ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #222 : จะแน่สักแค่ไหน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.95K
      608
      21 มิ.ย. 61


    "ท่านจักรพรรดิทมิฬอายุยังน้อยคงไม่เข้าใจแก่นแท้ของการสงคราม" จักรพรรดิออก้ายิ้มเหยียดพร้อมทั้งเอ่ยกล่าวขึ้น

    "เช่นนี้คงต้องขอให้ท่านจักรพรรดิออก้าช่วยสอนสั่งแล้ว" กาเล็ทไม่หวันเกรงที่จะต่อปากต่อคำกับจักรพรรดิแห่งทวีปตะวันตกเลยแม้แต่น้อย

    "หากเกิดสงครามขึ้นล้วนแล้วแต่จะนำพาซึ่งความสูญเสียมาให้แก่ทุกผู้คน อย่าว่าแต่นี่เป็นสงครามใหญ่ ก่อนที่จะคิดตัดสินใจสิ่งใดไปอย่างขาดสติข้าอยากใหทุกผู้คนลองไตร่ตรองดูให้รอบคอบว่าจะมีผู้คนมากน้อยเท่าใดที่ต้องตกตาย จะมีสตรีมากน้อยเท่าใดที่ต้องร่ำไห้ต่อการจากไปของสามี จะมีบุตรธิดามากน้อยเท่าใดที่เป็นกำพร้า การเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาความสงบให้แก่ส่วนรวมจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องและสมควรทำ" จักรพรรดิแห่งทวีปตะวันตกถือเอาโอกาสนี้บอกกล่าวแสดงจุดยืนของตนเองออกมา

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ปั้นสีหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจในคำพูดของจักรพรรดิออก้าพร้อมทั้งผงกหัวร้อง "อ้อ" ออกมาคำหนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยต่อ "นับว่าเป็นคำกล่าวที่สวยหรูดูดีนัก เสียสละส่วนน้อยเพื่อความสงบสุขของส่วนรวม อืมเช่นนั้นขอเรียนถามว่าท่านจักรพรรดิแห่งทวีปตะวันตกว่าท่านมีบุตรธิดาบ้างหรือไม่"

    จักรพรรดิออก้าได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ "ข้ามีบุตรธิดาหรือไม่เกี่ยวข้องใดกับเรื่องนี้?"

    "ย่อมเกี่ยวข้อง ข้าเห็นว่าท่านจักรพรรดิแห่งทวีปตะวันตกมีแนวคิดที่ยอดเยี่ยมนัก หากว่าการเสียสละส่วนน้อยเพื่อช่วยรักษาความสงบเพื่อส่วนรวมเป็นเรื่องที่สมควรกระทำ เช่นนั้นข้าใคร่ขอให้ท่านจักรพรรดิแห่งทวีปตะวันตกช่วยเสียสละบุตรสาวสักคนสองคนเพื่อส่งร่วมไปเป็นเครื่องบรรณาการแก่ทวีปกลางด้วยคงจะช่วยสนับสนุนแนวคิดเช่นนี้ได้เป็นอย่างดี" กาเล็ทยิ้มเอ่ยกลับไป

    ทางด้านจักรพรรดิออก้าเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หากว่าตัวมันไม่มีบุตรธิดายังพอทำเนาหากแต่มันนั้นมีบุตรชายและบุตรสาวอยู่ไม่น้อย "ท่าน" จักรพรรดิออกก้าที่ได้ยินคำกล่าวของกาเล็ทนั้นตกอยู่ในสถานะมีปากยากจะกล่าวออกมา จะให้มันยกบุตรธิดาของตนเองส่งไปเป็นเครืองบรรณาการได้อย่างไร? ไม่ว่าอย่างไรมันก็ไม่ยินยอมกับเรื่องนี้แน่

    "ผู้ใดกล้าล่วงเกินองค์จักรพรรดิตาย" ผู้ติดตามทั้งสองที่ด้านหลังของออก้าพลันเร่งพลังขึ้นพร้อมทั้งแสดงท่าทีว่าจะเข้าจู่โจมใส่กาเล็ทหากแต่กลับถูกผู้เป็นนายยกมือขึ้นยับยั้งห้ามไว้

    "ทวีปตะวันตกมีธรรมเนียมเช่นนี้หรือ? เพียงเห็นต่างก็ต้องฆ่าแกงกัน?" กาเล็ทได้ทีก็เอ่ยกล่าวขึ้น

    ได้เห็นถึงการโต้เถียงอย่างไม่ยี่หระกับจักรพรรดิแห่งทวีปตะวันตกแล้วทำให้ทั้งจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือและจักรพรรดินีซานซานต้องลอบประเมินจักรพรรดิแห่งทวีปตะวันออกที่ยังหนุ่มแน่นผู้นี้ใหม่

    "ทวีปตะวันตกของข้าย่อมไม่มีธรรมเนียมเช่นว่านั้น หากว่าไม่ยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาความสงบของส่วนรวมไว้เช่นนั้นท่านจักรพรรดิแห่งทวีปตะวันออกมีความเห็นว่าเช่นไรรบกวนท่านช่วยชี้แจงแถลงไขให้พวกข้าได้เปิดหูเปิดตาบ้าง" จักรพรรดิออก้ากัดฟันข่มความไม่พอใจที่มีไว้เอ่ยกล่าวออกมา

    "พวกท่านรู้จักคนพาลหรือไม่? ข้าไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนว่าการยอมถอยให้กับคนพาลผู้หนึ่งจะช่วยแก้ปัญหาได้ หากว่ามีคนพาลผู้หนึ่งต้องการครอบครองบ้านเรือนที่ท่านใช้กำลังปลูกสร้างขึ้นมาอย่างยากเย็นโดยไม่ชอบธรรม ท่านสมควรเจรจาพาทีกับมันพร้อมทั้งยอมเฉือนแบ่งห้องหับภายในบ้านให้คนพาลผู้นั้นร่วมอยู่อาศัยหรือ? เช่นนั้นเกิดวันหน้าคนพาลผู้นั้นยังคงไม่ยินยอมหากว่ามันเรียกร้องห้องหับเพิ่มมากขึ้นเล่าท่านจะกระทำเช่นไร? ท่านทั้งหลายจะยินยอมเฉือนแบ่งพื้นที่ภายในบ้านให้แก่มันเพิ่มหรือ? หากว่ายอมเฉือนแบ่งพื้นที่ภายในบ้านให้แก่มันเพิ่มแล้วมันพาลต้องการหลับนอนกับภรรยาท่านเล่าท่านจะทำเช่นไร? ใช่ยินยอมให้มันกระทำสมดั่งหมายรึไม่? การยอมให้แก่คนพาลผู้หนึ่งจะอย่างไรก็จะเกิดปัญหาตามมาซ้ำๆอย่างไม่จบสิ้น มิสู้ยอมเจ็บครั้งเดียวแตกหักกับมันให้รู้ดำรู้แดงกันไปไม่ดีกว่าหรือ?" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    ทุกผู้คนภายในต้องต่างสามารถเข้าใจได้ว่าคนพาลที่กาเล็ทเอ่ยถึงนั้นย่อมเปรียบเสมือนทวีปกลางที่ต้องการทรัพยากรณ์จากทวีปของพวกตน

    "สำหรับกับข้านั้นขอยอมเป็นหยกที่แหลกลาญแต่ไม่ขอเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ ขอแจ้งบอกจุดยืนให้ทราบโดยทั่วกันว่าข้าจะไม่ส่งบรรณาการใดๆให้แก่ทวีปกลางทั้งสิ้นไม่ว่าจะมากหรือน้อย" กาเล็ทเอ่ยประกาศจุดยืนของตนเองในการประชุมสี่ทวีปออกมา

    แววตาของจักรพรรดินีซานซานถึงกลับเปล่งประกายออกมาวูบหนึ่งหลังจากได้ยินคำเปรียบเปรยนี้ขอเป็นหยกแหลกลาญไม่เป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ของกาเล็ทด้วยจักรพรรดินีผู้เลอโฉมนั้นทราบดีถึงความหมายในคำเปรียบเปรยนี้

    "กล่าวได้ประเสริฐ กล่าวได้ประเสริฐ ขอเป็นหยกที่แหลกลาญสมใจข้านั้น ในเมื่อทวีปกลางบีบคั้นกันมากจนเกินไปเช่นนั้นทวีปเหนือของข้าก็ขอยอมเป็นหยกแหลกลาญแต่ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์เช่นเดียวกัน นับจากนี้ทวีปเหนือจะไม่ยอมส่งบรรณาการใดๆให้แก่ทวีปกลางอีก" จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือตบโต๊ะเอ่ยกล่าวอย่างสมใจ

    ทว่ากาเล็ทกลับเกิดความรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นถึงท่าทีของจักรพรรดิแห่งทวีปเหนือ "เราจะปล่อยให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้ต่อไปหรือ? ลูกผู้ชายสมควรกล้าทำกล้ารับไม่ผลักภาระให้แก่ผู้อื่น" กาเล็ทคิดกับตนเอง

    "เดิมทีทวีปใต้ของซานซานเองก็ไม่เห็นด้วยกับการยอมสงบศึกโดยส่งเครื่องบรรณาการให้แก่ทวีปกลางอยู่แล้วหากว่าทั้งท่านจักรพรรดิทมิฬแห่งทวีปตะวันออกและท่านจักรพรรดิเซอกีย์แห่งทวีปเหนือต่างเห็นชอบที่จะฉีกสัญญาเช่นนั้นก็นับได้ว่ามีเสียงโหวตถึงสองเสียงแล้วถ้าหากว่ารวมทวีปใต้ของซานซานเข้าไปด้วยก็จะเป็นสามเสียงเช่นนี้ท่านจักรพรรดิออก้าขัดข้องหรือไม่" จักรพรรดินีแห่งทวีปใต้หันไปเอ่ยถามกับจักรพรรดิออก้า

    "พ..พวกท่านจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้แน่ ทราบหรือไม่ว่าทวีปกลางมีขุมกำลังกล้าแข็งขึ้นมากน้อยเท่าใดแล้วในรอบหลายปีที่ผ่านมานี้ หากว่าเกิดสงครามขึ้นพวกเราคงต้องสูญเสียมากกว่าได้แน่นอน"จักรพรรดิออก้าเอ่ยกล่าวเพื่อพยายามจะเปลี่ยนความตั้งใจของทั้งหมด

    "เมื่อก่อนนั้นนับว่ามีไทสันยืนอยู่ข้างของท่านออก้า ทำให้ผลคะแนนในการโหวตของพวกเราเป็น 2-2ต่อสองเสียงแต่บัดนี้ผลคะแนนโหวตก็ออกมาแล้วท่านยังมีคำพูดอีก?" จักรพรรดิแห่งทวีปเหนือหันไปเอ่ยกับจักรพรรดิออก้า

    "คำเอ่ยกล่าวกระตุ้นเตือนของท่านจักรพรรดิทมิฬทำให้ซานซานได้คิดว่าการยอมถอยให้แก่คนพาลรังแต่จะนำมาซึ่งปัญหาไม่จบสิ้น เช่นนั้นพวกเรามิสู้เจ็บปวดครั้งเดียวเพื่อแลกกับความสงบสุขของลูกหลานไปอีกหลายร้อยปีภายหน้าไม่ดีกว่าหรือ" จักรพรรดินีซานซานเอ่ย

    "เด็กน้อยอย่าได้หยิ่งผยองไป เจ้ายังไม่ทราบถึงความตื้นลึกหนาบางของทวีปกลาง ความหยิ่งผยองของเจ้าจะนำพาให้พวกเราต้องพบจุดจบ" จักรพรรดิออก้าหันไปเอ่ยกล่าวกับกาเล็ท

    "ทวีปกลางเองก็ไม่ทราบถึงความตื้นลึกหนาบางของข้าเช่นกัน" กาเล็ทเอ่ยอย่างไม่เกรงกลัว

    คำเอ่ยกล่าวนี้ชวนให้ทุกผู้คนต่างนึกขึ้นมาได้ว่าเขาผู้นี้คือบุคคลที่สังหารจักรพรรดิแดง จักรพรรดิแห่งทวีปตะวันออกคนเก่า หากจะกล่าวไปแล้วผู้ที่รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของจักรพรรดิแดงดีกว่าใครในที่นี้ย่อมเป็นจักรพรรดิแห่งแดนเหนือเนื่องด้วยมันได้มีโอกาสในการต่อสู้กับจักรพรรดิแดงเป็นคนสุดท้ายถึงแม้ว่าจะเป็นการต่อสู้เพียงระยะเวลาสั้นๆก็ตามที

    "ข้าใคร่รู้นักว่าเจ้าจะแน่สักแค่ไหน" เอ่ยกล่าวจบจักรพรรดิแห่งทวีปตะวันตกก็เคาะนิ้วของตนเองลงยังโต๊ะประชุมคราหนึ่งเพื่อส่งคลื่นพลังจากมือให้แทรกซึมผ่านเนื้อไม้พุ่งเข้าหากาเล็ท

    "คิดบีบบังคับให้เราเปิดเผยพลังหรือ? เกรงว่ายังไม่สามารถ" คิดเช่นนั้นกาเล็ทก็กระทำเฉกเช่นกับที่จักรพรรดิแห่งทวีปตะวันตกกระทำนั่นคือการเคาะนิ้วของตนเองลงไปยังโต๊ะไม้คราหนึ่งเพื่อส่งผ่านคลื่นพลังของตนเองเข้าปะทะหักล้างกับคลื่นพลังที่จักรพรรดิแห่งทวีปตะวันตกส่งมา

    เมื่อเห็นว่าคลื่นพลังของตนเองกลับถูกสลายหายไปได้โดยง่ายเสมือนว่าไม่มีเรื่องราวใดมาก่อนจักรพรรดิออก้าก็ถลึงตาจ้องมองไปยังกาเล็ทอย่างเอาเรื่อง

    มิร่าซึ่งนอนสงบนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของกาเล็ทมานานที่สัมผัสได้ถึงความมุ่งร้ายไม่เป็นมิตรนั้นก็ตื่นตัวขึ้น นางที่นอนหมอบอยู่ในอ้อมกอดของกาเล็ทภายใต้โต๊ะไม้ถึงกลับส่งเสียงขู่ออกมาเพื่อเป็นสัญญาณเตือนแก่ทุกผู้คนที่คิดร้ายต่อบิดาอันเป็นที่รัก ไม่เพียงแต่เสียงขู่คำรามที่นางแสดงออกให้ได้เห็นชั่วพริบตาหนึ่งนางถึงกลับปลดปล่อยจิตสังหารและพลังระดับสูงออกมาก่อนที่กาเล็ทจะรีบแตะที่ตัวของนางเพื่อเป็นสัญญาณให้นางสงบลงหากแต่ก็นับว่าสายไปเสียแล้ว

    ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมขณะนี้ต่างจัดได้ว่าเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น เพียงชั่วพริบตาที่มิร่าคลายพลังที่ถูกกาเล็ทสั่งให้ปิดบังอำพรางไว้ออกมาก็ถือได้ว่ามากพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนภายในห้องสัมผัสได้ถึงมวลพลังที่มากมายเหลือเชื่อนั้น

    "ฮื๊ออ" เสียงขู่ของมิร่ากลับกลายเป็นเสียงร้องโทนต่ำในทันทีที่กาเล็ทใช้มือตบไปที่ข้างลำตัวของนางเบาๆเพื่อให้นางสงบลง นางร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้เป็นบิดาจึงต้องกระทำเช่นนั้น พร้อมกันกับเสียงร้องน่ารักที่ปล่อยออกมามิร่าก็สับส่ายร่างยันกายลุกขึ้นและตระกุยขาของตนเองเข้ากับร่างของกาเล็ทเพื่อพยายามมุดศรีษะของตนเองขึ้นมาให้พ้นจากโต๊ะไม้

    "นี่ บอกให้อยู่นิ่งๆอย่าได้ซุกซน" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขณะที่ก้มลงจูบศรีษะของมิร่าที่มุดขึ้นมาจากใต้โต๊ะไม้อย่างรักใคร่จากนั้นจึงใช้มืออีกข้างหนึ่งของตนเองรั้งกายของมิร่าให้กลับคืนไปยังใต้โต๊ไม้ดังเดิม "ขออภัยด้วยสร้างความแตกตื่นให้กับทุกท่านแล้ว บุตรสาวของข้านางยังเล็กอยู่จึงซุกซนยากต่อการควบคุมเป็นธรรมดา ขอให้ทุกท่านอย่าได้ถือโทษโกรธนาง"

    มิร่าซึ่งถูกดึงรั้งร่างให้ลงไปนอนอยู่ใต้โต๊ะไม้เช่นเดิมก็ไม่ได้ขัดขืนหากแต่ยินยอมอย่างว่าง่ายแต่ว่าหลังจากที่ได้ยินประโยคที่ผู้เป็นบิดาเอ่ยกล่าวตามมานางถึงกลับอดไม่ได้ที่จะร่ำร้องออกมาเพื่อส่งเสียงประท้วงต่อคำกล่าวว่าของกาเล็ท

    กลับมาที่จักรพรรดิทั้งสามที่อยู่ในห้องประชุมและผู้ติดตาม หากว่าไม่ใช่สัตว์อสูรแปลกประหลาดตัวน้อยเปิดเผยตัวตนออกมาเมื่อครู่พวกตนนั้นถึงกลับแทบจะลืมเลือนไปถึงการมีตัวตนอยู่ของนางไปแล้วด้วยซ้ำ อีกทั้งมวลพลังที่พวกจนตรวจจับสัมผัสได้เมื่อครู่ ไม่ผิดแน่น สัตว์อสูรที่แปลกประหลาดนั่นมีพลังถึงระดับจักรพรรดิแน่นอนยังมีถ้อยคำแปลกประหลาดที่จักรพรรดิหนุ่มใช้เอ่ยเรียกมัน เขายังเอ่ยเรียกสัตว์อสูรตัวนั้นว่าบุตรสาว ที่แท้แล้วนี่มันเกิดเรื่องราวใดขึ้นกันแน่? เพียงปรากฎตัวออกมาวูบเดียวมังกรน้อยก็ทำให้ทั่วทั้งห้องประชุมตื่นตระลึงกันแล้ว

    หลังจากที่ดึงตัวมิร่าให้กลับไปนอนอยู่บนตักของตนเองใต้โต๊ะไม้ตามเดิมแล้วกาเล็ทยังลอบใช้มือข้างหนึ่งของตนเองลูบคลำร่างกายของนางไปมาเพื่อเล่นกับบุตรสาวตัวน้อยและดึงความสนใจของนางไปอีกทางหนึ่งด้วย




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×