ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tales of Yuyan ตำนานเรื่องเล่าแห่งยูยาน

    ลำดับตอนที่ #8 : ชำระบัญชี [รีไรท์2020]

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 63


         
         ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมาอีกหลายวัน กาเล็ทก็ยังคงฝึกฝนอย่างหนักแบบแทบที่จะไม่ได้หยุดพักเลย ด้วยสาเหตุที่ว่าพลังจิตวิญญาณคือสิ่งใหม่และเป็นพลังงานที่มหัศจรรย์กว่าพลังงานรูปแบบไหนซึ่งตนเองเคยรู้จักมาทั้งหมด ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้กาเล็ทในขณะนี้มีความรู้สึกตื่นเต้นจนสามารถที่จะทดสอบเรียนรู้ได้อย่างไม่รู้เบื่อ

         "ท่านแม่ ท่านมีความคิดอย่างไรถ้าหากว่าเราจะย้ายไปอาศัยอยู่ยังเมืองหลวงกันครับ?" กาเล็ทหันเอ่ยถามนีน่าซึ่งยังคงนั่งอยู่หน้าบ้านเพื่อคอยเฝ้ามอนตนเองขณะฝึกฝน
         
         "อ๊ะ กาเล็ทระวัง ประเดี๋ยวก็ได้ตกลงมาเจ็บเนื้อเจ็บตัวเอาหรอกลูก" นีน่าส่งเสียงร้องอุทานออกมาอย่างรู้สึกหวาดเสียวที่เห็นกาเล็ทกำลังหัดลอยตัวอยู่

         "ท่านแม่ ท่านเป็นกังวัลเกินไปแล้ว ความสูงเพียงเท่านี้ต่อให้ข้าตกลงไปจริงๆร่างกายของข้าก็ไม่ได้รับบาดอะไรหรอก"  กาเล็ทเอ่ยหลังจากที่ร่อนลงมายังพื้นดินเพื่อเดินเข้าไปหานีน่า "ท่านแม่มีความคิดเห็นว่าอย่างไร?"

         "แล้วแต่กาเล็ทเถอะลูก กาเล็ทอยู่ที่ไหนแม่ก็อยู่ที่นั่น ตอนนี้ชีวิตของแม่ก็มีแต่กาเล็ทเท่านั้น ความหวังเดียวที่มีอยู่ของแม่ก็มีแค่อยากจะเฝ้าดูลูกของแม่เติบโตเท่านั้น ว่าแต่เพราะอะไรกาเล็ทถึงอยากจะย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงหรอลูก?" นีน่าเอ่ยถามด้วยความสงสัยพร้อมทั้งหยิบยื่นน้ำดื่มให้แก่กาเล็ท


         "ข้าได้ยินท่านลุงโจเซพกล่าวว่าในเมืองหลวงของโรฮานมีสถาบันการศึกษาสำหรับผู้ฝึกพลังโดยเฉพาะ บางทีหากเข้าเรียนที่นั่นอาจจะมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของข้า" กาเล็ทเอ่ยอธิบาย

          "เช่นนี้ก็ดี...ตอนนี้ตระกูลบุสโซ่ของเราก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทอง  กาเล็ทเองก็โตพอที่จะขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลแล้ว อย่างนั้นก็เอาตามที่กาเล็ทตัดสินใจเถอะลูก" นีน่าเอ่ย

    .........................................................

         "ท่านลุง ข้าจะเข้าเมืองไปจัดการเรื่องต่างๆหลายเรื่อง รบกวนท่านช่วยอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่แทนข้าด้วย" กาเล็ทเอ่ยฝากฝังกับโจเซพก่อนที่จะออกเดินทางสู่ตัวเมือง


         "นายน้อยท่านวางใจข้ารับประกันว่าจะไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นกับนายหญิง....ท่านเองก็โปรดระมัดระวังตัวด้วย" โจเซพเอ่ยเพราะอดที่จะเป็นห่วงกาเล็ทไม่ได้


         "ระมัดระวังตัวหรือ? คิดว่าคนที่ควรจะระมัดระวังตัวตอนนี้คงไม่ใช่ข้า"  กาเล็ทนึกคิดกับตัวเองในใจ แน่นอนว่าการเข้าเมืองรีเวลของตนในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะตระเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับออกเดินทางสู่เมืองหลวง ยกตัวอย่างก็เช่นรถม้าและเกวียนที่เอาไว้ใช้ในการขนสิ่งของเครื่องใช้ซึ่งจำเป็นต่างๆ....เนื่องจากข้อมูลที่โจเซพบอกเล่ามาทำให้กาเล็ทพบว่าระยะทางระหว่างเมืองรีเวลกับเมืองหลวงของโรฮานอย่างเมืองแบรี่นั้นอยู่ห่างกันพอสมควร ซึ่งหากเดินทางด้วยรถม้าคงต้องใช้ระยะเวลาไม่น้อย 


         "ลดราคาลงได้อีกหรือไม่?" กาเล็ทเอ่ยถามเพื่อต่อราคาของรถม้ากับอู่ต่อรถอันดับหนึ่งของเมืองรีเวล

         เจ้าของอูต่อรถสำรวจดูกาเล็ทที่มาสอบถามราคาของรถม้าตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างรู้สึกสังสัยใจว่าเด็กหนุ่มที่เบื้องหน้าของตนจะมีเงินทองมากพอจะซื้อรถม้าจริงๆหรือเปล่า? "ตัวเจ้าสอบถามราคาวุ่นวาย...ใช่มีเงินทองจริงหรือ?" เจ้าของอู่ต่อรถอดไม่ได้ที่จะเอ่ยข้อสงสัยซึ่งตนเองคิดอยู่ในใจออกมา

         ได้ยินถึงคำถามของเจ้าของอู่ต่อรถ กาเล็ทก็เกิดความรู้สึกโมโหหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นไม่ว่าอย่างไรตัวเองก็ยังคงต้องพึ่งพาอู่ต่อรถแห่งนี้..กาเล็ทจึงทำได้แต่อดทนข่มกลั้นความรู้สึกไม่พอใจไว้ "เท่านี้เพียงพอหรือไม่?" กาเล็ทเอ่ยถามพร้อมกับที่นำเหรียญทองนับสิบเหรียญซึ่งเก็บไว้ในถุงผ้าออกมาแสดงให้เจ้าของอู่ต่อรถดู


         เห็นถึงเหรียญทองนับสิบเหรียญภายในมือของกาเล็ท ดวงตาของเจ้าของอู่ต่อรถก็ลุกวาวขึ้นจนทำให้สันชาตญานดิบของพ่อค้าตื่นตัวทำให้ท่าทีดูถูกดูแคลนเมื่อสักครู่มลายหายไปอย่างสิ้นเชิง "เพียงพอ เพียงพอแล้วขอรับ ไม่ทราบว่านายท่านต้องการสอบถามข้อมูลใดเพิ่มเติมอีกหรือขอรับ?" เจ้าของอู่ต่อรถเอ่ยถามอย่างกระตือรือร้นอย่างกับเป็นคนละคน

         "รถม้าคันนี้ข้าเห็นว่าดูคับแคบเกินไป ไม่เหมาะสำหรับเดินทางไกล ไม่ทราบว่ามีที่ห้องโดยสารใหญ่โตกว่านี้หรือไม่?" กาเล็ทที่เดินดูรถม้าภายในอู่ต่อรถเอ่ยถามต่อ

         "ย่อมมีนายท่าน เชิญทางนี้เลยขอรับ" เจ้าของอู่ต่อรถเอ่ยนอบน้อม สำหรับพ่อค้าเงินทองคือสิ่งที่เชื่อถือได้ เมื่อเห็นว่ากาเล็ทมีเงินทอง..เจ้าของอู่ต่อรถก็ไม่สนเหตุผลอะไรอีก

         "ตกลงข้าเอาคันนี้ ข้าต้องการให้ท่านเสริมเบาะจากหนังสัตว์ให้ที่นั่งนุ่มสบายขึ้นกว่านี้แล้วอย่าได้ลืมปรับปรุงระบบระบายอากาศภายในห้องโดยสายให้ดียิ่งขึ้นด้วย...ท่านแม้ของข้าต้องนั่งรถม้าคันนี้เป็นเวลานาน..เกรงว่าถ้าหากเบาะนั้นแข็งจนเกินเกินไปนางจะรู้สึกไม่สบายตัวเอา อ่อ..อีกอย่างขอรบกวนท่านเป็นธุระจัดหาม้าพันธ์ดีให้แก่ข้าด้วยก็แล้วกัน ไม่ทราบว่าทั้งหมดนั้นนับเป็นราคาเท่าไร?" กาเล็ทบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไปพร้อมทั้งเอ่ยถามราคาออกมาในช่วงท้าย


         "หากให้จัดหาม้าพันธ์ดีประกอบกับการปรับปรุงเบาะและระบบระบายอากาศเพิ่มเติม...รวมทั้งสิ้นสิบห้าเหรียญทองขอรับนายท่าน" เมื่อเจ้าของอู่ดีดลูกคิดลางแก้วแล้วจึงกล่าวบอกราคาในใจตนออกมา

         "หืม? สิบห้าทองหรือ?" กาเล็ทกล่าวอย่างครุ่นคิด ถึงแม้ว่าจะมีเงินเก็บหลายร้อยเหรียญทองแล้วแต่ด้วยลักษณะนิสัยที่เป็นคนสุขุมรอบคอบทำให้กาเล็ทยังคงระมัดระวังในการใช้จ่ายของตน..ที่สำคัญคือกาเล็ทไม่ใช่คนโง่ที่จะยอมให้ตัวเองโดนโขกสับราคาอย่างไร้เหตุผล

         "สะ..สิบสามเหรียญทองก็พอขอรับนายท่าน เมื่อครู่ข้าบอกราคาผิดไป" เจ้าของอู่เอ่ยแก้ราคา เมื่อเห็นถึงท่าทีของกาเล็ทเจ้าของอู่ต่อรถก็รู้ได้ทันทีต้องทำอะไรสักอย่าง ตัวมันไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยและปล่อยให้รายได้ครั้งนี้หลุดลอยจากไปเฉยๆได้

         "สิบสามเหรียญทองหรือ? ก็ได้ตกลง ขอให้ท่านรีบปรับปรุงรถม้าตามที่ข้าต้องการอย่างเร็วที่สุด เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน..ข้าจะวางมัดจำไว้ครึ่งหนึ่งก่อนแล้วค่อยมาจ่ายที่เหลือตอนท่านส่งมอบรถม้าให้กับข้า " กาเล็ทเอ่ย


         ถึงแม้ว่ากาเล็ทจะจัดการเรื่องธุระภายในเมืองเสร็จจนหมดแล้ว..ทว่ากาเล็ทนั้งยังคงไม่เดินทางกลับออกจากเมือง กาเล็ทเลือกที่จะเดินเตร็ดเตร่สำรวจไปทั่วโมงด้วยจุดประสงค์บางอย่าง...การเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วเมืองครั้งนี้ทำให้กาเล็ทได้รู้ว่าเมืองรีเวลไม่ใช่ตัวเมืองที่ใหญ่โตอะไรมากนัก..

         "เห ดูสินั่นใคร" เสียงเอ่ยถามที่ค่อนข้างจะหุ้นหูดังมาเข้าหูของกาเล็ท

          "ข้ามิใช่บอกเจ้าแล้วหรอกหรือว่าอย่าให้ข้าพบเห็นเจ้าภายในเมืองรีเวลอีก" อีกัสหัวโจกผู้มีพลังระดับสามเอ่ยอย่างวางก้าม มันผู้นี้เป็นลูกชายเพียงหนึ่งเดียวของเจ้าเมืองรีเวลในขณะนี้ ด้วยการประคบประหงมทรัพยากรเท่าที่จะหาได้ให้แก่ลูกชายของตน..สุดท้ายแล้วจึงทำให้อีกัสในวัยสิบเจ็ดปีสามารถสร้างแก่นจิตวิญญาณขึ้นมาจนถึงระดับขั้นที่สามได้

         กาเล็ทที่กำลังเดินชมเมืองได้ยินอย่างนั้นก็แแบยิ้มออกมาเนื่องเพราะนี่คือสิ่งซึ่งตนเองกำลังรอยคอยอยู่


         "หืม?...เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้ารับใช้ของเจ้าไม่ได้แจ้งบอกหรอกหรือว่ามันพบเจอกับสิ่งใด? หึ..หากไม่ใช่ว่ามันมีฝีเท้ารวดเร็วปราดเปรียว..มันคงไม่สามารถจะหลบหนีไปได้ เช่นนั้นก็ให้เจ้าชดใช้แทนมันในวันนี้เถอะ ตระกูลที่คิดคดทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนอย่างตระกูลบุสโซ่ของเจ้าไม่สมควรที่จะเสนอหน้าเข้ามายังเมืองของข้า.....ลูกสุนัขที่ขี้ขลาดตาขาวอย่างเจ้าไม่มีผู้ใดในเมืองนี้ต้อนรับ" อีกัสลูกชายของเจ้าเมืองรีเวลเอ่ย


         "ก็ต้องลองดูว่าชาติสุนัขอย่างพวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้ในตอนนี้ได้?" กาเล็ทกลับมาทางเหล่าลูกขุนนางพร้อมกับที่ยกมือทั้งสองขึ้นกวักเรียกอย่างท้าทาย


         "ฮ่าๆๆ..ปากเก่งหรือเกิน หรือลืมแล้วว่าครั้งก่อนเป็นเจ้าที่ถูกพวกข้าทุบตีจนบาดเจ็บปางตาย? หากมิใช่ผู้เป็นแม่ของเจ้ามาหมอบกราบร้องขอเจ้าคงตายใต้เงื้อมมือของพวกข้าตั้งแต่แรกแล้ว"หนึ่งในกลุ่มของอีกัสซึ่งเป็นลูกหลานของขุนนางประจำเมืองเอ่ยพร้อมกับที่กระจายตัวตีวงล้อมเข้าหากาเล็ท

         ทันทีที่ได้ยินกลุ่มเด็กเหล่านี้เอ่ยถึงผู้เป็นแม่ของตน...กาเล็ทก็เกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกปากก็เอ่ยกล่าวยั่วยุ "คิดทุบตีข้าด้วยคำพูดหรือ?"

         "เจ้าเศษสวะ!!" หนึ่งในกลุ่มลูกขุนนางไม่อาจอดทนรออีกต่อไป มันพุ่งเข้าหากาเล็ทโดยคิดหมายจะจับลอคร่างของกาเล็ทเอาไว้

         ฉาด เสียงฝ่ามือซึ่งกระทบเข้ากับใบหน้าดังสนั่นขึ้น ลูกขุนนางที่พุ่งเข้ามากลับถูกฝ่ามือของกาเล็ทตบเข้าใส่หน้าจนล้มกลิ้งสลบเหมือดไปในทันที

         "จัดการมัน" อีกัสผู้มีพลังระดับสามสั่งการผองเพื่อนของตนให้เข้ากลุ้มลุมทันทีเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ง่ายเหมือนอย่างกับครั้งก่อน

         "อาศัยเศษสวะอย่างพวกเจ้าหรือ?" กาเล็ทเอ่ยพร้อมกับที่ยื่นมือออกไปคว้าเข้าที่ปกเสื้อของหนึ่งในกลุ่มลูกขุนนางที่พุ่งเข้ามา..จากนั้นจึงออกแรงเหวี่ยงร่างของมันให้ลอยหวืดไปชนเข้ากับผองเพื่อนที่กำลังพุ่งเข้ามา

         "พวกเจ้าชื่นชอบทุบตีผู้คน วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าได้ลองลิ้มรสของการถูกทุบตีดูบ้าง" กาเล็ทเอ่ยพร้อมกับที่เป็นฝ่ายเดินเข้าหาอีกัสผู้ซึ่งมีระดับแก่นจิตวิญญาณอยู่ในระดับที่สาม

          "จะ..เจ้า จะทำอะไร? หากลงมือต่อข้า ท่านพ่อของข้า ท่านพ่อจะไม่ปล่อยเจ้.." กล่าวยังไม่ทันจบหน้าของมันก็โดนตบเข้าใส่อย่างแรง

         "เจ็บปวดหรือไม่?" กาเล็ทเอ่ยถามขณะที่มือหนึ่งกำคอของอีกัสไว้ ยังไม่ทันที่จะได้รับคำตอบ กาเล็ทก็ใช้มืออีกข้างตบฉาดเข้าใส่ใบหน้าของอีกัสต่อ 

         "ออ แล้ว ออแล้ว อ้าเจ็บ" อีกัสส่งเสียงอู้อี้ออกมาขณะถูกตบจนหน้าบวมเปล่ง

         "คนที่ถูกพวกเจ้าทุบตีเล่นเพื่อความสนุกก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน" กาเล็ทเอ่ยขณะที่ยังคงตบไปที่ใบหน้าของอีกัสจนสลบไป

         เห็นอย่างนั้นกาเล็ทก็โยนร่างของอีกัสให้ลงไปกองอยู่กับพื้น "หากปากสุนัขของพวกเจ้ายังคงไม่หยุดกล่าวว่าร้ายท่านพ่อของข้า....ครั้งต่อไปจะไม่จบเพียงเท่านี้แน่" กาเล็ทเอ่ยทิ้งท้าย


         รีไรท์ 2020 เหนื่อยสัส





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×