ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #22 : ศึกประลองเป็นตาย [รีไรท์2020]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24.24K
      703
      6 พ.ย. 63





         แน่นอนว่าจากหารต่อสู้เมื่อก่อนหน้าทำให้ผู้คนโดยรอบเริ่มหันมาให้ความสนใจอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เมื่อกาเล็ทเอ่ยคำท้าดวลออกไปด้วยเสียงอันดังทุกคนจึงได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำ "ข้ากาเล็ท บุสโซ่ ขอยื่นคำท้าประลองศึกเป็นตายกับผู้นำตระกูลบลูโน รุสโซ่ในอีกสองเดือนให้หลัง ถ้าหากรุสโซ่ บลูโน เก่งกล้าจริงก็โปรดรับคำท้านี้อย่าได้หนีหาย " กาเล็ทเอ่ยกล่าวย้ำอีกครั้ง จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับโจทาน "กลับไปบอกต่อบิดาของเจ้าให้ครบทุกถ้อยคำของข้า" กาเล็ทเอ่ยจบก็โยนร่างของโจดานลงบนพื้นในจุดที่โบกัดนอนหมดสภาพอยู่

         "กาเล็ท! เหตุใดเจ้าถึงได้..ถึงได้วู่วามถึงเพียงนี้" แชลเทียเอ่ยอย่างรู้สึกเป็นห่วงและใจหายในเวลาเดียวกันเพราะสิ่งที่กาเล็ททำนั่นคือการเปิดหน้าชกกับตระกูลบลูโนอย่างไม่อาจถอยหนีได้อีกแล้ว

         "เชื่อมั่นในตัวข้า"  กาเล็ทเอ่ยบอกแค่เพียงเท่านั้น จากนั้นจึงหันมองไปยังโจดานอย่างเย็นชา "หากเจ้ายังกล้างมาข้องแวะทำให้นางรำคาญใจอีก..ครั้งต่อไปข้าจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่สามารถลุกขึ้นมาเดินเหินได้อีกเลย" กาเล็ทเอ่ยข่มขู่โจดานซึ่งตกอยู่ในอาการหวาดผวาไม่อยากจะเชื่อ จะอย่างไรถึงแม้จะถูกเรียกขานว่าเป็นอัจฉริยะแห่งคนรุ่นใหม่ของโรฮาน ทว่าโจดานก็เป็นเพียงเด็กน้อยที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ ทำให้เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ตัวเองไม่คาดคิดมาก่อนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ โจดานจึงสับสนรวนเลและเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา


         ข่าวที่กาเล็ทได้เอ่ยท้าประลองในศึกเป็นตายกับรุสโซ่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วไม่ต่างกับโรคระบาด เพียงไม่กี่วันผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงก็ได้รับรู้และทราบถึงข่าวนี้ 
         
         ถ้าจะถามว่ารุสโซ่ บลูโนนั้นคือใคร? แน่นอนว่าทุกคนในนครหลวงของโรฮานต่างรู้ดี ซึ่งชื่อของรุสโซ่นั้นไม่ว่าจะสูงต่ำในโรฮาน ทั้งในแวดวงของขุนนาง พ่อค้า หรือแม้กระทั่งชนชั้นแรงงานทุกชนชั้นต่างเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง แต่ทว่ากาเล็ท บุสโซ่เล่า? ทั่วทั้งเมืองหลวงจะมีคนรูจักกาเล็ทอยู่สักกี่คน? ดังนั้นเมื่อข่าวลือแพร่กระจายออกไป ผู้คนทั่วทั้งนครหลวงก็ต่างพากันเริ่มสืบค้นถึงข้อมูลของ กาเล็ท บุสโซ่ กันยกใหญ่ ว่าเป็นใครหรือมีที่มาอย่างไรกันแน่ ถึงอาจหาญกล้าท้าทายนักรบผู้ซึ่งยืนอยู่ชั้นแถวหน้าของโรฮานอย่าง รูสโซ่ บลูโน



         ปุก! เสียงของเก้าอี้หินอ่อนซึ่งแตกหักเพราะถูกฝ่ามือของรุสโซ่ตบเข้าใส่ดังขึ้น "เจ้าเด็กน้อยนี่มันถึงกลับกล้าท้าศึกประลองเป็นตายกับข้า!...บัดซบ มันต้องมีผู้หนุนหลังอยู่แน่ หาไม่แล้วมันคงไม่ขวัญกล้าถึงเพียงนี้" รุสโซ่เอ่ยอย่างรู้สึกเจ็บแค้นเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากโจดาน

         "ข้า..ข้าเองก็ไม่คิดว่ามันจะขวัญกล้าถึงเพียงนี้ ท่านพ่อ" โจดานเอ่ย
         
         "พวกเราดูแคลนเจ้าเด็กน้อยนี่เกินไป..มันไม่เพียงขวัญกล้าบังอาจหากแต่ยังมากด้วยความสามารถและชาญฉลาด ท้าประลองกับข้าในอีกสองเดือน? ไม่ว่าจะมองอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงการยื้อเวลา  ต่อให้มันจะสามารถเอาชนะโบกัสได้จริงๆ ข้าไม่เชื่อว่ามันจะกล้าลงมาสู้ศึกประลองเป็นตายกับข้าจริง" รุสโซ่เอ่ย

         "ท่านพ่อ มันกล้าท้าทายท่านพ่ออย่างโจ่งแจ้งถึงเพียงนี้  เหตุใดท่านพ่อไม่ถือเอาโอกาสนี้จัดการกับมันให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป ไม่ว่ามันจะวางแผนยื้อเวลาไปเพื่อสิ่งใด ต่อหน้าความแข็งแกร่งของท่านพ่อ แผนการของมันก็ไร้ความหมาย" โจดานเอ่ย

         รุสโซ่ได้ยินอย่างนั้นก็เกิดความรู้สึกผิดหวังในตัวของโจดานอยู่ไม่น้อย ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รุสโซ่จึงเอ่ย "ต่อให้อยากจะออกไปสังหารมันกับมือเพียงไร ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ข้าคงไม่สามารถที่จะทำได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าที่เบื้องหลังของมันต้องมีผู้ทรงอิทธิพลในเงามืดคอยสนับสนุนอยู่อีก หากต้องการสังหารมันจริงๆก็คงต้องรออีกสองเดือน เมื่อถึงเวลานั้น ในศึกประลองเป็นตาย ต่อให้ข้าสังหารฆ่ามันกับมือก็ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะมาตำหนิว่ากล่าวข้าได้ว่าเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก"

         "ท่านพ่อ..เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันอาจ..มันอาจจะบรรลุพลังในระดับขีดขั้นที่ 9 เหมือนอย่างท่านพ่อแล้ว?" โจดานเอ่ยถามอย่างรู้สึกกล้าๆกลัวๆ  เมื่อถูกฝังประทับความรู้สึกของความพ่ายแพ้และหวาดกลัวลงในจิตใจ ทุกอย่างเกี่ยวกับกาเล็ทก็สามารถที่จะเป็นไปได้ขึ้นมาในความคิดของโจดาน

         "อย่าได้พูดจาเหลวไหล พลังจิตวิญญาณหาใช่สิ่งที่จะสามารถฝึกฝนกันได้ง่ายๆ จากที่เจ้าบอกเล่ามา ข้าคงต้องยอมรับว่าเด็กน้อยแห่งตระกูลบุสโซ่มันคือยอดอัจฉริยะที่ในรอบร้อยปีจะสามารถพบเจอได้สักคน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น การที่มันจะสามารถบรรลุขีดขั้นพลังระดับที่ 9 ได้ตั้งแต่อายุเพียงสิบเจ็ดปีก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่  ในความคิดของข้า อย่างมากมันก็อยู่ระดับเดียวกับโบกัส  ที่มันสามารถเอาชนะโบกัสได้ในไม่กี่กระบวนท่าคงเกิดจากการแปลงคุณสมบัติ" รุสโซ่กล่าวอธิบาย จากนั้นจึงรีบโบกเมื่อเรียกบริวารของตนให้เข้ามารับคำสั่ง "พวกเจ้ารีบไปติดต่อให้สินบนเหล่าขุนนางภายในวังเพื่อขอให้พวกมันลงความเห็นให้เปิดการประลองครั้งนี้ขึ้น" 

         หากถามว่าศึกประลองเป็นตายคืออะไร คำตอบก็คือศึกประลองเป็นตายนั้นคือธรรมเนียมโบราณแรกก่อตั้งของอาณาจักรโรฮาน การประลองศักดิ์สิทธิ์ที่เอาไว้ใช้ตัดสินปัญหาข้อพิพาทที่ไม่อาจเจรจาแก้ไข ซึ่งกว่าที่จะเกิดศึกประลองเป็นตายได้ในแต่ละครั้งนั้นก็ต้องผ่านขั้นตอนอยู่ไม่น้อย ก่อนอื่นผู้ท้าประลองต้องปรกาศต่อสาธารณะชนให้ได้รับรู้ จากนั้นต้องดูว่าผู้ถูกท้ารับคำท้าประลองหรือไม่ เมื่อทั้งสองตกลงใจที่จะตัดสินปัญหาด้วยการประลองแล้ว ทั้งสองก็ต้องส่งเรื่องให้ทางราชวังพิจารณาว่าจะอนุมัติการประลองนี้หรือไม่  ผู้ชนะได้ทุกสิ่ง ส่วนผู้แพ้สูญเสียทุกสิ่ง นั่นคือกฎของศึกประลองเป็นตาย  ทว่าในโรฮานนั้นไม่ได้มีการจัดศึกประลองเป็นตายมาเป็นเวลานานมากแล้ว ดังนั้นจึงทำให้สถานที่จัดเงียบเหงาเปลี่ยวล้างและเหมือนว่าธรรมเนียมเก่าแก่นี้จะถูกยกเลิกไปโดยปริยาย



         

           ---------------------------------------------------------------------------------------------

         "ไม่นึกว่าท่านรุสโซ่จะให้เกียรติเดินทางมาเยี่ยมเยียนตระกูลเรนเดลของข้ากับตัว" ครูโซ่หัวหน้าตระกูลเรนเดลเอ่ยคำทักทายหากแต่บนสีหน้ากลับไม่ปรากฎเค้าลางของความยินดีให้ได้เห็น

         "ข้ามาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการเกี่ยวดองของเราสองตระกูลอีกทั้งยังตั้งใจที่อยากจเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดสักเล็กน้อย" รุสโซ่เอ่ย

         "เรื่องนี้....ไม่ใช่ว่าท่านตกลงที่จะให้เวลาพวกข้าคิดอีกสักหน่อยมิใช่หรือ?" ครูโซ่เอ่ย

         "ข้าไม่ใช่บอกท่านครูโซ่ไว้ก่อนแล้วหรอกหรือว่าทุกอย่างนั้นสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้เสมอ รวมถึงเรื่องของเงื่อนเวลา  การหมั้นจะถูกยกเลิก!" รุสโซ่เอ่ย 

         ถึงแม้ว่าสิ่งที่รุสโซ่เอ่ยบอกออกมาจะเป็นสิ่งที่จนคาดหวังไว้อยู่ตลอด หากแต่ส่วนลึกภายในจิตใจของครูโซ่กลับเกิดความรู้สึกไม่สบายใจอย่างแปลกประหลาดขึ้น และในเสี้ยววิต่อมา ครูโซ่ก็ได้รู้ถึงเหตุผลของความไม่สบายใจนั้น

         "การหมั้นจะถูกเปลี่ยนเป็นงานแต่ซึ่งจะต้องจัดขึ้นในอีกหนึ่งอาทิตย์" รุสโซ่เอ่ยอย่างวางอำนาจ ต่อหน้าตระกูลที่ด้อยกว่าทั้งทางด้านกำลังและฐานะ รุสโซ่ไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงความเกรงอกเกรงใจออกมาให้ได้เห็น

         "แต่นี่.." ในตอนนี้ครูโซ่นั้นเกิดความรู้สึกยากจะเอ่ยกล่าว เนื่องเพราะรู้ดีอยู่แกใจว่าบุตรสาวของตนนั้นรังเกียจโจดานถึงเพียงไร และการส่งบุตรสาวของตนเข้าสู่ประตูวิวาห์กับโจดานก็คงไม่ต่างอะไรกับการส่งนางสู่ประตูนรก

         "ท่านครูโซ่โปรดคิดให้ดี..นี่ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติกับตระกูลเรนเดลของท่านมากแล้ว...ท่านเองก็น่าจะเข้าใจในเหตุผลส่วนนี้ดีกว่าผู้ใด เชื่อหรือไม่ว่าต่อให้โจดานบุตรชายข้าจะใจร้อนด่วนได้ ก็ไม่มีผู้ใดในโรฮานที่จะกล้าว่ากล่าวสิ่งใด?" รุสโซ่เอ่ย

         ความหมายในคำพูดของรุสโซ่คือ "ต่อให้โจดานจะลงมือล่วงเกินแชลเทียบุตรสาวเจ้า ก็ไม่มีใครหน้าไหนในโรฮานกล้าจะปริปากพูดอะไรแน่"  ซึ่งแน่นอนว่าครูโซ่ย่อมรู้ดีและเข้าใจถึงความหมายนั้นยิ่งกว่าใคร

         "ข้าก็ได้แต่หวังว่าท่านครูโซ่จะคิดใครครวญและเลือกทางที่ดีพร้อมให้กับพวกเราสองตระกูล" รุสโซ่เอ่ยจากนั้นจึงหันหลังลุกเดินออกจากตระกูลเรนเดลไป

         หลังจากผู้นำแห่งตระกูลบลูโนประกาศรับคำท้าอย่างเป็นทางการ เมืองหลวงก็เริ่มให้ความสนใจกับศึกนี้มากขึ้นกว่าเดิม แม้แต่ผู้คนภายในวังก็ส่งสายสืบออกมาสืบข่าวเกี่ยวกับ กาเล็ท บุสโซ่ เป็นการใหญ่


          "พวกเจ้ามีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร" ราชาเบรุทซึ่งเป็นราชาของโรฮานเอ่ยถามความเห็นของเหล่าขุนนางภายในห้องประชุมของปราสาทที่ตั้งอยู่ภายในราชสถาน

         "องค์ราชา ข้าได้ส่งคนออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับกาเล็ท บุสโซ่ มาแล้วพะยะค่ะ" ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ย

         "ได้ความว่าอย่างไร?" ราชาเบรุทเอ่ยถาม

          "กาเล็ท บุสโซ่นั้นเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลบุสโซ่ ซึ่งปีนี้มีอายุย่างเข้าสิบเจ็บปี และพึ่งจะสอบเข้าโรงเรียนผู้ฝึกตนได้เมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนด้วยพลังระดับ 4  ถือได้ว่าเป็นเด็กรุ่นหลังที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง" หนึ่งในขุนนางที่เข้าร่วมประชุมเอ่ยบอก

         ท่าทางของราชาเบรุทเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่ากาเล็ทเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลบุสโซ่ ชั่ววินานีหนึ่ง ห้วงความคิดของราชาเบรุทก็หวนคิดกลับไปถึงเงาร่างสายหนึ่ง "กาลาน" หลังจากนึกคิดถึงกาลาน ใบหน้าของราชาเบรุทก็เกิดเค้าลางของความรู้สึกผิดออกมาวูบหนึ่งให้ได้เห็น "ข้าว่าคงเป็นเพียงการตัดสินใจที่ขาดสติของเด็กน้อยที่ไม่ประมาณตน จะอย่างไรก็เป็นเพียงแค่เด็กไม่รู้จักโต ข้าคิดว่าพวกเราไม่ควรที่จะทำให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้ คำขอนี้ไม่ควรที่จะอนุมัติ" ราชาเบรุทเอ่ย

         "องค์ราชา พวกข้ากับไม่คิดเช่นนั้น" ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยค้านขึ้นทันทีทีหลังจากราชาเบรุทกล่าวจบ

         "ข้าก็เช่นกัน เด็กน้อยผู้หนึ่งกลับกล้าเอ่ยเช่นนี้ต่อหน้าสาธารณะจนเป็นเหตุให้ตระกูลบลูโนเสื่อมเสียหน้า ดูผิวเผินแล้วอาจดูเหมือนไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อันใด หากแต่ถ้าเราคืนล่มการประลองนี้ไปและไม่ยอมให้ตระกูลบลูโนระบายความคับแค้นออกบ้าง ก็ยากจะรับประกันได้ว่าตระกูลบลูโนจะไม่ก่อคลื่นลมจนเป็นเหตุให้โรฮานเกิดปั่นป่วนขึ้นได้ ข้าคิดว่าในตอนนี้องค์ราชาต้องเลือกระหว่างเด็กน้อยนั่นกับตระกูลบลูโนแล้วพะยะค่ะ" เหล่าขุนนางต่างพากันผงกศีรษะอย่างเห็นด้วยเมื่อคนผู้นี้เอ่ยจบลง

         ราชาเบรุทมีท่าทีรีรอลังเลอยู่ขั่วครู่หนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยอย่างเลยตามเลย "เช่นนั้นก็เอาตามที่พวกท่านเห็นสมควรเถอะ" จากนั้นจึงถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกผิด



    รีไรท์2020



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×