ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [About SJ] รวบรวมทุกอย่างเกี่ยวกับSJ ^^

    ลำดับตอนที่ #1 : เส้นทางชีวิตของ ปาร์คจองซู (ลีทึก)

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 53


      
    ชื่อจริง :
    Park Jung Su (ปาร์ค จอง ซู)    

          ชื่อในวงการ : Lee Teuk (ลี ทึก)    
          วันเกิด : 1 ก.ค. 1983    
          ส่วนสูง : 178 ซ.ม.    
          น้ำหนัก : 59 ก.ก.    
          งานอดิเรก : เล่นเปียโน, ฟังเพลง , ร้องเพลง    
          ความสามารถพิเศษ : แต่งเพลง    
          เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง : ปี 2000 โดย Starlight Casting System    
          ผลงานละคร : MBC 'Everything of EVE' ปี 2000    
          ผลงานโฆษณา : Pepsi ผลงานด้านอื่นๆ    
     CD    พิธีกรในงาน showcase ของดง บัง ชิน กิ (ก.ย. 2005)    
     Artist : Super Junior05    พิธีกรรายการ M.net KMTV M!Countdown (11 พ.ค. 2005)    
     Album : Super Junior05    KBS '1829' as young Bok Man in Mar 2005
     
         จองซูมีความประทับใจแรกในวงการเพลง เมื่อได้เห็นวง ซอเดจีวาไอดอลในทีวี ซึ่งมันทำให้เขาถึงกับตะลึงในความแปลกใหม่
    และนับจากนั้น เขาก็เริ่มหัดร้องเพลงเรื่อยมา แต่ในช่วงแรก มันเป็นเพียงแค่การร้องเพลงที่เป็นเพียงความชอบ
    แม้ว่าจะถูกข้างบ้านตะโกนด่ามาบ่อยๆ เขาก็ยังคงดื้อดึงที่จะร้องมันเรื่อยมา
     
     
    จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่ของเขาพูดกึ่งแซว ว่า "ถ้าชอบขนาดนี้ ทำไมไม่จัดห้องโชว์ไปเลยล่ะ"
    เนื่องจากเงินเก็บของจองซู มักจะละลายหายไปกับการซื้ออัลบัมเพลงเสียส่วนใหญ่ ...
    และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาอยากเป็นนักร้อง
     
     
    จองซูยังคงใช้ชีวิตแบบเด็กมัธยมธรรมดา เขารักการร้องเพลง แต่ก็ยังไม่คิดจะเดินทางเพื่อตามหาฝันของตัวเอง
    จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนที่ร่วมร้อง ร่วมเต้นมาด้วยกันกำลังจะได้เดบิวต์ มันทำให้เกิดแรงกระตุ้นขึ้นมา
    แต่นั่นมันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขามุ่งไปในจุดหมายนั้น และในวันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันเกิดของ มินวู (วงชินฮวา)
    เพื่อนของเขาได้มาชวนไปร่วมงาน ซึ่งจัดขึ้นบริเวณ อับกูจอง แม้ว่าจองซูจะไม่เคยไปสถานที่นั้น แต่เขาก็ยังไปร่วมงานจนได้
    และในงานนั้นเองก็มีแมวมองของ SM Entertainment เดินเข้ามาทักเขา และทิ้งนามบัตรให้ไว้ โดยบอกให้ไปลองออดิชั่นกับทางบริษัทดู
     
     
    บนนามบัตรนั้นเขียนไว้ว่า "SM Entertainment" มันเป็นแรงจูงใจอย่างมากที่ทำให้จองซูเริ่มฝึกฝนตัวเองเป็นอย่างหนัก
    เขาจึงเข้าประกวด Starlight Casting System ในปี 2000 และได้เป็นศิลปินฝึกหัดของบริษัท แต่เนื่องจากที่บ้านไม่สนับสนุน
    แต่ด้วยความต้องการที่จะมากฝึกฝนกับทางบริษัท ก็ถึงขั้นยอมโกหกที่บ้านว่าไปเรียนกวดวิชา
    เพื่อนำค่าเล่าเรียนนั้นไปเป็นค่ารถเพื่อไปฝึกกับทางบริษัท และช่วงเวลาที่อ้างว่าไปเรียนพิเศษ ก็คือช่วงที่เขาไปฝึกซ้อม
    แต่เมื่อที่บ้านรู้เข้าก็เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต เหตุการณ์นี้เอง ทำให้จองซูยอมคุกเข่าเพื่อขอโทษคุณพ่อ ที่เขาโกหก
    และในวันนั้นเอง จองซูได้ขอร้องพ่อเพื่อให้เขาได้ลองทำตามความต้องการสักครั้ง แต่ไร้คำพูดใดๆจากปากของพ่อ
     
     
    หลังจากนั้น จองซูก็พยายามฝึกฝนตัวเองเป็นอย่างหนัก เนื่องจากเขาต้องการที่จะทำให้พ่อได้เห็นว่า "เขาทำได้"
    ไม่ว่าจะฝนตก หิมะกระหน่ำ หรือจะมีอะไรร้ายแรง อิทึกก็จะยังดั้นด้นไปฝึกซ้อมที่บริษัทโดยไม่มีการขาด แต่ความพยายามนั้นก็ยังไม่เห็นผลสักที เด็กฝึกหัดคนใหม่ๆที่เข้ามาหลังเขาต่างก็ได้เดบิวต์ไปก่อน สร้างความเจ็บปวดให้กับเขาค่อนข้างมาก
    มันทำให้เขาคิดมองย้อนดูตัวเองอยู่เสมอๆ ว่าเพราะเหตุใด ความสามารถของเขายังมีไม่มากพอหรืออย่างไร
    คำพูดของญาติหลายคนที่ต่างตัดทอนกำลังใจ เพราะล้วนแต่อยากให้เขาหันไปตั้งใจเรียน แทนที่จะมาจมปลักอยู่กับการเป็นศิลปินฝึกหัด มันทำให้เขาร้องไห้หลายต่อหลายครั้ง แต่จองซูก็ยังคงมุ่งมั่น และตั้งใจจะเป็นนักร้องที่ดีของเกาหลีให้ได้
     
     
    และในช่วงเวลาของการเป็นศิลปินฝึกหัด จองซูนั้นถือเป็นพี่ชายที่แสนดีของน้องๆ เขาค่อนข้างจะสนิทกับฮยอกแจและจุนซู ขนาดที่เคยไปค้างที่บ้านจุนซูบ่อยๆ และด้วยความที่เป็นรุ่นพี่นี่เอง ที่เขามักจะต้องออกเงินเลี้ยงน้องทั้งสองอยู่เป็นประจำ แม้ว่าในหลายๆจะ น้องชายตัวแสบทั้งสองจะแกล้งเขาเอาไว้มาก ทั้งเรื่องที่เขามีเงินจ่ายค่าขนมปังเพียงแค่สองชิ้น เพื่อสำหรับสามคน แต่ก็กลับโดนน้องชายทั้งสองเอาไปจนหมด แล้วทิ้งเขาให้มองตามหลังอยู่ที่สถานีรถไฟ และอีกหลายต่อหลายเรื่อง แต่เขาก็ไม่เคยโกรธสักครั้ง จึงไม่แปลก ที่นอกเหนือจากฮยอกแจแล้ว คนที่จุนซูโทรศัพท์มาแสดงความยินดีด้วยเป็นรายที่สองนั้นจะเป็นจองซู
     
     
    และในทุกๆวัน ก่อนที่เขาจะกลับ จองซูก็มักจะเดินไปส่งน้องๆศิลปินฝึกหัดที่เป็นผู้หญิงหลายๆคน
    เพราะมันเป็นเวลาที่ค่อนข้างดึก เขาจึงเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องๆซึ่งเป็นผู้หญิง ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ศิลปินหญิงในค่ายหลายๆคนนั้นค่อนข้างจะดูสนิทสนมกับเขามาก
     
     
    ในการเป็นศิลปินฝึกหัด ใช่ว่าจะมีแค่การเรียนไปวันๆ เพราะเมื่อถึงกำหนดการทดสอบ ช่วงเวลาแห่งความเครียดก็จะมาถึง
    หลายต่อหลายครั้งที่มันทำให้เขาผิดหวัง แต่ความตั้งใจที่มีมาก็ยังไม่เลือนหายไปเสียทีเดียว
     
     
    "นายทำได้แค่นี้เองเหรอ ..คิดจะฝึกหัดไปทั้งชีวิตหรือไง ไม่ดูเด็กใหม่ๆบ้างล่ะ" คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ ซึ่งเขายังคงจำมันจนถึงวันนี้
    เพราะบรรดารุ่นน้องที่เป็นศิลปินฝึกหักหลายต่อหลายคนที่เดบิวต์ไปแล้ว แต่ก็ยังคงเหลือเขา ที่ฝึกมาหลายต่อหลายปี ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เดบิวต์
     
     
    ในวันที่เพลง Hug ของ ดงบังชินกิขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่ง ในความยินดีกับเพื่อน มันก็แฝงไปด้วยความทุกข์อย่างแสนสาหัส
    เพื่อน และรุ่นน้องที่ฝึกหัดด้วยกันมาได้เดบิวต์อย่างสวยงาม .. แล้วเขาล่ะ?
     
     
    แต่โชคชะตาก็ไม่เลวร้ายเสียทีเดียว เพราะหลักจากนั้นไม่นาน ก็มีโปรเจคการฟอร์มวง Super Junior ขึ้น และด้วยความที่จองซูมีความเป็นผู้ใหญ่มากที่สุด เขาจึงได้รับมอบหมายให้ดูแลสมาชิกคนอื่นๆ ในวงในฐานะ พี่ใหญ่ ซึ่งอันที่จริง จองซูไม่ได้ยินดีกับตำแหน่ง ลีดเดอร์ เท่าใดนัก เพราะว่ามันเป็นตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ และเขาก็คิดว่าตัวเองทำมันได้ไม่ดีพอ หลายต่อหลายครั้งที่เขาเผลอแสดงนิสัยไม่ดีออกไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป ภาระนี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา ที่จะต้องสละเวลาส่วนตัวเพื่อดูแลสมาชิกในวงอย่างทั่วถึง
     
    จองซู ได้เปลี่ยนชื่อจาก จองซู ซึ่งคือชื่อจริง มาเป็น อิทึก เพื่อใช้เป็นชื่อในวงการ เพราะเขาอยากจะเป็น สิ่งพิเศษ นั่นเอง
     
    ในวันที่ซุปเปอร์จูเนียร์เดบิวต์ ที่หลังเวที ทุกคนต่างกอดคอกันร้องไห้ ... พวกเขาเดินทางมาถึงจุดเริ่มต้นจุดใหม่แล้ว
    อนาคตอีกมากมายกำลังรออยู่ข้างหน้า แต่ในความดีใจนั้น จองซูได้รับรู้ดีว่า ภาระอันหนักอึ้งกำลังรอเขาอยู่ตรงหน้า
    และเขาก็ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ เพื่อที่จะเป็นผู้เดินนำให้สมาชิกในวงไปถึงจุดหมายพร้อมกัน
     
     
    จองซูยังคงทำหน้าที่ลีดเดอร์ที่ดีเรื่อยมา แม้ว่านิสัยส่วนตัวของเขาจะขี้เล่น และค่อนข้างจะบ้าบอ จนอาจจะดูไร้สาระ แต่ถ้าเมื่อใดที่ถึงเวลางาน เขาจะหยุดทุกอย่างเพื่อทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยมีคังอินคอยเป็นผู้ช่วย และแม้ว่างานในแต่ละวันจะมากมายสักเพียงใด แต่ถ้าหากสมาชิกคนใดมีปัญหาเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางดึกที่เขาเพิ่งนอนได้ไม่ถึงชั่วโมงก็ตาม จองซูจะรีบออกไปหาสมาชิกคนนั้นโดยทันที
    เพราะเขาคิดอยู่เสมอ ว่ามันคือหน้าที่ที่เขาต้องดูแลน้องๆให้เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน
     
     
    ด้วยความขี้เล่นของอิทึก ที่ชอบพูดเล่นไปเรื่อยเปื่อย และไม่ได้คิดอะไรมากมาย ทำให้เขาเกิดปัญหาอยู่หลายต่อหลายครั้ง ทั้งเรื่องจางนาราที่เคยพูดจาล้อเล่น จนทำให้ฝ่ายหญิงไม่พอใจถึงขั้นโทรศัพท์มาต่อว่า หรือเรื่องราวใหญ่โตที่จองซูแค่หลุดปากพูดเล่นว่า "ยอนอา นักสเก็ตสาว ไม่ยอมรับเขาเป็นเพื่อนในไซเวิลด์" ทำให้แฟนคลับจำนวนมากไปโพสข้อความในไซเวิลด์ของยุนอาถล่มทลาย จนกลายเป็นเรื่องราวโด่งดัง เหตุการณ์เหล่านี้ ได้สอนให้เขาพยายามยับยั้งความคิดและคำพูดให้มากขึ้น
     
    จองซูคิดอยู่เสมอ ว่าปัญหาของเพื่อนในวง ก็คือปัญหาของเขาที่ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ...
    ทุกวันนี้ เขาจึงยังเป็นพี่ที่ดีของน้องๆ และคอยเป็นด่านหน้าของซุปเปอร์จูเนียร์ที่จะแบกรับปัญหาจากทุกสารทิศที่เข้ามาด้วยรอยยิ้ม
    แม้ว่าด้านในนั้นจะมีน้ำตา เขาก็ยังคงสู้ไม่ถอย
     
     
    แต่อย่างน้อย ข้างกายของเขาก็ยังมียองอุน (คังอิน) รุ่นน้องคนสนิทที่พร้อมที่จะพยุงเขาไว้ทุกเมื่อหากเขาอ่อนล้า หรือหมดแรงลง เพราะคังอินนั้นรู้ดี ว่าหน้าที่ที่จองซูต้องรับผิดชอบนั้นมันหนักหนาและใหญ่หลวงสักเพียงใด อะไรที่เขาพอที่จะช่วยจองซูได้ เขาก็พร้อมที่จะช่วยทุกเมื่อ เพราะถ้าหากในวงขาดจองซูไปสักคน ก็คงจะวุ่นวายไม่น้อยเลยทีเดียว
    เขาพูดอยู่เสมอๆ ว่าเขาคือ นางฟ้าที่ไร้ปีก ...แต่ ณ วันนี้ ด้วยความรักจากเอลฟ์ ปีกสีขาวของนางฟ้า
    กำลังก่อตัวขึ้นที่ด้านหลังของเขา ปีกที่หายไปกำลังจะปรากฎขึ้นอีกครั้งแล้วlovesuju
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×