ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #223 : บุตรชายท่านเป็นข้าสังหารเอง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.56K
      572
      22 มิ.ย. 61


    "พูดคุยกันต่อเถอะ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวเมื่อปลุกปลอบมิร่าให้กลับคืนสู่ความสงบแล้ว

    "นับว่าข่าวที่สืบทราบมาได้ไม่เกินเลยไปจริง" จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือแอบครุ่นคิดกับตนเอง

    "จะบอกกล่าวว่าหยิ่งผยองหรือไม่ก็ต้องดูที่ความสามารถ นับว่าเขามีทุนรอนมากพอที่จะเข้าร่วมเป็นภาคีในการต่อต้านทวีปกลางแล้ว" จักรพรรดินีแห่งทวีปใต้ลอบประเมินให้น้ำหนักแก่กาเล็ทในจิตใจ

    "เสียงออกมาเอกฉันท์เช่นนี้ยังต้องปรึกษาหารือกันอีกหรือ? เอาเป็นว่าผลสรุปในวันนี้พวกเราสามทวีปจะร่วมจับมือกันต่อต้านทวีปกลาง ร่วมรุกร่วมถอย ไม่ว่าทวีปใดถูกทวีปกลางบุกจู่โจมเข้าใส่ข้าในฐานะจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือขอให้คำมั่นว่าจะยกกำลังพลไปช่วยเหลือร่วมรบอย่างเต็มที่ ส่วนท่านออก้าจะเข้าร่วมรบกับพวกเราหรือไม่ก็ตรองดูให้ดีเถอะ วันนี้ทวีปกลางเรียกร้องต่อท่านแต่เพียงเครื่องบรรณาการวันหน้าพวกมันอาจจะต้องการเฉือนแบ่งแผ่นดินจากท่านไปหรือถึงขนาดต้องการให้ท่านคุกเข่าต่อจักรพรรดิจรัสแสงของพวกมัน" กล่าวจบจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือก็หันไปหาจักรพรรดินีซานซาน "ข้าสรุปออกมาเช่นนี้ซานซานเห็นด้วยหรือไม่"

    "ซานซานเห็นพ้องด้วยกับท่านจักรพรรดิเซอกีย์" ซานซานยิ้มตอบรับในข้อสรุปของเซอกีย์

    "เช่นนั้นต่อจากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเกี่ยวกับบรรณาการที่ต้องจัดส่งให้แก่ทวีปกลางอีก" จักรพรรดิแห่งแดนเหนือเอ่ยกล่าว

    "เมื่อได้ผลสรุปออกมาเช่นนี้ ซานซานเห็นว่าพวกเราควรที่จะพักเรื่องหนักๆเอาไว้ก่อนดีหรือไม่ เอาไว้เมื่อถึงเวลาของงานเลี้ยงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในคืนนี้พวกเราค่อยใช้โอกาสนั้นพูดคุยกันหารือกันต่อว่าจะรับมือกับทวีปกลางเช่นไรดี" จักรพรรดินีซานซานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

    จักรพรรดิแห่งแดนเหนือได้ยินเช่นนั้นก็ผงกหัวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ผลสรุปของการประชุมออกมาเป็นเช่นนี้ช่างสมใจมันนัก แรกเริ่มเดิมดีมันก็ไม่เห็นด้วยกับการประณีประนอมกับทวีปกลางอยู่แล้ว ชาวเหนือนั้นมีเลือดของนักรับไหลเวียนอยู่หาได้มีผู้ใดขลาดเขาเกรงกลัวต่อทวีปกลาง

    ทว่าในบัดนี้สีหน้าของกาเล็ทกลับไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย ในจิตใจของกาเล็ทกลับหนักอึ้งเสมือนว่าถูกกดทับเข้าใส่ด้วยภูเขาอยู่ หากว่าจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือไม่ได้แสดงออกถึงมิตรไมตรีดังเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้ยังจะดีเสียกว่า หากว่ามันมีลักษณะบุคคลิคดังเช่นจักรพรรดิแห่งทวีปตะวันตกกกาเล็ทยังจะไม่รู้สึกหนักใจเท่าตอนนี้

    "เช่นนั้นซานซานก็ไม่ขอรบกวนท่านจักรพรรดิทุกท่านแล้ว เอาไว้หลังจากงานเลี้ยงแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมแล้วพวกเราค่อยมาปรึกษาหารือกันต่อเถอะ" จักรพรรดินีซานซานเอ่ยกล่าวเพื่อบอกเลิกการประชุมหาลือแต่เพียงเท่านี้

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็สูดหายใจเข้าไปคราหนึ่ง "ท่านจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกกล่าวแก่ท่านให้ทราบไว้"

    ได้ยินคำเอ่ยกล่าวของจักรพรรดิทมิฬแห่งทวีปตะวันออกทุกผู้คนที่ทำท่าเหมือนจะเดินออกไปจากห้องประชุมต่างหยุดสภาวะของตนเองไว้จากนั้นจึงหันกลับมาให้ความสนใจว่าเรื่องสำคัญที่จักรพรรดิแห่งทวีปตะวันออกบอกกล่าวจะเป็นเรื่องใดกันแน่

    "ท่านจักรพรรดิทมิฬมีเรื่องสำคัญใดหรือ? จะกล่าวไปแล้วพวกเราเองก็ยังไม่ได้ทำความรู้จักกันดีเท่าไรเลย บอกกล่าวตามตรงว่าข้านั้นรู้สึกถูกชะตากับท่านนัก เห็นท่านแล้วทำให้ข้าคิดถึงตนเองสมัยหนุ่มๆ เอาเช่นนี้เป็นอย่างไรพวกเราไปหาที่ดื่มกินเพื่อพูดคุยทำความรู้จักกันไว้ตามประสาชายชาตรีดีหรือไม่ ในวันนี้ให้ข้าเป็นเจ้าภาพเลี้ยงท่านเอง" จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือเอ่ยกล่าวออกมาอย่างเป็นมิตรขณะที่ทำท่าจะเดินเข้าหากาเล็ทที่ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งแล้ว

    "เรื่องสำคัญนั้นคือ.. บุตรชายของท่านอังเดรเป็นข้าสังหารเอง" อยู่ๆกาเล็ทก็โพล่งบอกสิ่งที่ทำให้ทุกผู้คนภายในห้องประชุมต้องเกิดความตื่นตระลึงขึ้นมาอีกครั้ง

    จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือซึ่งมีทีท่าเป็นมิตรและอยู่ในระหว่างเดินเข้าหากาเล็ทถึงกลับหยุดร่างชงักค้างไปชั่วขณะหลังจากทีได้ยินสิ่งที่กาเล็ทโพล่งบอกออกมา

    เพียงชั่วพริบตาหลังจากที่ร่างของจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือชงักค้างไปจิตสังหารเข้มข้นก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่ผิดบัง รอยยิ้มที่เคยปรากฎบนใบหน้าของจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือมลายหายไปสิ้น พร้อมกันกับที่จิตสังหารถูกปลดปล่อยออกมามวลพลังจิตวิญญาณระดับจักรพรรดิก็ระเบิดออกมาจากร่างของจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือ

    จักรพรรดินีซานซานเห็นเช่นนั้นก็มีทีท่าว่าจะเอ่ยห้ามปรามร้องขอไว้แต่ว่าก็สายไปเสียแล้ว ก่อนที่นางจะได้เปล่งเสียงเอ่ยกล่าวสิ่งใด ร่างของจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือเซอกีย์ก็พุ่งทยานเข้าใส่กาเล็ทพร้อมทั้งต่อยหมัดที่แฝงไปด้วยพลังระดับจักรพรรดิออกไป

    บุม เสียงของหมัดที่แฝงไว้ด้วยพลังมหาศาลปะทะเข้าใส่ม่านพลังโปร่งแสงเบื้องหน้าของกาเล็ท การปะทะหักล้างกันของพลังส่งผลให้ม่านพลังที่เคยโปร่งแสงและยากต่อการมองเห็นได้ปรากฎให้เห็นขึ้นมาด้วยตาเปล่าจนทุกผู้คนสามารถมองเห็นได้ถึงกระแสพลังจากหมัดของจักรพรรดิแห่งแดนเหนือที่ถูกม่านพลังสลายไปซึ่งค่อยๆไหลผ่านร่างของจักรพรรดิทมิฬไป แรงปะทะที่เกิดจากหมัดและม่านพลังยังส่งผลให้ข้าวของภายในห้องประชุมนั้นกระจัดกระจายไป ผู้คนภายในห้องต่างต้องเร่งพลังของตนเองขึ้นเพื่อป้องกันผลกระทบที่เกิดจากการปะทะกันครั้งนี้

    จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือที่เป็นผู้จู่โจมเข้าใส่รู้สึกตื่นตะลึงเล็กน้อยที่การจู่โจมของมันกลับถูกหยุดไว้ด้วยเพียงม่านพลังถึงแม้ว่าตัวมันยังไม่ได้จู่โจมเข้าใส่ด้วยพลังเต็มร้อยก็ตามที แต่จะอย่างไรตัวมันก็เป็นถึงจักรพรรดิแห่งทวีปที่เคยฝ่าฟันในสนามรบมานับไม่ถ้วน แม้จะรู้สึกตื่นตะลึงหากแต่ก็เป็นเพียงเวลาเพียงเสี้ยววิ ไม่นานมันก็สามารถที่จะดึงสติของตนเองให้กลับคืนมาได้

    "ท่านจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือโปรดยั้งมือก่อน" ซานซานรีบถือโอกาสที่จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือชงักค้างไปเอ่ยปากห้ามปาม หากแต่จักรพรรดิแห่งทวีปตะวันตกที่ยืนอยู่ไม่ไกลกลับไม่มีทีท่าจะเอ่ยปากดั่งเช่นจักรพรรดินีแห่งทวีปใต้กระทำเลยแม้แต่น้อย ในจิตใจของออก้าได้แต่ลอบแอบยิ้มยินดี "ไม่ต้องลงแรงก็สามารถหยั่งความตื้นลึกหนาบางของเด็กน้อยนั่นได้ คงไม่มีโอกาสใดจะประจวบเหมาะถึงเพียงนี้อีกแล้ว" ออก้าลอบก้าวเท้าถอยห่างออกไปขณะที่ครุ่นคิดแอบยิ้มอยู่ในใจ

    "ท่านจักรพรรดิเซอกีย์โปรดยั้งมือไว้ไม่ตรี ขอท่านเซอกีย์โปรดรับฟังถึงเหตุผลของท่านจักรพรรดิทมิฬก่อน" แม้ตนเองจะยังไม่เข้าใจถึงสาเหตุของการกระทำในครั้งนี้ของจักรพรรดิแห่งทวีปตะวันออกก็ตามหากแต่นางยังเสนอตัวออกมาเพื่อร้องขอไมตรีให้แก่กาเล็ท

    "ฮือออออออออออ" เสียงขู่คำรามของมิร่าในอ้อมกอดของกาเล็ทดังขึ้นมาให้ได้ยินอีกครั้ง หากไม่ใช่ว่าถูกมือทั้งของข้างของกาเล็ทหนีบจับไว้นางคงพุ่งทะยานจู่โจมสวนเข้าใส่จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือไปเรียบร้อยแล้ว

    "มิร่าน้อยไม่ได้ เรื่องนี้ให้ปะป๋าจัดการเอง" กาเล็ทลอบสื่อสารกับมิร่าน้อยผ่านทางพันธสัญญา

    "เพราะเหตุใด" จักรพรรดิแห่งแดนเหนือที่ชักมือกลับมาแล้วทำใจให้สงบและเอ่ยถามขึ้น

    "เพราะมันคิดล่วงเกินสตรีของข้า" กาเล็ทเอ่ยอย่างไม่ปิดบัง

    หลังจากได้ยินคำตอบของกาเล็ทร่างของจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือถึงกับชงักค้างไป ตัวมันนั้นรู้จักอังเดรผู้เป็นบุตรชายดี ด้วยเป็นบุตรชายที่เกิดจากภรรยารักทำให้มันนั้นเอ็นดูและตามใจบุตรผู้นี้เสมอมาไม่ได้เข้มงวดต่อมันเหมือนกับบุตรคนอื่นๆ ในบางครั้งเรื่องที่ผู้เป็นบุตรชายของมันผู้นี้กล่าวขึ้นก็มักจะแว่วมาให้ตัวมันได้ยินเข้าหูอยู่บ่อยๆ เช่นนี้สิ่งที่จักรพรรดิแห่งทวีปตะวันออกบอกกล่าวมาคงไม่แปลกปลอมแล้ว แต่ต่อให้ผู้เป็นบุตรจะเป็นฝ่ายที่กระทำผิดจะอย่างไรมันก็เป็นบิดาของอังเดร บิดามารดานั้นต่อให้ผู้เป็นบุตรจะชั่วช้าถึงเพียงไหนเลือดก็ย่อมที่จะข้นกว่าน้ำเสมอ "เพื่อสตรีผู้หนึ่งเจ้าถึงกลับสังหารบุตรชายของข้า" แม้แต่สรรพนามที่ใช้เรียกกาเล็ทของจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือก็เปลี่ยนไป ไม่เป็นมิตรดังเช่นแรกเริ่มอีก

    "สำหรับท่านนางอาจจะเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งแต่สำหรับกับข้านางสำคัญเทียบเท่ากับชีวิต" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    แม้จะได้ยินเช่นนั้นจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือยังคงไม่ยินยอม มันก้าวเข้าเดินเข้าไปประจัญหน้ากับกาเล็ท "ถึงมันจะทำผิดเจ้าก็ไม่สมควรสังหารมัน เจ้าอาจลงโทษมัน เฆี่ยนตีมัน แต่ไม่ควรสังหารมัน" จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือเอ่ยกล่าวขณะที่ใช้สองตาที่แดงก่ำจ้องมองไปยังกาเล็ท

    "ข้ามีเหตุผลอันจำเป็นที่ไม่สามารถบอกกล่าวได้ หากย้อนเวลากลับไปได้ข้าจะปลดปล่อยมันไป ขอบอกกล่าวแก่ท่านจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือตามตรงว่าข้านั้นรู้สึกเสียใจที่ตัดสินใจสังหารบุตรชายท่านหากแต่ข้าจะไม่กล่าวคำขออภัย ข้าเพียงแต่อยากให้ท่านรู้ไว้ว่าเป็นข้าเองที่สังหารมัน" กาเล็ทจ้องตาของจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือกลับไปพร้อมทั้งเอ่ยกล่าวอย่างไม่หวั่นเกรงต่อจิตสังหารที่จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือปลดปล่อยออกมา

    "ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต" จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือเอ่ยกล่าว

    "หากนั้นคือการตัดสินใจของท่านจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือข้าเองก็ต้องยอมรับ เห็นแก่ไม่ตรีที่ท่านมอบให้แก่ข้า ข้าจะรับท่านอีกสองกระบวนท่าโดยไม่ตอบโต้หลังจากพ้นสองกระบวนท่าต่อไปแล้วข้าจำต้องปกป้องตนเอง" หลังเอ่ยกล่าวจบกาเล็ทก็ตบร่างมิร่าเป็นสัญญาณให้นางถอยห่างไป หากแต่ว่ามังกรน้อยยังคงเกาะติดกับร่างของกาเล็ทไว้แน่นไม่ยอมจากไป เห็นเช่นนั้นกาเล็ทก็รู้สึกจนใจไม่ขับไล่ใสส่งนางอีก กาเล็ทกาขาของตนเองออกเพื่อตั้งท่าเตรียมพร้อมรับการจู่โจมจากจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือ

    "เพื่อเห็นแก่หน้าของซานซาน หนี้ชีวิตครั้งนี้ข้าจะให้ท่านติดค้างไว้ก่อน แต่ขอบอกให้รู้ไว้ว่าข้าจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือจะไม่เลิกราแน่นอน" จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือเอ่ยกล่าวจากนั้นจึงหันไปหาจักรพรรดินีซานซานที่แสดงออกถึงสีหน้าเป็นกังวลอยู่ "ซานซานข้าคงต้องขอตัวกลับที่พักก่อน หากว่ายังรั้งอยู่ต่อไปเกรงว่าข้าคงไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้"

    จักรพรรดินีซานซานได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา "ซานซานเข้าใจท่านเซอกีย์ดี"

    หลังจากบอกกล่าวกับจักรพรรดินีซานซานแล้วจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือก็สบัดกายหมุนไปยังทางออกของห้องประชุม "พวกเราไป" มันเอ่ยกล่าวออกมาด้วยเสียงอันคับแค้น




    ปล.ก่อนจะตำหนิต่อว่าพระเอกโลกสวย ลองคิดหาข้อดีของการปิดไว้ไม่บอกออกมาให้ได้สักข้อสองข้อครับ พระเอกเป็นคนชาวโรฮาน ลูกของจักรพรรดิแดนเหนือตายที่โรฮาน ไม่ว่าจะช้าเร็วจักรพรรดิแดนเหนือต้องรู้แน่นอน รู้ตอนนี้ยังดีกว่าไปรู้ตอนร่วมรบกันแล้วแน่นอน บอกออกไปเองได้เครดิต ปิดไว้ปล่อยให้รู้เอง ทั้งทวีปใต้กับทวีปเหนือจะมองพระเอกยังไง คนส่วนใหญ่มักเลือกหนทางที่สบายก่อนแต่ลำบากทีหลัง แต่พระเอกเราเลือกลำบากก่อนแล้วสบายทีหลังครับ นี่ไม่ใช่เรื่องของคำว่าดีเกินไปหรือคุณธรรม แต่มันเป็นการกระทำที่ฉลาดหรือโง่เท่านั้น ปิดในสิ่งที่ปิดไม่ได้เพื่อเอาความสบายใจแค่แปบเดียวมันไม่ใช่การแก้ปัญหาครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×