ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #210 : วัดความอำมหิต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.77K
      680
      13 พ.ค. 61




    "มาร์ตินข้าได้ยินว่าเจ้าขับไล่ทหารสองนายออกจากตระกูลบุสโซ่ ที่แท้แล้วเกิดเรื่องราวใดขึ้นกันแน่" กลุ่มของเรน่า เจฟ และโรสที่พึ่งจะกลับมาถึงเอ่ยถามมาร์ตินที่กำลังนั่งอ่านรายงานต่างๆอยู่ภายในโต๊ะทำงานของตนเอง

    มาร์ตินได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกล่าว ความรู้สึกโกรธเคืองของมันที่เจือจางหายไปแล้วเสมือนว่าจะหวนกลับมาใหม่อีกครั้ง "ข้ายังนึกเสียใจอยู่เลยที่ไม่ได้ลงมือสั่งสอนพวกมันมากกว่านี้"

    "ลองบอกเล่ามาดู" เจฟเอ่ย

    "ข้าพบเห็นว่าพวกมันไม่แสดงความเคารพต่อนายหญิงทั้งสอง พอข้าจะเข้าไปสอบถามหาสาเหตุข้ากลับได้ยินมันทั้งสองพูดจาดูแคลนนายหญิงเซลิน่าและนายหญิงโซเฟีย" มาร์ตินเอ่ย

    เจฟได้ยินได้ฟังเช่นนั้นก็ผงกหัว "เช่นนั้นก็สมควรแล้วเพียงแค่ขับไล่ออกจากตระกูลบุสโซ่ยังนับว่าน้อยไปด้วยซ้ำ"

    "เรื่องนี้อย่าได้ให้ถึงหูนายน้อยเด็ดขาดเข้าใจหรือไม่ หากว่านายน้อยได้รู้จะต้องไม่สบายใจแน่นอน" โรสเอ่ย

    "เช่นนั้นพวกเราก็ต้องเป็นหูเป็นตากวดขันผู้คนของตระกูลบุสโซ่ให้มากไว้ หากว่าพบเห็นผู้ใดปากพล่อยเช่นนี้อีกก็ต้องลงโทษให้หนักเพื่อเป็นแบบอย่างกับเหล่าทหารใหม่" เรน่าเอ่ย

    ได้ยินคำเอ่ยกล่าวของเรน่าทั้งสามจึงผงกหัวอย่างเห็นด้วย

    ทางด้านกาเล็ทเมื่อนำผู้คนไปเยี่ยมเยือนทักทายครูโซ่แล้วทางด้านเทลเล่อก็ขอตัวกลับสถาบันผู้ฝึกตนแห่งโรฮานส่วนเบลล่าและซิลเวียก็ขอตัวเดินทางกลับราชวังเพื่อไปเป็นตัวแทนของกาเล็ทจัดการเรื่องของคณะทูตจากแว่นแคว้นต่างๆ

    "ท่านลุงขอบใจมากที่ช่วยดูแลจัดการเรื่องราวต่างๆในระหว่างที่ข้าไม่อยู่" กาเล็ทเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกล่าวกับโจเซพหลังจากอ่านรายงานสรุปที่โจเซพจัดทำขึ้นมาให้อย่างละเอียด
    "นายน้อยเรื่องการขยับขยายเปิดรับสมัครผู้คนเข้ามาสังกัดในตระกูลบุสโซ่เพิ่มเติมข้าคิดว่าพวกเราควรต้องเพิ่มความเข้มงวดให้มากขึ้นกว่านี้จะดีหรือไม่ขอรับ" โจเซพเอ่ยขึ้น เนื่องจากโจเซพนั้นได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจากมาร์ตินแล้ว
    "แล้วแต่ท่านลุงเถอะ เอ่อท่านลุงข้านั้นได้ปรึกษากับทางท่านพ่อตาครูโซ่แล้วว่าทางตระกูลบุสโซ่เราจะรับเอานักบู๊ของตระกูลเรนเดลเข้ามาในสังกัดของตระกูลบุสโซ่เราอีกสองสามวันพวกเขาจะทยอยกันมาลงทะเบียนกับตระกูลบุสโซ่เราเรื่องนี้คงต้องรบกวนท่านลุงเป็นธุระเตรียมการแทนข้าด้วย" กาเล็ทเอ่ยกับโจเซพ

    "มีประมาณสักกี่คนหรือขอรับนายน้อย" โจเซพเอ่ยถาม

    "เห็นว่าประมาณ 80-90คนน่ะท่านลุง" กาเล็ทเอ่ย

    "ขอรับนายน้อยข้าทราบแล้ว" โจเซพเอ่ยตอบ

    ก่อนที่โจเซพจะขอตัวและหันกายจากไปกาเล็ทก็เอ่ยเรียกไว้ก่อนพร้อมทั้งเอ่ยถามขึ้น "ท่านลุง ข้าได้ยินพวกทหารคุยกันว่ามีทหารสองนายถูกมาร์ตินขับไล่ออกจากตระกูลบุสโซ่ไปเมื่อสักครู่ท่านลุงทราบเรื่องหรือไม่ว่าเป็นเรื่องราวใด"

    ได้ฟังคำถามของกาเล็ทโจเซพก็คิดกับตนเอง "นายน้อยช่างรู้เรื่องราวได้รวดเร็วนัก" จากนั้นจึงหันกลับไปเอ่ยตอบ "ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขอรับนายน้อย ทหารสองนายนั้นกระทำผิดระเบียบอย่างร้ายแรงของตระกูลบุสโซ่เรา" โจเซพพยายามเอ่ยตอบอย่างเลี่ยงๆ

    กาเล็ทที่ได้รับการยืนยันจากโจเซพจึงผงกหัวเป็นเชิงเข้าใจ "หากว่าท่านลุงตรวจสอบแล้วเห็นควรด้วยข้าก็วางใจ ในบางครั้งครามาร์ตินก็อาจจะหุนหันพลันแล่นไปบ้าง" กาเล็ทเอ่ยขึ้นประจวบเหมาะกับเป็นจังหว่ะที่มิร่าซึ่งนอนอยู่บนโต๊ะทำงานของกาเล็ทตื่นขึ้นจากการหลับไหลพอดี กาเล็ทที่เห็นภาพมิร่าในร่างของมังกรที่อ้าปากหาวยื่นแข้งสยายปีกอย่างเกียจคร้านขณะที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่จะคว้าจับร่างเล็กขึ้นมานัวเนีย "ถึงบ้านแล้ว ถึงบ้านแล้วนะ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขณะที่ยื่นใบหน้าของตนเองเข้าไปนัวเนียกับมิร่าซึ่งพึ่งจะตื่นขึ้น "เห็นท่านลุงโจเซพไหม ไหนต้องทำยังไง" หลังจากที่กาเล็ทเอ่ยมิร่าก็หันหน้าของตนเองไปทางโจเซพซึ่งกำลังยืนยิ้มดูภาพเหตุการณ์อยู่ "กรู๊รรรรร" มิร่าร้องลากเสียงยาวเป็นการทักทายโจเซพ

    หลังจากแยกตัวไปจัดการเรื่องราวของคณะทูตจากแว่นแคว้นต่างๆได้สองวันทั้งซิลเวียและเบลล่าก็เดินทางกลับมาจากราชวังหลวงของโรฮานสู่ตระกูลบุสโซ่

    "ไม่นึกเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่โรฮานของพวกเราไม่ต้องแสดงความอ่อนน้อมต่อแง่นแคว้นใหญ่ใดหากแต่กลับเป็นแว่นแคว้นน้อยใหญ่ภายในทวีปตะวันออกแห่งนี้ที่ต้องเดินทางมาแสดงความอ่อนน้อมต่อพวกเรา" ซิลเวียที่กำลังนั่งโดยสารอยู่บนรถม้ากับเบลล่าเอ่ยขึ้น

    ได้ฟังคำเอ่ยกล่าวของซิลเวียเบลล่าก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

    "ท่านพี่ถอนหายใจด้วยเหตุใด" ซิลเวียเอ่ยถาม

    "น้องหญิงเจ้าช่างไร้เดียงสานัก" เบลล่าเอ่ยกล่าวจากนั้นจึงถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่งและเอ่ยต่อ "หากไม่ใช่เพราะเขามีหรือที่แว่นแคว้นน้อยใหญ่จะเห็นโรฮานเราอยู่ในสายตาอีกอย่างที่พวกเขามาแสดงความอ่อนน้อมต่อโรฮานเราก็เป็นแต่เพียงเปลือกนอกเมื่อไม่นานมานี้แว่นแคว้นเหล่านั้นมิใช่ว่าอยู่ภายใต้การปกครองของไอออนอยู่หรอกหรือ? บัดนี้เมื่อขอนไม้ใหญ่ที่เคยพึ่งพิงพังทลายลงได้ไม่ทันใดกลับเร่งรีบแสดงตนออกมาอ่อนน้อมต่อโรฮานเราแล้ว ข้ายังคิดหวังให้แว่นแคว้นพวกนั้นทำนิ่งเฉยไม่ส่งผู้คนมายังจะดีเสียกว่า"

    "ท่านพี่เหตุใดจึงเอ่ยกล่าวเช่นนั้นเล่า จะอย่างไรมีผู้คนมาอ่อนน้อมย่อมดีกว่าไม่มีมิใช่หรือ" ซิลเวียเอ่ยถามผู้เป็นพี่สาวของตนเองอย่างไม่เข้าใจ

    "เจ้าไม่ยังไม่ทราบนิสัยของเขาอีกหรือ? เขานั้นเป็นคนที่จริงจังยิ่งนัก เมื่อกระทำสิ่งใดแล้วก็จะกระทำให้ดีที่สุด เฉกเช่นเดียวกันเมื่อเขารับผู้ใดเข้ามาอยู่ในดูแลปกครองแล้วก็จะดูแลอย่างเต็มที่ไม่ปล่อยผ่านทิ้งขว้างเช่นนี้แล้วเจ้ายังคิดว่าการที่มีแว่นแคว้นน้อยใหญ่มาแสดงความอ่อนน้อมมากมายถึงเพียงนี้เป็นเรื่องดีอีกหรือ" เบลล่าเอ่ยกล่าว

    ได้ฟังคำเอ่ยกล่าวของผู้เป็นพี่สาวซิลเวียก็หวนนึกไปถึงครั้งเมื่อแอบติดตามกาเล็ทไปปฎิบัติภารกิจที่เมืองรีเวล เมื่อหวนนึกคิดกลับไปก็พบว่าเป็นจริงดังที่เบลล่าว่า เมื่อครั้งนั้นกาเล็ทยอมที่จะทุ่มเทเสียสละตัวเองอย่างหนักเพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด "ช...เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องยอมรับการแสดงความอ่อนน้อมของแว่นแคว้นพวกนั้นดีหรือไม่ท่านพี่"

    เบลล่าที่ได้ยินดังนั้นก็มองค้อนใส่ผู้เป็นน้องสาวทันที "เอ่ยกล่าววาจาเหลวไหลอันใด เอาเถอะใช่ว่าจะมีแต่ขอเสียเพียงอย่างเดียว เมือรู้แล้วก็อย่าได้เอาแต่เที่ยวเล่น พวกเราเองก็ต้องช่วยแบ่งเบาภาระของเขาให้มากที่สุดเข้าใจหรือไม่" เบลล่าเอ่ยกล่าว

    "ข.ข้าเข้าใจแล้วท่านนนพี่" ซิลเวียลากเสียงเอ่ยตอบ

    โดยสารรถม้าเดินทางไม่นานสุดท้ายแล้วทั้งซิลเวียและเบลล่าก็มาถึงตระกูลบุสโซ่ เมื่อลงจากรถม้าทั้งสองก็พบกับโรสที่มารอต้อนรับอยู่แล้ว

    "กาเล็ทอยู่ที่ใด" เบลล่าเอ่ยถามขึ้น

    "เรียนนายหญิงเบลล่า นายน้อยกาเล็ทกำลังฝึกฝนร่างกายอยู่ที่สวนภายในเจ้าค่ะ" โรสเอ่ยตอบ

    ได้ยินเช่นนั้นเบลล่าจึงเดินนำซิลเวียเข้าสู่ภายในเขตตัวปราสาทบุสโซ่ไป เมื่อเดินลัดเลาะเข้ามาถึงบริเวณสวนเบลล่าและซิลเวียก็ต้องแสดงสีหน้าแปลกประหลาดใจออกมา สาเหตุก็เนื่องจากภาพที่เห็นนั้นกลับเป็นภาพที่กาเล็ทกำลังใช้ดาบในมือของตนเองฟาดฟันใส่มิร่าครั้งแล้วครั้งเล่าในขณะที่มิร่านั้นก็เคลื่อนตบหลบการฟาดฟันของกาเล็ทไปได้อย่างปราดเปรียวว่องไว

    "ท่านพี่เบลล่าไม่ต้องแตกตื่นตกใจไป เขากับมิร่าน้อยเพียงแต่ฝึกซ้อมมือกันเท่านั้นเอง" แชลเทียที่นั่งดูอยู่ก่อนแล้วกับโซเฟียและเซลิน่าเอ่ยบอกต่อเบลล่าขึ้น

    ได้ฟังคำอธิบายเช่นนั้นเบลล่ากับซิลเวียก็เดินเข้าไปนั่งชมดูการฝึกฝนของกาเล็ทกับมิร่าร่วมกับทั้งหมดแต่แล้วเบลล่ากลับเหลือบไปเห็นอาร์มันโด้ที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกล

    "อาร์มันโด้กลับมาจากไอออนแล้วหรือ" เบลล่าเลิกคิ้วคู่สวยเอ่ยถามขึ้น

    ได้ยินเสียงเอ่ยถามของเบลล่า อาร์มันโด้ที่ยืนตัวตรงจ้องมองการฝึกฝนของกาเล็ทอยู่ก็รีบค้อมตัวและย่องเดินเข้ามาหา "เรียนนายหญิงเบลล่าข้าเพียงแต่นำรายงานที่เหล่าขุนนางของไอออนจัดทำสรุปขึ้นมาส่งให้แก่นายน้อยขอรับ"

    ได้ฟังเช่นนั้นเบลล่าก็หันมองไปยังรายงานในมือของอาร์มันโด้ "ให้ข้าชมดูได้หรือไม่" เบลล่าเอ่ย

    "ได้ขอรับนายหญิง" อาร์มันโด้เอ่ยกล่าวพร้อมทั้งยื่นรายงานปึกใหญ่ให้แก่เบลล่า

    "เวลาที่เขาฝึกซ้อมวิชาช่างดูดีมีเสน่ห์นัก กาเล็ทที่เข่งขรึมเอาจริงเอาจังช่างให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยนัก คิดเหมือนข้าหรือไม่ เซลิน่า ท่านพี่โซเฟีย" ซิลเวียหันไปเอ่ยถามความเห็นของเหล่าพี่น้อง

    "เรื่องเช่นนี้ก็กล้าพูดออกมา เจ้านี่ช่าง.." แชลเทียมองค้อนเพื่อนสาว

    ได้ฟังคำเอ่ยกล่าวของแชลเทียสีหน้าของซิลเวียก็ขึ้นสีเล็กน้อยจากนั้นนางจึงเอ่ยกล่าวหยอกล้อกลับไป "ร..เรื่องที่น่าอายกว่านี้ก็มิใช่ว่าเคยกระทำแล้วหรอกหรือ?"

    คราครั้งนี้กลับกลายเป็นแชลเทียที่หน้าขึ้นสีบ้างสาเหตุก็เพราะนางย่อมล่วงรู้ความหมายในวาจาของเพื่อนสาวว่าหมายถึงเรื่องใด "เจ้านี่ช่าง.."

    ขณะที่ทั้งหมดกำลังพูดคุยหยอกล้อและดูกาเล็ทกับมิร่าฝึกฝนกันอยู่อย่างสนุกสนานเบลล่ากลับกำลังหน้าเครียดกวาดตาอ่านเอกสารในมืออยู่พร้อมทั้งถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    "ท่านพี่เบลล่าเป็นไรหรือ" แชลเทียหันไปเอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตุเห็นอาการของเบลล่า

    "น้องแชลเทียลองอ่านดูเถอะ" เบลล่าเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งส่งยื่นเอกสารแผ่นหนึ่งให้แก่แชลเทียอ่านดู

    "มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ข้านึกว่าสี่ทวีปกับทวีปกลางตกลงสงบศึกกันแล้วเสียอีก เมื่อสงบศึกกันแล้วเหตุใดจึงต้องส่งบรรณาการ" แชลเทียเอ่ยขึ้น

    "บรรณาการ?" ซิลเวียเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

    แชลเทียเห็นเช่นนั้นก็ยื่นส่งเอกสารแผ่นนั้นให้แก่ซิลเวียลองอ่านดู

    "เหตุใดท่านพี่เบลล่าถึงได้ดูวิตกกังวลนัก" แชลเทียเอ่ยถามขึ้น

    "น้องแชลเทีย เจ้าคิดว่าอย่างเขาจะยอมกระทำเรื่องเช่นนี้หรือ? หากว่าเป็นเพียงสิ่งของเครื่องใช้อาจบางทีเขาสามารถยินยอมแต่หากว่าต้องมีผู้คนมากมายดั่งเช่นที่กล่าวในเอกสารนี้จริงเขาต้องไม่ยินยอมแน่นอน เมื่อไม่ยินยอมก็คงต้องเกิดสงครามขึ้น" เบลล่าเอ่ยกล่าวอธิบายต้นสายปลายเหตุของความไม่สบายใจของตนเองออกมา

    "กาเล็ทต้องไม่พ่ายแพ้ต่อผู้ใด ข้าเชื่อมั่นในตัวของเขา" ซิลเวียซึ่งอ่านเอกสารในมือเสร็จแล้วเอ่ยกล่าว

    เบลล่าได้ฟังเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง ในวันนี้นางถอนหายใจเช่นนี้เป็นรอบที่ 5 แล้ว "หากว่าเป็นในด้านอื่นๆข้าย่อมมีความเชื่อมั่นในตัวเขาเช่นกันแต่การสงครามนั้นในบางครั้งก็หาได้วัดกันที่ความสามารถด้านการต่อสู้หรือเพียงอย่างเดียว พวกเจ้าล้วนทราบดีว่ากาเล็ทนั้นมีจุดอ่อนที่ใหญ่หลวงอยู่นั่นคือเขาจิตใจของเขานั้นดีงามจนเกินไป ในจุดนี้อาจเป็นช่องโหว่ให้ผู้คนฉกฉวยเอาได้ การส่งครามในบางครั้งก็ต้องวัดกันที่ความอำมหิตว่าผู้ใดอำมหิตมากกว่ากัน หากว่าเป็นเรื่องของความอำมหิตข้าเกรงว่าเขาคงมิใช่คู่ต่อสู้ของผู้อืนแล้ว" เบลล่าเอ่ยกล่าว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×