ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #141 : ความฝันที่พังทลายลงในพริบตา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.43K
      433
      11 ม.ค. 61




    ณ โถงประชุมภายในราชวัง

    "ตระกูลสโนว์ของข้าต้องการพื้นที่เขตหมู่บ้านเอลก้าพร้อมทั้งเขตรอบข้างด้วย" ตัวแทนของตระกูลสโนว์ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของโรฮานเอ่ยขึ้น

    "ท่านไวน์เคานต์จอห์น ท่านไม่คิดว่านั่นมันมากเกินไปหรือเราตกลงกันเพียงแค่ทางส่วนกลางจะลดหย่อนภาษีให้แก่ตระกูลของท่านครึ่งหนึ่ง"ดยุคแพทริคเอ่ย

    "ท่านแค่ลดภาษีให้กับพวกข้า? แล้วเหตุใดตระกูลเกรย์ได้ทั้งพื้นที่อีกทั้งยังได้สิทธิไม่ต้องส่งภาษีเข้าส่วนกลาง"ไวน์เคานต์จอห์นเอ่ยเปรียบเทียบอย่างไม่พอใจ

    "ใช่แล้วตระกูลสโตนส์ของข้าก็ต้องการอาณาเขตเพิ่ม" ตัวแทนของตระกูลสโตนส์เอ่ยร้องขอขึ้นเช่นกัน

    "ตระกูลโบฟอร์ตของข้าก็รู้สึกว่าพื้นที่เขตของข้านั้นเริ่มคับแคบไม่เพียงพอต่อประชากรเช่นกัน"ตัวแทนตระกูลโบฟอน์ตเอ่ย

    อันที่จริงแล้วอาณาเขตที่สี่ตระกูลใหญ่ของโรฮานดูแลอยู่หาได้คับแคบหรือประชากรหนาแน่นอย่างที่พวกมันเอ่ยอ้างตอนนี้ไม่เพียงแต่พวกมันล้วนถือว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะขยับขยายอาณาเขตและอำนาจของตระกูลของพวกตนดังนั้นเมื่อมีโอกาสพวกมันจึงเริ่มที่จะเรียกร้อง

    "หึ พวกท่านจะเอาตระกูลของพวกท่านมาเทียบกับตระกูลเกรย์ของข้าได้ยังไง ดูว่าพวกท่านทำอะไรบ้าง พวกท่านไม่แม้แต่ไม่ออกหน้ากลับทำตัวเสมือนไผ่ที่ลิ่วตามลมแม้แต่ทหารสักคนของตระกูลพวกท่านข้าก็ไม่เห็นแม้แต่เงาในขณะที่ตระกูลเกรย์ของข้ายุ่งวุ่นวายจนหัวหมุนในรอบเดือนที่ผ่านมานี้เพื่อจัดการเรื่องราว" สมิธเอ่ยแดกดัน

    ได้ยินคำกล่าวของสมิธ ตัวแทนของทั้งสามตระกูลใหญ่ก็ได้แต่ส่งเสียงเฮอะออกมาอย่างไม่พอใจ

    "ขอให้ทุกท่านใจเย็นลงก่อน ข้าขอบคุณพวกท่านมากที่สนับสนุนข้าขึ้นมาแต่ข้าว่างานสำคัญของพวกเรายังไม่จบสิ้น ราชาองค์ปัจจุบันซึ่งก็คือพี่ชายของข้าตอนนี้สุขภาพไม่สู้ดี ข่าวจากหมอหลวงแจ้งมาว่าอาการของพี่ชายข้านั้นทรุดหนักลง.." ดยุคแพทริคกล่าวเปิดประเด็นสำคัญที่สุดที่มันต้องการแต่ทว่ายังไม่ทันจบตัวแทนของสี่ตระกูลใหญ่ก็เอ่ยปากขึ้น

    "ท่านไม่จำเป็นต้องอ้อมค้อม ท่านต้องการให้ตระกูลของพวกเราสนับสนุนท่านขึ้นเป็นราชาองค์ต่อไปใช่หรือไม่ท่านดยุค" สมิธเอ่ยขึ้น

    "ตระกูลเกรย์ของข้าเห็นว่านี่เป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่งและถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งกระทำอาณาจักรไม่อาจขาดผู้นำได้แม้สักวินาทีเดียว" สมิธเอ่ย

    "เรื่องนี้ตระกูลสโนว์ของข้าไม่มีความเห็น"ไวน์เคานต์จอห์นเอ่ย

    "ตระกูลสโตนส์ของข้าเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน อย่างน้อยเราก็ควรรอจนถึงเวลาที่เหมาะสมก่อน" ตัวแทนตระกูลสโตนส์เอ่ยถึงความเห็นของตน ความหมายของมันย่อมหมายถึงควรรอจนราชาบุทตายเสียก่อน

    "ตระกูลโบฟอร์ตของข้าก็คิดว่าเรื่องนี้ควรรอก่อน"

    "เฮอะ เต่าหัวหด" สมิธส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจกับท่าทีของอีกสามตระกูลใหญ่ซึ่งแสดงออกมาให้ได้เห็น


    แปะ แปะ แปะ แปะ ขณะที่พวกมันกำลังถกเถียงกันอยู่อย่างเคร่งเครียดมันก็ได้ยินเสียงปรบมือดังก้องไปทั่วทั้งห้องโถง ดังนั้นแล้วพวกมันทั้งหมดจึงกวาดสายตามองไปในทิศทางเดียวกันทันที "ผู้ใดกล้ารบกวนการประชุมช่วงเช้าโดยไม่ได้รับอนุญาติ" สมิธเอ่ยเสียงกร้าว

    "พวกท่านนี่ขยันดีแท้กลับมาถกเถียงเกี่ยวกับราชกิจของบ้านเมืองตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้" เสียงเด็กหนุ่มดังก้องขึ้นพร้อมทั้งปรากฎร่างเจ้าของเสียงค่อยๆย่างก้าวเข้ามาภายในห้องโถง

    ผู้มาคือเด็กหนุ่มผมดำซึ่งกำลังอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังปรบมืออยู่ในอ้อมอกอยู่ ขณะที่เจ้าของร่างนั้นย่างก้าวเข้ามาภายในห้องโถงผ้าคุมสีแดงที่เด็กหนุ่มสวมใส่อยู่ก็โบกสบัดพริ้วไหว วันนี้กาเล็ทกลับสวมใส่ชุดขุนนางเต็มยศเดินทางเข้าวังหลวงมา

    เมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใครทุกคนในห้องโถงต่างก็นิ่งอึ้งไปจนไม่สามารถเอ่ยกล่าววาจาได้

    "พวกท่านกำลังปรึกษาหารือเรื่องใดกันอยู่หรือ? ดูสีหน้าพวกท่านเคร่งเครียดจริงจังยิ่ง ข้าอยู่ว่างมาตลอดระยะเวลานานนับเดือนทำให้ข้านั้นรู้สึกละอายใจยิ่งนัก เฮ้อ ด้วยที่เราต่างเป็นขุนนางบ้านเมืองเช่นกันจึงสมควรที่จะต้องช่วยแบ่งเบาภาระของบ้านเมืองกันคนละน้อยจึงจะถือว่าถูกต้องดังนั้นแล้วในวันนี้ข้าจึงเข้าวังมาโดยหวังว่าจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระที่หนักอึ้งขององค์ราชาบ้าง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม

    ทั้งหมดยังคงเงียบงันเมื่อกาเล็ทกล่าวจบ สาเหตุก็เพราะพวกมันต่างรู้ดีว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือใคร

    "ท ท่านมิใช่บาดเจ็บสาหัสอยู่หรอกหรือมาร์ควิสบุสโซ่" ดยุคแพทริคเอ่ยถามน้ำเสียงของมันนั้นสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัดแสดงออกถึงอาการแตกตื่นตกใจถึงขีดสุด

    "ข้าดูเหมือนคนบาดเจ็บสาหัสหรือเจฟ" กาเล็ทหันไปเอ่ยถามกับเจฟที่พึ่งเดินนำคนกลุ่มใหญ่เข้ามาในห้องโถง

    "ไม่เลยนายน้อย ท่านยังสบายดีอยู่" เจฟเอ่ยตอบ ใบหน้าของเจฟตอนนี้นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วบรอยยิ้มประหลาดลี้ลับเช่นกัน

    "กาเล็ท เจ้ามาแล้ว" เสียงหวานใสของซิลเวียดังขึ้นที่ด้านหลัง

    "รอบเดือนที่ผ่านมานี้ทำให้พวกเจ้าต้องได้รับความลำบากมากแล้ว" กาเล็ทหันไปเอ่ยกล่าวกับซิลเวีย

    "ฮึ" แชลเทียที่ยืนอยู่ด้านข้างส่งเสียงออกมาคำหนึ่งพร้อมกับสบัดหน้าไปไม่สนใจกาเล็ท

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ยื่นมือไปลูบหัวนาง

    เจฟที่ล่วงหน้าเข้าวังมาก่อนได้เข้าไปแจ้งข่าวให้ซิลเวีย เบลล่า และราชาเบรุททราบ จากนั้นเมื่อกาเล็ทนำแชลเทียและครูโซ่เข้าวังมา ครู่โซ่และแชลเทียจึงปลีกตัวไปหาราชาเบรุทก่อน

    "ท ท่านพี่ ท่านสมควร สมควร" ดยุคแพททริคเอ่ยกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อเมื่อสังเกตุเห็นการมาของผู้เป็นพี่ชายซึ่งสมควรจะนอนป่วยใกล้ตายอยู่ในห้องนอนจึงถูกต้องและยังมีผู้พิทักษ์ของโรฮานอย่างเทลเล่อซึ่งสมควรจะตายไปแล้วกลับมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน

    "ข้าสมควรถูกพิษตายไปแล้วกระมัง?" ราชาเบรุทเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจและผิดหวังกับผู้เป็นน้องชายของตนเอง

    "ท่านมาร์ควิสบุสโซ่จัดการตามที่ท่านเห็นสมควรเถอะ" ราชาเบรุทกล่าวกับกาเล็ท


    ได้ยินคำกล่าวของราชาเบรุทกาเล็ทก็หันกลับไปทางดยุคแพทริค "พวกท่านไม่ปรึกษากันต่อแล้วหรือ"

    "พ..พวกข้าเห็นว่าองค์ราชาร่างกายอ่อนแอจึงเข้าวังมาโดยหวังว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระขององค์ราชาได้บ้าง" ไวน์เคาน์ตจอร์นที่ตั้งสติได้ก่อนเอ่ยขึ้น

    ส่วนคนอื่นยังคงสับสน โดยเฉพาะสมิธ มันหวนนึกกลับไปถึงเหตุการณ์ในท้องพระโรงเมื่อไม่นานมานี้ "ข้าจะจดจำเรื่องนี้ไว้ไม่ลืมเลือน" เสียงของซิลเวียที่กล่าวกับมันในวันนั้นดังก้องขึ้นมาในห้วงสมองของมันอีกครั้ง ประโยคที่มันไม่ใส่ใจ ประโยคคำพูดที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงซึ่งแสดงออกถึงความไม่พอใจพร้อมกับสายตาที่จับจ้องมาที่มันในวันนั้นกลับปรากฎขึ้นมาในห้วงสมองของมันอย่างชัดเจนในตอนนี้ วันนั้นมันไม่เกรงกลัวยำเกรงต่อคำพูดของซิลเวียเจ้าหญิงแห่งโรฮานแม้แต่น้อยไม่เพียงแต่ไม่เกรงกลัวทว่ามันนั้นจ้องมองกลับไปหานางอย่างท้าทาย แต่ในตอนนี้จิตใจของมันแทบจะพังทลายลงแล้วท่าทีหยิ่งผยองของมันหายไปจนหมดสิ้นเหงื่อกาลไหลออกจากร่างกายมันจนชุดที่มันใส่อยู่เปียกชื้นขึ้นมา พอมันรวบรวมกำลังทั้งหมดในร่างเงยหน้าขึ้นมันก็พบว่ามีดวงตาที่งดงามคู่หนึ่งจ้องมองมาที่มันอยู่

    "เอิน์ลสมิธสบายดีหรือ" ซิลเวียเอ่ยถามเพื่อทำลายความเงียบขึ้น

    "ข ข้าสบายดี องค์ ข้าสบายดีขอรับองค์หญิง" สมิธแทบจะเรียบเรียงคำพูดออกมาไม่ได้ ท่าทีของมันเปลี่ยนไปจากเมื่อพบกันครั้งก่อนหน้ามือเป็นหลังมือ

    "เช่นนั้นก็ดี เพราะข้าเกรงว่าอีกไม่นานท่านคงไม่สบายเช่นนี้แล้ว" ซิลเวียเอ่ยอย่างผู้ชนะ

    "ข้าจะทวงความเป็นธรรมให้กับเจ้าเอง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวกับซิลเวียจากนั้นจึงหันไปทางไวน์เคาน์ตจอร์น

    "เมื่อครู่ท่านบอกว่าท่านต้องการแบ่งเบาภาระขององค์ราชาหรือ" กาเล็ทเอ่ยถาม

    "ถูกต้องแล้ว ถูกต้องแล้ว ตระกูลของพวกข้า.."

    ปัง มันกล่าวยังไม่ทันจบประโยคกาเล็ทก็ตบไปที่เก้าอี้หินอ่อนซึ่งเมื่อครู่มันยังใช้นั่งอยู่ การตบครั้งนี้ทำให้เก้าอี้ซึ่งทำจากหินแหลกออกเป็นเสี่ยงๆ

    เห็นเช่นนั้นทั้งดยุคแพทริคและตัวแทนของสี่ตระกูลใหญ่ต่างแสดงอาการตกใจออกมาถึงขีดสุด เดิมทีพวกมันคิดว่ามาร์ควิสบุสโซ่อาจจะภายในอ่อนนุ่มแหลกเหลวกลวงโหว่แต่แสร้งเป็นเข้มแข็งปกติดีอยู่ก็ได้ทว่าฝ่ามือเมื่อครู่ที่ตบลงจนเก้าอี้หินแหลกเป็นผุยผงก็ได้ทำลายความหวังของพวกมันไปสิ้น

    "บัดซบ พวกเจ้ากลับแบ่งเบาภาระขององค์ราชาโดยการคิดยึดเอาดินแดนของโรฮานไป" กาเล็ทกล่าวตวาดออกมาอย่างดุดัน ท่าทีของกาเล็ทซึ่งเปลี่ยนแปลงจากสุภาพเป็นเกรี้ยวกราดอย่างกระทันหันทำให้ขวัญของทั้งดยุคแพทริคและผู้คนของสี่ตระกูลใหญ่กระเจิงปลิวว่อนเตลิดหายไป

    บัดนี้ดยุคแพทริคทำได้เพียงหันมองไปทางพี่ชายของตนเองเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ

    เห็นสายตาของน้องชายตนเองที่มองมา ราชาเบรุทก็ทำได้แต่เพียงเบือนหน้าหนีไป "ท่านแม่ ข้าไม่เคยผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ต่อท่าน ข้าทำสุดความสามารถแล้ว ข้าทำทุกทางแล้ว ข้าหวังว่าท่านจะให้อภัยและเข้าใจข้า หากข้าไม่ลงมือภายหน้าก็อาจจะเป็นข้าเองที่ต้องตกตาย เป็นบุตรสาวของข้าที่ต้องทนทุกข์" ราชาเบรุทได้แต่พูดกับตัวเองในใจ รอบเดือนที่ผ่านมานี้มันได้อยู่ใกล้ชิดกับบุตรสาวทั้งสองของตนเมื่อก่อนนั้นแม้ว่ามันจะมีความรักเอ็นดูบุตรสาวของตนเองก็จริงอยู่แต่จะอย่างไรมันก็เป็นบุรุษ มันเป็นราชาของอาณาจักร มันไม่อาจแสดงความอ่อนแอออกมาได้ดังนั้นถึงมันจะรักเอ็นดูบุตรสาวทั้งสองของตนเองมันยังคงใช้ทั้งสองเป็นเครื่องมือทว่ารอบเดือนที่ผ่านมานี้ทำให้มันได้คิด ในยามที่มันอ่อนแอ ในยามที่ตัวมันสิ้นหวัง มิใชเป็นบุตรสาวทั้งสองของมันหรอกหรอที่คอยดูแลเอาใจใส่ อีกทั้งยังคอยจัดการเรื่องต่างๆแทนมัน ทำให้เวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ตัวมันมีความรู้สึกประการหนึ่ง ความรู้สึกรักเอ็นดู ความรู้สึกผูกพันที่เพิ่มพูนขึ้น ความเป็นห่วงลูกสาวทั้งสองจากใจจริง ความรู้สึกผิดที่มันได้ตัดสินใจส่งบุตรสาวของมันไปเป็นตัวประกันที่ไอออน ความรู้สึกผิดที่มันไม่ได้ออกตัวปกป้องบุตรสาวคนเล็กของมันในยามที่นางต้องการ ดังนั้นแล้วมันจึงเลือกที่จะฆ่าล้างสังหารน้องชายของตนในวันนี้เพื่อที่จะไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามและเป็นอันตรายต่อผู้คนที่มันรักห่วงใยอีกในภายหน้า ในวันนี้มันได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว


    จากคำตวาดของกาเล็ททำให้ขุนนางทั้งหมดภายในห้องโถงนั้นตัวแข็งทื่อตะลึงลานทำอะไรไม่ถูก "ตัวบัดซบเช่นพวกเจ้าถือโอกาสที่โรฮานกำลังอ่อนแอร่วมกันวางแผนเพื่อยึดเอาดินแดนของโรฮานไป เสียทีที่ได้ชื่อเป็นถึงสี่ตระกูลใหญ่ บรรพบุรุษของพวกเจ้าร่วมกันก่อตั้งสร้างโรฮานขึ้นมาอย่างยากลำบากดังนั้นเพื่อเป็นการตอบแทนราชาผู้แรกตั้งอาณาจักรจึงได้ให้ยศ ให้ตำแหน่ง ให้ดินแดน กับบรรพบุรุษของพวกเจ้า ทว่าเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่รุ่น ลูกหลานเช่นพวกเจ้ากลับทรยศเนรคุณทำลายเกียรติภูมิที่บรรพบุรุษสร้างมาจนหมดสิ้น ไม่เพียงไม่ยอมลุกขึ้นปกป้องโรฮานแต่กลับเป็นผู้บ่อนทำลายเสียเอง บรรพบุรุษของพวกเจ้าคงนอนตายตาไม่หลับแล้ว" กาเล็ทชี้หน้าด่ากราดตัวแทนของสี่ตระกูลใหญ่อย่างไม่ไว้หน้า

    โครม เสียงคุกเข่าดังขึ้นพร้อมกับเสียงหน้าผากที่โขกกับพื้นดังระรัว "พวกข้าผิดไปแล้ว พวกข้าผิดไปแล้ว พวกข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดอภัยละเว้น พวกข้าผิดไปแล้ว" ตัวแทนของสามตระกูลใหญ่ต่างคุกเข่าลงโขกหัวกับพื้นอ้อนวอนหันไปทางราชาเบรุทพร้อมทั้งหันมาทางกาเล็ท

    "เชื่อหรือไม่ว่าหากเจ้าขยับตัวอีกเพียงน้อยนิดข้าจะสังหารเจ้าให้บัดดล" เสียงกาเล็ทเอ่ยขึ้นลอยๆ ซึ่งก็ไม่ทราบได้ว่าเอ่ยกับผู้ใดกันแน่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×