ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #149 : จักรพรรดิ์จรัสแสงแห่งทวีปกลาง [รีไรท์]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.34K
      366
      15 ม.ค. 61




    นีน่าเหลียวมองทั้งอาร์มันโด้และดีอ้อนซึ่งกำลังขนย้ายข้าวของเข้าสู่บ้านหลังใหม่ของตนเองอยู่วูบหนึ่งจากนั้นจึงหันกลับมาเอ่ยกล่าวกับผู้เป็นบุตรชายอีกครั้ง "กาเล็ท ทั้งอาร์มันโด้และดีอ้อนน่ะมีทั้งความรู้และความสามารถจะให้มาทำหน้าที่เป็นแค่คนคุ้มกันของแม่ก็อาจจะนับว่าน่าเสียดายอยู่ ยังไงแม่เองก็อยู่แต่ในตระกูลบุสโซ่อยู่แล้วถึงจะมีบางครั้งที่ออกไปเดินเล่นเที่ยวชมเมืองหลวงบ้านแต่ก็มีมิร่าน้อยอยู่" นีน่าเอ่ยถึงตรงนี้ก็ก้มลงหอมมิร่าคราหนึ่ง "แม่ว่ากาเล็ทหาหน้าที่การงานประจำให้กับทั้งสองใหม่เถอะลูก" นีน่าเอ่ยกับผู้เป็นบุตรชาย

    จะกล่าวไปแล้วทั้งอาร์มันโด้และดีอ้อนก็นับว่าเป็นถึงผู้มีพลังระดับที่ 9 การที่ตนเองใช้ให้พวกมันจับเจ่าไร้น่าที่ประจำเป็นแค่ผู้คุ้มกันให้กับผู้เป็นมารดาของตนเองก็นับว่าเป็นการเสียผู้มีความสามารถไปโดยเปล่าประโยน์อยู่บ้างดังที่มารดาของตนเองบอกกล่าว นีน่านั้นมักจะอยู่ที่เขตบุสโซ่เกือบจะตลอดเวลาถึงจะมีบ้างที่ผู้เป็นมารดาเข้าเมืองไปเพื่อซื้อหาข้าวของเครื่องใช้แต่จะอย่างไรก็มีมิร่าน้อยไปด้วยเกือบทุกครั้งสรุปได้ดังนั้นกาเล็ทก็เอ่ยกล่าวกับนีน่า "ครับท่านแม่ ข้าจะหาหน้าที่การงานประจำที่เหมาะกับพวกเขาทั้งสองให้ แต่ในช่วงนี้คงต้องให้ทั้งสองอยู่ปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตและกฎเกณฑ์ต่างๆของตระกูลบุสโซ่เราให้ดีก่อน" กาเล็ทเอ่ยรับปากเป็นมั่นเหมาะ


    ณ ทวีปกลาง


    หญิงสาวผู้หนึ่งกลับกำลังตัวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด ตอนนี้หญิงสาวนางนี้นั้นร่างกายเปลือยเปล่าปราศจากอาภรณ์คุมกายแม้สักชิ้นหนึ่ง

    "อย่ากลัวไปเลย อีกสักครู่เจ้าก็จะได้มีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิต ตัวเจ้า วิญญาณของเจ้าจะได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับข้าและได้ร่วมปกครองโลกยูยานทั้งใบแห่งนี้ไปพร้อมกับข้า" ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาซึ่งอยู่ในร่างเปลือยเปล่าเช่นกันเอ่ยขึ้น มันย่างเท้าเดินเข้ามาหาร่างหญิงสาวที่กำลังตัวสั่นเทาด้วยความกลัวอย่างช้าๆจากนั้นมันจึงยื่นมือของมันออกไปเชยคางของร่างบอบบางที่กำลังตัวสั่นเทาด้วยความกลัวนั้นขึ้น มันใช้มือของตนเองเชยคางของนางขึ้นเพื่อจะได้เห็นหน้าตาของหญิงสาวผู้นี้อย่างถนัดชัดตา

    หญิงสาวเปลือยเปล่าที่สั่นเทาไปด้วยความกลัวผู้นี้กลับมีใบหน้าที่งดงามผุดผาด เรือนร่างที่เปล่าเปลือยของนางนั้นมีส่วนเว้าส่วนโค้งตามที่สตรีควรจะมี ส่วนที่ควรนูนออกก็นูนออก ส่วนที่ควรเต่งตึงก็เต่งตึงดูไปช่างเย้ายวนใจยิ่งนัก

    เพียงชั่วครู่หลังจากที่หญิงสาวถูกชายหนุ่มแตะต้องตัว ร่างที่สั่นเทาของนางก็หยุดนิ่งลง แววตาของนางตอนนี้กลับกลายเป็นดูไร้ชีวิตชีวาไปเสมือนคนที่กำลังไม่ได้สติ "นายท่านให้ข้าได้ปรนนิบัติรับใช้ท่านด้วยเถอะ" หญิงสาวที่เคยตัวสั่นไปด้วยความหวาดกลัวนั้นกลับเอ่ยถ้อยคำที่ตัวนางเองไม่มีทางที่จะเอ่ยออกมาได้ในยามปกติออกมาด้วยแววตาที่เหม่อลอย

    "ฮ่า ฮ่า ดีมาก" ชายหนุ่มหัวเราะด้วยความชอบใจ

    ภายในห้องหับที่ดูเริดหรู หญิงสาวที่งดงามนางหนึ่งกลับใช้ร่างที่เปลือยเปล่านั่งค่อมอยู่บนร่างของบรุษซึ่งกำลังนอนอยู่บนตั่งเตียง ร่างกายของนางขยับส่ันไหวไปมาอยู่บนร่างของจักรพรรดิ์จรัสแสง

    "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยอดเยี่ยมยิ่ง ยอดเยี่ยมยิ่ง" ชายหนุ่มหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจขณะร่วมรักสมัครสมานกับหญิงสาวที่มีแววตาเม่อลอยนั้น

    น่าแปลกที่ร่างกายเย้ายวนน่าหลงไหลของนางกลับค่อยๆแปรเปลี่ยนไป ร่างของนางค่อยๆซูบซีดลง ซูบซีดลง เมื่อประกอบกิจจนเสร็จสิ้นร่างที่เคยงดงามมีน้ำมีนวลของนางก็กลับกลายเป็นหนังหุ้มกระดูกไปผู้คนก็ปราศจากชีวิตแล้ว เจ้าหญิงนางหนึ่งของอาณาจักรกลับมีชะตากรรมเช่นนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจนัก

    "ข้ารู้สึกได้ถึงพลัง พลังที่เพิ่มพูน อีกไม่นานข้าจะสามารถก้าวข้ามกำแพง กำแพงที่ไม่มีมนุษย์คนไหนเคยก้าวข้ามมันได้ กำแพงที่สูงใหญ่นั้นจะไม่สามารถขวางกั้นข้าจักรพรรดิ์จรัสแสงแห่งทวีปกลางได้อีกต่อไป กำแพงของระดับจักรพรรดิ์! เมื่อเวลานั้นมาถึงทั่วทั้งโลกจะต้องสยบ สยบที่แทบเท้าของข้า" ชายหนุ่มเอ่ยอย่างชั่วร้าย

    มันผู้นี้คือจักรพรรดิ์จรัสแสงแห่งทวีปกลางซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นยอดอัจฉริยะในรอบหนึ่งพันปี

    ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อนครั้งที่มันบรรลุงพลังระดับจักรพรรดิ์ได้ใหม่ๆด้วยวัยเพียงสี่สิบปีมันนั้นนับว่าเป็นบุคคลแรกที่สามารถบรรลุระดับพลังถึงขั้นนี้ได้ด้วยวัยที่ถือได้ว่าน้อยถึงเพียงนี้เป็นคนแรก เมื่อมันสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตของระดับจักรพรรดิ์ได้เป็นผลสำเร็จมันก็รู้สึกเสมือนว่าโลกทั้งใบได้ตกอยู่ในกำมือของมันแล้ว หลังจากทำลายกำแพงที่กั้นขวางอยู่และก้าวเข้าสู่ขอบเขตของระดับจักรพรรดิ์ขั้นต้นแล้วตัวมันนั้นใช้เวลาอีกไม่นานก็สามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของมนุษย์ชาติได้เป็นผลสำเร็จนั่นคือระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูง เมื่อมันบรรลุพลังถึงระดับนี้ได้ประกอบเข้ากับพรสวรรค์ของมันจึงทำให้ในทวีปกลางนี้ยากที่จะมีผู้ใดต้านทานต่อกรกับมันได้อีก นับจากนั้นเป็นต้นมาตำนานของมันก็ได้เริ่มขึ้น มันรวบรวมทวีปกลางให้เป็นปึกแผ่นด้วยลำพังกำลังของตนเองจากนั้นจึงวางแผนที่จะรวมทุกทวีปให้อยู่ภายใต้การปกครองของมันแค่เพียงผู้เดียว ทว่าในช่วงเวลาที่ตัวมันนั้นกำลังทรนงถือดีถึงขีดความสามารถของตนเองจนถึงขีดสุดและกำลังวางแผนที่จะเปิดศึกใหญ่กับอีกสี่ทวีปอยู่นั้นตัวมันกลับได้พบเห็นเรื่องประหลาดประการหนึ่ง

    ในยามค่ำคืนหนึ่งเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่มันกำลังนั่งฝึกวิชาอยู่ ตัวมันนั้นสัมผัสได้ถึงการสั่นไหวของชั้นบรรยากาศอย่างแปลกประหลาดพร้อมทั้งการกระเพื่อมของกระแสจิตวิญญาณที่น่าตื่นตระหนกอย่างที่มันไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ตัวมันซึ่งเคยคาดคิดว่าระดับจักรพรรดิ์ขั้นสูงคือขีดสุดที่มนุษย์จะสามารถก้าวเข้าถึงได้กลับตื่นจากห้วงความฝัน ในคืนนั้นมันสัมผัสได้ถึงพลังระดับที่เหนือยิ่งกว่าระดับจักรพรรดิ์ไปมากอย่างที่มันไม่สามารถจะนึกฝันจิตนาการได้ เมื่อมันออกมาด้านนอกตัวปราสาทของมันเพื่อสืบหาดูว่าที่แท้แล้วเกิดเรื่องราวใดขึ้นกันแน่มันก็ได้พบเข้ากับลำแสงประหลาดบนฝากฟ้าซึ่งกระจายไปหลายทิศทาง มันเฝ้าติดตามลำแสงประหลาดนั้นอย่างยากเย็นว่าที่แท้แล้วลำแสงประหลาดนั่นคือสิ่งใดกันแน่สุดท้ายแล้วมันก็สามารถติตามค้นหาที่มาของลำแสงประหลาดสายหนึ่งได้สำเร็จ มันกลับพบว่าลำแสงสายนั้นที่มันได้เห็นบนฟากฝ้ายามค่ำคืนคือหินประหลาดก้อนหนึ่ง

    นับตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมามันก็ล้มเลิกแผนการที่จะรวบรวมทุกทวีปเป็นหนึ่งเดียวไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ผู้คนภายใต้การปกครองของมันต่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้เป็นนายเหนือของมันจึงล้มเลิกแผนการเปิดสงครามกับสี่ทวีปเสียแต่กลางคันทั้งๆที่ฝ่ายตนเองนั้นถือว่าอยู่ในจุดที่ได้เปรียบและหันไปเจรจาทำข้อสัญญาสงบศึกกันแทน แต่สำหรับกับตัวจักรพรรดิ์จรัสแสงนั้นย่อมรู้ดีว่าเพราะเหตุใด ตัวมันที่คิดทรนงตนว่าได้อยู่เหนือสุดของมวลมนุษย์แล้วแต่เหตุการณ์ในคืนนั้นก็ปลุกตัวมันขึ้นจากความฝัน ทำให้มันได้รู้ว่าตัวมันเปรียบเสมือนกบที่แหงนมองท้องฟ้าจากก้นบ่อน้ำแล้วคิดว่าท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดนั้นมีความกว้างไกลเพียงแค่เท่ากับขนาดของปากบ่อ



    มันใช้เวลานับสิบปีเพื่อศึกษาและไขความลับของศิลาแปลกประหลาดที่มันค้นพบในวันนั้นและวิชาประหลาดที่มันใช้ออกเพื่อดูดซัพหลอมกลืนวิญญาณของผู้คนกับเจ้าหญิงเคราะห์ร้ายนางนี้ก็เป็นหนึ่งในความรู้ที่มันได้มาจากศิลาแปลกประหลาดนั่น หนึ่งในวิธีที่จะทำให้มันสามารถทะลวงผ่านกำแพงกว้างใหญ่ที่ไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใดกระทำได้มาก่อน กำแพงที่ขวางกั้นสู่ระดับพลังที่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิ์ วิชานี้คือวิชาดูดชีวิตกลืนวิญญาณ ผู้ฝึกวิชานี้จะต้องเป็นบรุษและใช้การร่วมรักกับสตรีบริสุทธิ์เพื่อดูดกลืนเอาพลังชีวิตและจิตวิญญาณของพวกนางมาเพิ่มพูนพลังให้กับตนเอง เลือดเนื้อของผู้ถูกสูบพลังโดยวิชานี้จะแห้งเหี่ยวลงพลังชีวิตจะถูกสูบออกจากร่างแม้แต่ดวงวิญญาณซึ่งถือว่าเป็นแก่นแท้ของสิ่งมีชีวิตก็ไม่หลงเหลืออยู่

    ในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ไม่ทราบว่ามีหญิงสาวสะคราญโฉมมากน้อยเท่าใดที่ต้องตกตายลงด้วยวิชายลี้ลับนี้ของมัน มันมีความเชื่อว่าฟ้าได้ประทานพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศกว่าผู้ใดให้แก่มันเพื่อมาปกครองผู้คนของโลกยูยานแห่งนี้ทั้งยังมอบสิ่งของวิเศษล้ำค่าที่จะทำให้มันสามารถอยู่เหนือกว่ามนุษย์ใดในรอบหลายหมื่นปีที่ผ่านมานี้ให้แก่มันดังนั้นแล้วเพื่อจุดมุ่งหมายในการบรรลุสู่ระดับพลังที่เหนือล้ำกว่าระดับจักรพรรดิ์และกระทำตามจุดประสงค์ของฟ้าแล้วมันจึงได้ใช้กำลังและอำนาจของมันเพื่อกดดันทวีปทั้งสี่ให้ส่งเครื่องบรรนาการให้แก่ทวีปกลางของมันทุกๆ 5 ปี หาไม่แล้วมันก็จะฉีกสัญญาสงบศึกและเปิดสงครามขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

    ของบรรณาการที่สี่ทวีปต้องจัดส่งให้แก่ทวีปกลางนั้นก็ประกอบไปด้วยสมุนไพรหายากต่างๆ แร่วิเศษหายากรวมทั้งหญิงงามที่ยังบริสุทธิ์จำนวนมาก ด้วยขุมกำลังที่ถือได้ว่าด้อยกว่าทวีปกลางอย่างมากทำให้จักรพรรดิ์ซึ่งปกครองทั้งสี่ทวีปอยู่ต้องยินยอมกระทำตามข้อเสนอที่ทวีปกลางเรียกร้อง ต่อให้ทั้งสี่ทวีปร่วมมือกันเพื่อทำสงครามต่อต้านทวีปกลางไปก็ใช่ว่าจะได้รับชัยชนะและต่อให้ได้รับชัยชนะฝ่ายของตนเองก็คงต้องได้รับความสูญเสียไม่น้อยทั้งสี่ทวีปจึงเลือกที่จะยอมรับเงื่อนไขของทวีปกลาง

    ณ เวลานี้ เวลาซึ่งตัวมันจักรพรรดิ์จรัสแสงรอคอยใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่อมันสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับถัดไป ระดับราชันย์จักรพรรดิ์ได้เป็นผลสำเร็จมันก็จะสามารถนำกองกำลังของมันกรีฑาเข้าบดขยี้อีกสี่ทวีปได้อย่างง่ายดายเพื่อสานต่อสิ่งที่มันเคยวาดฝันไว้ มันจะกลายเป็นมนุษย์คนแรกที่สามารถรวมทั้งโลกได้เป็นปึกแผ่น ประวัติศาสตร์จะต้องจาลึกชื่อของมันไปตลอดกาล

    จักรพรรดิ์จรัสแสงใช้พลังของตนเองยกชูร่างที่เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกของเจ้าหญิงที่น่าสงสารนั้นขึ้นพร้อมทั้งเหวี่ยงร่างซึ่งไร้วิญญาณของนางออกไปให้พ้นจากเตียงนอนของตนเอง มุมปากของมันยกสูงขึ้นอย่างชั่วร้ายจากนั้นมันจึงลุกขึ้นจากเตียงเพื่อสวมใส่อาภรณ์เสื้อผ้า จะอย่างไรวิชาดูดชีวิตกลืนวิญญาณที่มันใช้เพื่อดูดซัพพลังชีวิตของผู้คนนี้ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่นั่นคือมันไม่สามารถใช้ออกได้อย่างต่อเนื่องหาไม่แล้วจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีเพราะเหตุนี้มันจึงต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการเตรียมตัวสะสมพลังเพื่อทะลวงเข้าสู่ขอบเขตระดับต่อไป "มีศิลาวิเศษนั่นอยู่ก็ไม่มีผู้ใดในโลกแห่งนี้จะสามารถต้านทานตัวข้าได้อีกแล้ว" มันเอ่ยกล่าวกับตนเองอย่างเชื่อมั่น



    ปล.เปิดเนื้อเรื่องบทถัดไปแล้วนะครับ เนื้อหาเขียนมาถึงจุดนี้นั้นนับว่าไปไกลเกินกว่าฉบับรีไรท์เดิมแล้วดังนั้นวันละสองตอนนี่อาจจะลงไม่ได้แล้วน่าจะเหลือแค่วันละ 1ตอน นะ สุดท้ายแล้วก็ขอขอบพระคุณนักอ่านที่ติดตามและอุดหนุนครับ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×