ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #217 : ความแหลมคมที่ถูกลดทอนลง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.55K
      554
      16 มิ.ย. 61

    เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆหลังจากที่ทั้งซิลเวีย แชลเทียและเบลล่าได้อธิบายเงื่อนไขในการซื้อพันธบัตรแต่ละชนิดให้แก่เหล่าพ่อค้าและขุนนางแล้วทั้งสามก็ได้คำตอบรับจากเหล่าขุนนางว่าจะซื้อพันธบัตรมาเป็นจำนวนมาก นับแต่เพียงเหล่าพ่อค้าและขุนนางใหญ่ที่มาในวันนี้ก็ได้คำสั่งซื้อพันธบัตรรวมกันกว่าล้านเหรียญทองแล้ว

    "นึกไม่ถึงเลยว่าจะหาเงินจำนวนมากได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ล้านเหรียญทองนี่นับว่าเยอะกว่างบมาณทางส่วนกลางของโรฮานตลอดทั้งปีเลยใช่หรือไม่ท่านพี่" ซิลเวียเอ่ย

    "จะอย่างไรเงินพวกนี้ก็หาได้มาอย่างเปล่าๆยังคงต้องใช้กลับคืนให้แก่ผู้ถือพันธบัตร หนำซ้ำยังต้องให้กลับคืนให้มากกว่าจำนวนที่ได้มาเสียอีก ข้าล่ะหวั่นใจนักว่าพวกเราจะไม่สามารถหาเงินจำนวนนี้มาใช้ให้แก่ผู้ถือพันธบัตรได้" แชลเทียเอ่ย

    "น้องแชลเทียอย่าได้หวั่นใจไป จากการที่ข้าได้ศึกษาแนวทางที่กาเล็ทวางไว้มาอย่างละเอียด เงินที่ลงทุนไปนี้จะได้กลับคืนมาอย่างรวดเร็วแน่นอนอีกทั้งข้ายังคิดว่าสามารถได้เงินที่จะลงทุนไปกลับคืนมารวดเร็วกว่าระยะเวลาตามที่ระบุในสัญญาหลายเท่าอีกด้วย" เบลล่าเอ่ยอย่างไม่หนักใจขณะที่ตรวจทานรายชื่อของเหล่าขุนนางและพ่อค้าที่แสดงความประสงค์จะซื่อพันธบัตร

    "จริงหรือท่านพี่เบลล่า" แชลเทียเอ่ยถามอย่างตื่นเต้นสนใจ

    "แน่นอน ทั้งหมดนี้ย่อมเกิดจากระบบการเก็บภาษีแบบใหม่ที่จะนำมาบังคับใช้ในโรฮาน พวกเจ้าคิดว่าเงินที่พวกเราจ่ายออกจะไปอยู่ที่ใดกัน?" เบลล่าเอ่ยสองสาวพอเอ่ยมาถึงช่วงท้ายนางก็เอ่ยคำถามออกมาให้ผู้น้องทั้งสองได้คิด

    "ส่วนหนึ่งก็ย่อมจ่ายออกไปเป็นค่าแรงให้แก่ผู้คนที่จ้างมามากมาย อีกส่วนก็ค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ในการประดิษก่อสร้าง ยังมีค่าสวัสดิการพื้นฐานสำหรับแรงงานอีก" ซิลเวียยกมือเรียวงามข้างหนึ่งขึ้นมาพร้อมทั้งชี้ไปที่ศรีษะของตนเองอย่างครุ่นคิดขณะที่เอ่ยตอบผู้เป็นพี่สาวของตนเอง

    เบลล่าได้ฟังคำตอบของผู้เป็นน้องสาวก็ยิ้มออกมา "ล้วนเป็นดั่งที่เจ้าว่า เช่นนี้เงินที่ตระกูลบุสโซ่และส่วนกลางจ่ายออกไปย่อมไม่ได้หายไปไหน เมื่อเงินตกไปอยู่ในมือของแรงงานและเหล่าพ่อค้ารายย่อยสุดท้ายแล้วบุคคลเหล่านี้ก็จะนำเงินที่หาได้มาไปใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจต่อไปเป็นทอดๆ เมื่อเป็นเช่นนี้ด้วยระบบการเก็บภาษีแบบไหม่ที่เรียกว่าภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วเงินที่คนเหล่านี้ได้ไปและจับจ่ายใช้ออกก็จะกลับเข้ามาสู่ส่วนกลางทีละน้อย ยิ่งคนพวกนี้จับจ่ายใช้สอยเป็นทอดๆต่อไปมากเท่าใดภาษีที่ได้กลับมาก็จะมากขึ้นตามด้วยเท่านั้น ไม่เพียงแต่ตัวเงินที่จะได้กลับมาแล้วยังมีผลพลอยได้อีกมากมายยกตัวอย่างเช่นระบบเศรษฐกิจของโรฮานที่จะคึกคักขึ้น คนว่างงานก็จะน้อยลง เงินทองก็จะได้กระจายไปสู่ชาวบ้านร้านถิ่นอย่างทั่วถึง" เบลล่าเอ่ยกล่าวอธิบายให้ทั้งสองสาวผู้น้องฟังอย่างเป็นจริงเป็นจัง ขณะที่เอ่ยกล่าวอธิบายสายตาของนางก็ทอแววเทิดทูนบูชาออกมา

    "แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนักแต่ว่าทั้งหมดนี้ท่านพี่คิดขึ้นมาเองหรือ?" ซิลเวียเอ่ย

    "จะเป็นข้าคิดขึ้นมาได้อย่างไร มิใช่บอกกล่าวแล้วหรือว่าที่กล่าวมานี้เป็นแนวทางที่กาเล็ทวางไว้แต่แรก" เบลล่าหัวเราะคิกออกมาพร้อมทั้งเอ่ยบอกแก่ผู้เป็นน้องสาว "นึกไม่ถึงเลยว่า.อืม สิ่งที่เขาบอกไว้จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้"

    "เขานั้นทำตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้เสมอ" แชลเทียที่เข้าใจหลักการต่างๆของระบบที่เบลล่าเอ่ยบอกได้ดีกว่าซิลเวียเอ่ยออกมา นางเองก็เกิดความรู้สึกยกย่องเทิดทูนชายคนรักขึ้นมาเฉกเช่นเดียวกับเบลล่า แต่ทว่าไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดจู่ๆพวกนางทั้งสามกลับหน้าขึ้นสีพร้อมทั้งแสดงออกถึงความเอียงอายออกมาหลังจากที่แชลเทียเอ่ยประโยคที่ว่ากาเล็ทมักจะกระทำตามสัญญาเสมอออกมา

    หลังจากที่เหล่าขุนนางและพ่อค้าแล้วเสร็จจากการจองพันธบัตรแล้วก็กลับมานั่งรอฟังเรื่องสำคัญเรื่องที่สองจากผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักร

    "เอาล่ะเมื่อกลับมาพร้อมหน้าแล้วข้าก็จะขอเอ่ยเกี่ยวกับเรื่องสำคัญประการที่สองที่จะขอความร่วมมือจากทุกท่าน" เทลเล่อเอ่ยกล่าวขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มกลับมาจนเกือบจะครบตามที่นั่งแล้ว "เรื่องต่อไปนั้นจะแยกเป็นสองส่วนคือสำหรับเหล่าท่านผู้นำตระกูลใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ฝึกพลังที่มีระดับพลังสูงข้าอยากจะขอความร่วมมือและกำลังพลจากตระกูลของพวกท่านรวมทั้งตัวท่านเองด้วย เพื่อที่จะระดมพลเข้าไปล่าสัตว์อสูรภายในหุบเขาอสูรฟ้า" เทลเล่อเอ่ย

    ได้ยินเช่นนั้นเหล่าหัวหน้าตระกูลใหญ่ก็ม่านตาขยายกว้างด้วยความตกอกตกใจ "ห..หุบเขาอสูรฟ้าหรือขอรับท่านผู้พิทักษ์" ผู้นำของตระกูลเซบเทนเอ่ยถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองพึ่งจะได้ยิน
    "เป็นเช่นนั้น ท่านได้ยินไม่ผิดหรอก" เทลเล่อเอ่ยย้ำเตือนให้ทุกผู้คนภายในห้องได้ยินอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันฟังไม่ผิด

    "ห.หุบเขาอสูรฟ้ามิใช่เป็นสถานที่ซึ่งอันตรายสุดจะหยั่งหรือขอรับท่านผู้พิทักษ์ เช่นนี้หากว่าพวกเราระดมผู้คนเข้าสู่หุบหากว่าต้องพบเจอกับสัตว์อสูรที่ดุร้ายจะทำเช่นไรขอรับท่านผู้พิทักษ์" หัวหน้าตระกูลเซบเทนยังคงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความรู้สึกหวาดหวั่นที่มีเมื่อเอ่ยกล่าวถึงหุบเขาอสูรฟ้าซึ่งแทบจะเป็นสาเหตุให้โรฮานต้องสิ้นชาติไปเมื่อสิบปีก่อน

    เทลเล่อซึ่งสัมผัสได้ถึงความขลาดเขลาในน้ำเสียงของหัวหน้าตระกูลเซบเทนก็แอบถอนใจออกมา มันผู้นี้มิใช่เป็นผู้มีพลังระดับที่ 8 หรอกหรือ? ตระกูลเซบเทนเองก็ถือได้ว่าเป็นตระกูลเก่าแก่ของโรฮานตระกูลหนึ่งหากว่าตนเองจดจำไม่ผิดพลาดมันผู้นี้ยังนับได้ว่าเป็นผู้ร่วมบุกเบิกก่อร่างสร้างโรฮานร่วมกับปฐมกษัตริย์แห่งโรฮานบิดาของราชเบรุทมิใช่หรือ ไม่ทราบว่าในยามนี้ความองอาจหาญกล้าเมื่อกาลก่อนของเจ้าผู้นี้หนีหายไปอยู่ที่ใดแล้ว?

    "บอกต่อพวกท่านตามตรง พวกเราอาจจะต้องเข้าสู่ภาวะสงครามได้ทุกเมื่อ การออกล่าสัตว์อสูรในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะนำเอาแก่นจิตวิญญาณของพวกมันมาสร้างเป็นอุปกรณ์ป้องกันเมือง" เทลเล่อเอ่ยบอกข้อมูลออกมาหลังจากที่แอบถอนหายใจต่อความขลาดเขลาของหัวหน้าตระกูลต่างๆที่แสดงออกมาให้ได้เห็น

    "ส.สงคราม" หลังจากเทลเล่อเอ่ยจบทั่วทั้งห้องก็ดูเหมือนว่าจะเกิดความโกลาหลขึ้นมาทันใด ทุกผู้คนต่างพากันอุทานออกมาด้วยสีหน้าแตกตื่นลนลาน

    "สงครามกับผู้ใดขอรับท่านผู้พิทักษ์" ขุนนางผู้หนึ่งเอ่ยถามออกมา

    "พวกเจ้าเองก็น่าจะพอได้ข่าวมาบ้างแล้วว่าตอนนี้โรฮานเรานั้นกลับกลายมาเป็นจุดศูนย์กลางของทวีปตะวันออกไปแล้ว แว่นแคว้นอาณาจักรต่างๆภายในทวีปตะวันออกต่างก็พากันดาหน้าเข้ามาแสดงความอ่อนน้อมต่อโรฮานเราดังนั้นเราจึงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าบัดนี้พวกเราคือผู้ปกครองทวีปตะวันออกแห่งนี้แทนที่จักรพรรดิแดงไปแล้วทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เกิดขึ้นจากความสามารถของดยุคบุสโซ่ทั้งสิ้น การขึ้นเป็นผู้ปกครองแห่งทวีปนั้นได้ทำให้โรฮานได้ผลประโยชน์มากมายแต่ทว่าผลประโยชน์พวกนั้นก็มาพร้อมกับความเสี่ยง หลังจากได้สืบค้นข้อมูลต่างๆจากที่ชาวไอออนส่งมาทำให้ได้รู้ว่าแต่ละทวีปนั้นได้มีข้อตกลงร่วมกันเพื่อสงบศึกกันอยู่ทว่าเนื่องจากการผลัดเปลี่ยนผู้ปกครองของทวีปตะวันออกเราก็อาจจะทำให้ผู้ที่รอหาช่องถือเอาโอกาสนี้ฉกฉวยเปิดสงครามขึ้นได้ทุกเมื่อ" เทลเล่อเอ่ยกล่าวบอกใบ้

    "เช่นนี้ก็หมายความว่าสงครามก็อาจจะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ขอรับท่านผู้พิทักษ์" หัวหน้าตระกูลใหญ่อีกผู้หนึ่งถือโอกาสเอ่ยถาม

    ท่าทีซึ่งเหล่าชนชั้นนำของโรฮานแสดงออกมาให้ได้เห็นยิ่งทำให้เทลเล่อรู้สึกเศร้าหดหู่ยิ่งขึ้น "ความสุขสบายที่ยาวนานกลับทำให้พวกมันเสื่อมทรามลงได้ถึงเพียงนี้?" เทลเล่อได้แต่แอบตั้งคำถามกับตนเองลึกๆในใจ หัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ฝึกฝนพลังที่มีพลังอยู่ในระดับสูงทั้งสิ้น สำหรับพวกที่ยังไม่เคยเข้าสู่สมรภูมิยังพอทำเนาหากแต่ตระกูลเก่าแก่ที่เคยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับปฐมกษัตริย์แห่งโรฮานมาสมควรที่จะเป็นนักรบชาญศึกและเป็นขุมกำลังให้แก่บ้านเมืองได้ การที่หัวหน้าตระกูลเก่าแก่เหล่านี้แสดงความขลาดเขลาออกมาให้ได้เห็นเป็นสิ่งที่เทลเล่อนั้นทนทานรับไว้แทบไม่ได้

    "สงครามยังไม่มาถึงพวกท่านกลับแสดงความขลาดเขลาออกมาให้ได้เห็นแล้ว หากว่าศัตรูกรีฑาทัพมาอยู่ต่อหน้าพวกท่านมิใช่จะประเคนชาติบ้านเมืองให้แก่มันโดยไม่สู้รบเลยหรือ" เทลเล่อซึ่งอยู่ๆก็เกิดอารมณ์เกรี้ยวกราดขึ้นมาตบโต๊ะตวาดลั่นให่เหล่าชนชั้นนำของโรฮาน เมื่อสถานการกลับกลายเป็นเช่นนี้ไปแม้แต่เหล่าพ่อค้าซึ่งอยู่ด้านหลังที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยยังสะดุ้งโยงขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหน็บหนาวในหัวใจ

    "ท่าน ท่าน ท่าน หากข้าจำไม่ผิดตระกูลของพวกท่านเองก็มีคุณูปการต่อชาติบ้านเมืองมาไม่น้อยกว่าสี่ตระกูลใหญ่ด้วยซ้ำ เมื่อก่อนพวกท่านต่างห้าวหาญควงดาบทวนเข้าสู่สมรภูมิรบเพื่อฟ่าฟันร่วมก่อร่างสร้างอาณาจักรขึ้น ไฉนบัดนี้แม้แต่พวกท่านก็กลับกลายเป็นขลาดเขลาแสดงหวาดกลัวต่อศึกที่ยังไม่มาถึงได้ถึงเพียงนี้" เทลเล่อลุกขึ้นชี้หน้าด่าเรียงตัวอย่างไม่ไว้หน้า

    "ท..ท่านผู้พิทักษ์ ท่านผู้พิทักษได้โปรดสงบอารมณ์ไว้ พ..พวกข้าเพียงแต่" กล่าวแก้ตัวยังไม่ทันจบเทลเล่อก็หันขวับไปตลาดลั่น "เพียงแต่อะไร" ถูกตวาดเข้าใส่โดยผู้พิทักษ์แห่งโรฮาน เหล่าขุนนางได้แต่เงียบกริบก้มหน้าลง

    "ท่านผู้พิทักษ์โปรดสงบอารมณ์ลงก่อนแม้แต่อาวุธที่ถูกหล่อหลอมขึ้นจากเหล็กนั้นหากว่าขาดซึ่งการบำรุ่งรักษาไปความแหลมคมของพวกมันก็ย่อมถูกลดทอนลงไปบ้าง ผู้คนเองก็คงไม่ต่างกันกระมังท่านผู้พิทักษ์ ด้วยพระปรีชาสามารถของปฐมกษัตริย์แห่งโรฮานเราทำให้โรฮานสุขสงบมาอย่างยาวนานเหตุนี้ย่อมทำให้เหล่าขุนศึกของโรฮานเราย่อมต้องมีฝีมือที่ลดทอนลงไปบ้างตามกาลเวลา" ครูโซ่ถือโอกาสกล่าวถ้อยคำเพื่อช่วยคลายวงล้อมให้แก่เหล่าขุนนางของโรฮานจากความพิโรธของเทลเล่อ

    หลังจากที่ครูโซ่กล่าวจบ เหล่าหัวหน้าตระกูลใหญ่ต่างพากันผงกหัวอย่างเห็นด้วยพร้อมทั้งร่วมกันเอ่ยกล่าว "ป.เป็นเช่นั้น เป็นเช่นนั้นขอรับท่านผู้พิทักษ์"

    มีหรือที่เทลเล่อจะกล้าไม่ไว้หน้าแก่ครูโซ่ "อาจบางทีเป็นเช่นนั้น ท่านครูโซ่กล่าวได้ถูกต้องข้าเองก็มีอารมณ์พลุ่งพล่านดุดันไปบ้างต้องขออภัยต่อท่านครูโซ่ด้วย" เทลเล่อกลับเอ่ยกล่าวขออภัยแต่เพียงครูโซ่เพียงผู้เดียวจากนั้นจึงหันกลับไปหาเหล่าขุนนางที่ "นับจากวันพรุ่งนี้ให้พวกท่านหัวหน้าตระกูลใหญ่ระดมไพร่พลภายใต้สังกัดของตนเองออกมาและมารายงานตัวต่อส่วนกลาง ต่อจากนี้พวกท่านต้องเข้าร่วมฝึกซ้อมภาคสนามอย่างไม่ว่างเว้น ตระกูลใดไม่ให้ความร่วมมือถือว่าเป็นกบฎต่อแผ่นดินต้องได้รับโทษทัณฑ์ไม่ต่างจากตระกูลเกรย์" เทลเล่อเอ่ยกล่าวอย่างดุดัน แววตาที่เอ่ยกล่าวก็แสดงออกมาให้ได้เห็นถึงการที่จะกระทำตามสิ่งที่ตนได้ลั่นปากไป

    "ข..ขอรับท่านผู้พิทักษ์พวกข้าเข้าใจแล้ว" เหล่าขุนนางที่ถูกพลังอำนาจของเทลเล่อสะกดไว้เอ่ยกล่าวอย่างขลาดเขลาหากแต่ครั้งนี้หาได้ขลาดเขลาต่อการสงครามแต่กลับเป็นขลาดเขลาต่อผู้พิทักษ์แห่งโรฮาน

    "มิน่าเล่ากาเล็ทจึงไม่ได้เอ่ยกล่าวว่าจะนำผู้คนเหล่านี้มาใช้สอย พวกมันต่างแหลกเหลวดั่งเช่นเต้าหู้ที่เปื่อยยุ่ยช่างใช้ไม่ได้นัก" เทลเล่อแอบถอนหายใจออกมาอีกคราจากนั้นจึงเอ่ยกับเหล่าพ่อค้า "สำหรับกับพวกท่านเหล่าพ่อค้าก็มีหน้าที่ของพวกท่าน ข้าใคร่ขอความร่วมมือจากพวกท่านว่านับจากนี้ไปให้กว้านซื้อผลึกแก่นจิตวิญญาณตามท้องตลาดมาให้มากเท่าที่จะมากได้ ทางส่วนกลางเราจะรับซื้อไว้เองทั้งหมด เรื่องนี้คงต้องรบกวนพวกท่านแล้ว"

    "ขอรับท่านผู้พิทักษ์ สมาคมพ่อค้าแห่งโรฮานเราจะไม่ทำให้ท่านผู้พิทักษ์ผิดหวัง" ตัวแทนของเหล่าพ่อค้าเอ่ยกล่าวอย่างว่าง่ายโดยไม่กล้าที่จะเอ่ยถามให้มากความอีก

    การประชุมหารือที่เปิดฉากขึ้นด้วยบรรยากาศเป็นมิตรกลับจบลงในลักษณะนี้ไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×