต้องแสดงสีหน้าเช่นนั้นอีก เรื่องที่พวกเราสมควรที่จะกังวลในตอนนี้น่าจะเป็นการเลือกชุดไปร่วมงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้มากกว่า" เบลล่ายิ้มเอ่ยกล่าว
    "เอาเถอะ พวกเรารีบกลับเข้าไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้กันดีกว่าท่านพี่ เห็นว่างานเลี้ยงมีทั้งงานช่วงเช้าและช่วงค่ำหากว่าไม่เตรียมตัวให้ดีเกรงว่าจะทำให้ตระกูลบุสโซ่ขายหน้าแล้ว" ซิลเวียเอ่ย

    พักอยู่ภายในเรือเหาะหลวงที่สะดวกสะบายกว่าหนึ่งคืน รุ่งเช้นของวันถัดไปกาเล็ทก็เตรียมตัวที่จะออกเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลโรม่
    "กาเล็ทมานี่สิลูก ดูสิทำหยั่งกับเป็นเด็กต้องให้แม่มาคอยเป็นห่วงอยู่เรื่อย" นีน่าเอ่ยกล่าวขณะทที่ใช้มือของตนเองยกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ไม่เรียบร้อยของผู้เป็นบุตรชายให้เข้าที่
    กาเล็ทหัวเราะแห้งๆออกมาพร้อมทั้งก้มลองเอ่ยกล่าวกับมิร่าในวงแขน "อยู่นิ่งๆ เห็นหรือไม่ว่าปะป๋าถูกท่านย่าตำหนิต่อว่าแล้ว ถ้าหนูขยับไปมาไม่หยุดเสื้อผ้าของปะป๋าก็จะยับไม่เรียบร้อยอีก"
    มิร่าส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคราหนึ่ง
    รับการจัดแจงจากผู้เป็นมารดาจนเรียบร้อยแล้วกาเล็ทก็เปิดปากเอ่ยกล่าว "ข้าว่าพวกเราเริ่มออกเดินทางเถอะครับท่านแม่ จากปากคำของมาร์ตินที่ไปสำรวจเส้นทางไว้ล่วงหน้าแล้วเห็นว่าที่ตั้งของตระกูลโรม่าอยู่ห่างจากท่าจอดเรือเหาะอยู่พอสมควร"
    นีน่าผงกศรีษะรับ
    เพราะเหตุนี้จึงปรากฎรถม้าคัญใหญ่ที่ถูกลากจูงโดยหมาป่าขนแดงตัวเขื่องอยู่กลางเมืองหลวงของแคว้นสมิธส่งผลให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความรู้สึกแตกตื่นตกใจไม่น้อย ยังดีที่กาเล็ทนั้นนำทหารของตระกูลบุสโซ่ภายใต้สังกัดของตนเองเดินทางมาด้วยเพื่อช่วยควบม้าล่วงหน้าเปิดทางนำขบวนให้ การเดินทางสู่ตระกูลโรม่าจึงผ่านพ้นไปด้วยดี
    เมื่อรถม้าซึ่งถูกลากจูงโดยเหล่าหมาป่าขนแดงควบขับมาถึงตระกูลโรม่า เหล่าเจ้าภาพในการจัดงานเลี้ยงอย่างครอบครัวตระกูลโรม่าก็มายืนต่อแถวรอต้อนรับอย่างพร้อมสรรพ กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็เปิดช่องน้อยออกไปต่อว่าผู้เป็นลูกน้องของตนเองอย่างมาร์ติน "มิใช่กำชับไว้แล้วหรอกหรือว่าให้แจ้งต่อตระกูลโรม่าว่าไม่จำเป็นต้องเอิกเกริกมากพิธีไป"
    มาร์ตินที่ถูกตำหนิต่อว่าแสดงสีหน้าลำบากใจออกมา "ข้าก็แจ้งบอกไปแล้วนะขอรับนายน้อย"
    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับรีบโบกมือสั่งให้มาร์ตินหยุดรถม้าไว้
    กาเล็ทรีบเปิดประตูก้าวลงมาจากรถม้าพร้อมทั้งช่วยเหลือนีน่าและว่าที่ภรรยาทั้งห้าของตนเองลงจากรถม้าทีละคน
    ครอบครัวตระกูลโรม่าต่างจับจ้องมองดูรถม้าขนาดใหญ่ซึ่งถูกลากจูงโดยหมาป่าขนแดงตัวใหญ่น่าเกรงขามอย่างไม่วางตา พร้อมกันนั้นทุกผู้คนภายในพื้นที่ต่างลอบสงสัยใจว่าเป็นผู้ใดบ้างที่โดยสารมากับรถม้ากันแน่
    ซาฮานที่จดนำหน้าตาของนีน่าออกคลี่ยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับหันไปส่งสัญญาณให้กับบุคคลในครอบครัวของตนเองพร้อมกับบ่าวไพร่เพื่อเตรียมที่จะเข้ามาต้อนรับผู้มาถึง
    เมื่อเห็นว่าทุกผู้คนลงจากรถม้าดีแล้วซาฮานก็รีบเร่งพาครอบครัวของตนเองมาเอ่ยกล่าวต้อนรับแก่นีน่า "ยินดีต้อนรับท่านหญิงนีน่าสู่ตระกูลโรม่าของพวกเรา" ซาฮานค้อมตัวพร้อมทั้งเอ่ยกล่าวถ้อยคำออกมาอย่างนอบน้อม
    นีน่าเห็นเช่นนั้นก็ใจหาย รีบเข้าไปประคองซาฮานไว้ "ท่านซาฮาน คนกันเองทั้งนั้นใยต้องมากพิธี ท่านซาฮานและครอบครัวแสดงออกเช่นนี้จะให้นีน่ารับไว้ได้อย่างไรกัน? นีน่ายังจดจำบุญคุณที่ตระกูลโรม่าของท่านซาฮานเคยหยิบยื่นน้ำใจให้เพื่อช่วยเหลือนีน่าเมือหลายปีก่อนได้ดี ขอให้ท่านซาฮานอย่าได้ปฎิบัติกับนีน่าเสมือนว่าเป็นคนอื่นไกลเลย"
    ได้ยินคำเอ่ยกล่าวของนีน่าทำให้ซาฮานลอบนึกละอายใจกับตนเองไม่น้อย หากจะให้บอกกล่าวตามตรงแล้วเมื่อหลายปีก่อนแม้ว่าในยามนั้นตนเองเลือกที่จะหยิบยื่นน้ำในเพื่อช่วยเหลือแต่ท่านหญิงผู้นี้ก็จริงอยู่หากแต่ว่าสิ่งที่หยิบยื่นให้กลับเป็นเงินทองเพียงไม่กี่เหรียญเท่านั้น
    ซาฮานที่ยืดตัวตรงกลับมาเป็นปกติแล้วก็เหลือบมองไปยังเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่หน้าตาหล่อเหลา ดูไปคล้ายเหมือนกับกาลานสหายของตนเองเมื่อวัยหนุ่มอยู่บ้าง "นี่คือ.." ซาฮานเอ่ย
    นีน่าเห็นเช่นนั้นก็รีบเอ่ยกล่าวแนะนำ "นี่คือกาเล็ทบุตรชายของนีน่าเอง"
    กาเล็ทที่เห็นว่านีน่าเอ่ยกล่าวแนะนำตนเองให้กับซาฮานแล้วก็รีบค้อมกายแสดงออกถึงความเคารพต่อผู้ที่มีอวุโสมากกว่า "ข้าขอขอบคุณท่านลุงซาฮานที่ให้ความช่วยเหลือท่านแม่เมื่อครั้งก่อน น้ำใจที่เคยได้รับมาข้าจะจดจำใส่ใจไว้ไม่ลืมเลือน"
    "ท..ท่านจักรพรรดิทมิฬแสดงออกเช่นนี้ข้าจะรับได้อย่างไร" ซาฮานเอ่ยกล่าวอย่างเกรงๆ เมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มที่เบื้องหน้าเป็นบุตรชายของท่านหญิงนีน่าย่อมหมายความว่าเขาผู้นี้คือจักรพรรดิทมิฬแห่งโรฮานไม่แปลกปลอม ความสำเร็จของทั้งหมดทั้งมวลของตระกูลบุสโซ่และโรฮานล้วนแล้วแต่อาศัยเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นทุนรอน รู้ได้เช่นนี้แล้วมีหรือที่ซาฮานจะยินยอมกล้ารับความอ่อนน้อมที่กาเล็ทแสดงออกมาได้โดยสนิทใจ
    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายศรีษะ "ท่านลุงซาฮานเป็นเพื่อนของท่านพ่อกาลานดังนั้นตามอันดับอาวุโสแล้วข้าเรียกท่านว่าท่านลุงจึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร อีกทั้งเรื่องที่ท่านลุงเคยหยิบยื่นน้ำใจช่วยเหลือท่านแม่ไว้ข้าผู้เป็นบุตรชายย่อมไม่สามารถที่จะมองผ่านได้ ท่านลุงอาจจะคิดว่าเงินเพียงไม่กี่เหรียญทองในยามนั้นไม่ใช่ตัวเงินที่มากมายอะไรแต่สำหรับกับข้าและท่านแม่ในยามที่ลำบากยากแค้นเช่นตอนนั้นแล้วถือว่ามีความหมายอย่างมาก" กาเล็ทเอ่ยกล่าว เมื่อเห็นว่าซาฮานอยู่ในสภาพที่เหมือนจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกาเล็ทก็เผยรอยยิ้มเป็นกันเองออกมาพร้อมทั้งหันไปแนะนำว่าที่ภรรยาทั้งห้าของตนเองตามลำดับ
    ทั้งเบลล่า ซิลเวีย แชลเทีย เซลิน่าและโซเฟียเห็นเช่นนั้นก็ต่างย่อกายแสดงออก ออกมาอย่างไม่ถือตัว
    "ขอท่านซาฮานอย่าได้ลำบากใจ" นีน่าเอ่ยกล่าวออกมา
    ซาฮานลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงผงกศรีษะ "เช่นนั้นเชิญท่านหญิงกับครอบครัวเข้าไปด้านในก่อน ทางตระกูลโรม่าของข้าได้จัดเตรียมที่นั่งพิเศษไว้รอท่านหญิงแล้ว" มันเลือกที่จะชื่อของนีน่าซึ่งมีบุคลิคที่โอนอ่อนนุ่มนวลออกมาเพื่อช่วยให้จิตใจที่ขมึงตึงของตนเองผ่อนคลายลงบ้าง
    นีน่าผงกศรีษะพร้อมทั้งส่งสัญญาณให้แก่กาเล็ท กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็หันกลับไปหามาร์ติน กาเล็ทหยิบถุงเงินออกมามอบให้แก่มาร์ตินถุงหนึ่ง "หากว่าอาหารไม่ถูกปากก็นำพาผู้คนของเราเข้าไปภายในตัวเมืองหาร้านดีๆสักร้านรับประทานกัน"
    มาร์ตินเห็นเช่นนั้นก็ยื่นมือออกไปรับมอบถุงเงินมาจากผู้เป็นนาย
    กาเล็ทที่เหลือบแลเห็นว่าโจเซพกำลังจะหันหลังติดตามมาร์ตินไปก็เอ่ยขึ้น "ท่านลุง ท่านเดินทางมาในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของพวกเราหากไม่เข้าไปด้านในพร้อมกับข้าเกรงว่าจะไม่เป็นการให้เกียรติแก่ตระกูลโรม่าแล้ว" เอ่ยกล่าวดึงรั้งโจเซพไว้เช่นนั้นสุดท้ายแล้วก็เล็ทก็นำพาโจเซพติดตามนีน่าและเหล่าภรรยาเข้าสู่ตระกูลโรม่าไป
    การมาเยือนของจักรพรรดิทมิฬแห่งโรฮานนั้นดึงดูดความสนใจของแขกที่มาร่วมงานจนเป็นจุดสนใจของผู้คนทั้งหมด หากจะให้กล่าวตามความจริงแล้วเกินกว่าแปดในสิบส่วนของแขกที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนมาเพราะได้ข่าวว่าจักรพรรดิทมิฬแห่งทวีปโรฮานจะเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงฉลองที่ตระกูลโรม่าจัดเลี้ยงขึ้น
    หลังจากเข้ามาภายในสถานที่จัดงานของตระกูลโรม่าแล้วกาเล็ทก็เอ่ยกล่าวพูดคุยกับซาฮานได้อย่างเป็นกันเองมากขึ้น แรกเริ่มเดิมทีซาฮานยังคงมีความรู้สึกกระอักกระอ่วนหลงเหลืออยู่ให้ได้เห็นบ้าง กาเล็ทที่เห็นเช่นนั้นก็เลือกที่จะเอ่ยถามถึงที่มาที่ไปและความเป็นอยู่ของตระกูลโรม่าภายในแคว้นสมิธ
    ซาฮานที่กำลังเอ่ยท้าวความถึงที่มาที่ไปและจุดยืนของตระกูลโร่ม่าในแคว้นสมิธอย่างไหลลื่นพลันสังเกตุเห็นว่าตั้งแต่แรกเริ่มที่ตนเองเอ่ยเล่าจนถึงบัดนี้ มือของเด็กหนุ่มที่เบื้องหน้ากลับไม่ได้อยู่ว่างเลย
    กาเล็ทที่กำลังรับฟังซาฮานเอ่ยเล่าถึงเรื่องราวของตระกูลโรม่าพร้อมกับใช้มือของตนเองบีบแกะกระเทาะเปลือกแข็งของกุ้งและปูออกเพื่อหาเอาเนื้อในอันหอมหวานทยอยส่งมอบให้แก่ผู้เป็นมารดาและว่าที่ภรรยาทั้งห้ากันอย่างถ้วนหน้า ยังมีตัววิเศษน้อยที่ขยับเคลื่อนไหวส่งสายตามองตามชิ้นเนื้อที่ถูกตนเองแกะแทะออกมาแสดงออกถึงความต้องการของนาง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นับสิบนาทีที่ผ่านมามือของกาเล็ทนั้นไม่ได้อยู่ว่างเลย
    กาเล็ทซึ่งส่งชิ้นเนื้อปูขนาดเกือบเท่าครึ่งฝ่ามือที่แกะออกมาจากก้ามใหญ่ของปูทะเลเข้าปากมิร่าไปพลันสังเกตุเห็นถึงสายตาของซาฮานที่จ้องมองมาก็ยิ้มแห้งๆออกมา "ขออภัยท่านลุง กลัวว่าเปลือกของสัตว์ทะเลจำพวกปูหรือกุ้งที่แข็งจะบาดทำร้ายท่านแม่และพวกนางทำให้ข้าออกจะเสียมารยาทไปบ้าง"
    ซาฮานเห็นเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นเรียกบริกรประจำตระกูลโรม่ามาเอ่ยสั่งการบางอย่าง
    "ว่าแต่ท่านลุงซาฮานอยู่ในแคว้นสมิธมาก็เป็นเวลาหลายปีแล้ว ข้าเองก็เห็นว่าแคว้นสมิธนั้นมีชื่อเสียงเกี่ยวกับช่างฝีมือที่มากไปด้วยความสามารถ ไม่ทราบว่าท่านลุงซาฮานพอที่จะแนะกลุ่มผู้คนที่มีฝีมือให้ข้ารู้จักบ้างได้หรือไม่ครับ" กาเล็ทเอ่ย
    ได้ยินเช่นนั้นซาฮานก็แสดงออกถึงความรู้สึกลำบากใจออกมาทางสีหน้า "หลานกาเล็ท หากจะถามหาถึงช่างฝีมือที่มากไปด้วยประสบการณ์และความสามารถในแคว้นสมิธ คำตอบคงหนีไม่พ้นตระกูลซานเดรียกับตระกูลเคนนี่แล้ว แต่น่าเสียดายที่ทั้งสองตระกูลที่เอ่ยกล่าวมากลับไม่ได้ส่งตัวแทนมาเข้าร่วมในงานเลี้ยงวันนี้" เมื่อได้พูดคุยกันอย่างถูกคอพร้อมทั้งเห็นถึงท่าทีซึ่งเป็นกันเองของกาเล็ทมาเป็นระยะเวลาพอประมาณแล้ว ความรู้สึกขมึงตึงของซาฮานก็ลดทอนลง มันถึงกลับเอ่ยกล่าวเรียกกาเล็ทอย่างเป็นกันเองออกมา ส่วนกาเล็ทก็หาได้ถือสาที่ตนเองถูกเรียกเป็นหลานผู้หนึ่งจะอย่างไรนี่ก็เป็นจุดประสงค์ของตนเองอยู่แล้ว
    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ผงกศรีษะเป็นเชิงเข้าใจได้พร้อมกันนั้นเองกาเล็ทก็ลอบเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อย "ท่านลุง เช่นนั้นข้าขอรบกวนท่านลุงสักเรื่องได้หรือไม่"
    "ขอให้หลานกาเล็ทโปรดบอกมา" ซานฮานเอ่ยกล่าวอย่างไม่ลังเล
    "ข้าอยากขอรบกวนให้ท่านลุงซาฮานช่วยเป็นตัวแทนส่งคำเชิญไปยังตระกูลซานเดรียกับตระกูลเคนนี่ให้แก่ข้าหาก ขอบอกกล่าวท่านลุงตามความจริงว่าการที่ข้ามาเยือนแคว้นสมิธในครั้งนี้ยังมีจุดประสงค์สำคัญอีกเรื่องหนึ่งนั่นคือการรวบรวมผู้มีความสามารถในงานช่างฝีมือกลับสู่โรฮาน" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวความต้องการของตนเองออกไปตามตรง
    "เรื่องส่งคำเชิญย่อมไม่เป็นปัญหาแต่เกรงว่าตระกูลทั้งสองคงยากที่จะส่งตัวแทนมา" ซาฮานเอ่ยกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจอีกครั้งหนึ่ง
    กาเล็ทที่เริ่มรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างเอ่ยถามออกไป "ไม่ทราบว่าท่านลุงบอกกล่าวเหตุผลกับข้าได้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด"
    ซาฮานลังเลใจอยู่ชั่วครู่หนึ่งจากนั้นจึงหันซ้ายแลขวาและเอ่ยกล่าวออกมาด้วยเสียงอันเบา "ไม่ทราบว่าหลานกาเล็ทเคยได้ยินชื่อเสียงของสี่สุดยอดแห่งทวีปกลางมาบ้างหรือไม่?"
    กาเล็ทซึ่งได้ยินเช่นนั้นก็หน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันใด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×