ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ยั้งมือไว้ไมตรีแล้ว [รีไรท์ 2020]
ถึงแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านไปกาเล็ทก็ยังคงหมั่นฝึกฝนอยู่เสมอ..ณ ทุ่งหญ้าหน้าลานบ้านที่นอกเมืองรีเวล ร่างของกาเล็ทลอยอยู่สูงจากพื้นหลายสิบเมตร นับจากวันที่เข้าเมืองสั่งซื้อจัดเตรียมข้าวของและสั่งสอนกลุ่มของอีกัสเวลาก็ล่วงผ่านมาอีกสองวันแล้ว ชีวิตประจำวันของกาเล็ทก็ยังคงเหมือนเดิมนั่นคือการฝึกฝนขัดเกลาทักษะของตนเอง โดยในช่วงเวลากลางคืนกาเล็ทจะรวบรวมสมาธิเพื่อฝึกฝนดูดซับพลังจิตวิญญาณในการเพิ่มพูนระดับแก่นจิตวิญญาณของตัวเองส่วนในช่วงระยะเวลากลางวัน กาเล็ทก็จะฝึกฝนร่างกายหรือแม้กระทั่งฝึกฝนจำลองการต่อสู้ซึ่งในที่นี้รวมถึงการแปรสภาพของพลังงานจิตวิญญาณให้กลายเป็นสสารด้วย
การแปรสสารคืออีกขีดขั้นหนึ่งซึ่งสามารถยกระดับความสามารถของผู้ใช้ใให้ขึ้นไปอีกระดับ หลังจากตรากตรำฝึกฝนมาอย่างยากลำบากมาเป็นเวลานานทำให้กาเล็ทพบว่าการต่อสู้โดยใช้พลังจิตวิญญาณนั้นเปรียบเสมือนศิลปะแขนงหนึ่งซึ่งไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสามารถแปรผันพลิกเปลี่ยนโดยขึ้นอยู่กับระดับความสามารถของผู้ใช้พลังว่าจะรังสรรค์ออกมาให้อยู่ในรูปแบบไหน พลังจิตวิญญาณนั้นเป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่สามารถแปรเปลี่ยนได้ร้อยพันรูปแบบ
พื้นฐานแรกในการใช้งานพลังจิตวิญญาณก็คือการีดเร้นรวบรวมพลังจากแก่นจิตวิญญาณมาใช้ในการเสริมสมรรถภาพทางร่างกาย แต่ที่เหนือกว่านั้นคือการแปลงพลังงานบริสุทธิอย่างพลังงานให้กลายสภาพเป็นสสารและใช้มันในการต่อสู้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับอีกเงื่อนไขหนึ่งด้วยนั่นก็คือพื้นฐานการเข้ากันของแก่นจิตวิญญาณกับสังกัดธาตุของสสารนั้น
เนื่องเพราะผมจากการตรากตรำฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทำให้กาเล็ทในตอนนี้สามารถที่จะนำพลังงานจิตวิญญาณมาแปรสภาพในการช่วยพยุงตัวจนสามารถทำให้เหาะเหินเดินอากาศได้แล้ว ซึ่งความสามารถในลักษณะนี้นั้นนับว่ามีน้อยคนนักในโรฮานที่สามารถจะกระทำได้ ไม่เพียงแต่สามารถแปรสภาพพลังจิตวิญญาณในการนำมาช่วยพยุงตัวเพื่อเหาะเหินเท่านั้น..ตอนนี้การเล็ทยังสามารถที่จะแปลงสภาพพลังจิตวิญญาณให้กลายเป็นสสารเช่นการสร้าง ดิน น้ำ ลม ไฟ ขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้ แต่ทำได้กับสามารถใช้ในการต่อสู้จริงนั้นมีความแตกต่างกันอยู่ช่วงใหญ่ คนหลายคนซึ่งมักจะเอ่ยเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะและมีช่วงอายุอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกับกาเล็ทโดยเฉพาะลูกหลานของขุนนางจากตระกูลใหญ่..มีไม่น้อยที่พวกเขาเหล่านั้นสามารถที่จะเข้าถึงเทคนิคในการแปรสภาพสสารได้ บ้างสามารถสร้างน้ำ บ้างสามารถสร้างไฟ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงการใช้เพื่ออวดโอ่แสดงข่มกันภายในงานเลี้ยงเท่านั้น หากให้ใช้ในการต่อสู้จริงย่อมถือว่ามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยที่จะสามารถนำเทคนิคเหล่านั้นมาใช้ในการต่อสู้จริงได้ ด้วยสามารถที่จะตระหนักรู้ถึงข้อแตกต่างในจุดนี้ได้เป็นอย่างดี ทำให้กาเล็ทเลือกที่จะแบ่งการฝึกของตัวเองออกเป็นสองส่วน หนึ่งนั้นก็คือการฝึกฝนดูดซับพลังจิตวิญญาณเพื่อเสริมสร้างพัฒนาแก่นจิตวิญญาณของตัวเอง ส่วนสองนั้นคือการฝึกฝนในการนำพลังจิตวิญญาณมาแปรสภาพเพื่อใช้จริงในการต่อสู้
" กาเล็ท อย่าประมาทนะลูก ระมัดระวังไว้ก่อนเป็นดี" นีน่าซึ่งมักจะใช้เวลาระหวางเย็บปักเสื้อผ้าเพื่อเฝ้ามองผู้เป็นลูกชายฝึกฝนอยู่เสมอพยายามส่งเสียงเอ่ยบอกกาเล็ทอีกครั้งอย่างรู้สึกเป็นห่วงเหมือนกับทุกครั้ง ถึงแม้จะรู้ดีว่าลูกชายของตนเองเติบโตแข็งแกร่งขึ้นมามากขนาดไหนหรือมีพรสวรรค์สูงกว่าคนอื่นมากขนาดไหนแต่มีหรือที่คนเป็นผู้ให้กำเนิดอย่างผู้เป็นแม่จะสามารถอดห่วงคนเป็นลูกได้
"ครับท่านแม่" กาเล็ทเปล่งเสียงตะโกนเอ่ยบอกแต่แล้วกาเล็ทซึ่งกำลังฝึกการลอยตัวอยู่กลับสังเกตุเห็นได้ถึงกลุ่มคนที่กำลังควบม้ามุ่งหน้ามายังเขตบ้านของตนนับสิบคนจากระยะไกล "ที่ต้องมาก็มาจนได้สินะ" กาเล็ทนึกคิดกับตัวเองย่างรู้สึกเหนื่อยหน่ายใจ
ไม่นานกาเล็ทก็ร่อนตัวลงมายังพื้นทีจากนั้นก็หันไปเอ่ยกล่าวกับนีน่าด้วยท่าทางที่เป็นปกติ "ท่านแม่ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นต่อจากนี้ท่านแม่ก็อย่าได้แตกตื่นตกใจไป"
"อะไรนะกาเล็ท?..กาเล็ทหมายความว่ายังไงหรอลูก" นีน่าเอ่ยถามออกมาอย่างรู้สึกตื่นตระหนกอยู่บ้าน...การที่จะห้ามไม่ให้ผู้หญิงอ่อนแออย่างนีน่าเกิดความรู้สึกตื่นตระหนกต่อเหตุเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
"ท่านลุงโจเซพ..รบกวนท่านอยู่ข้างกายท่านแม่เพื่อดูแลความปลอดภัยแทนข้าด้วย...ดูท่าว่าวันนี้พวกเราจะมีแขกมาเยือนเสียแล้ว" กาเล็ทหันไปเอ่ยบอกกับโจเซพที่กำลังตัดไม้อยู่ไม่ไกล
ได้เห็นถึงท่าทางของกาเล็ทซึ่งเอ่ยบอกกับตนเอง โจเซพก็ไม่ถามให้มากความอีก โจเซพละมือจากการงานที่ทำอยู่ทันทีจากนั้นจึงเดินมาหยุดอยู่ที่ด้านข้างของกาเล็ทเพื่อเตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยให้กับนีน่า ในความคิดของโจเซพนั้นมีความรู้สึกว่าหลังจากที่กาเล็ทนายน้อยของตนเองฟื้นคืนจากการหลับไหลไม่ได้สติก็เกิดความเปลี่ยนแปลงในตัวในนายคนนี้ของตนอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่โจเซพเกิดความรู้สึกว่าในตอนนี้นายน้อยของตนนั้นมีความสามารถลึกล้ำอย่างสุดที่จะหยั่งถึงได้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านว่านี้ไม่ว่าจะเกิดปัญหาเรื่องราวอะไรภายในบ้านขึ้น กาเล็ทนายน้อยของตนก็สามารถที่จะหาวิธีในการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพได้ทุกครั้ง จากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นเวลานานทำให้โจเซพได้รู้ว่าไม่เพียงแต่ความสามารถในเชิงยุทธเท่านั้นที่ผู้เป็นนายของตนมีสูงล้ำกว่าผู้ใดแต่ยังรวมไปถึงเรื่องความรู้ทั่วไปจากหลายแขนงอาทิเช่นการค้าขาย การบริหารอีกด้วย....ทุกการตัดสินใจของกาเล็ทในช่วงระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานี้ล้วนแล้วแต่ทำให้โจเซพเกิดความเชื่อมั่นต่อตัวของผู้เป็นนายเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าทวี..นี่จึงเป็นสาเหตุให้โจเซพยินดีที่จะปฎิบัติตามคำสั่งของกาเล็ทอย่างไร้ข้อกังขา
"กาเล็ท บุสโซ่ อยู่หรือไม่" หนึ่งในชายฉกรรจ์หน้าตาดุร้ายซึ่งห้อมล้อมชายวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าเอ่ยถามขึ้น
"ข้าเอง ไม่ทราบว่ามีธุระใด?" กาเล็ทยังคงแกล้งเอ่ยถามถึงแม้จะรู้ถึงจุดประสงค์การมาของคนกลุ่มนี้ดีอยู่แล้ว
"สองวันก่อนใช่เจ้าหรือไม่ที่ทำร้ายผู้คนภายในเมือง" ชายฉกรรจ์คนเดิมตวาดถามด้วยเสียงดัง
"ถูกต้องเป็นข้าเอง...สองวันก่อนเพียงแต่ทุบตีลูกสุนัขกลุ่มหนึ่งเท่านั้น" กาเล็ทเอ่ยตอบทันควันอย่างไม่เกรงกลัว
"ตัวบัดซบ!..รู้หรือไม่ว่าคนที่จนทำร้ายนั้นเป็นผู้ใด มีฐานะอะไร" ชายฉกรรจ์ตวาดเอ่ยถามโดยท่าทางที่ดุร้ายและพร้อมจะลงมือได้ทุกเมื่อ
กาเล็ทได้ยินอย่างนั้นก็เผยรอยยิ้มอย่างลีลับออกมา "เหตุใดไม่?"
"ตัวบัดซบ รู้อยู่แล้วเจ้ายังกล้าทำร้ายลูกชายข้าจนสาหัสถึงเพียงนั้น ดูว่าวันนี้ข้าจะจัดการเจ้าอย่าง จับกุมมันให้กับข้า!!" ได้ฟังถึงคำตอบของกาเล็ท เจ้าเมืองรีเวลก็อดทนไม่ไหวจนต้องตวาดด่ากาเล็ทด้วยความแค้นจากนั้นจึงหันไปเอ่ยสั่งกับลูกสมุนของตนเองอย่างหัวเสีย .... ความแค้นที่ลูกชายถูกทำร้าย..ผู้เป็นพ่อย่อมไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยได้
เจ้าเมืองรีเวลผู้นี้นั้นมีแก่นจิตวิญญาณอยู่ในระดับที่หก ท่ามกลางยุคสมัยที่พลังคือทุกสิ่งอย่างในตอนนี้ ถึงแม้ว่าตัวมันจะมีระดับพลังที่ไม่ได้สูงลิบเท่ากับขุนนางในตำแหน่งเจ้าเมืองคนอื่นๆแต่สาเหตุที่ทำให้มันสามารถไต่เต้าขึ้นมามีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าเมืองรีเวลอย่างในปัจจุบันได้ก็เพราะญาติของมันซึ่งเป็นขุนนางใหญ่อยู่ที่เมืองหลวงได้ทำการวิ่งเต้นให้ หลังจากได้รับรายงานว่าผู้เป็นลูกชายของตนถูกพบอยู่ในสภาพปางตายที่ตรอกแห่งหนึ่งภายในเมือง เริ่มแรกที่รู้ข่าวทำให้มันนั้นเกิดอาการตื่นตระหนกตกใจจนไม่เป็นอันกินอันนอน...ด้วยเพราะตัวมันนั้นมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่เพียงคนเดียวทำให้สองวันที่ผ่านมานี้ตัวมันวุ่นวายอยู่กับการเชิญหมอมีชื่อเสียงมากหน้าหลายตาเท่าที่จะควานหาได้มาเพื่อมารักษาเยียวยาลูกชายของตน เมื่อลูกชายของตนเริ่มมีอาการดีขึ้นจนสามารถที่จะพูดจาได้บ้างแล้วทำให้มันได้รู้ว่าคนที่ลงมือคือทำร้ายลูกชายของมันก็คือกาเล็ทแห่งตระกูลบุสโซ่ ด้วยเหตุนี้จำทำให้มันตัดสินใจที่จะนำบริวารมากมายเดินทางมาในวันนี้เพื่อทวงแค้น
ซึ่งบริวารที่มันนำมาด้วยนั้นมีสองคนที่ญาติของมันจากเมืองหลวงส่งมาเพื่อให้ทำหน้าที่คุ้มครองมันในฐานะเจ้าเมืองโดยเฉพาะ นั่นย่อมหมายความว่าสองคนนี้เป็นผู้ฝึกฝนพลังซึ่งพอจะมีขีดความสามารถอยู่บ้าง หนึ่งในสองนั้นมีคนหนึ่งที่แก่นจิตวิญญาณอยู่ในระดับขีดขั้นที่เจ็ดระดับต้นส่วนอีกคนหนึ่งนั้นมีระดับแก่นจิตวิญญาณอยู่ในระดับขีดขั้นที่หกขั้นปลาย ส่วนที่เหลือซึ่งมันนำมาด้วยล้วนแล้วแต่เป็นอันธพาลนักบู๊ที่มันชุบเลี้ยงไว้และไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรมากนัก
กาเล็ทซึ่งรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นมีพวกมาก ทำให้กาเล็ทเลือกที่จะไม่รีรอให้อีกฝ่ายล้อมกรอบเข้ามาและต่อให้คนกลุ่มนี้ลอบกรอบเข้ามาแล้วจริงๆก็ย่อมไม่เป็นปัญหาสำหรับกาเล็ททว่าหากคนกลุ่มนี้มุ่งเป้าไปที่นีน่านั่นย่อมถือว่าเป็นเรื่องที่แตกต่าง ตระหนักรู้ได้อย่างนั้นกาเล็ทก็หน่วงพลังเพื่อเตรียมแปรสภาพพลังจิตวิญญาณให้กลายเป็นสสารจากนั้นจึงก้มลงทาบฝ่ามือของตนลงกับพื้นดิน
เกิดเสียงดังสนั่นเลือนลั่นพร้อมกับผืนดินที่สั่นไหวพริบตาต่อมาก็ก่อเกิดกำแพงดินผลุบโผล่ขึ้นมาจากพื้นหญ้าอันแล้วอันเล่าขวางกั้นเหล่านักบู๊ซึ่งกำลังกรูกันพุ่งตรงเข้ามาทำให้พวกมันต้องหยุดชะงักลง
ผลัก ผลัก ผู้ฝึกพลังคนสนิททั้งสองของเจ้าเมืองรีเวลซึ่งมีพลังระดับหกและระดับเจ็ดสูงกว่าคนอื่นสามารถทำลายกำแพงดินที่ผลุบโผล่ขึ้นมาขวางกั้นได้ไม่ยากชั่วขณะหนึ่งที่ทำลายกำแพงดินสำเร็จพวกมันนั้นรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เด็กหนุ่มชาวบ้านคนหนึ่งกลับมีความสามารถถึงระดับนี้...แต่ยังไม่ทันที่พวกมันจะได้สงสัยครุ่นคิดอะไรไปมากกว่านั้น..หลังจากที่ทำลายกำแพงดินได้พวกมันกลับพบว่ามีเงาร่างสายหนึ่งพุ่งตรงสวนเข้ามาหามัน
หมับ กาเล็ทซึ่งพุ่งสวนเข้าหาผู้ฝึกพลังคนสนิททั้งสองของเจ้าเมืองรีเวลสามารถที่จะคว้าไปยังลำคอของพวกมันไว้ได้ กาเล็ทกระโดดลอยตัวขึ้นเล็กน้อยจากนั้นก็ออกแรงเหวี่ยงทุ่มร่างของพวกมันทั้งสองในอุ้งมือลงกับพื้นอย่างแรง ไม่รีรอให้คนอื่นในในบริเวณสามารถที่จะตั้งสติได้ กาเล็ทรีบอาศัยช่องว่างพุ่งตรงเข้าหาเจ้าเมืองรีเวลซึ่งตกอยู่ในอาการสับสนมึนงงเพื่อจับตัวของเจ้าเมืองรีเวลเป็นตัวประกัน
"สั่งให้คนของท่านหยุดเถอะ หาไม่ข้าเองก็คงไม่สามารถที่จะรับรองความปลอดภัยของท่านได้" กาเล็ทซึ่งคร่ากุมตัวของเจ้าเมืองรีเวลได้อย่างสมบูรณ์แล้วเอ่ยขู่
เจ้าเมืองรีเวลที่ยังคงตื่นตะลึงกับเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นอยู่กรอกตาวุ่นวาย มันไม่เข้าใจว่าที่แท้แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เมืองรีเวลของตนเองมียอดฝีมือระดับปรากฎตัวขึ้นได้อย่างไร? "ช้าก่อน หยุดมือ !" ทว่าเมื่อเริ่มตั้งสติได้มันก็รีบเอ่ยตะโกนสั่งการลูกน้องของตนในทันที
เห็นอย่างนั้นกาเล็ทก็ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกพอใจที่กลยุทธของตนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี "ฟังข้าให้ดีท่านเจ้าเมือง เหตุที่เกิดขึ้นกับลูกชายของท่านมันเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยง ลงมือเพียงเท่านั้นก็ถือว่าข้ายั้งมือไว้ไมตรีแล้ว ด้วยฝีมือของข้าการจะฆ่าลูกชายท่านหาใช่เรื่องยากเย็นอะไร" กาเล็ทเริ่มเอ่ยพูดตามที่ตัวเองวางแผนไว้ "เป็นลูกชายของท่านที่บีบคั้นข้าทุกทาง ทั้งลงมือต่อคนของข้าซึ่งเข้าเมืองไป ทั้งลงมือต่อข้า ถึงแม้ข้าจะอดทนข่มกลั้นก็แล้วแต่ลูกชายของท่านก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุด เมื่อเขาพบเห็นข้าก็มักขะพูดจาดูหมิ่นท่านพ่อผู้ล่วงลับของข้าอีกทั้งยังพยายามจะทำร้ายข้าอยู่ตลอดเวลา หรือท่านคิดว่าข้าควรงอมืองอเท้าให้ลูกชายของท่านทุบตีถึงจะถูกต้องหรือ? ข้าคิดว่าคนฉลาดอย่างท่านน่าจะเข้าใจดีว่าจากความสามารถของข้าในตอนนี้..ท่านคงไม่สามารถที่จะสังหารข้าในวันนี้ได้สำเร็จแน่ และแน่นอนข้าก็ไม่อยากจะลงมือทำร้ายท่านเช่นกัน ให้เรื่องราวมันจบลงที่ตรงนี้เถอะ..ข้าหวังว่าท่านเจ้าเมืองจะคิดใคร่ควรให้ดี แต่หากท่านยังคงบีบที่จะบีบคั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่ยั้งมือไว้ไมตรี" กล่าวจบกาเล็ทก็ปลดปล่อยเจ้าเมืองรีเวลให้เป็นอิสระและถอยฉากออกมา
เจ้าเมืองรีเวลที่เป็นอิสระแล้วก็ใช้มือลูบคอของตัวเองซึ่งพึ่งถูกปลดปล่อยอย่างรู้สึกหวาดเสียว "ยั้งมือไว้ไมตรีหรือ? เจ้าทุบตีลูกชายข้าจนบาดเจ็บปางตายถึงเพียงนั้น คอยก่อนเถอะ" มันครุ่นคิดอย่างเจ็บแค้น แต่ถึงจะเจ็บแค้นเพียงไร อีกฝั่งนั้นกลับแข็งแกร่งเกินกว่าที่มันคาดคิดไว้มาก หากว่าตัวมันยังคงฝืนดื้อดึงต่อไปไม่เพียงไม่สามารถจับกุมคนแม้แต่ชีวิตของมันก็อาจจะต้องตกออยู่ในอันตรายอย่างเมื่อครู่...ในโลกแห่งนี้นั้นมีคำกล่าวที่ว่าลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปียังไม่สาย เมื่อตระหนักรู้ได้อย่างนั้นเจ้าเมืองรีเวลจึงได้แต่กัดฟันกรอดพร้อมกับที่ส่งเสียง "พวกเรากลับ" ออกมา
"ท่านแม่ ทำท่านตกใจแล้ว" กาเล็ทเดินกลับมาเอ่ยกับนีน่าซึ่งนั่งหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด
"กาเล็ทลูก...ลูกไปก่อเรื่องอะไรมา?" นีน่าเอ่ยถามอย่างรู้สึกกลัว
"ท่านแม่ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าไม่ได้ทำเรื่องผิดศีลธรรมอะไร ข้าเพียงแค่ลงมือสั่งสอนคนที่สมควรโดนเท่านั้น" กาเล็ทเอ่ยบอกกับนีน่า
ส่วนโจเซพที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นทำได้แต่จ้องมองมาที่กาเล็ทอย่างรู้สึกเหนือความคาดหมาย ในชั่วขณะหนึ่งโจเซพนั้นไม่สามารถที่จะกล่าวถ้อยอะไรออกมาได้เลย ภาพที่มันได้เห็นเมื่อสักครู่ชั่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อนัก นายน้อยของมัน....นายน้อยของมันกลับเก่งกล้างถึงเพียงนี้! มันไม่อยากจะเชื่อว่าด้วยวัยเพียงสิบเจ็บปีผู้เป็นนายน้อยกลับสามารถแข็งแกร่งก้าวล้ำกาลานผู้ซึ่งเป็นพ่อไปได้ไกลถึงขนาดนี้
รีไรท์ 2020 เหนื่อย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น