ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #242 : จับเป็น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.23K
      489
      22 ส.ค. 61



    "แฮก แฮก อ๊อก" เสียงหอบหืดขณะที่วิ่งหนีเอาชีวิตของแม่ทัพผู้หนึ่งดังขึ้น มันผู้นี้เป็นแม่ทัพที่เข้าร่วมการออกล่าสัตว์อสูรในหมู่ของเจฟ ขณะที่หมู่ของมันกำลังอยู่ในช่วงพักเพื่อเตรียมเดินทางกลับมันจึงเดินปลีกวิเวกออกมาเพื่อจะปลดทุกข์ แต่คิดไม่ถึงว่าเดินออกมาได้สักระยะมันกลับได้กลิ่นเหม็นโฉยฟุ้งมาเข้าจมูก เมื่อตัวมันเดินสำรวจต่อไปตามกลิ่นมันก็พบเข้ากับซากของสัตว์อสูรจำนวนมากที่ถูกสังหารแต่ที่น่าแปลกสำหรับมันคือสัตว์อสูรเหล่านั้นต่างยังไม่ถูกเก็บเกี่ยวเอาแก่นจิตวิญญาณออกจากร่างไป ด้วยเหตุนี้ทำให้มันเกิดความรู้สึกสงสัยใคร่รู้ออกสำรวจบริเวณโดยรอบเพียงลำพังจนเป็นเหตุให้ไปพบกับ เอกีย์และบาทหลวงเจมินี่ที่กำลังนั่งถ่ายทอดพลังของตนเข้าสู่ผลึกอสูรคลั่งอยู่ เคราะห์ดีที่การจู่โจมของเอกีย์ไม่ได้คร่าชีวิตของมันไปหากแต่ยังคงทำให้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส ในตอนนี้ขณะที่มันแบกร่างที่โชกไปด้วยเลือดของตนเองวิ่งหนีอย่างไม่่คิดชีวิตอยู่ มันก็ได้แต่หวังว่าพลุสัญญาณเมื่อครู่จะมีพวกพ้องของมันพบเห็นเข้าและรุดมาช่วยเหลือตัวมันได้อย่างทันท่วงทีแต่น่าเสียดายที่ตัวมันต้องผิดหวังแล้วที่ผู้รุดมาถึงตัวของตนเองเป็นอันดับแรกกลับไม่ใช่มิตรสหายแต่กลับเป็นศัตรูที่มุ่งร้ายหมายชีวิต

    "เหล่าหนอนแมลง ก่อกวนเรื่องสำคัญของพวกข้าแล้วคิดจะหลบหนีหรือ" เอกีย์ที่ทยานร่างฝ่าความมืดและลำต้นใหญ่ยักษ์ของต้นไม้ภายในป่าอสูรฟ้าติดตามหลังของผู้คนที่มันเอ่ยเรียกว่าหนอนแมลงไร้ค่าคิดกับตนเองเมื่อเห็นถึงเงาหลังของเป้าหมาย ด้วยระดับพลังที่ห่างชั้นกันอย่างเทียบไม่ติดทำให้มันที่ติดตามผู้หลบนี้มายังทิศทางที่เห็นพลุสัญญาณสามารถตามมาทันได้ไม่ยาก

    เอกีย์ที่พุ่งตัวมาด้วยความรวดเร็วยื่นมือของตนเองออกไปหมายที่จะซัดฝ่ามือที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังระดับจักรพรรดิของตนเองเข้าสังหารใส่เป้าหมายจากทางด้านหลัง มุมปากของมันยกยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้ายก่อนที่ฝ่ามือของมันจะปะทะเข้ากับแผ่นหลังของผู้เคราห์ร้ายซึ่งอยู่ห่างไปเพียงเอื้อมมือ ครั้งนี้มันจะทำให้แน่ใจว่าหนอนแมลงตัวนี้จะไม่สามารถหลบลี้หนีรอดไปได้อีก

    แม่ทัพเคราะห์ร้ายที่สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังซึ่งกระชั้นชิดใกล้เข้ามาหันหลังกลับไปมองอย่างสิ้นหวัง มันไม่คิดว่าภารกิจภาคสนามครั้งแรกในรอบหลายปีนี้จะทำให้มันต้องจบชีวิตลง ภาพที่มันเห็นอยู่ตรงหน้าขณะที่หันไปมองคือภาพของชายผมสีครีมซึ่งกำลังยิ้มอย่างชั่วร้ายซึ่งกำลังทะยานร่างเข้ามาหมายจะซัดฝ่ามือใส่มันให้ตกตาย แต่ในขณะที่อยู่ในห้วงของความสิ้นหวังก่อนที่ฝ่ามือที่น่ากลัวของบรุษลึกลับเจ้ากระแทกเข้าใส่ร่างของมันจนแหลกเละก็ปรากฎคนผู้หนึ่งทิ่มแทงหอกลงมาจากเบื้องบนเพื่อขัดขวางบรุษลึกลับนั้น

    วูบ เอกีย์พลิกร่างของตนเองหลบคมหอกที่เสียบแทงลงมาจากเบื้องบนไปได้อย่างหวุดหวิด แครกกกก เสียงของน้ำแข็งก่อตัวขึ้นจากพื้นดินจากนั้นก็ปรากฎแท่งน้ำแข็งโผล่พ้นขึ้นจากพื้นกระแทกเข้าใส่ร่างของเซอกีย์ที่พึ่งจะพลิกตัวหลบคมหอกแวววับไป เพล้งเสียงของน้ำแข็งที่โผล่พ้นจากพื้นดินขึ้นมาแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันทีที่เข้าปะทะกับร่างของเอกีย์ซึ่งเร่งพลังระดับจักรพรรดิเข้าหักหานปะทะกับน้ำแข็งซึ่งไม่สามารถจะหลบให้พ้นได้ จากนั้นมึนจึงถอยตัวทิ้งระยะห่างออกมาเพื่อประเมินสถานการณ์

    ผู้ที่ลอบจู่โจมเข้าใส่เอกีย์นั้นคือเจฟที่เห็นสัญญาณของพลุไฟและเร่งรีบมาตรวจสอบจึงพบเข้ากับภาพของการไล่ล่าที่เกิดขึ้นและลงมือสอดแทรกเข้าช่วยเหลือแม่ทัพเคราะห์ร้ายได้อย่างทันท่วงที "ยังไหวหรือไม่" เจฟทีพึ่งจะลุกขึ้นยืนจากท่านั่งย่อตัวเอ่ยถามแม่ทัพเคราะห์ร้ายขณะที่หันประจันหน้ากับเอกีย์อยู่

    "ยังไหวขอรับท่านขุนพล" แม่ทัพเคราห์ร้ายเอ่ยตอบอย่างลิงโลดที่เห็นว่าผู้มาคือหนึ่งในขุนพลของตระกูลบุสโซ่

    "ดี เช่นนั้นรีบรวบรวมกำลังของเจ้าและไปสบทบกับทั้งหมด" เจฟเอ่ยสั่ง

    แม่ทัพเคราห์ร้ายมีทีท่าอิดออดแต่มันก็ถูกกระตุ้นเตือนอีกครั้งด้วยเสียงตวาดของเจฟ "ไป"

    เอกีย์เห็นเช่นนั้นก็แค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา "ไม่คิดหรือว่าเจ้าทำเช่นนี้รังแต่จะเป็นการทำให้มีผู้ตายเพิ่มมากขึ้น"

    เจฟที่ยืนเผชิญหน้าอยู่กับเอกีย์อยู่หลี่ตาเล็กลงอย่างพินิจวิเคราะห์ "ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครเหตุใดจึงคิดสังหารผู้คน" เจฟเอ่ยถามหยั่งเชิงดูท่าทีของอีกฝ่าย ขณะที่เอ่ยถามในใจก็ลอบประเมินสถานะการณ์อย่างระแวดระวัง "ในพื้นที่ส่วนลึกของหุบเขาอสูรฟ้าเช่นนี้สมควรไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ยังมีระดับพลังที่มันผู้นี้ใช้ออกเพื่อทำลายน้ำแข็งของเราเมื่อครู่ยัง.."

    "คนใกล้ตายเช่นเจ้าจะรู้เรื่องให้มากความไปใย" เอกีย์ยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะที่เอ่ยตอบ เมื่อมันประเมินสถานการณ์แล้วว่าอีกฝั่งยังไม่สามารถคุกคามต่อมัน

    เจฟได้ยินเช่นนั้นก็รู้ว่าเป็นศึกที่ไม่อาจเลี่ยง

    เมื่อเห็นว่าอีกฝั่งตั้งท่าเตรียมพร้อมเอกีย์ยังคงยิ้มอย่างช่วยร้าย "ระดับราชาขั้นกลางหรือ หืมมิใช่ว่าผู้มีพลังระดับราชาหาได้ยากในทวีปตะวันออกหรอกหรือ? ข้านี่ช่างโชคดีเสียนี่กระไรที่ได้พบเจอของหายากแห่งทวีปตะวันออก หอกในมือของเจ้านั้นน่าสนใจไม่น้อยไว้สังหารเจ้าแล้วข้าจะขอรับมันไว้ก็แล้วกัน"

    "หากคิดว่ามีปัญญาก็เข้ามา" เห็นท่าทีของอีกฝ่านเจฟก็ไม่เอ่ยถามให้มากความอีก

    "ดูว่าเจ้าจะปากเก่งไปได้อีกสักกี่น้ำ" เอ่ยจบเอกีย์ก็กางมือออกพุ่งตะปบเข้าใส่เซพ ด้วยตนเองมีระดับพลังสูงกว่าอีกฝ่ายถึงสองขั้นอีกทั้งตัวมันก็มีความมั่นใจในตนเองไม่น้อยมันจึงไม่เห็นเจฟอยู่ในสายตา

    เจฟแทงหอกสวนใส่เอกีย์ที่พุ่งทะยานกางมือเข้าหาใส่ตนเองทันที เป็นดังคาดเอกีย์สามารถพลิกตัวหลบการจู่โจมของตนเองไปได้อย่างไม่ยากเย็นและเข้าคลุกวงในใส่ตนเอง เห็นเช่นนั้นเจฟก็ไม่ได้ลนลานรั้งดึงหอกกลับมาพร้อมกับก้าวถอยหลังพลิกกายไปด้านขวากลับหลังใช้ด้ามหอกฟาดหวดเข้าใส่เอกีย์ที่เข้าคลุกวงในใส่ตนเอง

    เอกีย์ที่เห็นเจฟเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างกระทันหันก็เปลี่ยนจากสภาวะจู่โจมเข้าใส่รั้งดึงมือของตนเองกลับมาตั้งรับด้ามหอกที่กระแทกเข้าใส่ตนเองจากทางด้านข้าง ต้านรับปัดป่ายด้ามหอกที่ฟาดหวดเข้ามาได้ครั้งหนึ่งยังไม่ทันที่จะได้พักหายใจด้ามหอกที่พึ่งจะปัดป่ายให้พ้นตัวไปก็พลิกตลบกลับมาฟาดหวดใส่ตนเองอีกครั้งจากทางด้านขวามือด้วยการพลิกตัวของเจฟ เอกีย์ยกมือขึ้นปัดป่ายตั้งรับเป็นพลันวัน สัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกยังบริเวณมือของตนเองทั้งสองจุดที่ใช้ปัดป่ายด้ามหอกให้พ้นตัวเอกีย์ก็เหลือบมองไปที่มือทั้งสองของตนเองพร้อมกับกระโดดก้าวถอยหลังออกมาตั้งหลักอีกครั้ง "เจ้านี่ไม่ธรรมดา" เอกีย์คิดกับตนเอง ในตอนนี้มันคิดประเมินบรุษถือหอกซึ่งยืนอยู่ตรงเบื้องหน้าของตนเองใหม่อีกครั้งจากนั้นมันพลันนำอาวุธที่ดูไปคล้ายสนับมือหากแต่อาวุธนี้เมื่อสวมใส่กลับครอบคลุมไปทั้งข้อมือทั้งสองข้างของมันออกมาจากแหวนมิติ

    เจฟที่สามารถปัดป้องต้านรับการจู่โจมของเอกีย์ได้ยังคงยืนหยัดถือหอกชี้ไปยังเอกีย์อย่างไม่หวั่นเกรง สายตาของเจฟไม่ได้แสดงออกถึงความหวาดกลัวขลาดเขลาเลยแม้แต่น้อย

    เห็นถึงสายตายของบุรุษถือหอกประหลาดซึ่งยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้าแล้วทำให้เอกีย์เกิดความคิดฆ่าฟันยิ่งขึ้นกว่าเดิม "แจ้งชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ามา ข้าจะได้ทราบว่ากำลังจะสังหารยอดฝีมือผู้ใดของทวีปตะวันออก"

    "เกรงว่าเจ้ายังไม่มีคุณสมบัติพอ" เจฟเอ่ยกล่าวด้วยสายที่แสดงออกถึงการยั่วยุ การทำสงครามจิตวิทยาขณะต่อสู้เพื่อความได้เปรียบก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่กาเล็ทสอนสั่งให้แก่มัน

    "ปากกล้าเช่นนี้ข้าชมชอบนัก" เอ่ยด้วยความเดือดดาลจากนั้นเอกีย์ก็พุ่งเข้าโรมรันใส่เจฟอีกครั้ง

    ประกายไฟจากเหล็กที่เข้าปะทะกันสว่างวูบวาบขึ้นเป็นระยะ ยิ่งประทะกันมากครั้งเท่าไหร่ความรู้สึกแปลกประหลาดในจิตใจของเอกีย์ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ทั้งหอกประหลาดที่คมกล้าอีกทั้งยังแผ่ไอเย็นที่อันตรายออกมา ทั้งความสามารถของคู่ต่อสู้ของมันที่สูงล้ำยากต่อการจัดการ "ไม่ได้การแม้มันจะได้รับบาดเจ็บแต่หากต่อสู้ยืดเยื้อกับเจ้านี่ต่อไปเกรงว่าคงยากที่จะตามไปสังหารเจ้าผู้นั้นได้ทันการ" เอกีย์คิดกับตนเอง ตัดสินใจได้ดังนั้นมันก็เคลื่อนตัวไปมาเพื่อเคลื่อนไหวหลอกล่อจากนั้นเมื่อสบโอกาสมันก็พุ่งทะยานเข้าใส่เจฟอีกครั้ง

    เจฟเองก็ไม่หลงไปกับการหลอกล่อนี้ การฝึกฝนกับกาเล็ทผู้เป็นในภายในมิติเทพเจ้าทำให้เจฟเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ไม่น้อย เจฟเร่งพลังของตนเองไปที่หอกในมือจากนั้นจึงกระแทกด้ามหอกลงสู่พื้นดิน

    แครก แครก แครก แท่งน้ำแข็งมากมายโผล่ขึ้นมาจากพื้นพุ่งเสียบเข้าใส่ร่างของเอกีย์ เอกีย์เองก็ไม่มืออ่อนจะอย่างไรมันก็มีพลังถึงระดับจักรพรรดิขั้นต้น มันเคลื่อนตัวหลบแท่งน้ำแข็งที่ทิ่มแทงงอกเงยขึ้นมาจากพื้นอันแล้วอันเล่าเพื่อเคลื่อนตัวเข้าประชิด คมหอกแวววับเคลื่อนผ่านพุ่งทะยานเข้าใส่มันจากเบื้องหน้าด้วยความเร็วสูงหากแต่ครั้งนี้ไม่ยังไม่รีบร้อนที่จะพลิกตัวเคลื่อนหลบ มันเฝ้ารอจนถึงก่อนที่คมหอกจะเข้าปะทะกับใบหน้าจากนั้นเมื่อเวลาที่สมควรมาถึงมันก็ระเบิดพลังระดับสูงของมันออกมาเพื่อเบี่ยงเบนวิถีหอกที่จ้วงแทงเข้าใส่ให้พ้นไป วืดด คมหอกคมกริบเฉียดผ่านเฉือนเนื้อบนใบหน้าของมันไปจนเกิดแผล เลือดที่ไหลหลั่งออกมาจากใบหน้าของเอกีย์จับกันเป็นก้อนและแข็งตัวอย่างรวดเร็วจากไอเย็นของคมหอกวิเศษในมือของเจฟ เนื่องจากเวลาที่บีบคั้นเข้ามาทุกขณะทำให้เอกีย์เลือกที่จะเดินหมากเสี่ยงเช่นนี้ มันไม่สามารถเสียเวลาต่อสู้กับศัตรูตรงหน้าไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว

    เจฟที่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะทุ่มหมดหน้าตักและใช้กระบวนท่าเสี่ยงตายเช่นนี้ย่อมคิดไม่ถึง "จงจำไว้ว่าการต่อสู้ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพันนั้นข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็เป็นสาเหตุของความพ่ายแพ้ได้" คำพูดที่กาเล็ทคอยพล่ำสอนตลอดมาเสมือนจะดังขึ้นในห้วงสมองของเจฟอีกครั้ง ดวงตาของเจฟเบิกโพลงด้วยความตกใจที่อีกฝ่ายเคลื่อนตัวเข้ามาถึงระยะจู่โจมใส่ตนเอง

    พริบตาเดียวเอกีย์ก็สามารถเข้าคลุกวงในเจฟได้สำเร็จ "ตาย" เอกีย์คำรามลั่นพร้อมทั้งต่อยหมัดทั้งสองที่สวมใส่สนับมือของตนเองออกไปใส่ทรวงอกของเจฟอย่างเต็มแรง

    ตุบ เสียงของสนับมือซึ่งบัดนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยริ้วรอยบนมือทั้งสองข้างของเอกีย์ปะทะเข้ากับเกราะเหล็กที่เจฟสวมใส่อยู่ส่งผลให้ร่างของเจฟลอยละล่องกระเด็นออกไป

    "มาได้เท่านี่สินะ" เจฟคิดกับตนเองในใจขณะที่ร่างลอยละล่องอยู่บนอากาศ

    ยังไม่ทันที่เอกีย์จะได้ยินดีกับชัยชนะมันพลันรู้สึกถึงอันตรายยิ่งยวด เงาดำสายหนึ่งพุ่งทะยานเข้ามาหามันสวนทางจากทิศที่เจฟถูกซัดให้ปลิวละลิ่วไป เพียงพริบตามันกลับสัมผัสได้ถึงความตาย

    มือข้างหนึ่งเข้ามาช้อนรองรับร่างของเจฟไว้ก่อนที่จะกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ "มิใช่บอกแล้วหรอกหรือว่าอย่าได้เสี่ยงเอาชีวิตเข้าแลกเช่นนี้" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหู

    "น..นายน้อย ข้า." เจฟที่บาดเจ็บหนักพยายามจะพูดบางอย่าง

    "มิร่าน้อยปะป๋าต้องการจับเป็น" กาเล็ทส่งเสียงเทเลพาทีผ่านทางพันธสัญญาเพื่อแจ้งบอกแก่มิร่าที่พุ่งทะยานเข้าใส่เอกีย์

    รับรู้ถึงความต้องการของผู้เป็นบิดาร่างของมิร่าก็หยุดกึกลงอยู่เบื้องหน้าของเอกีย์

    เห็นเช่นนั้นกาเล็ทก็ก้มลงเอ่ยกับเจฟ "อย่าได้เอ่ยกล่าวให้มากความ ตั้งสมาธิรอรับพลังจากข้า ข้าจะใช้พลังเร่งเยียวยารักษาอาการบาดเจ็บของเจ้า"




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×