ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #182 : โล่งใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.33K
      439
      1 มี.ค. 61




    กาเล็ทที่ถูกไล่ให้ออกจากห้องมาก็ได้แต่เดินห่อไหล่ไปยังบาร์เครื่องดื่มของหอร้อยบุปผา เมื่อเดินออกมาได้สักพักกาเล็ทกลับสังเกตุออกว่าภายในหอร้อยบุปผาในขณะนี้นั้นไม่มีแขกเหรื่ออื่นหลงเหลืออยู่เลย เมื่อกวาดสายตาของตนเองสำรวจตรวจดูพื้นที่โดยรอบเพื่อความแน่ใจสายตาของกาเล็ทกลับไปพบเจอเข้ากับกลุ่มของหญิงบริการที่อยู่ภายในหอร้อยบุปผาซึ่งกำลังจับกลุ่มกันใช้สายตาสำรวจตรวจดูจ้องมองมาที่ตนเอง

    ทันทีที่สายตาของกาเล็ทกวาดผ่านไปที่ใด หญิงสาวที่จับกลุ่มกันอยู่ซึ่งกำลังจ้องมองมาที่ตนเองก็หลบสายตาของกาเล็ทหันเหไปมองยังทิศทางอื่น กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นลูบหลังศรีษะของตนเองไปมาอย่างเก้อเขินจากนั้นจึงเดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่มที่ตนเองเคยนั่งเมื่อครั้งที่ตนเองมาครั้งก่อน

    "นี่นั่นหรือท่านดยุคบุสโซ่" เสียงซุบซิบของเหล่าสตรีภายในหอร้อยบุปผาดังขึ้น

    "เจ้าถามข้าแล้วข้าจะถามผู้ใด" สตรีอีกผู้หนึ่งเอ่ยตอบเพื่อนของตนที่พึ่งจะเอ่ยถามขึ้น

    "จีน่า จีน่า นั่นใช่ท่านดยุคหรือไม่" หญิงสาวผู้หนึ่งเอ่ยถามสตรีผู้ซึ่งมีนามว่าจีน่า จีน่านั้นคือหญิงสาวผู้ซึ่งเข้ามาเสนอบริการให้กับกาเล็ทในคราครั้งแรกที่กาเล็ทมายังหอร้อยปุบผาแห่งนี้

    จีน่าซึ่งกำลังจับจ้องไปที่กาเล็ทและกัดริมฝีปากของตนเองอยู่เสมือนว่าจะไม่ได้ยินคำถามของเพื่อนๆ ในวันนั้นหากว่านางรู้ว่าบรุษผู้นี้คือดยุคบุสโซ่มีหรือที่นางจะยอมเดินจากไปโดยง่ายเช่นนั้น ในวันนั้นหากว่านางไม่เดินจากไปอาจบางทีคงเป็นนางแล้วมี่จะกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารหาใช่เอลลี่หรือมาเรีย "ตระหนักได้ตอนนี้ก็ยังนับว่าไม่สาย นี่มิใช่โอกาสอันดีแล้วหรอกหรือ?" จีน่าครุ่นคิดกับตนขณะที่จ้องมองไปที่กาเล็ทซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่บาร์หันหลังให้กับตนเองอยู่

    "ท..ท่านดยุคมีอะไรให้กระผมรับใช้ขอรับ" บาร์เทนเดอร์คนเดิมเอ่ยถามกาเล็ท แต่บัดนี้น้ำเสียงและท่าทีของมันกลับเปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งก่อนลิบลับ

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา "นี่ไม่ต้องตื่นกลัวไป ข้าก็เป็นข้าคนเดิมที่พูดคุยเล่นกับเจ้าในครั้งก่อนนั่นแหละ เอาน้ำผลไม้สักแก้วก็แล้วกัน"

    "ข...ขอรับท่านดยุค" บาร์เทนเดอร์รับคำอย่างละล้าละลัง จากนั้นไม่นานมันก็น้ำส้มคั้นแก้วหนึ่งมาเสริพให้แก่กาเล็ท "ได้แล้วขอรับท่านดยุค"

    กาเล็ทรับน้ำส้มแก้วนั้นมา "ลืมใส่แม้กระทั่งน้ำแข็ง" กาเล็ทคิดเช่นนั้นในใจพร้อมทั้งแอบถอนหายใจออกมา กาเล็ทย่อมไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้คนถึงได้เกรงกลัวต่อตนเองนัก กาเล็ทส่งผ่านพลังของตนเองเข้าสู่แก้วในมือจากนั้นอุณหภูมิของน้ำส้มภายในแก้วก็ต้องค่อยๆลดลงอย่างรวดเร็ว

    บาร์เทนเดอร์ที่ยืนมองอยู่สามารถสังเกตุเห็นแสงสีฟ้าอ่อนๆที่ปรากฎขึ้นบนมือของกาเล็ท เห็นเช่นนั้นมันก็ได้แต่นิ่งอึ้งไป

    "ฮ่าา" กาเล็ทส่งเสียงสดชื่นออกมาทันทีที่ยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมาดื่ม "ไม่ว่าอยู่ที่ใดน้ำผลไม้เย็นๆเช่นนี้ก็ทำให้สดชื่นขึ้นมาได้เสมอ" กาเล็ทเอ่ยกล่าวออกมาลอยๆ

    "ขออภัยขอรับท่านดยุค ข้า ข้าผิดไปแล้ว" บาร์เทนเดอร์ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเอ่ยกล่าวคำขออภัยออกมาด้วยความตื่นตระหนก

    "นี่ ไม่เป็นไรคนเรามันก็ผิดพลาดกันได้ ว่าแต่เหตุใดภายนอกจึงไม่มีแขกเหรื่อผู้อื่นอยู่เลย?" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้น

    บาร์เทนเดอร์ค่อยๆสงบใจลงเมื่อเห็นว่าตนเองไม่ได้ถูกตำหนิต่อว่าอันใด "คือผู้ดูแลหอช่วยขอให้แขกอื่นๆกลับไปก่อนเพื่อที่จะต้อนรับท่านดยุคและครอบครัวได้อย่างเต็มที่ขอรับ"

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ร้อง "อ้อ" ออกมาคำหนึ่ง สำหรับกาเล็ทในตอนนี้ยิ่งผู้คนบางตาเท่าไหร่ยิ่งนับว่าเป็นผลดีเท่านั้น

    "ห..เหตุใดท่านดยุคถึงไม่ได้อยู่ร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัวล่ะขอรับ" บาร์เทนเดอร์อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา

    กาเล็ทได้ฟังเช่นนั้นก็ปั้นใบหน้ายิ้มแย้มออกมา "อืมม บางเรื่องที่สตรีพูดคุยกันบรุษเช่นเราก็ไม่สมควรที่จะรับฟัง มันเป็นมารยาทน่ะ มารยาท" กาเล็ทเอ่ยกล่าวบอกต่อบาร์เทนเดอร์

    บาร์เทนเดอร์ได้ฟังเช่นนั้นก็ผงกหัวเป็นเชิงเข้าใจโดยหารู้ไม่เลยว่าแม้ดยุคบุสโซ่จะอยากเสียมารยาทถึงเพียงไหนแต่ก็หากระทำได้ไม่

    กาเล็ทพลันนึกคิดได้ถึงคำบอกกล่าวของผู้เป็นมารดา "เอิ่มรบกวนเจ้าช่วยจัดหาจานชามเพิ่มเติมสำหรับสองที่เข้าไปภายในห้องด้วย" กาเล็ทเอ่ยวานต่อบาร์เทนเดอร์

    "ข้าจะรีบไปแจ้งให้ขอรับ" บาร์เทนเดอร์รับคำ

    เมื่อบาร์เทนเดอร์จากไปแล้วกาเล็ทก็นั่งครุ่นคิดไปต่างๆนาๆว่าที่แท้แล้วภายในห้องเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดตนเองจึงอยู่รับฟังด้วยไม่ได้? นึกคิดไป นึกคิดมากาเล็ทก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆมาจากทางด้านหลัง

    ภายในห้องรับรองเอลลี่และมาเรียกำลังผลัดกันเล่าเรื่องราวของตนเองให้แก่ทั้งนีน่า ซิลเวีย แชลเทียและเบลล่าฟัง ขณะที่พวกนางเอ่ยเล่าว่ามาอยู่ในหอร้อยบุปผาได้อย่างไรก็ถูกดวงตากระจ่างสุกใสจ้องมองอยู่ตลอดเวลา ทำให้ทั้งมาเรียและเอลลี่นั้นเกิดความรู้สึกประการหนึ่งขึ้นมานั่นคือความรู้สึกเสมือนว่าตนเองกำลังถูกมองทะลุอยู่ ดวงตาสุกใสคู่หนึ่งที่จ้องมองมาที่พวกตนเองขณะเอ่ยเล่านั้นทอแววฉลาดเฉลียวสื่อถึงภูมิปัญญาที่มีออกมา

    นีน่าที่ได้ฟังเรื่องราวของทั้งหมดก็ผงกหัวอย่างเข้าใจได้พร้อมทั้งถอนหายใจออกมา "คำกล่าวที่ว่าบิดามารดาจะอย่างไรก็ต้องเมตตากรุณาต่อบุตรของตนเองอยู่ร่ำไปก็หาใช่ความจริงเสียทั้งหมด ทุกสิ่งอย่างล้วนมีข้อยกเว้น" นีน่าเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งหวนนึกกลับไปถึงเรื่องราวของตนเองเมื่อสมันก่อน ตนเองนั้นเป็นลูกสาวคนสุดท้องของบ้านตระกูลมาลอส โดยปกติแล้วลูกสาวคนเล็กมักจะได้ความรักความเอ็นดูต่อบิดามารดาที่สุดแต่กับนีน่านั้นหาเป็นเช่นนั้นไม่ เนื่องจากตัวนางเกิดในปีและเดือนที่นับว่าเป็นฤกษ์ยามที่ไม่ดี หลังจากที่นางเกิดมาตระกูลของนางก็ต้องพบกับปัญหามากมาย ดังนั้นทั้งบิดาและมารดาก็มักจะโยนความผิดเหล่านั้นมาที่ตัวนาง ชีวิตของนางขณะที่อยู่ในตระกูลมาลอสนั้นหาใช่ชีวิตของคุณหนูอันใดหากแต่กลับเป็นชีวิตที่ไม่แตกต่างกับหญิงรับใช้ผู้หนึ่ง

    "เป็นอย่างไรบ้างมิร่าน้อย" แชลเทียก้มลงเอ่ยถาม

    มิร่าที่ได้ฟังคำถามก็เงยหน้าขึ้นมาจากนั้นก็พยักหน้าเป็นสัญญาณให้แก่ทั้งหมด

    ทางด้านมาเรียและเอลลี่เองเห็นอาการของสัตว์เลี้ยงที่ดูน่ารักน่าชังตัวนี้แล้วก็รู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อย แม้ว่าพวกนางจะเคยได้ยินได้ฟังมาว่าเหล่าผู้ดีมีเงินทองมักจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้เสมอก็ตามแต่ที่พูดคุยกับสัตว์เลี้ยงของตนเองเป็นตุเป็นตะเช่นนี้พวกนางก็พึ่งที่จะเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก

    ได้เห็นท่าทีซึ่งมิร่าแสดงออกมาทั้งนีน่า ซิลเวีย เบลล่าและแชลเทียก็รู้สึกโล่งใจเสมือนว่ายกภูเขาออกจากอก สาเหตุแห่งความรู้สึกโล่งใจของพวกนางก็มาจากมิร่านั้นส่งสัญญาณบ่งบอกว่าทั้งเอลลี่และมาเรียนั้นเอ่ยเล่าความจริงไม่แปลกปลอม หากว่าเพียงแค่เอ่ยเล่าที่มาที่ไปของตนเองยังเสกสรรปั้นแต่งขึ้นเช่นนั้นก็ไม่ต้องว่ากล่าวแล้วว่าพวกนางนั้นเป็นคนเช่นไร หากว่าพวกนางนับว่าเป็นสตรีที่มากด้วยเล่ห์กลและชอบชิงดีชิงเด่น นีน่าย่อมเกิดความรู้สึกลำบากใจที่จะรับพวกนางเข้าบ้านมา การรับสตรีเช่นนั้นเข้าบ้านก็ไม่ต่างอะไรกับการจุดไฟเผาบ้านที่สงบสุขร่มเย็นของตนเอง

    ทั้งแชลเทีย ซิลเวีย และเบลล่า ได้เห็นคำยืนยันของมิร่าและจากเรื่องที่พวกนางได้ฟังจากปากของเอลลี่และมาเรียก็นับว่าพวกนางนั้นมีชะตากรรมที่น่าสงสาร พวกนางกลับถูกครอบครัวของตนเองขายให้แก่หอร้อยบุปผาแห่งนี้เพียงเพราะเงินแค่ไม่กี่เหรียญทอง

    วืดดดดด เสียงของบานประตูคราครูดไปกับพื้นไม้ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับอาหารจากใหม่ที่ถูกยกเข้ามา

    นีน่าหันไปรับเอาจานชามจากเด็กเสริพมาและจัดแจงให้แก่ทั้งเอลลี่และมาเรียด้วยตนเอง "กินอะไรก่อนเถอะลูก เอ้านี่" นีน่าเอ่ยบอกกล่าวพร้อมทั้งตักมอคค่าที่ถูกแกะเปลือกออกเรียบร้อยแล้วให้แก่ทั้งมาเรียและเอลลี่

    มาเรียและเอลลี่ที่ได้รับการปฎิบัติเช่นนี้ก็รู้สึกแปลกประหลาดใจพร้อมทั้งตื่นตกใจเป็นอย่างมากเพราะด้วยรู้ดีว่าอาหารจานนี้นั้นมีราคาค่างวดที่แพงยิ่งนัก

    "กินก่อนเถอะลูก กินเสร็จแล้วค่อยคุยกันต่อ ป้าน่ะอยากฟังเรื่องราวต่างๆจากพวกหนูอีกมาก ทั้งเรื่องที่พบปะกับลูกชายของป้าได้อย่างไร ทั้งเรื่องของหอร้อยบุปผาแห่งนี้" นีน่ายิ้มอย่างอ่อนโยนขณะที่เอ่ยกล่าว

    "ค่ะ ท่านหญิง" ทั้งเอลลี่และมาเรียเอ่ยกล่าวตอบรับเสียงเบา

    เบลล่า ซิลเวียและแชลเทียเผยยิ้มอ่อนโยนเป็นกันเองออกมาพร้อมทั้งเอ่ยกล่าว "เอลลี่ มาเรีย ไม่ต้องฝืนเกร็งไป ท่านป้าน่ะใจดีมากๆ" ซิลเวียเป็นผู้เอ่ยกล่าวขึ้น ทั้งแชลเทียและเบลล่าต่างก็ผงกหัวเป็นเชิงเห็นด้วย

    มาเรียและเอลลี่ไดฟังเช่นนั้นก็เหลือบมองไปที่ ซิลเวีย แชลเทีย และเบลล่าวูบหนึ่งจากนั้นจึงค่อยๆก้มลงกินอาหารภายในจานของตนเองที่นีน่าตักมาให้

    กินอาหารอยู่พักใหญ่ นีน่าก็ส่งสายตาบอกกล่าวแก่แชลเทียที่อุ้มมิร่าอยู่

    แชลเทียเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยกับมิร่า "ออกไปอยู่กับปะป๋ากาเล็ทดีไหมมิร่าน้อย"

    มิร่าได้ฟังเช่นนั้นก็กู่ร้องออกมาด้วยความรู้สึกยินดีพุ่งถลาทะลุประตูห้องออกไปจนเป็นรูโหว่ขนาดเท่าลำตัวอย่างรวดเร็ว

    ย้อนกลับไปเมื่อหลายนาทีก่อนหลังจากที่กาเล็ทสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมที่โชยมาจากนั้นแขนของตนเองก็ถูกมือบางข้างหนึ่งเข้ามาคล้องไว้ "ท่านดยุคจำจีน่าได้หรือไม่คะ" เสียงหวานออดอ้อนของสตรีดังขึ้น

    เมื่อกาเล็ทหันหน้าไปมองก็พบกับจีน่าหญิงสาวที่เคยต้อนรับขับสู้ตนเองเมื่อครั้งที่พึ่งมาถึงหอร้อยบุปผาครั้งแรกและถูกตนเองปฎิเสธเมื่อนางเสนอบริการให้แก่ตน

    ทางด้านบาร์เทนเดอร์ที่พึ่งจะกลับมาจากการไปปฎิบัติตามคำขอของกาเล็ทก็เหลือเห็นจีน่าซึ่งเข้ามาพัวพันกาเล็ทไว้พอที

    กาเล็ทหันซ้ายแลขวาพร้อมทั้งจ้องมองไปยังบิรเวณห้องพิเศษที่ผู้เป็นมารดาและคู่หมั้นทั้งสามของตนเองอยู่ภายในด้วยสายตาหวาดระแวงจากนั้นจึงค่อยๆแกะมือของจีน่าที่พยายามพัวพันตนเองไว้ออก "อืมคุณหนูจีน่า ชายหญิงไม่ควรชิดใกล้กันจนเกินไป" กาเล็ทเอ่ย

    จีน่านั้นแม้จะถูกกาเล็ทเอ่ยปฎิเสธเช่นนั้นแต่นางก็หาได้ยอมจากไปโดยง่ายไม่ สำหรับกับนางทุกสิ่งอย่างหากต้องการจะได้มาก็ต้องแก่งแย่งชิงเอามาเป็นของตนเอง นางอยู่มาโดยมีแนวคิดเช่นนี้ "หืม ชายหญิงไม่ควรชิดใกล้หรือ? เมื่อวันนั้นท่านมิใช่ชิดใกล้กับทั้งมาเรียและเด็กน้อยเอลลี่นั่นหรอกหรือ" จีน่าคิดเช่นนั้นในใจแต่ภายนอกกลับยังคงยิ้มแย้มออดอ้อน "ท่านดยุครังเกียจจีน่าหรือ" จีน่าปั้นแต่งสีหน้าของตนเองและใช้น้ำเสียงที่ดูเวทนาเอ่ยกล่าวกับกาเล็ท

    "อย่าได้เข้าใจผิด อย่าได้เข้าใจผิด อืมเพียงแต่วันนี้ข้าไม่ได้นำเงินทองติดตัวมาสักเหรียญเดียว" กาเล็ทเลือกที่จะเอ่ยข้ออ้างออกไปเพื่อไม่เป็นการทำร้ายจิตใจสตรีนางนี้จนเกินไป อันที่จริงกาเล็ทก็หาได้รังเกียจนางหากแต่เหตุผลที่แท้จริงนั้นคือเกรงกลัวว่าผู้เป็นมารดาและคู่หมั้นทั้งสามจะมาเห็นเข้า หากว่าผู้เป็นมาดาและคู่หมั้นมาเห็นเข้าเช่นนั้นต่อให้ตนเองเอ่ยบอกแก้ตัวเช่นไรมีหรือที่พวกนางจะเชื่อ กาเล็ทย่อมเลือกที่จะไม่ตอแยหาเรื่องให้แก่ตนเองอีก

    ได้ยินได้ฟังเช่นนั้นจีน่าก็คว้าหมับเข้าที่แขนของกาเล็ทใหม่ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง "จีน่าไม่คิดเงินทองกับท่านดยุค"

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นจึงแกะมือของจีน่าออกอีกครั้งหนึ่ง

    บาร์เทนเดอร์ซึ่งสังเกตุออกถึงอาการของกาเล็ทก็สอดปากคำขึ้น "พี่สาวจีน่า ข้าว่าอย่าได้รบกวนท่านดยุคเลย"

    ได้ยินดังนั้นใบหน้าสวยได้รูปของจีน่าก็กระตุกวูบหนึ่ง "ท่านดยุคยังไม่เอ่ยบอกเจ้าซึ่งเป็นเพียงบาร์เทนเดอร์ไฉนจึงสอดปาก" น้ำเสียงของจีน่าที่เอ่ยกล่าวตำหนิบาร์เทนเดอร์ซึ่งตนเองคิดว่าต่ำต้อยกว่าตนเองอยู่ขั้นหนึ่งนั้นไม่หลงเหลือความอ่อนหวานดังที่เอ่ยกับกาเล็ทอยู่เลยแม้แต่น้อย

    กาเล็ทได้เห็นเช่นนั้นก็นึกรู้สึกรังเกียจสตรีผู้นี้ขึ้นมาอยู่ในใจ

    "กรู๊" เสียงร้องที่คุ้นเคยดังขึ้นมาเข้าหูของกาเล็ทพร้อมกับร่างเล็กที่พุ่งเข้ามาในอ้อมกอด

    จีน่าที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากกาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ผงะถอยไป เมื่อสังเกตุได้ว่าที่แท้แล้วเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่สีหน้าของนางก็ทอแววรังเกียจขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อเห็นถึงสิ่งที่อยู่ในอ้อมกอดของกาเล็ท

    แม้จะเป็นเพียงวูบหนึ่งที่สีหน้าของจีน่าแปรเปลี่ยนไปแต่กาเล็ทย่อมสามารถสังเกตุออกได้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×