ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #212 : ความกลัว

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.29K
      478
      4 มิ.ย. 61

    "ท่านอาจารย์จะเป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเราจะหาแก่นจิตวิญญาณของสัตว์อสูรจำนวนมากในช่วงเวลาอันสั้น" กาเล็ทที่กำลังนั่งปรึกษาหารือกับเทลเล่อเอ่ยถามขึ้น

    "เป็นไรหรือ? เหตุใดอยู่ๆจึงต้องการแก่นจิตวิญญาณสัตว์อสูรมากมายขึ้นมาได้" เทลเล่อที่กำลังช่วยกาเล็ทตรวจดูเอกสารจากไอออนเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถาม

    "ข้าอยากสร้างค่ายกลม่านพลัง" กาเล็ทเอ่ยตอบ

    "ค่ายกลม่านพลัง?" เทลเล่อเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    "เพื่อที่จะเตรียมรับสิ่งไม่คาดฝันซึ่งอาจจะเกิดขึ้นท่านอาจารย์ ข้ามานึกคิดดูแล้ว ไม่ว่าพวกเราจะรีบเร่งฝึกฝนผู้คนถึงเพียงไรก็คงยากที่จะเทียบเคียงกับทวีปอื่นๆได้หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าหากเกิดสงครามขึ้นจริงๆคงต้องมีผู้คนมากมายหลายชีวิตต้องรับเคาระห์กรรมจากภัยสงครามแล้ว" กาเล็ทเอ่ย

    "แล้วเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องอย่างไรกับค่ายกลม่านพลังที่เจ้าเอ่ยถึง? ที่ต้องการแก่นจิตวิญญาณจำนวนมากก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย?" เทลเล่อยังคงเอ่ยถาม

    "ท่านอาจารย์ยังจำเมื่อครั้งที่จักรพรรดิแดงบุกมาได้หรือไม่ ครั้งนั้นที่ท่านอาจารย์บอกว่าสี่เทพผู้คุ้มครองของจักรพรรดิแดงใช้วิชาม่านพลังประหลาดเพื่อที่จะกักขังบีบอัดเข้ากดดันใส่มิร่าน้อย" กาเล็ทเอ่ยอย่างหวนนึก

    "อืมเหตุใดจะจำไม่ได้ เป็นข้าเองที่ลอบเข้าไปจู่โจมใส่หนึ่งในพวกมันจนเป็นเหตุให้การร่วมมือของพวกมันครืนลงอย่างไม่เป็นท่า" เอ่ยถึงจุดนี้ดวงตาของเทลเล่อก็กระจ่างวูบขึ้น "หรือว่าเจ้าคิด..."

    "ใช่แล้วขอรับท่านอาจารย์ข้าคิดว่าสามารถนำวิชาม่านพลังของพวกมันทั้งสี่มาประยุกข์ใช้เพื่อเป็นปราการป้องกันเมืองของพวกเราได้" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    "แก่นจิตวิญญาณที่ต้องการมากมายก็เพื่อสร้างค่ายกลม่านพลังนี้เองใช่หรือไม่" เอ่ยถามจบเทลเล่อก็ไม่รอคำตอบและได้แต่ถอนหายใจออกมาจากนั้นจึงกล่าวต่อไป "ข้าไม่อาจคาดเดาได้ว่าเจ้าจะใช้วิธีใดหากแต่ว่าคงจำเป็นต้องใช้แก่นจิตวิญญาณเป็นจำนวนมากเช่นนี้แล้วโรฮานเราจะมีเพียงพอได้อย่างไร"

    กาเล็ทได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา "เป็นไปไม่ได้จริงๆหรือท่านอาจารย์ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรค่ายกลม่านพลังนี้ก็เป็นสิ่งจำเป็น" กาเล็ทเอ่ย

    "ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้ หากว่ารวบรวมแก่นจิตวิญญาณจากทั่วทั้งทวีปตะวันออกก็อาจจะเป็นไปได้ว่าแต่เจ้าต้องการมากน้อยเท่าใด" เทลเล่อเอ่ยถาม

    "หากว่าเป็นแก่นจิตวิญญาณระดับที่ 7 ก็ต้องการใช้กว่าหนึ่งพันก้อนครับท่านอาจารย์" กาเล็ทเอ่ย

    ได้ฟังถึงจำนวนที่ต้องการใช้เทลเล่อก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา ต้องดูว่าแก่นจิตวิญญาณของสัตว์อสูรระดับที่ 7 หาใช่เป็นสิ่งที่สามารถหาได้ง่ายๆ การจะล้มสัตว์อสูรระดับที่ 7 ได้จำเป็นต้องเป็นผู้มีพลังระดับที่ 8 หรือระดับที่ 9 ขึ้นไป ซึ่งผู้คนที่มีระดับพลังสูงเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ต่างกินตำแหน่งสูงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่จัดได้ว่าสุขสบายแล้วเกือบทั้งสิ้นพวกเขาย่อมไม่พาตัวไปเสี่ยงอันตรายในที่ซึ่งสัตว์อสูรระดับสูงอาศัยอยู่ ยังมีผู้เป็นศิษย์ของตนเองยังต้องการใช้มากมายถึงหนึ่งพันก้อน "เหตุใดจึงได้เป็นจำนวนมากมายถึงเพียงนั้น"

    "ท่านอาจารย์ยังจดจำเกี่ยวกับวิชาลับของจักรพรรดิแดงที่ข้าบอกกล่าวได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยตอบด้วยคำถาม

    "แก่นจิตวิญญาณปลอมอะไรนั่นน่ะหรือ"

    "ใช่ครับท่านอาจารย์ ค่ายกลม่านพลังนี้จะนำหลักการวิชาม่านพลังและหลักการของแก่นจิตวิญญาณเทียมของจักรพรรดิแดงมาประยุกข์ใช้ประกอบเข้าด้วยกันและการจะดูแลครอบคลุมมันจำเป็นต้องมีผู้ควบคุมดูแลจำนวนมากคอยถ่ายพลังให้ หากข้าคำนวนไว้ไม่ผิดถ้ามีผู้คอยควบคุมถ่ายพลังให้อย่างมากพอแล้วล่ะก็ค่ายกลม่านพลังนี้สามารถที่จะป้องกันการโหมกระหน่ำจู่โจมของผู้มีพลังระดับจักรพรรดิได้นานพอสมควรเลย" กาเล็ทเอ่ย

    ได้ฟังเช่นนั้นเทลเล่อก็หลับตาลงขบคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงลืมตาขึ้นมาจ้องมองไปที่ผู้เป็นศิษย์ด้วยสายตาจริงจัง "จำเป็นที่จะต้องเตรียมการไว้ถึงเพียงนี้หรือ?"

    ได้ยินคำถามนี้กาเล็ทก็ถอนหายใจออกมาอีกเที่ยวหนึ่ง "ข้าก็ไม่มั่นใจนักท่านอาจารย์อาจบางทีตัวข้านั้นคิดมากไปเอง แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดเมื่อข้าอ่านรายงานเรื่องราวจากไอออนแล้วทำให้ข้าคิดว่าทวีปกลางยังคงคิดอ่านวางแผนที่จะเข้าปกครองทั่วทั้งดินแดนยูยานอยู่"

    "เพียงเพราะแค่เรื่องการส่งบรรณาการหรือที่ทำให้เจ้าเกิดความรู้สึกกังวลขึ้น" เทลเล่อยังคงเอ่ยถาม

    "ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าผู้คนที่มักใหญ่ใฝ่สูงและมีจิตใจทะเยอทะยานผู้หนึ่งอยู่ๆจนึกคิดะล้มเลิกความคิดฝันของตนเองแต่กลางคันหรือ? จากประสบการณ์ของข้าที่เคยพบเจอมาล้วนไม่เป็นเช่นนั้น ดูอย่างตระกูลเจอริโก้เป็นตัวอย่างที่แม้จะต้องอดทนรอกว่าสิบปีก็ยังคงไม่ทิ้งความทะเยอทะยานของตนเองไป" กาเล็ทเอ่ย

    เทลเล่อซึ่งได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ทก็หวนคิด "ล้วนเป็นเช่นนั้น" เอ่ยกล่าวแสดงความเห็นด้วยเสร็จเทลเล่อก็ถอนหายใจออกมา "ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางซะทีเดียว ที่ไม่มีแก่นจิตวิญญาณของสัตว์อสูรมากนักนั้นไม่ใช่เพราะว่าสัตว์อสูรระดับสูงนั้นหายากหากแต่เป็นเพราะไม่มีผู้ที่จะยินยอมเสี่ยงชีวิตออกล่าเอาแก่นจิตวิญญาณของพวกมันมากนัก เช่นนี้หากว่าพวกเรารวบรวมผู้คนซึ่งมีความสามารถและกระจายกันแบ่งหน้าที่ออกล่าสัตว์อสูรเพื่อช่วงชิงเอาแก่นจิตวิญญาณของพวกมันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมแก่นจิตวิญญาณตามที่เจ้าต้องการหากแต่วิธีนี้ออกจะ..." เทลเล่อเอ่ยกล่าวมาถึงจุดนี้ก็กล้ำกลืนไว้ไม่เอ่ยต่อ

    "ข้าทราบดีถึงความลำบากใจของท่านอาจารย์ เอาเช่นนี้เถอะเรื่องนี้ให้ข้าเป็นผู้แบกรับไว้เอง บาปแห่งการล่าล้างสังหารนี้ข้าขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    ได้ยินคำกล่าวของกาเล็ทเทลเล่อก็เหลือบมองไปที่ผู้เป็นศิษย์วูบหนึ่งจากนั้นเหมือนว่าเทลเล่อจะสามารถตัดสินใจบางอย่างได้ "ให้ข้าร่วมแบกรับไปกับเจ้าเถอะ เจ้ายังมีภาระอีกมาก หลังจากที่ข้าสามารถที่จะทะลวงเข้าสู่ขีดขั้นระดับจักรพรรดิแล้วข้าจะรวบรวมผู้คนมุ่งตรงเข้าสู่ส่วนลึกของป่าอสูรฟ้าเพื่อออกล่าสัตว์อสูรเอง ขอให้เจ้าตั้งสมาธิอยู่กับการฝึกฝนของตนเองและผู้คนสำหรับใช้ควบคุมค่ายกลเถอะ" เทลเล่อเอ่ย

    กาเล็ทได้ฟังคำกล่าวของเทลเล่อก็ได้แต่มองไปที่ผู้เป็นอาจารย์อย่างซาบซึ่งใจ



    "มาร์ตินข้าจำได้ว่ารายชื่อที่พวกเราส่งให้แก่เจ้าในตอนแรกมีน้อยกว่านี้มิใช่หรือ เหตุใดจึงมีรายชื่อของผู้ที่ถูกตัดออกเพิ่มเติมเข้ามามากถึงเพียงนี้ได้" โรสเอ่ยถามขึ้นขณะที่อ่านดูเอกสารแผ่นหนึ่ง

    "เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เจ้าก็รู้ว่าความลับเกี่ยวกับที่แห่งนั้นไม่สามารถให้ผู้ที่ไม่น่าไว้วางใจล่วงรู้ได้" เจฟเอ่ยเสริม

    "ข้าทราบดีแต่จะให้ทำเช่นไรเล่าก็เป็นนายน้อยเองที่บอกกล่าวให้คัดเลือกผู้คนให้ได้จำนวนมากขึ้นอีกกว่าเท่าตัว" มาร์ยินยกมือขึ้นเกาหัวเอ่ยกล่าวอย่างช่วยไม่ได้

    "เป็นคำสั่งของนายน้อยหรือ? ช..เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงไม่นำเรื่องนี้มาบอกกล่าวแก่พวกข้า พวกเราจะได้ช่วยเจ้าคัดเลือกผู้คนให้ถ้วนถี่กว่านี้" เรน่าเอ่ย

    "ก็ข้าเห็นว่าพวกเจ้ามีการงานรัดตัวเลยไม่อยากจะรบกวน" มาร์ตินเอ่ย

    เดินพูดคุยกันมาได้สักพักทั้งสี่ก็ก้าวเดินออกมาถึงลานฝึก ที่มีทหารของตระกูลบุสโซ่กว่าร้อยนายยืนเข้าแถวเรียงรายรออยู่อย่างเป็นระเบียบ ทหารเหล่านี้ต่างเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกมาเป็นพิเศษว่าเป็นผู้มีความประพฤติดีวางตนดี

    "เจ้าเอ่ยกล่าวบอกตัวพวกเขาเถอะ" ทั้งสามหันไปเอ่ยบอกมอบหน้าที่ให้แก่โรส

    โรสได้ยินดังนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกไปยังหน้าแถวทหาร "พวกเจ้าทั้งหมดที่ถูกเรียกมาในวันนี้ทราบหรือไม่ว่าด้วยเรื่องอันใด?"

    ได้ยินคำเอ่ยถามของโรสทหารกว่าร้อยคนที่ยืนเข้าแถวเรียงรายอยู่ยังคงไม่ตอบคำ

    โรสเห็นเช่นนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่ได้สั่งให้พัก "พักแถวได้" โรสเอ่ยสั่ง

    "ที่เรียกพวกเจ้ามาในวันนี้เพราะพวกเจ้านั้นผ่านการคัดเลือกให้เข้าโครงการเพื่อรับการฝึกพิเศษจากนายน้อย" โรสเอ่ย

    หลังจากที่โรสเอ่ยกล่าวจบลงก็มีเสียงพูดคุยดังขึ้นในหมู่ทหารจากนั้นไม่นานก็มีผู้ยกมือขึ้นเอ่ยถาม "ห..หัวหน้าโรส โครงการฝึกพิเศษที่หัวหน้าโรสเอ่ยถึงนี้ใช่คล้ายคลึงกับการฝึกฝนที่หัวหน้าเคยเอ่ยเล่าให้แก่พวกข้าฟังหรือไม่"

    โรสที่ได้ยินคำถามของทหารนายหนึ่งก็หยุดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงผงกหัวพร้อมทั้งเอ่ยตอบไป "ประมาณนั้น หากยินยอมที่จะเข้าร่วมโคงการฝึกฝนนี้พวกเจ้าจะต้องเข้ารับการฝึกหนักตลอดทั้งวันทั้งคืนเป็นระยะเวลาติดต่อกันนานนับเดือนแต่เชื่อเถอะว่าหลังจากผ่านพ้นความยากลำบากนี้ไปแล้วพวกเจ้าจะค้นพบว่ามันคุ้มค่าที่จะอดทน"

    "ห.หัวหน้าโรส การฝึกฝนนี้ที่ว่ายากลำบากนั้น..ยากลำบากเพียงไรขอรับ" ทหารผู้หนึ่งยกมือเอ่ยถามขึ้น
    โรสซึ่งได้ยินคำถามนั้นก็หันมองไปยังผู้เอ่ยถาม "เป็นไรยังไม่ทันได้รับความยากลำบากก็รู้สึกหวั่นเกรงแล้วหรือ? เอาเช่นนี้เถอะให้ข้าได้บอกเล่าเกี่ยวกับคำกล่าวสอนที่ล้ำค่าของนายน้อยกาเล็ทให้พวกเจ้าฟังสักประโยคหนึ่ง"

    ได้ยินคำเอ่ยกล่าวของโรสทหารของตระกูลบุสโซ่กว่าร้อยนายที่ผ่านการคัดเลือกต่างนิ่งเงียบเงี่ยหูรอรับฟัง

    "ความกลัวเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกผู้คน การกลัวไม่ใช่เรื่องน่าอายหากแต่หากว่าปล่อยให้ความกลัวครอบงำจนไม่กล้าที่จะก้าวต่อไปนั่นต่างหากคือสิ่งที่น่ากลัวที่แท้จริง เมื่อใดที่พวกเจ้าถูกความกลัวครอบงำจนไม่กล้าที่จะก้าวเดินต่อไปนั่นย่อมหมายความว่าพวกเจ้าจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่อาจพัฒนาได้อีก นั่นคือคำกล่าวสอนที่ครั้งหนึ่งนายน้อยกาเล็ทเคยเอ่ยบอกกล่าวแก่พวกข้าที่กำลังสั่นกลัวท้อแท้" โรสเอ่ยกล่าว เมื่อหยุดให้เหล่าทหารได้ซึมซับกับความหมายของมันแล้วโรสก็เอ่ยกล่าวต่อ "ข้าเองก็มีความกลัว ทุกผู้คนต่างมีความกลัว ความกลัวเกิดขึ้นกับเราได้หลากหลายรูปแบบ หากกลัวที่จะล้มเหลวจนไม่ได้เริ่มกระทำเช่นนั้นเจ้าก็จะไม่มีวันได้พบเจอกับความสำเร็จ หากหวั่นเกรงกลัวต่อศัตรูขณะที่เข้าต่อสู้พัวพันเจ้าก็เปรียบเสมือนว่าพ่ายแพ้ไปตั้งแต่ต้นแล้ว ดังนั้นจงก้าวผ่านความกลัวของตนเองให้ได้ หากผู้ใดประสงค์ที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ก็ให้กลับไปเตรียมตัวบอกต่อผู้คนใกล้ชิดว่าจะไม่อยู่สักสองเดือนจากนั้นก็ให้เร่งรีบกลับมารายงานตัวและหากผู้ใดไม่ประสงค์ที่จะเข้าร่วมก็ให้รีบแจ้งบอกมา" โรสเอ่ย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×