ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #133 : ผลึกแก่นจิตวิญญาณ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.63K
      397
      7 ม.ค. 61





    ทั้งโรส เจฟ มาร์ติน และเรน่าเมื่อถูกกาเล็ทชักนำให้เข้าสู่มิติเทพเจ้าก็แสดงสีหน้าตกอกตกใจออกมา

    "น.นี่มันอะไรกันข้างงไปหมดแล้ว" โรสเอ่ยกล่าวขึ้น

    เจฟ มาร์ติน และเรน่าต่างหันซ้ายทีขวาทีเพื่อสำรวจตรวจดูทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวของตนเอง

    "อย่าได้ตื่นตกใจไป ที่นี่คือสถานที่พิเศษซึ่งถือได้ว่าเป็นความลับสุดยอดของข้า และผู้ที่ข้าจะยอมให้ล่วงรู้การมีอยู่ของมิติพิเศษนี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทนั่นคือ 1.มิตรสหายที่ข้าไว้วางใจและ 2.คือศัตรูที่ข้าตัดสินใจจะฆ่าล้าง พวกเจ้าย่อมจัดได้ว่าเป็นประเภทแรก" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวอธิบายบายกับลูกน้องทั้งสี่ของตน

    ทั้งสี่ได้ฟังก็นิ่งอึ้งไป

    "นับจากนี้เป็นต้นไปพวกเจ้าจะต้องอยู่ฝึกหนักในมิติแห่งนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี" กาเล็ทเอ่ยขึ้น

    "1 ปีหรือนายน้อย" โรสเอ่ยถามขึ้น

    "นายน้อยท่านมิใช่บอกว่าจะฝึกฝนให้พวกเราเพียง 1-2 เดือนหรอกหรือ?" เรน่าเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง สาเหตุก็เพราะตัวของเรน่านั้นมีน้องชายและพ่อที่แก่ชราต้องดูแล

    "ข้ามิใช่บอกแล้วหรอกหรือว่ามิติแห่งนี้นั้นเป็นมิติพิเศษ เวลาในมิติแห่งนี้ 1 ปีเทียบเท่ากับเวลาของโลกภายนอกเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้นพวกเจ้าฝึกฝนอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ" กาเล็ทเอ่ย

    เมื่อได้ฟังทั้งสี่ก็แสดงอาการตกใจอีกคราหนึ่ง

    "มิติแห่งนี้ไม่เพียงแต่มีความต่างทางด้านระยะเวลากับโลกภายนอก แม้แต่ความเข้มข้นของกระแสจิตวิญญาณในมิติแห่งนี้ก็จัดได้ว่าเข้มข้นกว่าโลกภายนอกถึงสามเท่า" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวเพื่ออธิบายให้แก่ผู้เป็นลูกน้องจากนั้นกาเล็ทจึงนำเม็ดยาเทพโอสถวิถีฟ้าระดับสูงออกมาสี่เม็ดยื่นส่งให้แก่ทั้งสี่

    "น..นี่มัน" ทั้งสี่ต่างอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ไม่ต้องมีผู้ใดเอ่ยบอกกล่าวพวกตนก็พอจะทราบได้ว่าต้องเป็นของล้ำค่าอย่างมาก เม็ดยานั้นเปล่งประกายส่องแสงออกมาด้วยตัวของมันเอง

    "นี่คือยาเทพโอสถระดับสูงสุดในตอนนี้ที่ข้าสามารถปรุงมันขึ้นมาได้ มันจะช่วยให้การฝึกฝนของพวกเจ้าง่ายดายขึ้นรับไปแล้วกินมันซะ" กาเล็ทเอ่ยบอก

    เมื่อได้รับคำอนุญาติจากกาเล็ททั้งสี่ก็รับยานั้นมาและนำมันเข้าสู่ปากของตนเองอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ตัวยาเทพโอสถเข้าสู่ร่างกายของทั้งสี่มันก็กลายเป็นกระแสพลังงานมุ่งตรงเข้าสู่แก่นจิตวิญญาณจากนั้นทั้งสี่พลันรู้สึกว่าร่างกายเบาสบายเพียงหลับตาก็สามารถรับรู้ถึงการคงอยู่ของพลังจิตวิญญาณได้

    "ข้าสัมผัสได้ถึงพลังจิตวิญญาณ เพียงแค่หลับตาของข้าก็สามารถสัมผัสถึงมันได้" โรสส่งเสียงร้องอุทานออกมาด้วยความยินดี ทั้งเจพ มาร์ตินและเรน่าก็รู้สึกไม่ต่างกัน ทว่าความรู้สึกยินดีก็คงอยู่ได้เพียงชั่วครู่ อยู่ๆทั้งสี่พลันรู้สึกถึงความกดดันมหาศาลที่พวยพุ่งเข้าจู่โจมใส่ตนเองจนทำให้ตนเองไม่สามารถแม้แต่ที่จะหยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้เลย เหงื่อเม็ดโป้งปรากฎขึ้นบนใบหน้าของทั้งสี่

    "นี่คือบทเรียนแรกสำหรับพวกเจ้า จงจำไว้ให้มั่น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะการณ์ใดห้ามมิให้คลายความระแวดระวังที่มี หากว่าเจ้าเผลอตัวแม้สักเสี้ยววินาทีเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะให้ผู้ซึ่งมีความสามารถได้ฉกฉวยโอกาสนั้นเพื่อคร่าชีวิตของพวกเจ้าได้โดยง่าย การเผชิญกับผู้ที่มีระดับพลังสูงกว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือสติและความแน่วแน่มุ่งมั่นของจิตใจ หากว่าเจ้าปราศจากสองสิ่งนี้เมื่อต้องเผชิญกับศัตรูที่มีระดับพลังเหนือกว่า เจ้าจะถูกสังหารในพริบตา" กาเล็ทเอ่ยกล่าวสอนสั่งพร้อมทั้งคลายแรงกดดันและวิชาระเบิดวิญญาณควบคุมร่างที่ใช้กับลูกน้องของตนอก

    เหงื่อกาฬของทั้งสี่ไหลออกมาจนเปียกชุ่มบนเสื้อผ้า เมื่อสักครู่พวกตนกลับรู้สึกถึงความตื่นกลัวอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต

    "หากว่าเป็นการต่อสู้จริงเมื่อสักครู่เจ้าทั้งสี่พึ่งจะถูกข้าสังหารไปแล้ว 1 ครั้ง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวจากนั้นจึงรอดูท่าทีให้ลูกน้องทั้งสี่ของตนเองสงบใจลง เมื่อเห็นว่าลูกน้องทั้งสี่เริ่มมีท่าทีกลับมาเป็นปกติแล้ว กาเล็ทก็นำผลึกจิตวิญญาณที่ส่องแสงเรืองรองด้วยตัวของมันเองออกมาจากมิติเทพเจ้า กาเล็ทบังคับพลังให้ควบคุมผลึกทั้งสี่ก้อนให้ลอยไปอยู่เบื้องหน้าของลูกน้องทั้งสี่ของตนเองคนละก้อน ผลึกทั้งสี่ก้อนนี้ย่อมเป็นผลึกแก่นจิตวิญญาณระดับราชาจากทั้งอังเดรและผู้ติดตามของมันกับเป็นของหนึ่งในสี่เทพผู้คุ้มครองของจักรพรรดิ์แดง

    "น.นี่มัน" ทั้งสี่เมื่อสังเกตุเห็นผลึกทั้งสี่ที่ลอยอยู่เบื้องหน้าก็ส่งเสียงร้องอุทานออกมาอีกครั้งหนึ่ง

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว "มิใช่พึ่งบอกกล่าวไปหรอกหรือว่าให้มีสติอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเผชิญเรื่องอันใดก็อย่าได้วอกแวกตื่นตระหนก"

    "น..นายน้อยนี่คือ" เจฟเอ่ยถามขึ้น

    "นี่คือผลึกจิตวิญญาณระดับราชา ข้าจะช่วยให้พวกเจ้าดูดซัพพลังจากมัน" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว

    "นายน้อย ท่านหมายความว่าจะมอบผลึกจิตวิญญาณที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่พวกข้า?" โรสเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ

    "เป็นเช่นนั้น" กาเล็ทเอ่ยตอบ

    เมื่อทั้งสี่ได้ฟังคำตอบของกาเล็ท ทั้งสี่ก็แทบที่จะเก็บงำสงวนท่าทีเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวออกมาอีกคราหนึ่ง จะโทษว่าลูกน้องของตนเองที่แสดงอาการเช่นนี้ออกมาก็ไม่ได้ หากว่าไม่ได้พบกับกาเล็ทอย่าว่าแต่ผลึกแก่นจิตวิญญาณของผู้มีพลังระดับราชาเลยแม้แต่ตัวผู้มีพลังระดับราชาเองทั้งสี่ก็แทบจะไม่เคยเห็นหรือพบเจอเลยด้วยซ้ำ

    "อย่าพึ่งด่วนสรุปดีใจไปถึงเพียงนั้น บอกต่อพวกเจ้าตามตรงการดูดซัพพลังจากแก่นจิตวิญญาณนั้นแม้ว่าจะเป็นวิธีการฝึกฝนที่จัดได้ว่ารวดเร็วที่สุดวิธีหนึ่งทว่ามันก็มีความเสี่ยงและข้อเสียอยู่เช่นกัน" กาเล็ทเอ่ยบอก

    "ข้อเสีย?" โรสระงับความรู้สึกยินดีไว้และเอ่ยถามขึ้น

    "ในด้านความเสี่ยงให้ละไว้ ข้าจะลงมือช่วยเหลือพวกเจ้าเพื่อควบคุมขั้นตอนการดูดซัพพลังเข้าสู่ร่างด้วยตนเอง ดังนั้นแล้วเรื่องความเสี่ยงคงสามารถเบาใจลงได้ระดับหนึ่ง สำหรับกับข้อเสียของมันคือการดูดซัพพลังงานจากแก่นจิตวิญญาณนั้นจะช่วยเสริมเพิ่มพูนระดับพลังได้อย่างรวดเร็วก็จริงแต่ผลเสียของมันก็คือมันจะทำให้การเพิ่มระดับพลังของพวกเจ้าสู่ขีดขั้นต่อไปทำได้ยากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อรู้เช่นนี้แล้วพวกเจ้ายินยอมที่จะตัดสินใจเพื่อรับความเสี่ยงและข้อเสียของการฝึกฝนด้วยวิธีนี้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ย

    "พวกข้ายินยอม" ทั้งสี่เอ่ยโดยไม่ขบคิดเลยแม้แต่น้อย สำหรับกับทั้งสี่นั้นหากว่าต้องฝึกฝนด้วยตนเองไม่ทราบว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปีกว่าที่ตนจะสามารถบรรลุระดับพลังได้ถึงขั้นที่ 9 อาจบางทีแม้ว่าจะฝึกฝนตลอดทั้งชีวิตของตนเองก็คงจะไม่สามารถบรรลุไปถึงขีดขั้นนั้นได้ เพื่อที่จะได้รับพลังมาและสามารถเป็นกำลังให้กับกาเล็ทได้ทั้งสี่จึงตัดสินใจที่จะยอมเสี่ยงแม้ว่าจะต้องแลกกับสิ่งใดก็ตาม

    ได้เห็นถึงความแน่วแน่มุ่งมั่นของลูกน้องทั้งสี่กาเล็ทก็พยักหน้าอย่างพอใจ เดิมทีแล้วทั้งความเสี่ยงและข้อเสียที่กาเล็ทกล่าวบอกต่อทั้งสี่นั้นแทบจะไม่มีเหลืออยู่เลยด้วยซ้ำหากว่าตนเองเป็นผู้ลงมือช่วยเหลือในการฝึกฝนแก่ทั้งสี่ด้วยตนเองทว่ากาเล็ทกลับไม่ได้บ่งบอกเรื่องนี้ออกไปตามตรงเพราะต้องการทดสอบดูว่าทั้งสี่นั้นเตรียมใจไว้เพียงไร

    "ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าปรับตัวสักพักอยู่ในมิติเทพเจ้า ข้าขอตัวออกไปจัดการเรื่องราวภายนอกให้เรียบร้อยก่อนเข้าใจแล้วหรือไม่" กาเล็ทเอ่ย

    "พวกข้าเข้าใจแล้วนายน้อย" ทั้งสี่เอ่ยบอก

    ได้ยินเช่นนั้นกาเล็ทก็ออกมาจากมิติเทพเจ้าเพื่อจัดแจงเรื่องราว สื่งที่กาเล็ทห่วงกังวลที่สุดนั้นย่อมเป็นบุตรสาวตัวน้อยของตนเอง เนื่องจากว่าในระยะเวลาของการดูดซัพพลังจากแก่นจิตวิญญาณกาเล็ทเองนั้นจะไม่สามารถปลีกตัวออกมาเพื่อพบเจอกับผู้เป็นบุตรสาวได้เป็นเวลานานเป็นเวลาหลายวันดังนั้นด้วยเหตุนี้กาเล็ทจึงต้องเอ่ยบอกกับมิร่าให้เข้าใจเสียก่อน อีกทั้งเนื่องจากว่าตนเองต้องเข้าไปอยู่ในมิติเทพเจ้าเป็นเวลานาน กาเล็ทจึงไม่วางใจที่จะนำมิร่าเข้าไปอยู่ด้วย หากว่าทั้งตนเองและมิร่าน้อยเข้าไปอยู่ภายในมิติเทพเจ้าและในระหว่างนั้นมีศัตรูเข้มแข็งปรากฎตัวขึ้นจะทำอย่างไร? ด้วยเหตุนี้กาเล็ทจึงเลือกที่จะให้มิร่าเฝ้าระวังอยู่ภายนอกมิติเทพเจ้า

    "ปะป๋า ปะป๋า" หลังจากที่กาเล็ทออกจากมิติเทพเจ้ามาได้ไม่นานมิร่าน้อยก็พุ่งทะยานเข้ามาหาตนเองอย่างรวดเร็ว

    ด้วยสาเหตุที่นางนั้นรีดเร้นใช้พลังสร้างคมหอกวายุไม้ตายลับเพื่อสั่งหารจักรพรรดิ์แดงไปจนหมดสิ้น ส่งผลให้เมื่อเสร็จสิ้นศึกกับจักรพรรดิ์แดงแล้วนางจึงเกิดความรู้สึกอ่อนเพลียอย่างมากจนเผลอหลับไปในอ้อมอกของนีน่า เมื่อตัวมิร่านั้นฟื้นฟูเรี่ยวแรงและตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลแล้วแต่ไม่พบกับกาเล็ทจึงทำให้มิร่ารู้สึกกังวลใจไม่น้อย

    มิร่าในร่างของเด็กหญิงถูไถใบหน้าของตนเองกับกาเล็ทพร้อมทั้งทำจมูกฟุตฟิดสูดดมกลิ่นกายจากร่างของกาเล็ท "ฮี ฮี่ กลิ่นของปะป๋าชอบที่สุดเลยชอบกลิ่นของปะป๋า"

    กาเล็ทเห็นอาการของมิร่าผู้เป็นบุตรสาวก็รู้สึกลำบากใจที่จะเอ่ยบอกกล่าวต่อนางว่าตนเองจะไม่อยู่สักหลายวัน แต่สุดท้ายแล้วเรื่องที่ต้องเอ่ยบอกจะอย่างไรก็ต้องเอ่ยบอกกาเล็ทจึงลูบหัวของมิร่าคราหนึ่ง "มิร่า ปะป๋าจะไม่อยู่สักหลายวันมิร่าต้องดูแลบ้านของพวกเราให้ดีเข้าใจไหม"

    มิร่าซึ่งได้ฟังคำเอ่ยของกาเล็ทก็หยุดถูไถสูดดมร่างของกาเล็ททันทีพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจ้องมองไปยังกาเล็ทด้วยสายตาเสมือนว่าตนเองกำลังจะถูกทิ้งไป "ปะป๋าจะไปไหน มิร่าไปด้วยนะ" มิร่าเอ่ยร้องขอ

    "ปะป๋าจะเข้าไปฝึกฝนในมิติเทพเจ้าสักหลายวัน แต่ว่าทางด้านนี้ต้องมีคนคอยดูแล ถ้าหากว่ามีโจรร้ายอย่างเจ้าผมแดงมาอีกแล้วทั้งมิร่าแล้วปะป๋าอยู่ในมิติเทพเจ้าทั้งคู่แบบนั้นบ้านของพวกเราคงถูกทำลายจนพังพินาศแน่นอนเพราะแบบนี้มิร่าต้องคอยดูแลบ้านของพวกเราตอนที่ปะป๋าไม่อยู่เข้าใจไหม" กาเล็ทพยายามใช้เหตุผลอธิบายกับมิร่า

    มิร่าซึ่งได้ฟังเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา

    "แค่ไม่กี่วันเอง ปะป๋าน่ะพึ่งได้แต่มิร่าเท่านั้นเองนะ" กาเล็ทเอ่ย

    "งืมม มิร่าเข้าใจแล้ว" มิร่าเอ่ยตอบอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจเท่าใดนัก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×