ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #128 : แผนการที่รัดกุม [รีไรท์]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.29K
      421
      4 ม.ค. 61





    เพื่อลดความแตกตื่นและเป็นการป้องกันข่าวที่อาจจะหลุดรั่วออกไปได้ทำให้กาเล็ทเลือกที่จะเรียกประชุมผู้คนของตระกูลบุสโซ่กลางดึกเป็นการด่วน ทั้งเหล่านักบู๊และหญิงรับใช้ต่างถูกเรียกตัวให้มารวมอยู่ยังห้องโถงใหญ่ของตระกูลบุสโซ่อย่างพร้อมเพรียงส่งผลให้ห้องโถงใหญ่ภายในปราสาทบุสโซ่แลดูแคบไปอย่างทันทีทันใด

    "อย่างที่พวกเจ้าน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าได้เกิดเหตุการณ์บุกโจมตีเกิดขึ้น และผู้ที่บุกมานั้นก็คือจักรพรรดิ์แดง จักรพรรดิ์แห่งทวีปตะวันออกแห่งนี้" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ทั่วทั้งห้องโถงก็ปรากฎเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นทว่าไม่นานเสียงนั้นก็เงียบไป

    สาเหตุก็เพราะกาเล็ทที่ยืนจ้องมองเหล่านักบู๊ซึ่งแตกตื่นจากคำกล่าวของตนอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก เมื่อโรส มาร์ติน เจฟและเรน่าสังเกตุเห็นอาการของผู้เป็นนายจึงได้ส่งสัญญาณให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองเงียบเสียงลงส่วนเหล่าหญิงรับใช้เมื่อเห็นว่าเหล่าทหารนักบู๊เริ่มเงียบลงก็พากันเงียบเสียงของตนลงตามไปด้วย

    กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ส่ายหัวคราหนึ่ง "เคยบอกกล่าวไปแล้วมิใช่หรือ พวกเจ้าเป็นทหารต้องออกสู้รบในสมรภูมิสิ่งที่สำคัญกว่าสิ่งใดนั่นคือจิตใจที่มั่นคง หากว่าเพียงได้ยินชื่อของจักรพรรดิ์แดงเช่นนี้ก็แตกตื่นจนขวัญหนีแบบนี้แล้วยังจะสามารถจับอาวุธเข้าต่อสู้ฆ่าฟันกับผู้ใดได้อีก" กาเล็ทเอ่ยโดยใช้น้ำเสียงในเชิงตำหนิต่อว่ากับเหล่าทหารนักบู๊จากนั้นจึงหันไปเอ่ยกล่าวกับเหล่าหญิงรับใช้ที่หน้าเจื่อนลงเช่นกัน "ไม่ต้องตกใจไป ไม่ได้หมายถึงพวกเจ้า" พร้อมกับเผยรอบยิ้มที่เป็นกันเองออกมาแก่พวกนาง

    ได้ฟังเช่นนั้นเหล่าหญิงรับใช้ก็มีสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น

    "จักรพรรดิ์แดงนั้นได้ถูกข้าสังหารสิ้นแล้ว" อยู่ๆกาเล็ทก็โพล่งบอกผลของการต่อสู้ที่ยากจะทำใจให้เชื่อลงได้ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทว่าแม้สิ่งที่ได้ยินจะน่าตื่นตกใจเพียงใดแต่เหล่าทหารนักบู๊ต่างพยายามรักษาท่าทีของตนไว้ไม่ให้แสดงความแตกตื่นตกใจออกมาอีก

    "น..นายน้อย เมื่อครู่ท่านใช่กล่าวว่าท่านได้ลงมือสังหารจักรพรรดิ์แดง จักรพรรดิ์แดงซึ่งเป็นผู้ปกครองทวีปตะวันออกนี้หรือ พวกข้าใช่ฟังผิดไปหรือไม่?" โรสที่มีขวัญกล้ากว่าผู้ใดเอ่ยถามกาเล็ทออกมา

    "พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด เป็นเช่นนั้น จักรพรรดิ์แดงถูกข้าและมิร่าน้อยสังหารสิ้นแล้ว" กล่าวจบกาเล็ทก็ชี้ไปที่ร่างของสี่เทพผู้คุ้มครองที่หนึ่งนั้นเหลืออยู่เพียงแต่ร่างซึ่งไร้วิญญาณส่วนอีกหนึ่งก็สลบเหมือดไปแล้ว "นี่คือสองในสี่เทพผู้คุ้มครองซึ่งทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ของจักรพรรดิ์แดง และนี่คือแก่นจิตวิญญาณของจักรพรรดิ์แดงที่ข้านำออกมาจากร่างของมันหลังจากสังหารมันแล้ว" กาเล็ทเอ่ยกล่าวถึงช่วงท้ายก็นำแก่นจิตวิญญาณสีแดงเพลิงซึ่งส่องแสงสว่างจ้าออกมาให้ทุกผู้คนภายในห้องชมดูเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันคำกล่าวของตนเอง

    เมื่อเห็นว่าเหล่าลูกน้องของตนเองเริ่มสงบใจลงได้แล้วก็เล็ทก็เริ่มเอ่ยบอกกล่าวถึงจุดประสงค์ที่ตนเองเรียกประชุมรวมพลกลางดึก "ข้าคิดว่าไม่แต่เพียงพวกเจ้า ทุกผู้คนที่อยู่ในเมืองแบรี่เองก็คงจะกำลังสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เช่นกัน ข้าต้องการให้พวกเจ้าแสร้งทำเหมือนว่าข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับจักรพรรดิ์แดงพร้อมทั้งปล่อยข่าวลือออกไปว่าท่านอาจารย์เทลเล่อซึ่งเป็นผู้พิทักษ์แห่งโรฮานได้พลีชีพในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วย"

    "นายน้อยท่านมิใช่สบายดีอยู่หรอกหรือ" โรสเอ่ยถามขึ้นอีกคราหนึ่ง จะกล่าวไปแล้วในหมู่ลูกน้องของกาเล็ทโรสกลับเป็นผู้เดียวที่ขวัญกล้าบังอาจที่สุดสาเหตุก็เพราะว่าตัวโรสนั้นทราบกระจ่างดีว่ากาเล็ทนั้นไม่ได้เป็นดั่งที่แสดงออกมาให้ได้เห็นยามนี้ ตัวตนจริงๆของนายน้อยผู้นี้นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาดั่งเช่นผู้เป็นมารดาของเขาทำให้โรสไม่มีความรู้สึกเกรงกลัวต่อกาเล็ทเลยแม้แต่น้อย

    "ข้าย่อมสบายดีหายห่วงและท่านอาจารย์ของข้าก็ยังมีชีวิตสบายดีอยู่อย่างที่เจ้าพวกเจ้าเห็นกัน สาเหตุที่ทำเช่นนี้ก็เพราะข้าต้องการล่อลวงเหล่าผู้คนที่มักใหญ่ใฝ่สูงในโรฮานออกมาให้มากที่สุด พวกเจ้าไม่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่ามิตรหรือศัตรูให้ดูเมื่อยามยากลำบากหรอกหรือ?" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    เมื่อได้ฟังคำอธิบายของกาเล็ทเหล่าหญิงรับใช้ภายในตระกูลบุสโซ่ก็ผงกหัวอย่างเข้าใจส่วนเหล่าทหารนักบู๊ต่างใช้สาตาเคารพยกย่องมองไปยังกาเล็ทนายน้อยของตนเอง

    "พวกเจ้าต้องไม่เปิดเผยเรื่องที่ข้ายังสบายดีหายห่วงออกไป ไม่เพียงไม่เปิดเผยพวกเจ้ายังต้องแสร้งปล่อยข่าวลือพร้อมทั้งเปิดช่องว่างให้กับผู้คนเข้าเพื่อให้พวกมันสามารถสืบหาข่าวจากพวกเจ้าได้ด้วย" กาเล็ทเอ่ยจบก็หันไปสั่งการต่อหญิงรับใช้ "ไอช่า เนื่องจากน้องชายของเจ้าป่วยหนักต้องใช้เงินทองมากมายในการรักษาดังนั้นแล้วเจ้าจึงต้องไปหยิบยืมเงินทองจากเหล่าพ่อค้าภายในเมือง เพื่อเป็นค่าตอบแทนที่ให้เจ้าหยิบยืมเงินทองมาเพื่อใช้รักษาผู้เป็นน้องชายดังนั้นแล้วเจ้าจึงเปิดเผยเรื่องราวภายในของตระกูลบุสโซ่แก่พวกมัน" กาเล็ทเอ่ยกล่าวกับหญิงรับใช้ไอช่า

    เมื่อได้ฟังคำกล่าวของกาเล็ท ไอช่ากลับแสดงอาการมึนงงสงสัยไม่เข้าใจในคำกล่าวของกาเล็ท ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปนางก็เข้าใจถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้เป็นนายได้ "บ่าวเข้าใจแล้วนายน้อย" ไอช่าเอ่ยกล่าว

    "เครตัน เนื่องจากที่เจ้าพึ่งได้เข้าร่วมกับตระกูลบุสโซ่ทว่าข้ากลับบาดเจ็บสาหัสจนยากที่จะเยียวยารักษาได้ ดังนั้นเจ้าจึงเกิดความผิดหวังท้อแท้ยิ่งนักเพราะเหตุนี้เจ้าจึงได้ไปเที่ยวดื่มกินจนเมามายและเผลอบอกเรื่องนี้ออกมา" กาเล็ทหันไปเอ่ยบอกกล่าวกับนักบู๊ผู้หนึ่ง

    เครตันซึ่งคาดคิดไม่ถึงว่านายน้อยจะสามารถจดจำชื่อทหารใหม่เช่นมันได้ก็นิ่งอึ้งไปวูบหนึ่งจากนั้นมันจึงคุกเข่าลง "บ่าวทราบแล้ว"

    ได้ฟังเช่นนั้นกาเล็ทก็เผยรอยยิ้มออกมา "สเลน เอลโก้ บาร์ตัน เมื่อข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงไม่สามารถกวดขันวินัยแก่พวกเจ้าได้อีกต่อไป ดังนั้นพวกเจ้าถึงถือเอาโอกาสนี้ที่ไม่มีผู้ใดคอยดูแลควบคุมเข้าไปหาความบันเทิงภายในบ่อนของเมืองแบรี่ พวกเจ้าทั้งสามเล่นพนันจนหมดสิ้นเงินทองจากนั้นจึงได้ไปขอหยิบยืมจากหัวหน้าบ่อนดังนั้นแล้วเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนที่ให้พวกเจ้าได้หยิบยืมเงินทองพวกเจ้าจึงเปิดเผยเรื่องราวความลับนี้แก่พวกมัน" กาเล็ทเอ่ยกล่าว

    ทหารทั้งสามที่ถูกเอ่ยขานชื่อเมื่อได้ฟังว่าตนเองได้รับมอบหมายภารกิจก็รู้สึกยินดียิ่ง "พวกข้าจะไม่ทำให้นายน้อยผิดหวัง"

    "จงจำไว้ว่าเพียงเสแสร้งแกล้งแสดง อย่าได้หลงมัวเมาไปกับการพนันหาไม่แล้วคงไม่ต้องบอกกล่าวใช่หรือไม่ว่าจะต้องพบเจอกับสิ่งใด" กาเล็ทยังคงเอ่ยกล่าว

    "พวกข้าเข้าใจแล้ว" ทั้งสามเอ่ยขานรับอย่างพร้อมเพรียง

    "ส่วนพวกเจ้าที่เหลือเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอกก็ให้พยายามเสแสร้งแกล้งแสดงออกเช่นกันว่าตระกูลบุสโซ่กำลังอยู่ในช่วงของการสูญเสียอีกทั้งในช่วงเวลาต่อจากนี้ไปหากว่าพวกเจ้าถูกยั่วยุจากคนภายนอกก็ขอให้อดทนอดกลั้นไว้หากว่าไม่ใช่สิ่งที่เกินเลยไปก็ขอให้อดทนให้มากไว้" กาเล็ทเอ่ยสั่งการกับข้ารับใช้ทุกผู้คนของตนเอง

    "พ.พวกข้าเล่านายน้อย" โรสเอ่ยถามออกมาอย่างวิตกกังวลเมื่อเห็นว่ากาเล็ทกลับไม่ได้มอบหมายหน้าที่ใดให้แก่พวกตนเองทั้งสี่

    "สำหรับกับพวกเจ้า โรส เจฟ มาร์ตินและเรน่า คืนนี้นำผู้คนออกไปจำนวนหนึ่งควานหาซากศพของสองในสี่เทพผู้คุ้มครองที่เหลือและนำร่างของพวกมันกลับมาเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วก็ให้กลับไปแจ้งต่อผู้คนใกล้ชิดว่าพวกเจ้าจะไม่อยู่สักหนึ่งถึงสองเดือน นับจากนี้ข้าจะฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตายให้แก่พวกเจ้าจงเตรียมใจไว้ให้ดี" กาเล็ทเอ่ยกล่าวกับทั้งสี่

    เมื่อได้ฟังทั้งสี่ก็แสดงสีหน้ายินดีปรีดาถึงขีดสุดออกมา "ขอบพระคุณนายน้อย"

    สำหรับกับกาเล็ทนั้นย่อมรู้ดีว่าจุดด้อยของตนเองคือส่วนใด นั่นก็คือกองกำลัง หากว่าวันนี้จักรพรรดิ์แดงเลือกหนทางที่แตกต่างออกไปนั่นคือหากมันไม่มาเพียงลำพังเช่นนี้ทว่าเลือกที่จะกรีฑาทัพมายังโรฮาน ตนเองก็คงไม่สามารถที่จะได้รับชัยชนะอย่างหมดจดงดงามเช่นนี้ได้เป็นแน่ ด้วยในตอนนี้ขุมกำลังของตนเองนั้นอ่อนด้อยเกินไปหากให้ฝืนบังคับแข็งขืนไปออกศึกในลักษณะนี้คงหนีไม่พ้นการบาดเจ็บล้มตายเป็นแน่ซึ่งกาเล็ทยังไม่อาจหักใจทนเห็นผู้คนภายใต้ร่มธงของตนเองออกไปตายอย่างเสียเปล่าได้ ดังนั้นอย่างน้อยเพื่อให้ตระกูลบุสโซ่สามารถมีเสาหลักเพิ่มขึ้นมาให้ตนเองได้ใช้สอยอย่างคลายใจ กาเล็ทจึงเลือกที่จะนำขุลพลของตนทั้งสี่เข้าไปฝึกหนักยังภายในมิติเทพเจ้า จะอย่างไรในระยะเวลา 1-2 เดือนต่อจากนี้ตนเองก็ไม่สามารถที่จะเปิดเผยตัวต่อสายตาของคนนอกได้อยู่แล้วก็ถือซะว่าเอาโอกาสนี้เพาะสร้างขุมกำลังของตนให้แข็งแกร่งขึ้นมาอีกระดับก็ไม่เสียหาย

    กาเล็ทเฝ้ามองดูลูกน้องของตนเองทั้งหมดค่อยๆแยกย้ายจากไปเพื่อปฎิบัติตามคำสั่งของตนเองจากนั้นจึงหันกลับมามองที่นีน่า แชลเทีย ซิลเวีย เบลล่าและเทลเล่อ โจเซพ ซึ่งรออยู่

    กาเล็ทใช้สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักเอ็นดูมองไปยังมิร่าที่บัดนี้นอนหลับอุตุอยู่บนตักของนีน่าในร่างมังกรน้อย "นางคงจะเหนื่อยอ่อนน่ะ การต่อสู้กับจักรพรรดิ์แดงนั้นแม้ดูผิวเผินว่าข้ากับนางได้รับชัยชนะอย่างหมดจดงดงามทว่าในความเป็นจริงแล้วทั้งข้าและนางต่างก็ใช้พลังออกไปจนเกือบหมดสิ้นเช่นกัน" กาเล็ทเอ่ยกล่าว "ท่านลุงโจเซพ เรื่องราวภายในตระกูลบุสโซ่ต่อจากนี้คงต้องรบกวนท่านดูแลจัดการแล้ว" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าว

    "นั่นเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วนายน้อย" โจเซพค้อมตัวลงเอ่ยกล่าว

    "ท่านแม่ คืนนี้ท่านนำมิร่าน้อยไปพักผ่อนอยู่กับท่านด้วยได้หรือไม่" กาเล็ทเอ่ยกล่าวขึ้นกับนีน่า

    "เจ้าจะไปที่ใดหรือกาเล็ท" นีน่าเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย

    กาเล็ทได้ฟังก็เปลี่ยนท่าทีจากทเคร่งขรึมจริงจังเป็นดูโง่งมในทันใด "อืม ก็ข้าอยากที่จะ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่อซิลเวียกับแชลเทียอย่างละเอียด" กาเล็ทยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเกาหัวพร้อมกับเอ่ยกล่าวขึ้น

    เทลเล่อได้ฟังเช่นนั้นก็ใช้สายตาประหลาดจ้องมองดูผู้เป็นศิษย์คราหนึ่งพร้อมกับส่ายหัวอย่างเอือมระอา "คำกล่าวที่ว่าวีรบุรุษยากที่จะฝ่าด่านหญิงงามได้ดูท่าว่าจะเป็นความจริงไม่แปลกปลอมแล้ว"

    "ท่านอาจารย์" กาเล็ทได้ฟังคำกล่าวของผู้เป็นอาจารย์ที่เสมือนว่าจะรู้เท่าทันถึงจุดประสงค์ของตนก็ได้แต่เอ่ยกล่าวเรียกขานชื่อผู้เป็นอาจารย์ออกมาเพื่อร้องขอความเห็นใจ

    ส่วนทั้งซิลเวียและแชลเทียมีหรือที่จะไม่รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนรักได้ พวกนางจึงทำได้แต่ก้มหน้างุดไม่กล้าเอ่ยกล่าววาจา

    "เฮ้อเอาเถอะข้าไม่รบกวนเวลาส่วนตัวของพวกเจ้าแล้ว นี่ก็ถือว่าดึกมากแล้วเช่นนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันเข้านอนกันเถอะท่านหญิง" เทลเล่อเอ่ยกล่าวขึ้น

    นีน่าได้ฟังก็เผยรอยยิ้มออกมา "ถ้างั้นแม่พามิร่าน้อยไปนอนก่อนนะลูกแล้วอย่าทำอะไรแปลกๆกับหนูซิลเวียและหนูแชลเทียล่ะ" ก่อนจากไปนีน่ายังไม่วายที่จะเอ่ยกล่าวห้ามปรามผู้เป็นบุตร

    "ท่านแม่" กาเล็ทเห็นเช่นนั้นก็ทำได้แต่เอ่ยกล่าวชื่อผู้เป็นมารดาออกมา



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×