ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [About SJ] รวบรวมทุกอย่างเกี่ยวกับSJ ^^

    ลำดับตอนที่ #10 : เส้นทางชีวิตของซีวอน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 619
      2
      8 ม.ค. 53

    เส้นทางชีวิตของซีวอน

     
    ชื่อจริง : Choi Si Won(ชอย ซี วอน)      
            ชื่อในวงการ : Si Won (ซี วอน)      
            วันเกิด : 10 ก.พ.1987      
            ส่วนสูง : 183 ซ.ม.น้ำหนัก : 65 ก.ก.      
            งานอดิเรก : เทควันโด, ร้องเพลง      
            ความสามารถพิเศษ : พูดภาษาจีนได้, การแสดง, ตีกลอง      
            เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2003      
            โดย Starlight Casting System      
            ผลงานละคร :      
            - KBS '1829' (มี.ค. 2005)      
            - KBS 'Letter to My Parents' (พ.ค. 2005)      
            - KBS 'A boy from a charnel house' (ก.ย. 2005)    
            - SBS 'Curious Human Being' (ก.ย. 2005)      
            - SBS 'I Like Sunday' - X Man (ต.ค. 2005)      
            ผลงานภาพยนตร์ :      
            'Muk Gong' ร่วมกันสร้างโดยประเทศเกาหลี จีน ญี่ปุ่น (ต.ค. 2005)      
            ผลงานโฆษณา :      
            - เครื่องแบบนักเรียน 'Elite'(ก.ย. 2004)      
            - โยเกิร์ต 'Viyotte'(ส.ค. 2005)      
            ผลงานอื่นๆ :      
            มิวสิควีดีโอเพลง 'What is Love' ของ Dana (ต.ค. 2003)
    ก็เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่าฐานะทางบ้านของสมาชิกรายนี้นั้นเป็นเช่นไร ดังนั้นถ้าหากจะเรียกเขาว่า คุณชาย ก็คงจะเรียกได้กันอย่างเต็มปากเต็มคำ เนื่องจากธุรกิจในครอบครัวของซีวอนนั้นค่อนข้างใหญ่ โดยมีธุรกิจหลักของทางบ้านเป็นห้าง Hyundai ซึ่งถ้าหากจัดอันดับความรวยแล้วล่ะก็ ถือว่าได้เป็นอันดับที่ 2 ของเกาหลี รองมาจาก Sumsung เลยทีเดียว
     
          ซีวอนเป็นลุกชายคนโตของครอบครัว เวลาส่วนมากของเขาตั้งแต่เด็กจนโต มักจะอยู่กับแม่และน้องสาวเป็นส่วนมาก แม่ของซีวอนนั้นสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใดนัก เขาจึงเปรียบได้ว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวอีกคนหนึ่งแทนผู้เป็นแม่ เนื่องจากคุณพ่อนั้นก็ต้องมีภาระดูแลธุรกิจอยู่ เรื่องราวในบ้านส่วนใหญ่จึงมักจะหนีไม่พ้นมือของเขาคนนี้ จึงไม่แปลก ที่ทุกครั้งที่กลับจากต่างประเทศ เขาจะต้องรีบมุ่งหน้ากลับไปบ้านในทันที
     
          ซีวอนเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างเข้มงวด พ่อของเขาวาดหวังเอาไว้ ว่าต่อไปลูกชายคนเดียวคนนี้จะต้องรับช่วงต่อกิจการของครอบครัว แน่นอนว่าข้อนี้ เขาเองก็รู้ดีมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าคงหนีชะตากรรมข้อนี้ไม่พ้นอย่างแน่แท้ ซีวอนถูกส่งไปเรียนในโรงเรียนที่ค่อนข้างมีระเบียบตั้งแต่ยังเล็ก นิสัยของเขาจึงถูกขัดเกลามาให้เป็นสุภาพบุรุษ สุภาพ และมีระเบียบ ซึ่งค่อนข้างต่างจากเพื่อนๆร่วมวง ที่เฮฮา สบายๆ อะไรก็ได้
     
          ด้วยการเลี้ยงดู ด้วยสภาพสังคม ทำให้ซีวอนค่อนข้างเป็นคนมีระเบียบ มีการวางแผนในเรื่องต่างๆอยู่เสมอ แต่แทนที่เขาจะถือเนื้อถือตัว ตามแบบของลูกคนรวยทั่วไป ซีวอนกลับมีนิสัยที่ติดดินอย่างเหลือเชื่อ
     
          เพราะชีวิตที่สุขสบายจนเกินไป ชีวิตเขาถูกจำกัดไว้แค่เพียง บ้าน โรงเรียน ที่เรียนพิเศษ มันทำให้เขานึกอิจฉาเพื่อนๆ ที่สามารถใช้ชีวิตวัยรุ่นได้ตามต้องการ เขาอยากมีชีวิตเหมือนคนอื่นๆ ชีวิตแบบคนทั่วๆไป ด้วยเหตุนี้เอง ซีวอนจึงได้แอบไปสมัครทำงานที่ปั๊มแห่งหนึ่ง ซึ่งแน่นอน หน้าที่ของเด็กปั๊มคือการให้บริการต่างๆแก่ลูกค้า เขามีความสุขมากที่ได้ใช้ชีวิตแบบนั้น แต่ก็ทำได้แค่เพียง 4 วัน เพราะในวันที่สี่ ระหว่างที่เขาทำงานอยู่นั้นเอง ปากเจ้ากรรมก็ดันไปขอให้ลูกค้าลดกระจกลง และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อบุคคลที่นั่งในรถนั้นคือ พ่อผู้เข้มงวด ของเขาเอง
     
          ซีวอนจึงต้องลาออกจากงานในวันนั้น และถูกกักบริเวณในวันต่อมา รวมถึงถูกสอดส่องพฤติกรรมแทบจะทุกฝีก้าว
     
          แต่แม้ว่าทางบ้านจะเข้มงวดเพียงใด ก็ยังเปิดโอกาสให้เขาได้ทำอะไรในสิ่งที่ต้องการตามที่พ่อและแม่เห็นว่าสมควร ซีวอนเริ่มหัดเรียนตีกลอง เล่นเปียโน และกีตาร์ตั้งแต่เด็ก และก็ยังหัดว่า้ยน้ำ เรียนเทควันโดมาพร้อมๆกัน ความสามารถในด้านกีฬาของเขาค่อนข้างอย่ในระดับสูง จนสอบเทควันโดได้ในระดับสายดำ ดั้งที่ 5 นอกจากนั้นเขาก็ยังเคยแข่งขันระดับประเทศ และได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งมาแล้ว แน่นอนว่า ความสามารถด้านเทควันโดของซีวอนนั้นมากพอที่จะสามารถเป็นครูสอนเทควันโคเลยทีเดียว และนอกเหนือจากนี้ เขายังเล่นบาสเก็ตบอลเก่งมาก ถึงขนาดเคยเป็นนักกีฬาของโรงเรียนมาแล้วด้วย
     
          อนาคตของเขาถูกวางไว้ตั้งแต่ต้น ซีวอนมีโครงการจะไปเรียนต่อต่างประเทศ หลังจากที่เข้าเรียนในชั้นมัธยมปลายแล้ว ดังนั้น เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อจะต้องไปใช้ชีวิตในต่างประเทศเอาไว้ แต่ในวันเปิดภาคเรียน วันแรกที่เขาเป็นนักเรียนไฮสคูลนั่นเอง ระหว่างที่เดินออกจากโรงเรียนเพื่อไปทานกัมจาทังกับเพื่อนๆ ก็ได้มีแมวมองเดินเข้ามาติดต่อเขา พร้อมกับให้นามบัตรไว้
     
          ก่อนหน้านั้น มันเคยเป็นเพียงความคิดเล่นๆ ที่เคยเกิดขึ้นในหัว ว่า "ถ้าเขาเป็นดารา มันจะเป็นยังไงนะ" แต่มันก็ได้หายออกไปจากความคิดของเขานานแล้ว ... และก็เริ่มกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อได้รับนามบัตร ซีวอนติดต่อไปยังผู้ที่ให้นามบัตรแก่เขามา และเริ่มที่จะจริงจังกับการเป็นดาราขึ้นมาแล้ว
     
          ซีวอนได้รู้ถึงกำหนดการที่จะต้องเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศเป็นอย่างดี เขารู้ว่าพ่อของเขาเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้ว ทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่อยู่ และอะไรต่อมิอะไร เหลือเพียงแค่กำหนดวันออกเดินทางเพียงเท่านั้น
     
          แคนาดา 4 ปี ... ตามด้วยญี่ปุ่นอีก 4 ปี ... เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วท้องไส้ของเขาก็ปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก
     
          แต่เหมือนกับโชคเข้าข้าง เมื่อช่วงนั้นมีการเข้มงวดเรื่องวีซ่ามากขึ้น และก่อนเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ก็ยังจำเป็นที่จะต้องกลับมาที่เกาหลีอีกครั้งเพื่อเรียนต่อให้จบชั้นมัธยมปลายของที่เกาหลีด้วย (ไม่งั้นจะกลับมาเรียนต่อในมหาลัยที่เกาหลีไม่ได้ หรือไงนี่แหละ) เพราะเหตุนี้ การเรียนต่อต่างประเทศของเขาจึงได้ถูกยืดเวลาออกไป
     
          และครั้งนี้ ซีวอนได้เดินเข้าไปเพื่อขอร้องพ่อของเขาอีกครั้ง แน่นอนว่ายังได้รับคำยืนยันเช่นเดิมว่า "ไม่อนุญาต" แต่เพราะความตั้งใจจริงของเขา และเขาได้ให้คำสัญญากับพ่อเอาไว้ ว่าจะทำตามที่พ่อต้องการอย่างแน่นอน แต่ว่าเขาขอเลือกเส้นทางนี้ด้วยตัวเองสักครั้ง ... อย่างน้อยก็ขอให้ได้ลองกับมันดูสักตั้ง พ่อเขาจึงยอมใจอ่อนให้ แต่มีข้อแม้ว่า สิ่งที่เขาเลือกนั้นคือความรับผิดชอบของเขาทั้งหมด จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทางบ้าน และ เขาจะต้องดูแลความประพฤติตัวเองให้ดี ไม่เช่นนั้น จะต้องออกจากวงการบันเทิง และเดินทางไปเรียนต่อตามสัญญาทันที
     
          เป็นเวลานับแรมปี ที่ซีวอนพยายามขอร้องทั้งพ่อและแม่ และในที่สุดก็ได้รับอนุญาตมาด้วยความยากลำบาก และได้ออดิชั่นผ่านเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดจนได้
     
          แต่เขาต่างจากสมาชิกในวงคนอื่นๆตรงที่ ส่วนมากต่างพยายามเพื่อความฝัน ความกลัวของพวกเขามีแค่ "กลัวจะไม่ได้เดบิวต์" แต่สำหรับซีวอนแล้ว เขากลัวทั้งเรื่องการไปเรียนต่อต่างประเทศ ทั้งเรื่องที่พ่อนั้นไม่ได้อนุญาตด้วยความเต็มใจ ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตในวงการบันเทิง และไหนจะกลัวเรื่องไม่ได้เดบิวต์อีก นั่นคือภาระอันยิ่งใหญ่ของเขา
     
          เพราะซีวอนต้องการที่จะพิสูจน์ให้พ่อของเขาได้เห็นว่า เขาเลือกเส้นทางที่ถูกแล้ว และเขาก็ทำได้อย่างที่เขาเคยบอกเอาไว้จริงๆ ... เขาต้องการให้พ่อยอมรับ และปล่อยให้เขาเลือกทางเดินเองเสียที
     
          หนึ่งปีต่อมา หลังจากที่ได้เข้ามาในฐานะศิลปินฝึกหัด ซีวอนถูกส่งไปยังประเทศจีนเพียงลำพัง ทั้งๆที่เขาไม่รู้อักษรจีนแม้สักตัวเดียว กว่าเขาจะคุ้นเคยกับภาษา และแยกแยะคำได้ก็กินว่าเป็นกว่าหนึ่งเดือน เขาพยายามเรียนรู้ภาษาจีนอย่างสุดกำลังที่มี เพื่อต้องการอยู่รอดในจีนให้ได้ ... พ่อของเขาสอนเอาไว้เสมอ ว่าการทำอะไรต้องทำให้เต็มที่ ทำให้มั่นใจว่าทำได้ แต่ถ้าหากทำไม่ได้ เรา็ก็ได้รู้ ว่าเราทำมันเต็มที่แล้ว
     
          ซีวอนใช้ชีวิตอยู่ที่จีนกว่า 6 เดือน จึงได้กลับมายังเกาหลี
     
          และเมื่อกลับมา หลากคำพูดจากคนรู้จักของพ่อ ที่ต่างก็ทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าเขาควรตะล้มเลิกความคิดที่จะเป็นดาราที่ไร้สาระ แล้วหันมาสานต่อธุรกิจครอบครัวจะดีกว่า ... คำพูดเหล่านั้นมันทำให้เขาโกรธ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และมันก็ไม่ได้ทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจที่มี มันกลับเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เขาพยายามมากขึ้นกว่าเก่าเป็นเท่าตัว
     
          หลังจากนั้นไม่นาน ซีวอนก็ได้เดบิวต์ในฐานะนักแสดง ด้วยละครเรื่องแรก 18-29 แม้จะไม่ใช่บทที่สำคัญอะไร แต่เขาก็ประทับใจกับงานชิ้นนี้มาก ซีวอนเปิดดูสมุดบัญชีแล้วอมยิ้มให้กับตัวเองอยู่หลายครั้ง ... มันคือเงินก้อนแรกที่เขาหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ไม่ใช่เงินที่แบมือขอจากทางบ้านมา .. และเงินก้อนนั้น เขาก็นำไปบริจาคให้กับโบสถ์ที่เขาไปประจำ
     
          เมื่อข่าวเรื่องที่เขานำเงินก้อนแรกในชีวิตไปบริจาคให้กับโบสถ์รู้ถึงหูของพ่อ มันทำให้ซีวอนแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เพราะมันเป็นวันที่พ่อเอ่ยปากบอกว่า ภูมิใจในตัวของเขา และบอกให้เขารับผิดชอบในงานให้ดี พยายามให้มากขึ้นจากเดิม ... มันยากนัก ที่พ่อของเขาจะเอ่ยปากชมใคร
     
          และเมื่อได้รับกำลังใจที่เปี่ยมล้นจากพ่อแล้ว ซีวอนก็ได้ก้าวต่อด้วยความมั่นใจที่มากขึ้นจากเดิม เขาไม่ต้องกังวลกับการเรียนต่อ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่พ่อคัดค้านอีกต่อไป แต่ลึกๆแล้ว เขาก็ยังคงรู้ตัวดี ว่าอย่างไรก็ตาม ในอนาคต เขาก็ต้องกลับไปรับช่วงต่อจากพ่อ และบริหารกิจการของครอบครัว ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่า ซีวอนพยายามที่จะควบคุมตัวเองไว้ ในเวลาที่เพื่อนๆ สมาชิกในวงนั้นต่างเล่นอะไรที่บ้าบอคอแตก ก็มักจะมีแค่เขาเท่านั้นที่อยู่นิ่งๆ รักษามาดเจ้าชายอย่างเสมอต้นเสมอปลาย จนทำให้ฮยอกแจนึกรำคาญแทน
     
          นั่นไม่ใช่เพราะซีวอนไม่อยากจะเล่น หรือพยายามเก็กให้ดูดี แต่เพราะความเป็นจริงแล้ว เขาไม่สมควรที่จะไปเล่นอะไรแบบนั้นมากกว่า เพราะสายตาที่จับจ้องเขาอยู่ไม่ได้มีแค่แฟนคลับ หรือคนที่ชื่นชอบผลงานของเขาเท่านั้น แต่ยังมีคนรู้จักของพ่อ แม่ รวมไปถึงอีกหลายๆคนที่ร่วมธุรกิจกับทางบ้านของเขาอยู่ แน่นอนว่าเขาต้องรักษาภาพพจน์ของตัวเองเอาไว้ เพราะเกรงใจพ่อในส่วนหนึ่ง และในอีกส่วนก็คือ เขาต้องพยายามทำตัวให้ดูน่าเชื่อถือ เพราะมันอาจจะส่งผลต่อการทำงานของเขาในภายภาคหน้าได้
     
          เมื่อซีวอนได้รู้ว่าเขาจะต้องเดินทางกลับไปยังประเทศจีนอีกครั้งหนึ่ง เพื่อร่วมถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง Muk Gong เขาก็เริ่มที่จะมาคลุกคลีอยู่กับฮันคยองมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพราะต้องการฝึกภาษาจีนของเขาให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้สื่อสารกับคนในกองถ่ายได้เข้าใจ และด้วยความที่เขาเป็นคนมีน้ำใจ จึงมักจะคอยช่วยเหลือทั้งฮันคยองและคิบอมอยู่เสมอๆ เพราะเขาเข้าใจทั้งคู่ดี ที่ต้องจากบ้านมาอยู่ในต่างประเทศโดยปราศจากครอบครัว เพราะตัวของซีวอนเองนั้นก็เคยเผชิญชะตากรรมนี้มาก่อนหน้า ทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกนั้นเป็นอย่างดี ดังนั้น อะไรที่เขาจะสามารถช่วยเพื่อนทั้งสองได้ ซีวอนก็จะไม่รีรอที่จะทำมันเลย
     
          กับเพื่อนๆในวง ซีวอนนั้นมีความจริงใจให้กับทุกๆคน แต่ติดตรงที่ว่า การอยู่ร่วมกันในหมู่มาก จึงเกิดการชิงดีชิงเด่นกันบ้าง แต่ก็มักจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่ไร้สาระกันเสียมากกว่า เช่น การแย่งขนม งอนเวลาที่เพื่อนเล่นเกมแล้วไม่เรียก แข่งกันทำอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับงาน ซึ่งโดยส่วนมากมักจะเป็นการงอนกันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เนื่องด้วยซีวอนมักจะให้ความสำคัญกับเพื่อนๆ สนิทกับเพื่อนๆในวงทุกคน และเขาก็อยากที่จะเป็นคำสำคัญของเพื่อนๆเช่นกัน ดังนั้น เวลาที่มีใครมองข้าม หรือลืมเขาไป ซีวอนก็จะออกอาการงอนทันที และแน่นอนว่าคนที่มักจะโดนบ่อยๆก็คือ ฮีชอลและฮันคยอง เพราะแค่เพียงลืมโทรศัพท์หาเขาเพียงเท่านั้น เขาก็จะงอนและเริ่มทำตัวงอแง (ซะงั้นน่ะ)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×