ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #146 : จักรพรรดิ์ทมิฬ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.85K
      446
      14 ม.ค. 61




          ณ บ้านตระกููลเรนเดล
    ขณะที่แชลเทียกำลังตระเตรียมตัวเพื่อไปพักอยู่ยังตระกูลบุสโซ่
    "แชลเทีย มีเพื่อนของลูกมาหาน่ะ" ลินดาเดินเข้ามาภายในห้องเพื่อแจ้งกล่าวต่อผู้เป็นบุตรสาว

    แชลเทียแสดงสีหน้าแปลกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดออกมาเมื่อได้ฟัง "ท่านแม่เป็นผู้ใดหรือ ข้าไม่ได้นัดผูใดไว้นี่เท่าที่ข้าจำได้"

    "หนูซาร่าน่ะลูก เห็นมีท่าทีเหมือนรีบร้อนด้วยเรื่องด่วนใด แม่เห็นแบบนั้นก็เลยเข้ามาบอกกล่าวกับหนูก่อนน่ะ แม่ว่าแชลเทียลูกรีบออกไปพบหนูซาร่าหน่อยเถอะดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายนะลูก" ลินดาเอ่ยบอกแสดงความเห็นกับแชลเทีย

    เมื่อได้ยินว่าเป็นผู้ใดที่มาหาตนเองแชลเทียก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาทันที "ได้ ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่ามีเรื่องใด"

    เมื่อแชลเทียเดินออกมา ซาร่าที่นั่งรออยู่ก็รีบลุกพร้อมปรี่เข้ามาหาอย่างรีบร้อน "แชลเทีย แชลเทีย ช่วยท่านพ่อของข้า ช่วยท่านพ่อของข้าด้วย มีแต่เจ้า มีแต่เจ้าที่จะช่วยเหลือเขาได้" ซ่าร่าพุ่งเข้ามาทรุดลงร้องไห้กอดขาของแชลเทียไว้แน่น

    "เจ้ายังกล้ามาพบกับข้าอีกหรือ?" แชลเทียเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ จากนั้นจึงกล่าวต่อ "วันที่ข้าล้มลงเจ้าไม่เพียงไม่ช่วยเหลือไม่เอ่ยคำปลอบใจข้าสักนิดไม่แต่เพียงเท่านั้นเจ้ากลับถือโอกาสที่ข้าล้มลงซ้ำเติมข้า บัดนี้เจ้ายังกล้ามาร้องห่มร้องไห้ขอร้องข้าอีกหรือ?"แชลเทียเอ่ยขึ้นอย่างโมโหเมื่อนึกถึงสิ่งที่ผู้ซึ่งตนเองเคยถือว่าเป็นเพื่อนของตนกระทำแก่ตนเองในรอบเดือนที่ผ่านมา

    "แชลเทียข้าผิดไปแล้ว แชลเทีย ช่วยบิดาของข้าด้วย มีแต่เจ้าที่จะขอร้องเขาได้ ข้าได้ยินมาว่าเขารักถนอมเจ้ายิ่ง หากเจ้าเอ่ยปากท่านพ่อของข้าต้องรอดพ้นแน่นอน แชลเทียเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเราที่เคยมีมาได้โปรดยื่นมือเข้าช่วยเหลือท่านพ่อของข้าสักครั้ง" ซาร่า ร้องไห้พร้อมทั้งเอ่ยปากร้องขอปานจะขาดใจ สิ่งไม่ดีที่นานกระทำกับแชลเทียนั้นย่อมเกิดจากความอิจฉาริษยาของผู้เป็นสตรีเมื่อครั้นเห็นว่าผู้เป็นเพื่อนสาวได้คู่ครองที่เพรียบพร้อมไปทั้งความสามารถและหน้าตาอย่างเช่นมาร์ควิสบุสโซ่ในจิตใจของนางก็รู้สึกเกิดความอิจฉาขึ้นดังนั้นเมื่อมีข่าวว่ามาร์ควิสบุสโซ่บาดเจ็บสาหัสไร้ทางรักษานางจึงได้โอกาสนี้ระบายความรู้สึกอัดอั้นไม่พอใจออกมาต่อเพื่อนสาวของตนเองด้วยการพูดจากเหน็บแนมถากถางพร้อมทั้งเอ่ยคำเยาะเย้ยแต่เมื่อมาถึงยามนี้ ยามที่ทุกเรื่องราวล้วนกระจ่างแจ้งออกมาแล้วว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นกับดักที่ถูกวางล่อลวงเอาไว้ ยามที่บิดาของนางได้เพลี่ยงพล้ำลงติดเข้ากับกับดักนั้น ข่าวที่ตัวนางได้ยินมานั้นสร้างความหวาดหวั่นให้แก่ตัวนางยิ่ง ทั้งเรื่องข่าวความโหดร้ายป่าเถื่อนของมาร์ควิสบุสโซ่ ทั้งเรื่องของการจับกุมผู้คนของตระกูลเกรย์มาจะประหารฆ่าล้างกลางเมืองหลวง ทั้งเรื่องการลงโทษสองพ่อลูกตระกูลมูโน ด้วยข่าวทั้งหมดทั้งมวลนี้ที่นางได้ยินได้ฟังมาเมื่อผู้เป็นบิดดาของนางถูกจับกุมตัวของซาร่านั้นก็รู้สึกแตกตื่นจนขวัญหนีดีฟ่อ

    อันที่จริงแล้วบิดาของซาร่านั้นหาได้กระความผิดร้ายแรงโทษถึงตายอย่างที่นางคิดไม่ บิดานางที่ทำหน้าที่เป็นขุนนางควบคุมการจัดเก็บภาษีเพียงถูกฟ้องร้องว่าเรียกรับเงินสินบนจากนั้นจึงถูกคนของตระกูลบุสโซ่กวาดต้อนจับกุมไปสอบสวนก็เท่านั้นแต่ด้วยการที่สองพ่อลูกตระกูลมูโนโดนลงโทษอย่างหนัก พร้อมทั้งคนของตระกูลเกรย์หลายสิบชีวิตถูกคุมตัวมาประหารที่ลานประหารกลางเมืองหลวง ไม่เพียงแต่คนของตระกูลเกรย์ยังมีนักโทษที่ถูกคุมขังจากการกบฎครั้งก่อนๆล้วนถูกนำตัวมาประหารเช่นกัน เพราะเหตุนี้ลานประหารของโรฮานที่ว่างเว้นจะกลิ่นคาวเลือดมาเนิ่นนานจึงคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลขึ้นอีกครั้ง

    ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้หากมีผู้กล่าวว่ามาร์ควิสบุสโซ่ผู้เป็นต้นเหตุของการกวาดล้างในครั้งนี้ เป็นบรุษหนุ่มรูปงามที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีเปี่ยมด้วยเมตตายังจะมีผู้ใดเชื่อลงอีก? แต่กลับกันหากมีผู้บอกกล่าวว่ามาร์ควิสบุสโซ่นั้นมีนิสัยใจคอที่โหดเหี้ยมอำมหิตทุกผู้คนส่วนใหญ่ที่ได้ยินล้วนย่อมเชื่อโดยสนิทใจ เพราะเหตุนี่จึงทำให้ซาร่าปักใจเชื่อว่าบิดาของนางต้องตกตายอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อถูกจับกุมไป

    ดังนั้นแล้วเมื่อเวลาหลายวันหลังจากการประหารผู้คนหลายสิบคนกลางเมืองหลวงผ่านพ้นไป "จักรพรรดิทมิฬ" ชื่อนี้กลับปรากฎขึ้นโดยไม่ทราบชื่อนี่เริ่มต้นมาจากที่ใดแต่เพียงไม่นานชื่อนี้ก็กระจายไปทั่วพร้อมทั้งแพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีบตะวันออกกลบชื่อเสียงของจักรพรรดิ์แดงไปสิ้นจึงนับว่าเป็นการถือกำเนิดของจักรพรรดิ์คนใหม่ จักรพรรดิทมิฬ! และจักรพรรดิทมิฬผู้นี้ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากกาเล็ท

    แชลเทียนั้นไม่ใช่หญิงที่มีจิตใจโหดเหี้ยมผูกใจเจ็บแค้นดังนั้นแล้วเมื่อเห็นว่าอดีตเพื่อนของตนผู้นี้ร่ำร้องจนแทบจะขาดใจ จิตใจของนางก็อ่อนลง "เอาเถอะ เอาเถอะ เจ้าลุกขึ้น ข้าไม่รับปากว่าจะช่วยเหลือได้แต่ข้าจะพูดคุยกับเขาให้บอกข้ามาเถอะว่าเรื่องใด"

    เมื่อซ่าร่าได้ยินว่าแชลเทียกับปากนางก็คลายใจลง "ขอบใจเจ้า ขอบใจเจ้า เมื่อวานนี้บิดาข้าถูกคนของตระกูลบุสโซ่จับตัวไปดังนั้นแล้วข้าเกรงว่า เกรงว่าอีกไม่นานบิดาข้าคงต้องถูกประหารเฉกเช่นเดียวกับขุนนางมากมายพวกนั้น" ซาร่าเอ่ยบอกในน้ำเสียงแสดงออกถึงความกังวลใจ

    "เอาล่ะ ข้ารับปากจะสอบถามพูดคุยกับเขาให้ แต่ข้าขอบอกเจ้าไว้ก่อน หากว่าบิดาของเจ้าก่อความผิดที่ร้ายแรงจนไม่อาจสามารถให้อภัยได้แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถร้องขอกับเขาได้"แชลเทียเอ่ย

    "แชลเทียบิดาข้ามิใช่คนเช่นนั้น ท่านพ่อไม่มีทางก่อคดีร้ายแรงแน่" ซาร่าเอ่ยยืนยันเป็นมั่นเหมาะ

    "เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้ากำลังจะเดินทางไปตระกูลบุสโซ่พอดี หากเป็นดังเจ้าว่าถ้าเขาไม่ได้ก่อคดีร้ายแรงอะไรข้ารับรองได้เลยว่าเขานั้นจะต้องไม่มีอันตรายถึงชีวิตแน่" แชลเทียกล่าวบอกกับซาร่า แต่ซาร่านั้นกลับมีท่าทีอึกอักเสมือนว่ายังไม่อยากจะจากไป

    "ให้ข้าไปกับเจ้าด้วยได้หรือไม่? ข้าต้องการรู้ ข้าไม่อาจทนรอได้อีกแล้ว" ซาร่าเอ่ยอย่างร้อนใจ

    แชลเทียเห็นดังนั้นก็ได้แต่แอบนึกตำหนิเพื่อนสาวของตนเองผู้นี้อยู่ในใจ "เอาเถอะถ้าคิดจะช่วยผู้คนแล้วก็สมควรที่จะทำให้ถึงที่สุด" คิดได้ดังนั้นแชลเทียก็ไม่ปฎิเสธคำร้องขอของซาร่า





    ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อนที่เหล่าขุนนางซึ่งเดินทางกลับจากวังหลวงของโรฮานต้องทนยืนดูภาพที่พวกมันไม่ใคร่ต้องการมอง ภาพของเอิร์ลมูโนถูกโบยจนตกตายต่อหน้าสาธารณะ ภาพที่พวกมันเห็นครั้งนั้นตอกย้ำเข้าไปในจิตใจของพวกมันมิลืมเลือน หนำซ้ำเพียงไม่กี่วันต่อมาพวกมันยังได้รับคำเชิญอย่างถ้วนหน้า คำเชิญเพื่อให้ไปยังลานประหารนักโทษที่เงียบเหงามานาน พวกมันต้องทนดูภาพคนของตระกูลเกรย์ถูกประหารด้วยการถูกตัดคอต่อหน้าต่อตาของตนเอง ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนย้ำเตือนพวกมันว่าตัวของพวกมันจะต้องพบเจอชะตากรรมเช่นไรหากว่ายังคงไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองเสียใหม่

    "ฮ่า ฮ่า" เสียงหัวเราะอย่างมีความสุข ปนชั่วร้ายของบุตรชายแห่งตระกูลมานอฟดังขึ้น

    "ท่านพ่อ ไม่ทราบว่าข้าไม่อยู่หลายวัน เมืองหลวงเกิดเรื่องใดขึ้น บรรยากาศภายในเมืองดูแปลกประหลาดพิกล" มันเอ่ยถามผู้เป็นบิดาของมันด้วยความแปลกประหลาดใจหลังจากออกไปเที่ยวเล่นเป็นเวลานับอาทิตย์

    "เจ้าไปมุดหัวอยู่ที่ใดมา ข้าตามหาตัวเจ้าไปทั่ว" กุลตาฟ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเดือดดาลเมื่อเห็นว่าผู้เป็นบุตรชายเพียงคนเดียงของตนที่พึ่งจะโผล่หัวกลับบ้านมาหลังจากหายหน้าหายตาไปหลายวัน

    "ท่านพ่อข้าก็แค่ออกไปเที่ยวเล่นตามปกติ เอ่อแต่ที่น่าแปลกประหลาดใจคือกลุ่มเพื่อนพ้องของข้าหลายคนกลับถูกตามตัวให้กลับเข้าสู่ตระกูลของพวกมันอย่างเร่งด่วนหลายคน" แม้จะเห็นว่าบิดามีท่าทางโกรธเคืองแต่บุตรแห่งตระกูลมานอฟยังคงมีท่าทีเป็นปกติไม่ได้หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย เพราะบิดามันแม้บางครั้งจะดุว่ามันบ้างแต่ไม่เคยลงไม้ลงมือหนักหน่วงเลยสักครั้ง

    เห็นท่าทีที่ไม่ทุกข์ร้อนของผู้เป็นบุตรชายตนเอง กุลตาฟยิ่งเดือดดาลเป็นการใหญ่ "นับแต่นี้เจ้าอย่าได้ออกไปเที่ยวก่อเรื่องวุ่นวายอีก ให้อยู่อย่างเรียบๆร้อยๆหมั่นตั้งใจฝึกฝนพลัง" มันเอ่ยสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด

    "โถ่ท่านพ่อ หากให้ข้านั่งฝึกฝนพลังทั้งวันมิใช่จะน่าเบื่อแทบตาย มิสู้ออกไปหาความสุขด้านนอกจะประเสริฐกว่า ฮ่า ฮ่า" โบคอฟกล่าวประท้วงคำสั่งของบิดาตนเองพอกล่าวมาถึงช่วงท้านน้ำเสียงมันกลับดูชั่วร้ายพร้อมทั้งยังส่งเสียงหัวเราะออกมา

    ได้เห็นท่าทีพร้อมทั้งน้ำเสียงของผู้เป็นบุตรชายจิตใจของกุลตาฟก็ตกวูบลง มันรู้นิสัยของบุตรชายตนเองผู้นี้ดีที่สุด บุตรชายของมันหาได้มีนิสัยดีไปกว่าบุตรชายของเอิร์ลมูโนไม่ "จ เจ้าไปก่อเรื่องใดมา" มันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ในจิตใจของมันก็ได้แต่หวังว่าอย่าให้เป็นเรื่องที่ไม่อาจแก้ไขได้เลย

    "ท่านพ่อข้าไม่ได้ไปทำเรื่องร้ายแรงอะไรสักหน่อย เพียงแต่" มันกล่าวยังไม่ทันจบ กุลตาฟบิดาของมันก็ตวาดใส่ด้วยน้ำเสียงเดือดดาล "เพียงแต่อะไร"

    "เพียงแต่แทะโลมหญิงสาวไม่กี่คน ไม่เห็นจะเป็นไร ท่านพ่อวางใจพวกนางล้วนแล้วแต่เป็นเพียงหญิงชาวบ้านไม่มี...." มันกล่าวยังไม่ทันจบหน้าของมันก็ สบัดไปอย่างแรง เสียงตบฉาดใหญ่ดังก้องไปทั่ว "บัดซบ บัดซบ จบสิ้นแล้ว จบสิ้นแล้ว" กุลตาฟสบภคำหยาบออกมามากมายหลังจากตบใส่ใบหน้าบุตรชายของตนเองอย่างแรง มันรู้ดีว่าบุตรชายของมันรักสนุกและด้วยที่ตัวตนของมันเป็นขุนนางใหญ่ดังนั้นมันจึงคอยตามใจบุตรชายตลอดมาแม้ว่าบุตรชายของมันจะก่อเรื่องใดขึ้นมันก็สามารถตามแก้ไขให้ได้ไม่มีปัญหาใด ดังนั้นมันจึงไม่ค่อยใส่ใจเท่าใดนักทว่าตอนนี้หาใช่ดั่งเช่นกาลก่อนอีกแล้ว ในตอนนี้หากก่อเรื่องผิดพลาดขึ้นจะยังแก้ไขอันใดได้? จะยังคงมีผู้ใดกล้ารับเศษเงินของมันเหมือนดั่งเมื่อก่อนอีกหรือ? ดังนั้นสองถึงสามวันมานี้มันเที่ยวออกตามหาบุตรชายของมันเพื่อหวังว่าจะย้ำเตือน ย้ำเตือนว่าอย่าได้ก่อเรื่องอันใด ทว่ากลับไม่ทันการเสียแล้ว

    หน้าของโบคอฟบวมเปล่งขึ้นมาทันที มันใช้มือแตะไปที่หน้าข้างที่บวมเปล่งของตนเอง "ท่านพ่อ ท ท่านตบข้า" มันกล่าวออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าบิดาของมันกลับลงไม้ลงมือต่อมัน

    "ใช่ เป็นข้าเอง เป็นข้าเองที่ไม่ดี ที่ไม่เคยสั่งสอนตักเตือนเจ้าให้ดีจนทำให้เจ้าก่อเรื่องใหญ่ในวันนี้ขึ้น"กุลตาฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรงสิ้นหวัง

    "ข้าก่อเรื่องร้ายแรงอันใด ข้าเพียงแต่เด็ดดมบุปผาข้างทางเล่นก็เท่านั้น ข้าไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อันใด" โบคอฟยังคงกล่าวอย่างไม่ยินยอมและไม่เข้าใจมันจึงพยายามเอ่ยอธิบายกับผู้เป็นบิดาของตน

    "เจ้ายังไม่รู้หรือ?จากนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ไม่เหมือนอีกแล้ว ไม่กี่วันก่อนตระกูลมูโนต้องจบสิ้นลง เจ้ารู้หรือไม่เพราะเหตุใด?" กุลตาฟเริ่มเอ่ยอธิบายกับบุตรชายของตนเองเมื่อเริ่มสงบใจลงได้

    "เพราะเหตุใด?"โบคอฟที่เริ่มใจคอไม่ดีเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

    "เหตุเกิดจากเพียงเพราะบุตรของตระกูลมูโนฉุดคร่าหญิงชาวบ้านเพียงผู้หนึ่งมาข่มขืนย่ำยี เพียงเท่านั้นมันถึงกลับถูกตัดความเป็นชายออกและถูกจับแขวนประจารอยู่โถงกลางเมืองจนตาย หากว่าเจ้าไปดูในตอนนี้ศพของมันยังคงถูกแขวนอยู่เลย" กุลตาฟเริ่มอธิบายให้บุตรชายฟังถึงเรื่องราวต่างๆซึ่งเกิดขึ้นในหลายวันมานี้

    "ป.เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ได้อย่างไร เมื่อก่อน เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นเช่นนี้ ท่านพ่อ ท่านต้องช่วยข้า" โบคอฟเริ่มเอ่ยอย่างหวาดกลัว

    "เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ เพราะตระกูลบุสโซ่วางกับดักเพื่อล่อลวงผู้คนไว้จากนี้จะไม่เหมือนก่อนอีกแล้ว ผู้ใดทำผิดพลาดจะต้องได้รับโทษอย่างไม่มีข้อยกเว้นและไม่มีทางช่วยเหลือได้อีกแล้ว"กุลตาฟเอ่ยอย่างอ่อนแรง

    ได้ยินเรื่องราวกระจ่างสิ้นโบคอฟถึงกับทรุดลงกับพื้น

    "เจ้าเพียงแต่เล่นสนุกกับนาง ?" กุลตาฟเอ่ยถามบุตรชายตนเหมือนคิดสิ่งใดออก

    กุลตาฟที่ทรุดลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัวในชะตากรรมซึ่งตนเองจะต้องเผชิญทำได้แต่เพียงผงกหัวตอบบิดาของตนเอง

    "เช่นนั้นยังคงมีความหวังอยู่หากพวกนางไม่ทำการฟ้องร้องขึ้นไปพวกเรายังคงมีทางรอด มา นำทางข้าไป ไปหาพวกนาง" กุลตาฟเอ่ยขึ้นอย่างรีบร้อน

    "ท่านพ่อ ท่านจะทำสิ่งใด" โบคอฟเอ่ยถามอย่างเริ่มมีความหวัง

    "ย่อมต้องไปสู่ขอพวกนาง จากนี้ไปเจ้าต้องไปขออภัยพร้อมทั้งรับพวกนางเข้าบ้านเราทั้งเจ้ายังต้องดีกับพวกนางและเลิกทำตัวเหลวแหลกหาไม่แล้วตระกูลมานอฟของเราจะต้องมีชะตากรรมไม่ต่างจากตระกูลมูโนและตระกูลเกรย์เป็นแน่" กุลตาฟได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นดั่งที่มันหวังไว้ ตัวมันย่อมไม่โง่งมฆ่าคนปิดปาก ทำสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่ดั่งเช่นที่ตระกูลมูโนเคยทำ ตัวมันนั้นรู้ดีว่ามีหรือจะปิดบังคนที่น่ากลัวผู้นั้นได้ มีหรือที่มันจะสามารถฆ่าผู้คนที่เกี่ยวข้องได้จนหมดสิ้นอีกทั้งยังจะมีผู้ใดกล้าลงมือให้กับมัน? ดังนั้นมันจึงเลือกวิธีนี้

    ตระกูลมานอฟทำเช่นนี้ ตระกูลขุนนางอื่นๆย่อมกระทำไม่ต่างกันพวกมันต่างกลับบ้านไป และเร่งรีบกำชับคนของตนอย่าให้ก่อเรื่องราวโดยถ้วนหน้าอย่างหวาดกลัวถึงขีดสุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×