ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #103 : ฝึกฝนอย่างใกล้ชิด [รีไรท์]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.57K
      455
      19 ธ.ค. 60





    "ท่านแม่จะอย่างไรท่านต้องหมั่นฝึกฝนพลังจิตวิญญาณ เช่นนั้นจึงจะสามารถทำให้อาการป่วยของท่านแม่หายขาดได้" กาเล็ทเอ่ย หลังจากที่ช่วยนีน่าสร้างแก่นจิตวิญญาณสำเร็จแล้วกาเล็ทก็ไม่ได้ลงมือช่วยเหลือในการฝึกของนีน่าอีกเลย นั่นย่อมมีสาเหตุอยู่ หากว่าตนเองลงมือช่วยเหลือการที่จะยกระดับแก่นจิตวิญญาณของนีน่าให้ขึ้นสู่ระดับต่อไปย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็น แต่หากทำเช่นนั้นจะเกิดผลเสียต่อนีน่ามากกว่าผลดีที่จะได้รับ กาเล็ทจึงเลือกที่จะให้นีน่าค่อยๆฝึกฝนด้วยตนเองเพื่อปรับพื้นฐานไปก่อน

    "อาการของท่านหญิงเป็นอย่างไรบ้าง" เทลเล่อเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อกาเล็ทลงมือตรวจดูร่างกายของผู้เป็นมารดาแล้วเสร็จ

    "ดีขึ้นตามลำดับแล้วท่านอาจารย์ หากว่าท่านแม่เข้าสู่หนทางของการฝึกฝนจนระดับแก่นจิตวิญญาณค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นร่างกายก็จะปรับสภาพให้กลับมาแข็งแรงดังเดิมได้ไม่ยาก" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

    เทลเล่อผงกหัวเป็นเชิงรับรู้พร้อมทั้งใช้สายตาประหลาดพิกลจ้องมองมาที่กาเล็ทศิษย์ของตนเอง

    "ท.ท่านอาจารย์เหตุใดจึงมองข้าเช่นนั้นเล่า" กาเล็ทเอ่ยถามขึ้น

    "เจ้านี่มันจะแปลกเกินไปแล้ว ทั้งสามารถหลอมสร้างยาวิเศษ หลอมสร้างอาวุธ ด้านการต่อสู้เจ้าก็นับว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง ยังมีด้านการปกครองบริหารบ้านเมืองก็นับว่ามีความรู้ความสามารถกว่าผู้ใด ดูจากแนวทางที่เจ้าวางไว้สำหรับเขตบุสโซ่ในอนาคต นี่เจ้ายังจะมีความรู้ด้านการแพทย์อีกหรือ ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดบ้างที่เจ้าทำไม่ได้" เทลเล่อเอ่ยขึ้นด้วยความฉงนใจ

    กาเล็ทได้ฟังก็ยกมือขึ้นเกาศรีษะของตนเองคราหนึ่ง "เพียงแต่มีความรู้อยู่บ้างเท่านั้นเองท่านอาจารย์"

    "อยู่บ้างกับผีของเจ้าน่ะสิ ระบบการปกครองที่เจ้าวางไว้ข้าลองได้อ่านดูแล้ว หากว่านำมาบังคับใช้จริงเมื่อใด ระบบระเบียบในการบริหารบ้านเมืองจะเรียบง่ายสะดวกสะบายขึ้นหลายเท่า ทั้งหลักการแบ่งแยกอำนาจออกเป็นสามเสาหลักบ้างล่ะ ทั้งเรื่องการตรากฎหมายให้เป็นกิจจะลักษณะ แต่ที่ข้าให้ความสนใจที่สุดมีอยู่หลักๆสองเรื่องคือแนวคิดเรื่องการจัดตั้งศาล กับเรื่องธนาคารอะไรของเจ้านั่น" เทลเล่อเอ่ย

    "ท่านอาจารย์ก็เห็นชอบด้วยหรือ" กาเล็ทเอ่ยอย่างยินดี

    "อืม ข้าเห็นว่าเรื่องทั้งหมดที่เจ้าวางรากฐานไว้นั้นสามารถกระทำได้แน่นอน" เทลเล่อเอ่ย

    ขณะที่หนึ่งศิษย์หนึ่งอาจารย์กำลังพูดคุยแสดงความเห็นกันอยู่ เสียงไพเราะน่าชวนฟังของซิลเวียก็ดังขึ้น "กาเล็ท ข้าได้ยินว่ามีทหารมาส่งสารจากราชวัง ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องใดหรือ"

    กาเล็ทหันไปยังต้นเสียง "เรื่องของพี่สาวเจ้าเองซิลเวีย"

    "ท.ท่านพี่เบลล่าหรือ ท่านพี่เบลล่าเป็นอะไร" ซิลเวียเอ่ย

    "นางส่งจดหมายมาบอกกล่าวให้ทางโรฮานส่งผู้คนไปรับนางกลับมาจากไอออน เนื่องจากในช่วงนี้ไอออนเกิดสงครามภายในขึ้นทำให้การพำนักอยู่ที่ไอออนถือว่าไม่ปลอดภัยเท่าใดนัก" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

    "ช..เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดีกาเล็ท จะส่งผู้ใดไปดีแล้วต้องใช้เวลานานเท่าใด ข้าเป็นห่วงท่านพี่นัก" ซิลเวียแสดงความกังวลใจออกมา

    "ไม่ต้องเป็นห่วงไปซิลเวีย ข้าจะเป็นผู้ออกเดินทางไปรับองค์หญิงเบลล่ากลับสู่โรฮานเอง เพื่อการนั้นคงต้องรบกวนเจ้าให้ร่วมเดินทางไปด้วย" กาเล็ทเอ่ย

    "อีกไม่นานเรือเหาะคงจัดเตรียมความพร้อมเสร็จ พวกเจ้าก็เตรียมตัวออกเดินทางเถอะ เรื่องนี้ไม่อาจรอช้าได้" เทลเล่อเอ่ยจากนั้นจึงหันมากำชับกับผู้เป็นศิษย์ "การเดินทางครั้งนี้ให้นำมิร่าน้อยไปด้วย อย่าได้ประมาทเด็ดข้ากาเล็ท ไอออนนั้นนับว่าเป็นอาณาจักรหลักที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิ์แดงโดยตรง"

    กาเล็ทผงกหัวรับ "ท่านอาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงไป จะอย่างไรข้ายังมีมิติเทพเจ้าอยู่ หากว่าเหตุการจวนเจียนคับขันก็ยังสามารถหลบหนีเอาตัวรอดได้ไม่ยาก" กาเล็ทเอ่ยบอกเพื่อให้ผู้เป็นอาจารย์สบายใจ

    "ซิลเวียนี่อาจจะกระทันหันไปหน่อย แต่จะอย่างไรถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน เจ้าก็ไปเตรียมตัวเถอะ" กาเล็ทเอ่ย

    "กาเล็ท ให้ข้าไปด้วยได้หรือไม่" แชลเทียเข้ามากอดแขนข้างหนึ่งของกาเล็ทไว้พร้อมทั้งส่งสายตาอ้อนวอนมองมา

    เดิมทีกาเล็ทคาดคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ยิ่งน้อยคนยิ่งเป็นผลดีแต่เมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนของหญิงคนรักที่มองมาปากของกาเล็ทพลันขยับตกปากรับคำอย่างลืมตัว "อ.อืม"

    "ฮิ ฮิ เช่นนั้นข้าก็ขอตัวไปเตรียมตัวเช่นกัน" เมื่อได้สมดั่งหวังแล้วแชลเทียก็ปลดปล่อยมือที่เกาะกุมแขนของกาเล็ทอยู่พร้อมทั้งส่งเสียงหัวเราอย่างพอใจออกมา

    เทลเล่อที่เห็นเหตุการณ์ก็ทำได้แต่ถลึงตาใส่กาเล็ทคราหนึ่ง

    "ความจริงการเดินทางครั้งนี้สมควรไปให้น้อยคนเท่าที่จะทำได้" เทลเล่อเอ่ยขึ้น

    กาเล็ทที่ทราบดีว่าตนเองมีชนักติดหลังอยู่ก็เอ่ยขึ้น "ท.ท่านอาจารย์"

    "เอาเถอะ ก่อนออกเดินทางข้าจะบอกกล่าวข้อมูลของอาณาจักรไอออนคร่าวๆให้เจ้าฟังก็แล้วกัน" เทลเล่อเอ่ยกล่าว

    จากการอธิบายของเทลเล่อกาเล็ทก็ได้รู้ว่า ไอออนนั้นถือได้ว่าเป็นอาณาจักรที่อยู่ภายใต้ร่มธงของจักรพรรดิ์แดงโดยตรงและเป็นอาณาจักรที่มีอาณาเขตพื้นที่เกินกว่าครึ่งหนึ่งของทวีปตะวันออก ถึงแม้จะอยู่ภายใต้ร่มธงของจักรพรรดิ์แดงโดยตรงทว่าจักรพรรดิ์แดงกลับไม่ได้ทำหน้าที่ปกครองและดูแลเรื่องราวภายในแต่อย่างใด กล่าวคือจักรพรรดิ์แดงถือได้ว่าเป็นผู้ก่อตั้งไอออนขึ้นต่อมาภายหลังจึงส่งต่ออำนาจการปกครองให้แก่คนใกล้ชิดทำการปกครองสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ไอออนนั้นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของโรฮานหากเดินทางด้วยเรือเหาะก็ใช้เวลาประมาณ 3-4 ก็สามารถที่จะเดินทางไปถึงเมืองสตาลิ่งซึ่งเป็นเมืองหลวงของไอออนได้ นั่นคือข้อมูลคร่าวๆที่กาเล็ทได้รับมาจากเทลเล่อ

    "เป็นเช่นนี้นี่เอง ในตอนแรกที่ได้ยินว่าเกิดสงครามภายในขึ้นข้าก็ยังสงสัยอยู่ว่าเป็นผู้ใดที่กล้าลุกขึ้นท้าทายต่อจักรพรรดิ์แดง" กาเล็ทเอ่ย

    "ถึงจักรพรรดิ์แดงเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรไอออนขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อนทว่าตัวของจักรพรรดิ์แดงนั้นก็ได้ทำหน้าที่ปกครองด้วยตนเองได้ไม่นานนักก็มอบหมายให้แก่คนใกล้ชิดสืบต่ออำนาจการปกครองมาจนถึงปัจจุบันอีกทั้งจักรพรรดิ์แดงยังเก็บตัวฝึกไม่ออกมาข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกมาร่วมยี่สิบปีแล้ว การที่ไอออนจะเกิดสงครามภายในขึ้นก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลก" เทลเล่อเอ่ย

    "ท่านอาจารย์พอจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับองค์หญิงเบลล่าบ้างหรือไม่" กาเล็ทเลียบเคียงถามไถ่ข้อมูลจากผู้เป็นอาจารย์ดู

    ได้ฟังเทลเล่อก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง "องค์หญิงเบลล่านางนั้นเป็นบุตรสาวคนโตของเบรุท อย่างที่เจ้าก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเบรุทมีนิสัยเช่นไร หากกล่าวถึงรูปโฉมโนมพรรณองค์หญิงเบลล่านั้นก็จัดได้ว่าเป็นหญิงงามล่มเมืองนางหนึ่ง" กล่าวถึงช่วงท้าเทลเล่อก็หันมามองผู้เป็นศิษย์ด้วยสายตาเคลือบแคลง

    "ห.เหตุใดท่านอาจารย์ถึงมองข้าเช่นนั้นอีกเล่า" กาเล็ทเอ่ยถาม

    ได้ฟังเทลเล่อก็ส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปจากนั้นจึงเอ่ยต่อ "นางถูกส่งตัวไปเป็นตัวประกันอยู่ที่ไอออนเมื่อสามปีก่อน จะว่าไปแล้วจะบอกว่าเป็นตัวประกันก็หาถูกต้อง บอกว่าเป็นว่าที่คู่หมั้นของเจ้าชายซาก้ารัชทายาทแห่งไอออนจะถูกกว่า" เทลเล่อเอ่ย

    ได้ฟังกาเล็ทก็จมลงสู่ห้วงความคิด "ไม่ทราบว่าอยู่ ณ ต่างแดนเจ้าหญิงนางนี้จะได้รับความลำบากมากน้อยเท่าใด"

    "กาเล็ท การเดินทางครั้งนี้อาจดูผิวเผินเหมือนไม่มีเรื่องราวใดแต่เจ้าอย่าได้ลืมว่าไอออนเป็นใจกลางของแดนศัตรูอย่าได้ประมาท" เทลเล่อยังคงเอ่ยคำเพื่อตักเตือนอย่างเป็นห่วง

    ได้ฟังกาเล็ทกลับไม่ได้รู้สึกรำคาญใจเลยแม้แต่น้อย กาเล็ทรู้ซึ้งดีกว่าผู้ใดว่าการที่มีผู้เป็นห่วงเป็นใยตนเองจากใจจริงนั้นมีค่ากว่าสิ่งใด "ท่านอาจารย์ด้วยระดับพลังของข้าและมิร่าน้อยในตอนนี้สมควรไม่ต้องเกรงกลัวต่อระดับจักรพรรดิ์ใดแล้ว ยังมีสิ่งที่ข้ายังไม่ได้บ่งบอกต่อท่านนั่นคือข้ากับนางนั้นมีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมกันอยู่ด้วยพันธะสัญญาโบราณ ด้วยพันธะสัญญานี้เปิดช่องให้ข้าและนางสามารถปัญแบ่งพลังจิตวิญญาณร่วมกันได้รวมไปถึงการผสานพลังเพื่อสร้างการจู่โจมที่รุนแรงเหนือล้ำ นั่นถือว่าเป็นไพ่ลับของข้า" กาเล็ทเอ่ยอธิบายแก่เทลเล่อ เดิมทีไพ่ลับเช่นนี้ไม่สมควรบ่งบอกออกไปทว่าเมื่อเห็นว่าผู้เป็นอาจารย์เป็นห่วงตนเองด้วยใจจริงกาเล็ทก็อดที่จะบอกกล่าวเพื่อคลายความกังวลของผู้เป็นอาจารย์ให้หมดไปไม่ได้

    ได้ฟังคำกล่าวอธิบายดวงตาของเทลเล่อก็เบิกกว้างขึ้น "ผสานพลัง?"

    "มันเป็นสิ่งที่ยากจะอธิบายให้เข้าใจด้วยเวลาอันสั้นได้ท่านอาจารย์ เอาเป็นเพียงให้ท่านเข้าใจว่าการจู่โจมที่เกิดจากการผสานพลังของข้าและนางนั้นรุนแรงเกินกว่าที่ระดับจักรพรรดิ์ใดจะต้านรับไหวแน่นอน ไม่แม้แต่จักรพรรดิ์แดง" กาเล็ทเอ่ย

    "รุนแรงถึงเพียงนั้น ?" เทลเล่อเอ่ยถาม

    กาเล็ทผงกหัวรับ "เอาไว้หลังจากกลับมาแล้วข้าจะแสดงให้ท่านอาจารย์ได้ชมดู"

    กาเล็ทและเทลเล่อพูดคุยสัพเพเหระกันอีกครู่ใหญ่ก็มีทหารเข้ามารายงานว่าเรือเหาะได้จัดเตรียมพร้อมสรรพแล้ว


    ทางด้านอาณาจักรไอออน

    "องค์ชายสถานการณ์ถือว่าไม่สู้ดีนักพะยะค่ะ" อาร์มันโด้ข้ารับใช้เก่าแต่ตั้งแต่รุ่นพ่อของเจ้าชายซาก้าเอ่ยรายงานต่อซาก้าในห้องบังลังก์

    "กำลังเสริมที่ขอไปเล่า" ซาก้าเอ่ยถามขึ้น

    ได้ฟังคำถามดีอ้อนข้ารับใช้และถือได้ว่าเป็นขุนพลคู่ใจของเจ้าชายซาก้าอีกผู้หนึ่งก็ทุบโต๊ะอย่างไม่สบอารามณ์ "เรียนองค์ชาย พวกมันต่างสงวนท่าทีไม่ยอมส่งกำลังออกมาเพื่อช่วยเหลือเรา ตัวบัดซบพวกนั้นช่างเป็นผู้คนที่เลี้ยงเสียข้าวสุกนัก"

    ได้ฟังคำกล่าวของผู้เป็นขุนพลคู่ใจซาก้าก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง "เห็นทีศึกนี้เราคงต้องพึ่งตัวเองเสียแล้ว"

    จะกล่าวไปแล้วตอนนี้หากบอกกล่าวตามตรงสถานการณ์ของซาก้านับว่าไม่สู้ดีนัก แนวป้องกันพังทลายจนทัพของจังโก้ผู้เป็นพี่ชายแทบจะบุกประชิดเมืองสตาริ่งได้แล้ว เมื่อปีก่อนอยู่ดีดีบิดาของตนเองก็ตกตายอย่างกระทันหัน ส่วนสาเหตุการตายนั้นยังคงเป็นเรื่องที่น่าคลืบแคลงสงสัยใจ ยังไม่ทันที่จะได้จัดงานพิธีให้แล้วเสร็จดี พี่ชายของตนเองก็ชูธงลุกฮือก่อกบฎขึ้น

    ซาก้าถอนหายใจลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องบัลลังก์ไปตามทางเดินคดเคี้ยว สุดท้ายแล้วจึงมาหยุดเหม่อมองอยู่ที่หอคอยซึ่งสูงลิบนับสิบชั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่

    เบลเล่าเจ้าหญิงแห่งโรฮานกำลังนั่งเหม่อมองดวงจันทร์ยามค่ำคืน ตั้งแต่ถูกส่งตัวมายังไอออนเพื่อเป็นคู่หมั้นของเจ้าชายซาก้าเมื่อสามปีก่อน นางก็พำนักอยู่ที่หอคอยแห่งนี้ตลอดมา น้อยครั้งที่นางจะได้มีโอกาสออกไปเดินดูโลกภายนอก หนำซ้ำนางกำนัลและหญิงรับใช้ของทางไอออนไม่เพียงไม่แสดงความเคารพต่อนางอย่างที่ควรจะเป็น เหล่าหญิงรับใช้ยังคงแสดงออกถึงท่าทางดูถูกดูแคลนเจ้าหญิงแห่งโรฮานผู้นี้อย่างไม่ปิดบัง เรื่องเดียวที่นับว่านางยังโชคดีอยู่บ้างคือซาก้าคู่หมั้นของนางนั้นกลับไม่ใช่เจ้าชายที่เลวร้ายอะไร หากว่าเป็นบุคคลอื่นนางคงไม่สามารถครองตัวให้บริสุทธิ์ผุดผ่องเช่นนี้อยู่ได้แล้วแต่ว่าจะอย่างไรชะตากรรมของตนเองก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เพื่อบ้านเมือง เพื่อผู้คนส่วนใหญ่แล้วแม้ต้องเผชิญกับความอัปยศอดสูเพียงไรตนเองก็ต้องทนฝ่าไปให้ได้ ขณะที่เบลล่ากำลังทอดสายตามองดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนผ่านหน้าต่างในห้องของตนเอง เสียงม่านประตูที่ถูกคลี่ออกก็ดังขึ้น

    "น้องหญิงเบลล่าเป็นอย่างไรบ้าง" ซาก้าซึ่งก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องนอนของเบลล่าเอ่ยถามทักทายขึ้น

    "ก็เหมือนทุกวันเพคะองค์ชาย สถานการณ์ขององค์ชายเล่าเป็นเช่นไรบ้าง" เบลล่าเอ่ยถาม

    ได้ฟังคำถามของหญิงสาวในดวงใจซาก้าก็เผยรอยยิ้มออกมา "แม้สถานการณ์จะไม่ดีเท่าไหร่แต่ยังคงอยู่ในการควบคุม น้องหญิงเบลล่าเจ้าได้ส่งจดหมายกลับไปยังบ้านเกิดแล้วหรือยัง" ซาก้าเอ่ย

    ได้ฟังคำกล่าวถามเบลล่าก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ครั้งแรกที่นางได้ยินว่าเจ้าชายผู้นี้เป็นห่วงความปลอดภัยของตนเองจึงต้องการให้ตนเองลี้ภัยกลับไปอาศัยอยู่ยังโรฮานชั่วคราวเบลล่านั้นรู้สึกดีใจไม่น้อย ทว่าเมื่อมานึกคิดดูแล้วในยามสงครามเช่นนี้อีกทั้งเมืองสตาริ่งแห่งนี้ยังถูกปิดล้อมอยู่ผู้คนของโรฮานจะมีปัญญาฝ่าวงล้อมเข้ามารับตัวของตนเองได้หรือ? ต่อให้กระทำได้แล้วจะยังนำพาตนเองฝ่าวงล้อมออกไปได้หรือ?

    "ส่งไปแล้วเพคะองค์ชาย" เบลล่าเอ่ยตอบ

    "ล..แล้วเจ้าได้บอกกล่าวไปในจดหมายหรือไม่ว่าสถานการณ์ถือว่าขับขันจวนเจียนให้ทางโรฮานส่งผู้ที่มีฝีมือมากที่สุดมาอารักขาเจ้าสักหลายคน" ซาก้าเอ่ยถามขึ้น คำถามนี้ของมันดูแปลกประหลาดพิกลอยู่บ้าง

    "บอกเพคะ" เบลล่าเอ่ยตอบ

    ได้ฟังเช่นนั้นซาก้าก็เดินเข้ามาคว้ามือของเบลล่าไว้ "น้องหญิงข้าอยากให้เจ้ารู้ไว้ว่าข้านั้นรักและจริงใจต่อเจ้าด้วยใจจริง ข้าสัญญาว่าหลังจากจบเรื่องนี้แล้ว เมื่อใดที่ข้าสามารถกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไว้ในมือได้ ข้าจะยกเจ้าขึ้นเป็นราชินีแห่งไอออนแน่นอ" ซาก้าเอ่ย

    "เพคะ" เบลล่าเอ่ยตอบในน้ำเสียงไม่ได้แสดงออกถึงความยินดีเลยแม้แต่น้อย

    เมื่อแชลเทียและซิลเวียเตรียมตัวแล้วเสร็จกาเล็ทก็นำทั้งหมดออกเดินทางทันทีเพื่อมุ่งตรงสู่อาณาจักรไอออนด้วยเรือเหาะ โดยเรื่อเหาะที่เทลเล่อสั่งคนไปเตรียมไว้ให้นั้นเป็นเรือเหาะหลวงลำเดียวกับที่ราชาเบรุทใช้เดินทางไปยังเมืองรีเวลเมื่อครั้งเหตุการสัตว์อสูรคลุ้มคลั่ง เรือเหาะลำนี้มีขนาดใหญ่กว่าเรือเหาะทั่วไปเกือบเท่าตัว ภายในลำเรือมีห้องหับมากมายที่ประดับไปด้วยเฟอนิเจอร์หรูหราดั่งห้องหรูในโรงแรม ส่วนทหารที่จะติดตามไปซึ่งเทลเล่อเตรียมไว้ให้ เมื่อไปถึงกาเล็ทก็ปลดออกเสียหลายคนให้เหลือแต่ทหารที่ทำหน้าที่ดูแลเรือเหาะและควบคุมเรือเหาะเพียงไม่กี่คน

    "กาเล็ท เห็นว่าไอออนกำลังเกิดสงครามภายใน เรานำเรือเหาะไปเช่นนี้ใช่จะถูกจู่โจมจากทหารของไอออนหรือไม่" ซิลเวียเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความไม่สบายใจอย่างชัดเจน

    "ซิลเวียเจ้าอย่าได้วิตกกังวลไป ฮิ ฮิ ข้าได้ยินกาเล็ทคุยโวกับท่านผู้พิทักษ์ว่าสามารถต่อกรกับจักรพรรดิ์แดงได้แล้ว หากว่าแค่คุ้มครองเรือเหาะลำเดียวยังทำไม่ได้จะไปต่อสู้กับจักรพรรดิ์แดงอันใดได้ ฮิ ฮิ" แชลเทียเอ่ย กล่าวจบก็หันไปทางชายคนรัก "ใช่หรือไม่กาเล็ท"

    กาเล็ทซึ่งเห็นท่าทีของแชลเทียที่ร่าเริงจนออกหน้าออกตาก็ได้แต่ส่ายหัว เป็นตนเองที่เผลอเคลิ้มไปกับการออดอ้อนของนางจนตกปากรับคำให้นางเดินทางมาด้วย "ข้าว่าเจ้ากลัวเสียบ้างก็จะดีไม่ใช่น้อย รู้หรือไม่ว่าเชลยศึกที่เป็นสตรีจะต้องเผชิญชะตากรรมเช่นไร" กาเล็ทเอ่ยทีเล่นที่จริงเพื่อขู่ขวัญแชลเทียที่กำลังเริงร่าอย่างมีความสุขอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะ

    "ไม่กลัว รู้แต่ว่าหากอยู่ติดกับเจ้าจะปลอดภัย" แชลเทียเอ่ย

    กาเล็ทได้ฟังก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาพร้อมทั้งคว้าตัวของแชลเทียที่อยู่ไม่ไกลเข้ามาและก้มลงห้อมแก้มนางคราหนึ่ง "เช่นนั้นนี่ถือเป็นค่าคุ้มครอง"

    "อ๊ะ" แชลเทียซึ่งถูกกาเล็ทคว้าตัวไปโอบกอดไว้ก็ได้แต่เอ่ยเสียงร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ

    "ซิลเวียเจ้าไม่ต้องเป็นกังวลใจไป การเดินทางไปรับองค์หญิงเบลล่าในคราครั้งนี้สมควรราบรื่นไร้เรื่องราว เมื่อเข้าเขตแดนของอาณาจักรไอออนข้าจะออกสำรวจพื่นที่โดยรอบให้ระเอียด หากว่าจำเป็นเราก็ทำแต่เพียงเปลี่ยนเส้นทางการบินสักเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่ซึ่งเกิดการสู้รบขึ้น อีกทั้งข้ายังไม่คิดที่จะเอาเรือเหาะเข้าเทียบจอดที่เมือสตาริ่งโดยตรง" กาเล็ทหันไปเอ่ยกับซิลเวียเมื่อจัดการกับแชลเทียจนหน้าแดงก้มหน้างุดอยู่ภายใต้อ้อมอกของตนเอง

    "ไม่เข้าเมืองไปโดยใช้เรือเหาะหรือ?" ซิลเวียเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ

    "ข้าคิดว่าใช้รถม้าจะสะดวกกว่า จอดเรือเหาะไว้นอกเมืองสตาริ่งและใช้รถมาเดินทางต่อเพื่อเข้าสู่ตัวเมือง ไม่ต้องเป็นกังวลมีข้ากับมิร่าอยู่ด้วยต่อให้ต้องเผชิญกับกองทัพนับพันหมื่นก็ไม่ใช่ปัญหา" กาเล็ทเอ่ย

    "ช่าย ม่ายต้องกลัวนะพี่สาว มิร่าจะปกป้องเอง" มิร่าซึ่งแทรกตัวเข้ามาขั้นกลางระหว่างกาเล็ทและแชลเทียเอ่ยกล่าวขึ้น จากนั้นจึงหันไปออดอ้อนกาเล็ทผู้เป็นบิดาต่อ "ไม่ได้นะปะป๋า ปะป๋าต้องกอดมิร่าด้วยนะ"
    ได้ฟังคำกล่าวของเด็กหญิงตัวน้อยกาเล็ทก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมั้นเขี้ยวจนอุ้มร่างของนางขึ้นมาแล้วก็หอมแก้มทั้งสองข้างของนางสลับไปมาอยู่หลายครั้ง "พวกเราเข้าไปข้างในเรือเหาะกันเถอะ ต้องเดินทางอีกเกือบสองวันกว่าที่จะเข้าเขตแดนของไอออน ระหว่างนี้คงไม่มีเรื่องราวใดและเพื่อไม่ปล่อยให้เวลาเสียไปอย่างสูญเปล่าข้าจะถือโอกาสนี้ช่วยพวกเจ้าฝึกฝนเพิ่มพูนระดับพลังเป็นอย่างไร" กาเล็ทเอ่ยเสนอ หากจะกล่าวไปแล้วตนเองนั้นเคยให้คำมั้นสัญญากับคนรักทั้งสองไว้ว่าจะช่วยเหลือชี้แนะพวกนางในการฝึกฝนพลังจิตวิญญาณแต่ก็ยังไม่ได้เริ่มอย่างจริงจังเสียที

    "อืม" ทั้งซิลเวียและแชลเทียเอ่ยขานรับ

    เมื่อพิจารณาดู กาเล็ทกลับพบว่าแชลเทียนั้นมีพื้นฐานเกี่ยวกับพลังจิตวิญญาณอยู่พอสมควร ทว่าซิลเวียนั้นแตกต่าง นางแถบไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับพลังจิตวิญญาณเลย กาเล็ทขบคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงจุดประสงค์ที่ตนเองต้องการให้พวกนางฝึกฝนพลัง สาเหตุหลักที่กาเล็ทต้องการให้คนใกล้ชิดทั้งหมดเดินบนเส้นทางของการฝึกฝนก็เพื่อให้พวกนางมีสุขภาพแข็งแรงและมีช่วงชีวิตที่ยืนยาว ส่วนอีกสาเหตุก็เพื่อให้พวกนางสามารถปกป้องตนเองได้ระดับหนึ่ง

    ในมิติเทพเจ้ากาเล็ทครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่จากนั้นจึงเอ่ยกล่าวขึ้น "แชลเทียในตอนนี้เจ้ามีพลังอยู่ที่ระดับ สี่แล้วนับว่าพอมีพื้นฐานอยู่พอสมควร ที่สำคัญสำหรับเจ้าตอนนี้คือการฝึกฝนการควบคุมพลังให้ดี หากว่าควบคุมพลังได้ดีในระดับหนึ่งแล้วเมื่อเจ้ามีพลังถึงระดับที่ 7 การจะเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างที่เจ้าต้องการคงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป" กาเล็ทเอ่ยกับแชลเทีย

    "อืม" แชลเทียเอ่ยตอบ

    "ซิลเวียเจ้านั้นยังถือว่ายังไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับพลังจิตวิญญาณเลย เอาเป็นว่าข้าจะช่วยให้เจ้าสัมผัสกับพลังก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อเจ้าสัมผัสกับพลังจิตวิญญาณได้แล้วข้าจะช่วยเจ้าในการสร้างแก่นจิตวิญญาณขั้นแรก" กาเล็ทเอ่ยกับซิลเวีย

    "ข้าเข้าใจแล้ว เอาตามที่กาเล็ทเห็นสมควรเลย" กาเล็ทเอ่ย

    "แล้วมิร่าล่ะ มิร่าล่ะ จะให้มิร่าทำอะไร ปะป๋าจะฝึกให้มิร่าแบบไหนหรอ" ร่างเล็กกระโดดเข้ามากอดแข้งขาของกาเล็ทพร้อมทั้งเอ่ยถามอย่างคาดหวัง

    "ส่วนมังกรน้อยก็ให้นอนหลับอยู่ข้างปะป๋าก็พอแล้ว" กาเล็ทเอ่ยตอบ

    "ฮิ ฮิ นอนบนตักปะป๋า นอนบนตักมีความสุข" มิร่าเอ่ยกล่าว

    "เอาล่ะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มกันเถอะ หากว่าไม่มีอะไรผิดพลาดเรือเหาะจะเข้าสู่เขตของไอออนในสองวัน ดังนั้นพวกเราสมควรมีเวลาในการฝึกฝน 20 วันเป็นอย่างน้อย" กาเล็ทเอ่ยสรุป

    กล่าวจบกาเล็ทก็หลับตาลงตั้งสมาธิจากนั้นร่างของกาเล็ทก็ปรากฎขึ้นจากหนึ่งแยกเป็นสอง

    "น..นี่" ซิลเวียอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ สำหรับกับซิลเวียนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นกาเล็ทแยกร่างของตนเองออกมาเช่นนี้ ส่วนกับแชลเทียแม้ว่าจะเคยพบเห็นมาบ้างแล้วทว่าเมื่อได้เห็นอีกครั้งก็อดที่จะทึ่งไม่ได้

    "ไม่ต้องตกใจ นี่เป็นร่างภาชนะที่สร้างขึ้นจากพลังจิตวิญญาณน่ะ" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย กาเล็ทเอาเบาะรองนั่งออกมาจากแหวนมิติจานนั้นจึงหันไปเอ่ยกับซิลเวีย ซิลเวียเจ้าลองนั่งลงทำสมาธิสักครู่ดูก่อนเถอะ

    "อืม เข้าใจแล้ว ข้าจะพยายาม" ซิลเวียเอ่ยตอบจากนั้งจึงนั่งลงยังบริเวณเบาะที่กาเล็ทปูไว้ให้

    "มิร่าเอาท่อนไม้กับเทียนไขนี้ไปตั้งไว้ตรงนั้นให้ปะป๋าที ให้นำเทียนไขนี้ตั้งไว้บนท่อนไม้นะ" กาเล็ทเอ่ยบอก

    "มิร่าเข้าใจแล้ว" มิร่าเอ่ยขานรับ

    "กาเล็ทเจ้าจะให้ข้าฝึกยังไงหรอ" แชลเทียเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้

    "ให้เจ้าฝึกดับเทียนไข" กาเล็ทเอ่ยบอกจากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับมิร่า "มิร่าจุดไฟเทียนไขให้กับปะป๋าด้วย" กาเล็ทเอ่ยสั่งการ

    ได้ยินดังนั้นมิร่าก็ยื่นนิ้วเรียวเล็กของตนเองไปใกล้ยังบริเวณไส้เทียนที่โผล่ออกมาจากนั้นเปลวไฟก็ลุกโชนขึ้น

    "ข้าจะไปดับได้อย่างไร เทียนไขตั้งอยู่ไกลตั้งหลายเมตร" แชลเทียเอ่ยอย่างหวาดหวั่น

    "เพราะเหตุนี้จึงเรียกว่าการฝึกควบคุมพลัง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวจากนั้นจึงเผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมา "ไม่ต้องเป็นกังวลข้าจะสอนเจ้าเอง" กล่าวจบกาเล็ทพลันโอบกอดร่างของแชลเทียไว้

    "จ.เจ้าจะทำอะไร ไหนบอกว่าจะฝึกฝนให้กับข้า" แชลเทียส่งเสียประท้วงออกมาอย่างตกใจ

    "ก็กำลังฝึกให้อยู่นี่ไง" กาเล็ทเอ่ยกล่าวพร้อมทั้งช่วยจัดท่าทางให้แก่แชลเทีย ขณะที่ช่วยนางจัดท่าทางกาเล็ทก็อดไม่ได้ที่จะหอมแก้มนางฟอดใหญ่คราหนึ่ง "การที่จะดับเทียนไขที่ตั้งอยู่ไกลออกไปได้จะต้องควบคุมพลังจิตวิญญาณให้ดีแล้วปลดปล่อยมันออกไปทางฝ่ามือเพื่อดับเปลวไฟของเทียนที่เบื้องหน้า ในช่วงแรกข้าจะเป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าในการควบคุมกระแสการไหลเวียนของพลัง จากนั้นให้เจ้าค่อยๆจดจำความรู้สึกนั้นไว้เข้าใจหรือไม่" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

    "ข.เข้าใจแล้ว" แชลเทียเอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกัก

    อันที่จริงแล้วการฝึกเช่นนี้กาเล็ทหาได้จำเป็นที่จะต้องโอบกอดแชลเทียไว้เช่นนี้ไม่ เพียงแต่ยื่นมือไปแตะยังร่างของนางไว้เท่านั้นกาเล็ทก็สามารถที่จะช่วยเหลือในการควบคุมกระแสพลังภายในร่างของนางได้แล้วแต่เรื่องนี้แชลเทียหาล่วงรู้ไม่

    ทางด้านซิลเวีย ร่างแยกของกาเล็ทก็นั่งลงที่ด้านข้างพร้อมกับใช้มือแตะไปที่ร่างของนาง จากนั้นซิลเวียกลับรู้สึกประหลาดพิกลนางรู้สึกเสมือนว่าตนเองถูกดึงดูดเข้าสู่โลกที่ตนเองไม่เคยรู้จักมาก่อน ประสาทความรับรู้ของนางพลันขยายขอบเขตของการรับรู้ขึ้น บัดนี้นางกลับสามารถรู้สึกได้ถึงกระแสพลังประหลาดที่ไหลเวียนอยู่รอบตัว

    "มิร่าน้อย ช่วยจุดไฟบนเทียนไขให้กับปะป๋าอีกครั้งหนึ่ง" กาเล็ทเอ่ยบอกกล่าวกับมิร่าทันทีที่ช่วยให้แชลเทียสามารถบังคับพลังทำให้เทียนไขดับลงได้ในครั้งแรก

    "ค่า" มิร่าเอ่ยขานรับ

    การฝึกฝนเช่นนี้ดำเนินไปได้อีกครู่ใหญ่ จากนั้นกาเล็ทจึงละมือออกมาจากการโอบกอดร่างของแชลเทียปล่อยให้นางทดลองดับเทียนไขด้วยตนเองพักหนึ่ง "ซิลเวียเจ้ารู้สึกถึงกระแสพลังที่อยู่รอบตัวแล้วใช่หรือไม่"

    สิ้นคำถามของกาเล็ทซิลเวียก็ลืมตาขึ้น "ข้าสัมผัสได้ถึงมัน สัมผัสได้ถึงกระแสพลังประหลาดรอบตัว" ซิลเวียเอ่ยอย่างตื่นเต้นยินดี

    "นั่นคือพลังจิตวิญญาณ" กาเล็ทเอ่ยอธิบายพร้อมทั้งนำเม็ดยาเทพโอสถทลายสวรรค์ขั้นแรกเริ่มออกมาให้แก่ซิลเวีย "เม็ดยานี้จะช่วยให้เจ้าสร้างแก่นจิตวิญญาณได้"

    "อืมขอบใจเจ้า" ซิลเวียเอ่ยขอบใจและรับเม็ดยาจากกาเล็ทมาพร้อมทั้งกลืนกินมันเข้าไป

    "เอ่าล่ะหลับตาลง ในขั้นตอนของการสร้างแก่นจิตวิญญาณให้ข้าช่วยเหลือเจ้าอีกแรงเถอะ" กาเล็ทเอ่ย

    การฝึกเพื่อปรับพื้นฐานสำหรับซิลเวียและการฝึกควบคุมพลังของแชลเทียดำเนินไปภายในมิติเทพเจ้าอย่างต่อเนื่อง กาเล็ทหาได้โหดร้ายจนให้พวกนางหักโหมฝึกฝนตลอดทั้งวันทั้งคืน เมื่อดำเนินการฝึกฝนไปได้สักสองถึงสามชั่วโมงกาเล็ทก็จะหยุดให้พวกนางพักสักหลายสิบนาทีจากนั้นจึงเริ่มฝึกฝนต่อไป การฝึกดำเนินไปเช่นนี้จนครบระยะเวลา 20 วัน กาเล็ทรู้สึกแปลกประหลาดใจไม่น้อยที่ทั้งซิลเวียและแชลเทียไม่ได้แสดงอาการอิดออดออกมาให้ได้เห็นเลย พวกนางกลับตั้งใจฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตายตลอดระยะเวลา 20 วันที่อยู่ภายในมิติเทพเจ้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×