ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #20 : ตระกูลบลูโนเริ่มเคลื่อนไหว [รีไรท์ 2020]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 26.9K
      759
      6 พ.ย. 63





         
         "เด็กน้อยนั่นเพียงผู้เดียวสามารถล้มพวกมันทั้งหมดได้?" รุสโซ่เอ่ยซ้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อหลังจากที่ได้ยินโจดานเอ่ยเล่าถึงเหตุการณ์ที่มีปากเสียงกับกาเล็ทกลางเมือง

              "ถูกแล้วท่านพ่อ ข้าเองหากไม่เห็นเองกับตาก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามีเรื่องเช่นนี้...มันใช้เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถล้มคนของข้าซึ่งมีพลังอยู่ในระดับที่หกได้...ท่านพ่อ ท่านต้องออกหน้าช่วยเหลือข้านะ" โจดานเอ่ยพร้อมกับที่ยื่นมือออกไปนวดเฟ้นให้กับรุสโซ่อย่างเอาใจ

         "เรื่องนี้พวกเราไม่อาจผลีผลาม...ต้องสืบทราบเบื้องลึกเบื้องหลังให้แน่ชัด...เท่าที่ฟังมาเจ้ามิใช่บอกว่ามันมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้า?..หากเป็นเช่นนั้นจริง เรื่องราวอาจไม่ง่าย..บางทีที่มันกล้าแสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อตระกูลบลูโนเรานั่นอาจเป็นเพราะมีผู้ที่ทรงอิทธิพลหนุนหลังอยู่" รุสโซ่เอ่ยแสดงความเห็นของตนเอง

         "ท่านพ่อมันเป็นเพียงสุนัขจากตระกูลบุสโซ่...ท่านไม่เชื่อข้าหรือ?" โจดานเอ่ยประท้วง

         รุสโซ่ได้ยินอย่างนั้นก็ถอนหายใจออกมา "เด็กน้อย..อย่าได้รีบร้อนจนเกินไป..จำคำของข้าไว้..ลูกผู้ชายหากคิดสำเร็จกิจการใหญ่ก็ต้องรอให้เป็น"

         "ท่านพ่อ..ถ้าหากตระกูลบุสโซ่ของมันมีคนหนุนหลังอยู่จริง..เช่นนั้นเหตุใดจึงได้ตกต่ำลงถึงเพียงนี้" โจดานยังคงเอ่ยอย่างไม่ยินยอม
         
         "วางใจเถอะ..จะอย่างไรข้าก็ต้องช่วยเหลือเจ้า แต่เรื่องนี้จะต้องมีการพิสูจน์เสียก่อน ข้าเชื่อว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังแน่ หาไม่แล้วเด็กน้อยนั่นจะกล้าถึงเพียงนี้ได้อย่างไร" รุสโซ่เอ่ยอย่างรู้สึกสงสัยใจ

         "พิสูจน์?" โจดานเอ่ยถามย้ำอย่างไม่เข้าใจ

         "ครั้งนี้ข้าจะให้โบกัสไปกับเจ้า..หากเด็กน้อยนั่นมันมีความสามารถอย่างที่เจ้าว่ามาจริง จะอย่างไรมันก็ต้องรับมือกับโบกัสได้สิบกระบวนท่า จำไว้ว่านี่เป็นเพียงการทดสอบ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็อย่าได้ฆ่ามัน  หากว่ามันมีผู้ทรงอิทธิพลหนุนหลังอยู่จริง การฆ่ามันรังแต่จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเกินจำเป็น" รุสโซ่เอ่ย

         โจดานได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกยินดี "ดีเลยท่านพ่อ..ข้าจะได้ล้างความอัปยศเสียที" เว้นช่วงไปสักพักโจดานก็เอ่ยต่อ "ว่าแต่ท่านพ่อ..ยังมีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะรบกวนท่านพ่อ....เรื่องของแชลเทีย ในช่วงที่ท่านพ่อไม่อยู่..นาง...นางมีท่าทีแข็งกร้าวไม่ยินยอม ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมานี้แม้แต่ปลายนิ้วของนาง นางยังไม่ยอมให้ข้าสัมผัสถูก" โจดานเอ่ยบอกเรื่องทุกข์ใจของตนกับรุสโซ่ผู้เป็นพ่อ

         รุสโซ่ได้ยินอย่างนั้นก็ทำได้แต่ลอบถอนหายใจออกมา "นี่ถือเป็นรักแรกของมัน..ถ้าหากว่ามีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น สิ่งนี้อาจจะกระทบกระเทือนต่อจิตใจของเด็กน้อยนี่และอาจส่งผลให้การฝึกฝนของมันหยุดชะงักได้..เราต้องจัดการให้ดี" นึกคิดกับตัวเองได้อย่างนั้น รุสโซ่ก็เอ่ยขึ้น "เรื่องของเด็กหญิงจากตระกูลเรนเดลเจ้าอย่าได้เป็นกังวล...เพื่อเจ้าแล้วข้าผู้เป็นพ่อจะออกหน้าจัดการเรื่องราวให้" รุสโซ่เอ่ย
         
         "ท่านพ่อชั่งดีต่อข้าจริงๆ" โจดานเอ่ยอย่างรู้สึกสำนึกขอบคุณจากใจจริง จากนั้นจึงยกมือขึ้นลูบคลำไปยังบริเวณหลังคอของตนอย่างรู้สึกเจ็บปวด

         "เด็กน้อยเจ้าบาดเจ็บ?" รุสโซ่ที่สังเกตเห็นท่าทางของโจดานเอ่ยถามอย่างรู้สึกเป็นห่วง

         "จะว่าไปแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนซึ่งเป็นวันเปิดภาคเรียนมีเรื่องประหลาดเกิดกับข้าครับท่านพ่อ..." โจดานเอ่ยบอก

         "เรื่องประหลาด?" รุสโซ่เอ่ยถามอย่างรู้สึกไม่เข้าใจ

         "ถูกแล้วท่านพ่อ...ในวันเปิดภาคเรียนมีเจ้าหัวโล้นผู้หนึ่งเรียกข้าไปพบ  ทว่าเมื่อข้าเดินทางไปพบมัน มันกลับใช้สายตาที่แปลกประหลาดมองดูข้าอยู่พักใหญ่..จากนั้นมันก็ลอบจู่โจมข้าจากทางด้านหลังอย่างไม่มีปรี่มีขลุ่ย..นี่จึงเป็นสาเหตุทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บ" โจดานเอ่ย "ถ้าจำไม่ผิดชื่อของเจ้าหัวล้านนั่น อ้อใช่แล้ว เทลเลอ"

         "!" ได้ยินอย่างนั้นรุสโซ่ก็ตื่นตัวขึ้น "เด็กน้อย!...อย่าได้ทำตัวไม่รู้ความ กับคนผู้นี้เจ้าต้องนอบน้อมอย่าได้ล่วงเกินเขา...บอกต่อเจ้าว่าคนหัวโล้นซึ่งเจ้าเอ่ยถึงนั้นคือเทลเลอผู้พิทักษ์แห่งโรฮาน!...ระดับพลังของมันนั้นถือได้ว่าสูงกว่าข้าอยู่ช่วงขั้นใหญ่ บางทีที่มันเรียกเจ้าไปพบก็เพราะเกิดความสนใจต่อพรสวรรค์ในตัวของเจ้า...ถ้าหากว่ามันยอมรับเจ้าเป็นศิษย์..ตัวเจ้าจะได้ผลประโยชน์มากมาย ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแปลงคุณสมบัติและการผสานธาตุ ตัวเจ้านั้นมีความเข้ากันได้กับธาตุถึงสองสังกัด เช่นนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มันจะหมายตาเจ้า หากได้คนผู้นี้เป็นอาจารย์คอยช่วยชี้แนะอีกแรง ข้าคิดว่าอนาคตของเจ้าต้องรุ่งโรจ์และสามารถไปถึงระดับที่เหนือกว่าข้าได้ในสักวันหนึ่งแน่" รุสโซ่เอ่ย

         "แต่...มันลอบทำร้ายข้านะท่านพ่อ!" โจดานเอ่ยอย่างไม่ยินยอมอยู่บ้าง

         "อย่าได้ดื้อดึงเด็กน้อย..จำคำของข้าไว้ ครั้งหน้าที่พบกับมันเจ้าต้องโอนอ่อนนอบน้อมให้มากไว้..อย่าได้ทำให้ข้าต้องผิดหวัง" รุสโซ่เอ่ยเสียงดุ

         ได้ยินอย่างนั้นโจดานก็ทำได้แต่ต้องยินยอม "ครับท่านพ่อ"


         ------------------------------------------------------------------------------------------------

         เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

         กาเล็ทนั้นหลังจากได้รับคำชี้แนะเกี่ยวกับการผสานธาตุจากเทลเล่อก็ได้ทดลองพยายามฝึกฝนอย่างหนักอยู่หลายครั้งแต่จนแล้วจนรอดก็พบแต่ความล้มเหลว ถึงแม้การฝึกผสานธาตุของกาเล็ทจะไม่ได้มีความคืบหน้าเท่าที่ควรหากแต่การฝึกฝนในการยกระดับแก่นจิตวิญญาณกลับมีความคืบหน้าอยู่ช่วงขั้นใหญ่ ในเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ระดับแก่นจิตวิญญาณของกาเล็ทได้เลื่อนระดับจากระดับที่เจ็ดขั้นปลายขึ้นสู่ระดับที่แปดขั้นต้นแล้ว  

         "ท่านป้ากาเล็ทอยู่หรือไม่" แชลเทียเอ่ยถามขึ้น ในรอบเดือนที่ผ่านมานี้แชลเทียมักจะแวะเวียนมาเยี่ยมและพูดคุยเล่นอยู่กับนีน่าเป็นประจำ 

         "หนูแชลเทีย..เข้ามาข้างในก่อนสิลูก" นีน่ายิ้มทักทายพร้อมกับที่เอ่ยคำเชิญชวน

         "ท่านป้าหลายวันนี้ไม่เห็นว่ากาเล็ทเดินทางไปเข้าเรียน ข้ากลัวว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นก็เลยลองแวะมาถามข่าวดู" แชลเทียเอ่ยถามนีน่าอย่างรู้สึกห่วงกังวล

         นีน่าได้ยินอย่างนั้นก็เผยรอยยิ้มซึ่งดูประหลาดพิกลขึ้น "หลายวันมานี้กาเล็ทเขาเก็บตัวฝึกฝนอยู่น่ะ เห็นเขาบอกป้าว่าเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าเรียน ป้าเองก็ไม่ค่อยจะรู้อะไรหรอกแต่ทางท่านพ่อบ้านโจเซพเองเขาก็บอกกับป้าอย่างนั้นเหมือนกัน ป้าเลยได้แต่ต้องปล่อยไป" นีน่าเอ่ยอธิบาย "หนูแชลเทียรอสักครู่นะลูกเดี๋ยวป้าไปตามกาเล็ทเขามาให้" นีน่าเอ่ยบอกกับแชลเทียจากนั้นจึงลุกขึ้นเดินออกไปตามกาเล็ทที่อยู่ในห้อง

         ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้กาเล็ทซึ่งกำลังพยายามทดลองการผสานคุณสมบัติอยู่รู้สึกตัวขึ้น 

         "กาเล็ท หนูแชลเทียมาหาน่ะลูก" เสียงของนีน่าเอ่ยบอก

         "ออ..ครับท่านแม่" กาเล็ทเอ่ยขณะที่ลุกขึ้นเพื่อจัดแจงเสื้อผ้าจากนั้นจึงเปิดประตูออกมาจากห้องของตน 

         "แชลเทีย?" กาเล็ทซึ่งมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับแชลเทียขึ้นมามากแล้วเดินเข้ามาเอ่ยเรียกด้วยรอยยิ้ม

         "อ๊ะกาเล็ท..ตัวข้าเห็นว่ากาเล็ทไม่ได้เดินทางไปยังสถาบันหลายวันแล้วก็เลยรู้สึกเป็นห่วง  พอดีว่าวันนี้ได้ขนมจากเมืองท่าน้ำมา ข้าเลยถือโอกาสนี้เอาขนมมาฝากท่านป้าด้วย" แชลเทียเอ่ย  อันที่จริงแล้วเหตุผลส่วนหลังนั้นเป็นเพียงข้ออ้างที่แชลเทียยกขึ้นมาบอกกับตัวเองเท่านั้น ในช่วงตลอดระยะเวลาสามเดือนหลังจากที่ได้พบกันอีกครั้ง ตลอดมาแชลเทียแอบเฝ้าสังเกตประเมินลักษณะนิสัยใจคอของกาเล็ทอยู่เสมอ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ภาพของกาเล็ทที่ทั้งสุภาพและอบอุ่นก็ค่อยๆประทับลงในใจของแชลเทียมากขึ้นเท่านั้น ด้วยสาเหตุบางอย่างทำให้แชลเทียเกิดความรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้อยู่ข้างๆกับกาเล็ท พอนานวันเข้าความรู้สึกนั้นก็เพิ่มพูนขึ้นและเปลี่ยนเป็นความโหยหาต้องการอยากจะพบในทุกๆวัน
         
         ทางด้านกาเล็ทซึ่งเกิดความรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นเช่นกัน กาเล็ทจึงตัดสินใจที่จะบอกแชลเทียออกไปตรงๆ "แชลเทีย..ที่จริงแล้วด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้..การเข้าเรียนในชั้นเรียนภาคบังคับเพื่อปูพื้นฐานนั้นมันเป็นสิ่งที่ทำให้เสียเวลาไปอย่างสูญเปล่า...ข้าในตอนนี้มีแก่นจิตวิญญาณอยู่ในระดับขั้นที่แปดแล้ว" 

         แชลเทียที่ได้รับฟังอย่างนั้นก็ถึงกลับนิ่งอึ้งจนพูดอะไรไม่ถูก..หลังจากตั้งสติขึ้นมาได้ ภายในใจของแชลเชียก็เกิดคำถามขึ้นมามากมาย "พลังระดับที่แปด ?" นึกคิดสงสัยใจกับตัวเองได้อย่างนั้น ภาพความทรงจำเมื่อกว่าเดือนก่อนที่กาเล็ทเล่นงานสมุนบริเวณของโจดานกลางตลาดก็พุ่งแล่นเข้ามาในห้วงความคิดของแชลเทีย "เป็นเช่นนี้นี่เอง..ที่ว่ามีแก่นจิตวิญญาณถึงระดับที่แปด เขาคงพูดความจริง" ตระหนักรู้ได้อย่างนั้นแชลเทียก็ไม่รู้ว่าสมควรที่ทำอะไรต่อไปดี ในใจก็เกิดความรู้สึกใจหายอยู่บ้างที่จะไม่ได้มีโอกาสเข้าเรียนกับกาเล็ทอีกแล้ว .."ถ้าอย่างนั้น ข้าไม่รบกวนกาเล็ทแล้ว" แชลเทียที่พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดหวังเนื่องเพราะรู้ดีว่าถ้ากาเล็ทมีระดับแก่นจิตวิญญาณอยู่ในระดับที่แปดจริงๆ นั่นก็ย่อมหมายความว่ากาเล็ทกับตัวเองในตอนนี้อยู่กันคนละโลก
         
         กาเล็ทเห็นอย่างนั้นก็มุ่นคิ้ว.."ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น.....หลายเดือนที่ผ่านมานี้ทำให้ข้าเข้าใจความจริงอย่างหนึ่ง..นั่นคือพลังคือทุกสิ่ง...ถ้าปราศจากพลังแล้ว แม้แต่สิ่งสำคัญที่สุดของตนก็คงไม่สามารถที่จะปกป้องไว้ได้...เพื่อที่จะปกป้องคนที่สำคัญสำหรับข้า ข้าจำเป็นจะต้องแข็งแกร่งขึ้น มีคำกล่าวที่ว่าเวลาไม่เคยรอคอยผู้ใด...ข้าเองก็เห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น" ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งจากนั้นกาเล็ทจึงเอ่ยกล่าวต่อ "หากว่าข้ายังใช้เวลาไปอย่างสูญเปล่า บางทีเมื่อถึงเวลาจำเป็นก็คงจะสายเกินกาลเสียแล้ว เพราะอย่างนั้นการเข้าเรียนในภาควิชาบังคับซึ่งมีแต่การสอนเรื่องที่ข้าเข้าใจดีอยู่แล้วรังแต่จะทำให้ข้าเสียเวลาไปอย่างสูญเปล่า" 

         ได้ยินอย่างนั้นแชลเทียก็จ้องมองไปยังใบหน้าและแววตาของกาเล็ท.."กาเล็ท ข้าขอถามได้หรือไม่ว่ากาเล็ทมีศัตรูที่ใดหรือถึงได้ต้องมุ่งมั่นพยายามถึงเพียงนี้?"

         กาเล็ทยิ้ม "ถ้าพูดถึงในช่วงเวลานี้ก็คงไม่..แต่ในอนาคต" กาเล็ทเอ่ยพร้อมกับที่จ้องมองกลับไปยังแชลเทีย

         เห็นอย่างนั้นบนใบหน้าของแชลเทียก็ปรากฎเครื่องหมายคำถามขึ้น.."?"

         "ตระกูลบลูโน" กาเล็ทเอ่ย

         ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจว่าตระกูบบุสโซ่ของกาเล็ทไฉนถึงได้มีเรื่องมีราวกับตระกูลบลูโนจนถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นศัตรูกัน หากแต่แชลเทียยังคงเอ่ยออกไปอย่างรู้สึกเป็นห่วง "กาเล็ท..ถ้าพูดถึงตระกูลบลูโนแล้ว ตระกูลเรนเดลของข้ารู้ซึ้งแล้วเข้าใจเป็นอย่างดี" ขณะที่เอ่ยออกมาน้ำเสียงของแชลเทียก็แสดงออกถึงความระทมขมขื่น "ตระกูลบลูโนนั้นเป็นตระกูลใหญ่ที่มีทั้งพลังอำนาจและเส้นสาย...ถึงจะเป็นกาเล็ทที่มีพรสวรรค์ข้าคิดว่ายังไงก็คงไม่สามารถจะทำอะไรตระกูลบลูโนได้...อย่างน้อยก็ในตอนนี้" แชลเทียเอ่ยบอกออกมาจากใจจริง

         ได้ยินอย่างนั้นกาเล็ทก็หลับตาลง "แชลเทียเจ้าพูดถูกแล้ว..ตอนนี้ตัวข้ายังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลบลูโน...แต่มันคงอีกไม่นานนักหรอก" กาเล็ทคิด....จากนั้นจึงลืมตาขึ้นและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความจริงจัง "แชลเทีย เจ้าจำวันแรกที่เราพบกันได้หรือไม่?" 

         "ในตัวเมืองนั้นหรือ" แชลเทียเอ่ยถามออกมาอย่างไม่คิดอะไร

         กาเล็ทได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาจากนั้นจึงส่ายศีรษะและเอ่ยต่อ "ครั้งแรกที่เราพบกันข้ายังจำได้ดี..ภาพความทรงจำของเด็กหญิงตัวน้อยที่เข้ามาปลอบใจเด็กชายซึ่งกำลังร้องไห้หมดอาลัย...แชลเทีย เจ้ารู้หรือไม่ว่าตั้งแต่ที่เราได้มีโอกาสพบกันอีกครั้ง..ทุกคืนวันภาพความทรงจำเหล่านั้นกลับปรากฎเด่นชัดขึ้นมาให้ข้าได้เห็นอยู่ทุกขณะ"

         "เขาจำได้!" แชลเทียได้แต่ใช้ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังกาเล็ทอย่างทำอะไรไม่ถูก

         "แชลเทีย สัญญาในตอนนั้นยังจำได้อยู่หรือไม่? บางทีอาจจะมีเพียงแค่ตัวข้าในตอนนั้นที่คิดไปเองแต่เมื่อพวกเราได้มีโอกาสกลับมาพบกันใหม่เรื่องพวกนั้นก็คงไม่สำคัญอะไรอีกแล้ว" กาเล็ทเอ่ยอย่างอ่อนโยนจากนั้นจึงยื่นมือของตัวเองออกไปคว้าเอามือของแชลเทียมากุมไว้...ถ้าจะให้พูดถึงการกระทำของกาเล็ทในขณะนี้แล้ว บอกตามตรงว่าแม้แต่ตัวของกาเล็ทเองยังนึกสงสัยใจว่าตนเองนั้นไปเอาความกล้าอย่างที่มีอยู่นี้มาจากไหน

         "กาเล็ท ขอโทษด้วยที่เด็กหญิงคนนั้นไม่อาจรักษาสัญญา" แชลเทียเอ่ยด้วยความเศร้า..ถ้าหากจะให้บอกว่าแชลเทียในตอนนี้ไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อกาเล็ทก็เห็นทีจะเป็นคำโกหกแล้ว 

         "...เพียงแค่เจ้าผงกศีรษะในตอนนี้ ข้าสัญญาว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อปลดปล่อยเจ้าจากพันธนาการ ถ้าหากตระกูลบลูโนคิดบีบบังคับ ข้าก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพวกมัน" กาเล็ทเอ่ย

        "หรือว่าที่เขาคิดเป็นศัตรูกับตระกูลบลูโนก็เพราะเรา.." แชลเทียคิด.. "กาเล็ทการเป็นศัตรูกับตรูกูลบลูโนเพียงเพราะข้ามันไม่คุ้มหรอก" แชลเทียเอ่ย

         "ต้องอย่างไรที่เรียกว่าคุ้ม ต้องอย่างไรที่เรียกว่าไม่?...ในช่วงชีวิตของข้าตลอดมาล้วนล้มเหลว แม้แต่ในช่วงเวลานี้บอกตามตรงว่าความล้มเหลวนั้นก็ยังคงตามมาย้ำเตือนหลอกหลอนข้าอยู่ตลอด แชลเทียเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเคยสาบานกับตัวเองว่าตัวข้าจะไม่ยอมเลือกเดินในหนทางที่ผิดพลาดอย่างที่แล้วมาอีก...ไม่อีกแล้ว" เอ่ยกล่าวจบกาเล็ทก็กระชับบีบมือของตนซึ่งกุมมือของแชลเทียอยู่ให้แน่นขึ้น "ขอเพียงเจ้าผงกศีรษะ นับจากนี้ข้าสัญญาว่าจะดูแลปกป้องเจ้าด้วยชีวิต" กาเล็ทเอ่ยอย่างมุ่งมั่นจริงจังโดยหวังว่าความรู้สึกของตนจะส่งไปถึงแชลเทีย

         ได้ยินอย่างนั้นหัวใจของแชลเทียก็สั่นไหวอย่างน่าประหลาด ความมุ่งมั่นที่เคยคิดจะเสียสละตัวเองค่อยๆสลายหายไป "กาเล็ท.." แชลเทียเอ่ยขณะที่ค่อยๆผงกศีรษะเพื่อตอบรับคำร้องขอของกาเล็ทอย่างรู้สึกเอียงอายด้วยรู้ดีว่าคำขอของกาเล็ทมันไม่ต่างอะไรกับคำขอหมั้นหรือขอตนแต่งงาน

         เห็นว่าแชลเชียผงกศีรษะตอบตกลง กาเล็ทก็ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกยินดี "..ขอเวลาอีกเพียงสามเดือน..สามเดือนเท่านั้น ข้ารับรองว่าตัวข้าจะแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถล้มตระกูลบลูโนได้แน่" กาเล็ทเอ่ย

         รีไรท์ 2020

         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×