ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #246 : ความเชื่อ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.07K
      450
      25 ส.ค. 61




    ถูกเสียงหัวเราะเยาะของเอกีย์รบกวนได้ไม่นานกาเล็ทก็หันหลังกลับมาให้ความสนใจกับผลึกอสูรฟ้าที่เบื้องหน้าพร้อมกับคว้าอุ้มเอาตัวของมิร่าที่ลอยอยู่ไม่ไกลเข้ามากอดไว้ "ชื่อผลึกอสูรคลั่งหรือว่าสิ่งนี้จะมีผลกับเฉพาะสัตว์อสูร? นางบอกกล่าวว่ารู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเมื่ออยู่ใกล้มันเช่นนั้น.." กาเล็ทคิดวิเคราะห์กับตนเองจากนั้นจึงทดลองบางอย่าง

    กาเล็ทส่งถ่ายพลังงานของตนเองเข้าไปบังร่ายกายของมิร่า ใช้เวลาไม่นานมิร่าที่ดูไม่ร่าเริงเหมือนที่เคยเป็นก็ร้องเสียงใส่ออกมา "หายแล้ว ปะป๋ามิร่าหายแล้ว" มิร่าส่งข้อความบ่งบอกแก่กาเล็ทหลังจากที่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความยินดีจากนั้นนางก็เริ่มขยับตัวไปมาอีกครั้งในอ้อมกอดของกาเล็ทและเลียไปที่ใบหน้าของกาเล็ทดังเช่นที่นางมักจะกระทำทุกครั้งที่รู้สึกดีใจถึงขีดสุด

    กาเล็ทขยับนำร่างของมิร่าออกห่างให้พ้นตัวจากนั้นจึงใช้มือของตนเองแปลงคุณสมบัติน้ำขึ้นมาปาดเช็ดใบหน้า "เป็นดังคาด คลื่นพลังของสิ่งที่พวกมันเรียกว่าผลึกอสูรคลั่งนี้จะส่งเคลื่อนรบกวนต่อสมองของสัตว์อสูรโดยตรง" กาเล็ทสรุปกับตนเองจากนั้นจึงหันไปเอ่ยกล่าวกับเทลเล่อ "ท่านอาจารย์หากว่าเป็นดั่งที่ข้าคาดคิดสงสัยก็ไม่อาจที่จะรอช้าล้าพวกเราต้องเร่งรีบทำลายผลึกอสูรคลั่งนี่ในทันที ลำพังข้าหากจะทำลายมันคงต้องใช้เวลาเช่นนั้นคงต้องรบกวนขอให้ท่านอาจารย์ช่วยเหลืออีกแรงหนึ่ง"

    เทลเล่อได้ยินเช่นนั้นก็เปิดปากเอ่ยถามขึ้น "ต้องการให้ข้าช่วยเหลืออย่างไรก็ว่ามา เรื่องราวไม่อาจรอช้าอย่าได้พิริิี้พิไร"

    "ต่อให้ม่านพลังแข็งแกร่งเพียงไรหากถูกกลุ้มลุมจู่โจมใส่อย่างต่อเนื่องมันก็ต้องอ่อนกำลังลง ข้าจะใช้โอกาสที่มันอ่อนกำลังลงจากการจู่โจมใส่ของท่านอาจารย์อัดพลังยิ่งยวดมหาศาลเข้าเจาะทำลายมันในคราเดียว" กาเล็ทเอ่ยบอกถึงความคิดของตนเองออกไป

    "เป็นความคิดที่ดี" เอ่ยจบเทลเล่อก็นำกงเก็บของตนเองออกมาจากแหวนมิติเพื่อสวมใส่ไว้

    "มิร่าน้อยปะป๋าเองก็ต้องให้หนูช่วยด้วยอีกแรงหนึ่ง" กาเล็ทนำร่างของมิร่าขึ้นไปไว้บนศรีษะของตนเองขณะบอกกล่าวกับนาง ที่บอกว่าให้ช่วยเหลือนั้นคือกาเล็ทต้องการที่จะยืมพลังจากนางเพื่อมาเสริมการจู่โจมของตนเองในการจะทะลวงม่านพลังอีกแรงหนึ่ง

    "พยาพยามไปก็เปล่าประโยชน์ ฮ่า ฮ่า ในไม่ช้าก็เร็วกากเดนเช่นพวกเจ้าจะต้องตกตายภายใต้เงื้อมมือของท่านจักรพรรดิจรัสแสงจนหมดสิ้น" แม้ปากจะเอ่ยกล่าวเช่นนั้นแต่ในใจของเอกีย์กลับเริ่มหวาดหวั่น แม้จะมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่กลุ่มคนพวกนี้จะสามารถทำลายผลึกอสูรคลั่งได้ก่อนที่มันจะทำงานอย่างเต็มที่ตัวมันก็ไม่อาจเสี่ยงให้เกิดเรื่องนั้นขึ้น "อ๊ะ" เอกีย์ส่งเสียงร้องอุทานออกมาด้วยความรู้สึกตกใจเมื่อมันคิดที่จะรวบรวมพลังของตนเองเพื่อรอโอกาสลอบจู่โจมเข้าใส่กาเล็ทและพรรคพวกขณะที่ทุ่มกำลังสมาธิทำลายม่านพลังของผลึกอสูรคลั่งหากแต่มันกลับไม่รู้สึกถึงพลังของตนเองเลยแม้แต่น้อย "ไม่สมควรจะเป็นเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่ ต่อให้เราบาดเจ็บและเหลือพลังอยู่เพียงสองในสิบส่วนก็ไม่สมควรจะเป็นเช่นนี้ เหตุใดเราจึงสัมผัสไม่ได้ถึงพลังของตนเองหากเป็นเช่นนี้อย่าว่าแต่ก่อกวนสร้างคลื่นลมรบกวนพวกมันเลยแค่จะดิ้นให้หลุดจากพลังของมันที่พันธนาการเราอยู่ยังทำไม่ได้" เอกีย์ลอบคิดตื่นตระหนกกับตนเอง

    กาเล็ทที่เห็นว่าอยู่ๆผู้คนจากทวีปกลางก็เงียบไปแต่กลางคันก็ยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก "ข้าจะให้ผู้คนจากทวีปกลางเช่นเจ้าได้เปิดหูเปิดตา" กาเล็ทเอ่ยลอยๆขึ้นมา

    "ข้าจะลงมือแล้ว" เทลเล่อเอ่ยให้สัญญาณเมื่อเห็นว่าผู้เป็นศิษย์ผงกศรีษะรับเป็นเชิงว่าเตรียมพร้อมแล้วเทลเล่อก็เร่งพลังของตนเองขึ้นและส่งผ่านมันไปยังกงเล็บทั้งสองที่สวมใส่อยู่ แสงสว่างจ้าสว่างครอบคลุมไปทั่วกงเล็บของเทลเล่อ เมื่อเร่งพลังจนถึงขีดสุดแล้วเทลเล่อก็เสือกกงเล็บทั้งสองของตนเองออกไปเบื้องหน้าเพื่อปะทะเข้ากับม่านพลังที่ล้อมรอบป้องกันผลึกอสูรคลั่งอยู่

    วึ่ง วึ่ง แตด แตด แตด เสียงของม่านพลังที่ถูกกระแทกเข้าใส่ด้วยกงเล็บของเทลเล่อพร้อมกับเสียงของสายฟ้าจากการแปลงคุณสมบัติของเทลเล่อที่แล่นตัดฝ่าอากาศดังระงมไปทั่ว

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ดึงพลังของตนเองบวกเข้ากับพลังที่มิร่าส่งผ่านมาให้ไปไว้ที่ดาบเขี้ยวมังกรในมืออีกครั้งจากนั้นจึงเสือกแทงดาบเขี้ยวมังกรออกไปใส่ม่านพลังที่เบื้องหน้าจากคนละทิศทางกับเทลเล่อ ทันทีที่คมดาบเขี้ยวมังกรสัมผัสกับม่านพลังก็เกิดเสียงปริแตกดังขึ้นให้ได้ยิน

    เอกีย์เห็นเช่นนั้นก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หิน ม่านพลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้กลับถูกทำลายลงได้อย่างรวดเร็ว ต่อให้เป็นจักรพรรดิจรัสแสงที่มั่นเถิดทูนก็ยังไม่สามมารถที่จะทำลายม่านพลังนี้ลงได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ เอกีย์พยายามดิ้นลนอย่างสุดกำลังเพิ่มหวังจะสอดมือเข้าไปขัดขวางหากแต่ไม่ว่ามันจะขัดขืนดิ้นรนเช่นไรก็ไม่สามารถจะหลุดออกจากกระแสพลังที่พันธนาการร่างของมันอยู่ได้เลย

    หลังจากเสียงแตกร้าวเกิดขึ้นได้ไม่นาน คมดาบเขี้ยวมังกรก็ทะลุม่านพลังเข้าไป กาเล็ทออกแรงเพื่อทิ่มแทงดาบเขี้ยวมังกรต่อไปอย่างไม่ลังเลเพื่อทะลวงเข้าสู่ผลึกอสูรคลั่งที่ลอยอยู่ภายใน

    แครกกก เสียงคมดาบที่แทงทะลุเข้าสู่ผลึกอสูรคลั่งดังขึ้นให้ได้ยิน เสียงนี้ช่างเป็นเสียงที่ทิ่มแทงใจเอกีย์นัก สิ่งที่มันพยายามอย่างหนักมากว่าหลายวันกลับต้องสูญเปล่าไปเช่นนี้จะไม่ให้มันเจ็บปวดได้อย่างไร

    บึ้ม เสียงระเบิดของผลึกอสูรคลั่งที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆหลังจากที่กาเล็ทปลดปล่อยพลังจากดาบที่ทิ่มแทงใส่มันให้ระเบิดกระจายออก ชิ้นส่วนชิ้นเล็กชิ้นน้อยของผลึกอสูรคลั่งที่ระเบิดแตกออกกระจายออกไปรอบทิศทางกระทบเข้ากับม่านพลังของตัวมันเองที่กำลังค่อยๆสลายหายไป

    "ไม่จริง!" เอกีย์ถึงกับแผดเสียงร้องออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่เพียงภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาจะกระทำไม่สำเร็จเท่านั้น ตัวมันและบาทหลวงเจมินี่กลับตกอยู่ในกำมือของศัตรู นี่ไม่ใช่เรียกว่าขโมยไก่ไม่สำเร็จกลับต้องเสียข้าวสารไปหนึ่งกำมือหรอกหรือ?

    ยังไม่ทันที่เอกีย์จะตั้งสติได้มันก็รับรู้ถึงแรงกระแทกที่กระแทกเข้าใส่มันจากนั้นสติของมันก็มืดดับไปอีกครั้ง

    "ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายช่างน่ารำคาญนัก" เป็นเทลเล่อที่เดินอ้อมมาใช้สันมือกระแทกเข้าใส่ท้ายทอยของเอกีย์จนสลบไสลไป "ไม่ผิดแน่แล้ว ทวีปกลางเดินหมากเช่นนี้แสดงว่ามีใจทะเยอทะยานคิดก่อสงครามขึ้นอีกครั้ง" เทลเล่อหันไปเอ่ยกล่าวกับกาเล็ท

    "แผนบีบบังคับให้ส่งเครื่องบรรณาการนั้นเป็นเพียงตัวหลอกล่อ นึกไม่ถึงเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติแต่พวกมันกับชิงลงมือก่อนเช่นนี้ช่างลึกซึ้งชั่วร้ายนัก" กาเล็ทผงกหัวเห็นด้วยกกับเทลเล่อพร้อมทั้งเอ่ยกล่าวในสิ่งที่ตนเองคิด

    "เจ้าคิดใช้วิธีใดต่อพวกมัน" เทลเล่อเหลือบมองไปยังบาดหลวงเจมินี่และเอกีย์ที่สลบอยู่

    "ทุกวิธี!" กาเล็ทเอ่ยกล่าวตอบกลับอย่างหนักแน่น

    ได้ยินเช่นนั้นเทลเล่อก็คลายใจลงเดินเข้าใช้มือตบไปที่ไหล่ของผู้เป็นศิษย์ "พวกเราไม่อาจมีความเมตตาให้ศัตรู ดูจากกริยาท่าทีของพวกมันแล้วคงเป็นประเภทยอมตายไม่ขายเพื่อน การที่จะล้วงความลับจากคนอย่างพวกมันนั้นไม่ง่ายเลย"


    หลังจากที่ระเบิดทำลายผลึกอสูรคลั่งได้สำเร็จกาเล็ทก็ควบคุมตัวคนจากทวีปกลางทั้งสองเดินทางกลับมาเพื่อโดยสารเรือเหาะกลับสู่โรฮาน

    ภายในห้องโดยสารเรือเหาะของกาเล็ท เอกีย์และบาทหลวงเจมินี่ถูกจับมัดนั่งไว้อยู่บนเก้าอี้อย่างแน่นหนา

    ซาบบบบ เสียงของน้ำที่กระทบเข้ากับตัวของพวกมันดังสนั่นไปทั่ว กาเล็ทไม่รอให้กลับถึงโรฮานก็คิดที่จะเริ่มสอบสวนรีดความลับจากพวกมันแล้ว

    เอกีย์ที่ได้สติกลับมาจากการถูกสาดน้ำเข้าใส่หันซ้ายหันขวาเพื่อสำรวจรอบกายของตนเองทันที มันขัดขืนดิ้นรนพอเป็นพิธีเมื่อพบว่าสภาพของตนเองไม่ได้ดีขึ้นกว่าเก่าก่อนมันก็เหลือบมองไปที่กาเล็ท "เจ้าทำสิ่งใดกับข้า"

    ผิดกับเอกีย์ที่ด้านข้าง บาทหลวงเจมินี่ที่ได้สติกลับคืนมานั้นขัดขืนดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย แรงจากการดิ้นรนของมันถึงกับทำให้เก้าอี้ที่ตัวมันถูกจับมัดติดอยู่ขยับเขยื้อนไปมา "พลัง พลังของข้าหายไป เหตุใดพลังของข้า..." บาทหลวงเจมินี่เอ่ยกับตนเองอย่างไม่เข้าใจ

    กาเล็ทยืนจังก้าเหลือบมองผู้คนจากทวีปกลางทั้งสองด้วยสายตาเย็นชา

    "เจ้าทำสิ่งใดกับพวกข้า" เอกีย์เอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายเดินเข้าหามัน "ผู้คนจากทวีปกลางเช่นพวกเจ้าคงเข้าใจผิดไปแล้วกระมัง? ในตอนนี้ที่นี่เป็นข้าถามเจ้าตอบ" กล่าวจบกาเล็ทก็ใช้มือของตนเองฟาดหวดเข้าใส่ใบหน้าของเอกีย์ครั้งหนึ่ง

    "เจ้า.." หลังจากที่ถูกตบจนหน้าสบัดไปเอกีย์ก็หันกลับมาจ้องกาเล็ทอย่างเอาเรื่อง

    "พวกเจ้ามีจุดประสงค์ใดกันแน่คายออกมาให้หมดเช่นนั้นอย่าได้หาว่าข้าไม่เตือน" กาเล็ทเอ่ยหลังจากที่ตบเข้าใส่เอกีย์ฝ่ามือหนึ่ง

    "ถุย ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้ อย่าได้คิดว่าข้าจะทรยศพวกพ้อง สุนัขจากทวีปตะวันออกเช่นพวกเจ้าอย่าได้คิดหมายว่าจะได้ข้อมูลจากพวกข้าไปแม้แต่เรื่องเดียว จะฆ่าก็ฆ่าข้าหาได้เกรงกลัว" เอกีย์เปิดปากคำรามก้อง

    ฉาด กาเล็ทยกมือขึ้นตบใส่ใบหน้าของเอกีย์อีกครั้ง " ตอบไม่ตรงคำถาม"

    "จักรพรรดิทมิฬ เจ้าจะต้องตกตายอย่างไร้ที่กลบฝัง" เอกีย์หันกลับมาถลึงตาก่นด่าใส่กาเล็ทอย่างโกรธแค้น

    "อ้อ เจ้าทราบว่าที่แท้แล้วข้าคือใคร?" กาเล็ทรู้สึกแปลกประหลาดใจเล็กน้อยที่คนจากทวีปกลางผู้นี้รู้ถึงตัวตนของตนเอง อันที่จริงแล้วย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่เอกีย์จะสามารถคาดเดาตัวตนของกาเล็ทออก ผู้ที่มีความสามารถเช่นนี้ในทวีปตะวันออกนอกจากจักรพรรดิทมิฬแล้วจะเป็นผู้ใดอีก ประกอบกับข้อมูลคร่าวๆที่ทวีปกลางมีเกี่ยวกับจักรพรรดิทมิฬย่อมทำให้เอกีย์สามารถคาดเดาออก

    "กระทำกับสาวกแห่งพระผู้เป็นเจ้าเช่นนี้พวกเจ้าจะต้องถูกฟ้าลงทัณฑ์" บาทหลวงเจมินี่เปิดปาดด่าดอร่วมด้วยอีกคนหนึ่ง

    ได้ยินเช่นนั้นกาเล็ทกับเทลเล่อก็หันไปสบตากันวูบหนึ่งจากทั้งทั้งคู่ต่างเผยรอยยิ้มชั่วร้ายให้แก่กัน การสอบสวนดำเนินไปกว่าหลายชั่วโมง กาเล็ทและเทลเล่อต่างใช้วิธีการสารพัด ทั้งทุบตี ทั้งทรมาณ หากแต่ทั้งเอกีย์และบาทหลวงเจมินี่กลับไม่ยอมเปิดปากให้ข้อมูลอะไรกับพวกตนเลยแม้แต่น้อย

    "เจฟ มาร์ติน เรน่า โรส" พวกเจ้าทั้งสี่เฝ้าพวกมันไว้อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น กาเล็ทเอ่ยสั่งการจากนั้นจึงเดินออกไปจากห้องโถงใต้ท้องเรือร่วมกับเทลเล่อ

    "ฆ่าพวกมันเอาแก่นจิตวิญญาณเถอะ" เทลเล่อเอ่ยกล่าวขึ้นมาทันทีหลังจากเดินออกมาจากห้องที่ใช้เป็นสถานที่สอบสวนแล้ว

    "จะไม่ด่วนสรุปไปหรือท่านอาจารย์" กาเล็ทเอ่ยถาม

    "ใจความคิดของข้า บุคคลเช่นพวกมันต่อให้พวกเราทุบตีมันต่อไปก็คงไม่ยอมปริปากรังแต่จะทำให้พวกเราเสียเวลาเปล่า เจ้ามิใช่บอกกล่าวว่ามันผู้หนึ่งถึงกลับคิดใช้วิธีการระเบิดแก่นจิตวิญญาณหรอกหรือเช่นนั้นแล้วเจ้าคิดว่าบุคคลที่เตรียมใจมาเช่นนี้จะยอมขายพวกพ้องหรือ? มิสู้รีบฆ่าพวกมันทิ้งเอาแก่นจิตวิญญาณของพวกมันไปสร้างม่านพลังยังจะดีเสียกว่า" เทลเล่อเอ่ย

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งเงียบไปพร้อมกับก้าวเดินไปมาเพื่อขบคิด เรื่องสังหารฆ่าทิ้งนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ต้องทำแน่นอน ตนเองย่อมไม่สามารถที่จะปล่อยบุคคลทั้งสองนี้ไปได้แต่จะให้ทำใจฆ่าทิ้งไปโดยยังไม่ได้ข้อมูลใดๆเลยเช่นนี้กาเล็ทก็ออกที่จะทำใจไม่ได้อยู่บ้าง "คนที่ไม่กลัวตายและไม่ขายเพื่อนเช่นนี้จะมีช่องใดให้ฉกฉวยได้อีก?" เดินไปมาอยู่หลายรอบเพื่อถามคำถามนี้กับตนเองสุดท้ายแล้วดวงตาของกาเล็ทก็กระจ่างวูบเสมือนว่าคิดสิ่งใดออก

    กาเล็ทที่เฝ้ามองท่าทีของผู้เป็นศิษย์อยู่เห็นเช่นนั้นก็เอ่ยปากถาม ทุกครั้งที่ผู้เป็นศิษย์มีอาการเช่นนี้ย่อมหมายความว่ามันคิดสิ่งใดได้แล้ว "เจ้าคิดสิ่งใดออก?"

    "ท่านอาจารย์ ท่านสังเกตุหรือไม่ว่ามีหนึ่งในพวกมันเอาแต่กู่ร้องถึงพระผู้เป็นเจ้า มันถึงกับสรรค์เสริญจักรพรรดิจรัสแสงว่าเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าแม้แต่ขณะที่ก่นด่าพวกเรามันยังไม่วายจะเอ่ยอ้างถึงพระผู้เป็นเจ้า" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้น

    "อืม แต่ข้าไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะมีอะไรแปลกประหลาด ทวีปกลางเป็นทวีปที่ปกครองด้วยหลักศาสนาการที่ผู้คนจากทวีปกลางจะเอ่ยอ้างถึงพระเจ้าก็ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก" เทลเล่อเอ่ย

    "เช่นนั้นเหตุเพื่อนของมันที่ด้านข้างกลับไม่ได้เอ่ยถึงพระผู้เป็นเจ้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว?" กาเล็ทเอ่ยถามกลับ

    "นี่.." ด้วยเวลาอันสั้นเทลเล่อย่อมไม่สามารถที่จะหาคำอธิบายมาตอบได้

    "นั่นก็เพราะความเชื่อของแต่ละผู้คนนั้นมีมากน้อยแตกต่างกัน จากที่ได้สอบสวนพวกมันมากว่าสี่ชั่วโมงข้าพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาในตัวของพวกมันทั้งสองบ้างเรื่องที่พวกมันทั้งสองต่างยึดมั่นในหลักการยอมตายไม่ขายเพื่อนนั้นเหมือนกันไม่แปลกปลอมแต่พื้นฐานในเหตุผลเหล่านั้นย่อมแตกต่าง" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

    "เจ้าลองบอก" เทลเล่อส่งสัญญาณให้กาเล็ทผู้เป็นศิษย์เอ่ยต่อ

    "หนึ่งในพวกมันนั้นมีความเชื่อต่อพระเจ้าอย่างแรงกล้าส่วนอีกหนึ่งนั้นจงรักภักดีต่อจักรพรรดิจรัสแสงอย่างแรงกล้า" กาเล็ทเอ่ย

    "ข้าไม่เห็นว่าแตกต่างอันใด" เทลเล่อเอ่ย

    "แตกต่างท่านอาจารย์ หากข้าคิดไม่ผิดเจ้าที่ถูกเรียกว่าบาทหลวงเจมินี่นั้นจงรักภักดีต่อพระเจ้าหาใช่ตัวของจักรพรรดิจรัสแสง มันเพียงแต่เชื่อว่าจักรพรรดิจรัสแสงเป็นตัวแทนของพระเจ้าของมันหากว่า..." กาเล็ทเอ่ย

    "หรือเจ้าคิด..." เทลเล่อเอ่ยกล่าวเพียงเท่านี้แต่แล้วก็ยกมือขึ้นโบกไปมา "ข้าว่าเสียเวลาเปล่า"

    "จะอย่างไรพวกเราก็ไม่มีสิ่งใดให้เสียอีกแล้ว มิสู้ให้ข้าทดลองดูก่อนที่จะสังหารฆ่าทิ้งพวกมันไม่ดีกว่าหรือ" กาเล็ทเอ่ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×