คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : SF - SWEET CREAM [13] lSPECIALl
# PART 13 #
SPECIAL
“เป็นคนที่คชาชอบที่สุด...มาตั้งแต่แรกแล้ว”
เอาล่ะ...แล้วยังไงต่อดี...
คชาหลับตาแน่นหลังจากสารภาพบางสิ่งออกไป หัวใจเต้นเร็วรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก สัมผัสได้ถึงสัมผัสบางเบาที่แตะลงมาที่ข้อมือ ก่อนที่คนตรงหน้าจะหมุนตัวกลับมาหา แล้วกระตุกดึงตัวเขาให้ลงไปนั่งบนตักทันที
คชาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งหลับตาปี๋พลางก้มหน้างุดๆ ในขณะที่อีกคนกระชับกอดตัวเขาเสียแน่นจนเริ่มจะหายใจไม่ออก
แต่มันไม่ได้อึดอัดเลยสักนิด
กลับกัน มันออกจะอบอุ่นด้วยซ้ำ
ประโยคที่พูดออกไปเมื่อกี้มันยิ่งกว่าสารภาพรักเสียอีกเมื่อมันออกมาจากปากของคนอย่างเขา คำว่า ‘ตั้งแต่แรก’ ที่ว่ามันคงจะไม่ใช่อาการ ‘ชอบ’ เลยเสียทีเดียว น่าจะเรียกได้ว่าเป็นแค่เพียงความประทับใจกับความมีน้ำใจและรอยยิ้มจริงใจของอีกฝ่ายมากกว่า แต่พอได้ลองมาผูกพันกันไปเรื่อยๆแล้วนั้น ความรู้สึกอีกอย่างมันก็เริ่มก่อตัวเด่นชัดขึ้นมาจนน่ากลัว
เริ่มมีความคิดว่าขาดไม่ได้ มีความรู้สึกว่าต้องเจอทุกวัน
แค่ห่างสักนิดใจก็โหยหาคิดถึงแล้ว
ถึงจะไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกไปให้ชัดเจนนัก แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือนิสัยที่ยิ้มยาก เพราะหลังจากที่มาขลุกอยู่กับอีกคน ก็รู้สึกว่าโดนหลอกล่อในหลายๆทางให้ยิ้มบ่อยๆ
และพอลองได้ยิ้มดูแล้ว ก็ไม่เห็นว่ามันจะยากตรงไหน
เมื่อคิดย้อนกลับไปก็รู้สึกว่าตนเองนั้นเปลี่ยนไปมากมายขนาดไหน และไม่ต้องไปมองหาต้นเหตุที่ไหนไกล คนที่นั่งฉวยโอกาสอยู่ข้างหลังนี่แหละตัวการ
ริมฝีปากหนาที่คลอเคลียก็แถวๆแก้มให้ความรู้สึกจักจี้ชอบกลแต่ก็ไม่อยากจะผลักออกเลยแม้แต่นิด หัวใจเต้นระรัวสูบฉีดเลือดให้ขึ้นไปหล่อเลี้ยงใบหน้าจนแดงระเรื่อ รู้สึกร้อนวาบราวกับจะละลาย ก่อนจะฉีกยิ้มออกมานิดๆเมื่อได้ยินเสียงอีกคนที่กระซิบตอบกลับมา
“ชอบ...ชอบมาก”
เว้นไปนิดเมื่อแก้มใสโดนขโมยหอมไปเสียหนึ่งฟอดใหญ่ ก่อนที่คนได้เปรียบจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ชอบ...ชอบที่สุดเลย”
แล้วจะให้ทำอะไรได้ล่ะ...
ได้แต่นั่งเฉยๆให้คนข้างหลังได้ลิ้มลองชอมชมกลิ่นหอมของแก้มที่โดนปะทุร้ายทั้งสองข้างเท่านั้นแหละ คนไม่รู้จักพอก็ไม่หยุดเสียที แค่จะเอ่ยห้ามยังไม่มีแรง แล้วนับภาษาอะไรกับการผลักออกมาล่ะ แต่ถึงจะแก้ตัวยังไง ใจก็ยังไม่อยากให้อีกคนหยุดจริงๆหรอก
อบอุ่น
อ่อนโยน
เคียงข้างแล้วรู้สึกสบายใจ
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะตอบแทนอะไรเล็กๆน้อยๆ...กลับไปบ้าง
-----------------------------> TAOKACHA <----------------------------
อากาศเย็นลงเรื่อยๆ สายลมพัดผ่านมาไม่หยุด
ตอนนี้ตีสองสามสิบกว่าๆแล้ว
ควรจะเป็นเวลาหลับใหลของใครหลายๆคน แต่หากสองมือที่ยังคงเดินกอบกุมกันยามค่ำคืนนั้นไม่ได้รับผลกระทบจากอากาศเลยแม้แต่น้อย มือใหญ่ที่ขยับแกว่งเบาๆพร้อมกันกับมือของเขาที่โดนกอบกุมเอาไว้แน่นเรียกเอารอยยิ้มของเขาประดับแต้มไว้บนใบหน้า
บนสะพานเชื่อมบีทีเอสแถวอนุสาวรีย์มีเพียงสายลมเย็นและความมืดเท่านั้นที่ปรากฏในสายตา หากความสบายใจที่ได้เดินไปเรื่อยๆกับใครอีกคนมันก็ทำให้เขาลืมเรื่องกลัวความมืดไปได้เสียสนิท ถ้าจะว่ากันตามจริงแล้ว เขาน่ะไม่ได้กลัวความมืดอะไรจริงจังนักหรอก เพียงแค่ไม่ชอบที่จะอยู่ตัวคนเดียวในที่มืดๆก็เท่านั้นเอง
คชากวาดสายตามองไปรอบตัวเรื่อยๆก่อนจะหยุดเดินไปแบบไม่มีสาเหตุ เรียกให้อีกคนที่เดินเคียงข้างกันมาหยุดชะงักไปด้วยอีกคน
“มีอะไรครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามขึ้นมา ก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมมาจับกระชับเสื้อกันหนาวที่คชาสวมใส่อยู่ให้แนบตัวมากยิ่งขึ้น เมื่อสายลมเริ่มพัดพาเอาความหนาวเย็นเข้ามาอีกระรอก
“ดาว...” คชาตอบกลับไป มือเล็กชี้ไปที่ดวงดาวดวงโตที่ส่องแสงเคียงคู่อยู่กับดวงจันทร์ ดวงตากลมโตทอดมองออกไปไกล ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่ยืนมองตัวเองอยู่ตาไม่กระพริบพร้อมมอบรอยยิ้มหวานล้ำแสดงถึงความอารมณ์ดีกลับไปให้จนอีกคนได้แต่เพ้อออกมาเบาๆ
“...สวย”
“อะไรเต๋า”
“รักคชา...นะครับ”
คำถามเอาเรื่องถูกปัดตกไปด้วยการเอื้อยเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงหวานแผ่วเบาหากแต่กลับแทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกของผู้ฟังได้ดีนัก ก่อนที่ความรู้สึกอุ่นร้อนที่ริมฝีปากจะถูกกดลงมาแผ่วเบาโดยใครอีกคน
แม้จะวนเวียนคลอเคลียเลาะชิมอยู่แค่ภายนอก แต่รสชาติกลับหวานล้ำเสียยิ่งกว่าเค้กรสไหนที่ได้เคยลิ้มลอง สติที่มีอยู่ค่อยๆสูญสลายไปกับการชักนำของใครบางคน
มีความสุขมาก
มากเสียจน...นึกหน้าตาความเศร้าไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
ขอบคุณ ที่เดินเข้าร้านเค้กมาวันนั้น
ขอบคุณมาก ที่ทำให้ได้รู้จักกับความรู้สึกแบบนี้
“ขอบคุณ”
-----------------------------> TAOKACHA <----------------------------
(ตัดความหวานแต่เพียงเท่านี้ กลับมาเกรียนกับเต๋ากันดีกว่า)
“ไอ้สัสโปเต้! เอาคืนมาเดี๋ยวนี้!”
“เรื่องอะไรจะให้ล่ะ ไอ้เฟรมรับไป! Nice catch!”
“Comon’ dude! แน่จริงมาแย่งไปเลยไอ้เต๋า!”
“ไอ้พวกเหี้ย!”
ไม่ต้องสงสัยกันนะครับว่าทำไมเปิดมาฉากมาทีไรแล้วผมจะต้องไร้สาระแบบนี้อยู่ร่ำไป หลังจากจบงานกีฬาสัมพันธ์ในวันศุกร์มาแล้ว เราก็ได้หยุดพักในวันเสาร์กับวันอาทิตย์กันครับ ซึ่งไอ้แพรวมันก็ไม่ยอมปล่อยให้เวลาทั้งสองวันนี้เสียไปเปล่าๆ กลับจากร้านหมูกระทะปั๊บมันก็ไปนั่งออกแบบนิตยสารมาปุ๊บ จากนั้นนิตยสารโรงเรียนที่หัวข้อเด่นคืองานกีฬาสัมพันธ์ก็ออกมาเป็นรูปเล่มเก๋ไก๋อย่างที่เห็นอยู่ในมือของไอ้เฟรมตอนนี้ครับ
ไอ้แพรวตั้งราคาขายเล่มละห้าสิบบาทถ้วน เราตั้งเป้ากันไว้ว่ายอดขายต้องเกินสามหมื่นบาท หรือก็คือหกร้อยเล่มอ่ะครับ ไม่งั้นผอ.แม่งไม่ยอมให้ผ่าน ตอนแรกพวกพวกก็คิดหาวิธีบังคับขายกันแบบหลายร้อยรูปแบบล่ะครับ แต่ปรากฏว่าแค่มาวันแรกก็ปาเข้าเกือบๆจะสี่ร้อยเล่มแล้วเว้ย ขายดีกว่าที่คิดเอาไว้สิบล้านเท่าอ่ะครับ
และตอนนี้ผมก็ส่งน้องหลินกับพี่แอ้นไปเดินขายตามห้องเรียนเรียบร้อยแล้วครับ ของอย่างนี้มันต้องหน้าด้านเข้าไว้ เด็กโรงเรียนเรามีตั้งเยอะตั้งแยะ จะไปยากอะไรกับอีแค่หกร้อยเล่ม อีโถ่!
แต่ก่อนอื่นกลับมาสถานการณ์ปัจจุบันกันก่อนดีกว่าครับ เพราะว่าตั้งแต่ที่โดนคชาเอากระดาษคำตอบที่ผมสัมภาษณ์ไปซ่อนไว้ในลิ้นชักจนมาถึงตอนนี้ ผมก็ยังไม่ได้อ่านเลยครับ อยากจะรู้นักว่ามันมีความลับอะไรเขาถึงได้หวงขนาดนี้
และอีกเรื่องที่ผมโคตรจะสงสัยก็คือพอมาถึงห้องชมรมในตอนเช้า ไอ้แพรวมันก็ยกมือขึ้นมาไหว้ผมปลกๆแล้ววิ่งตัวปลิวออกไปแบบไม่บอกไม่กล่าวอะไรผมเลยทั้งสิ้น นั่นยิ่งทำให้ผมยิ่งอยากจะรู้มากขึ้นไปอีกแบบทบเท่าทวีคูณเลยเฮ้ย
แต่ไอ้เหี้ยสองตัวนี้ก็แม่งเข้าขากันดีจริง! กระแดะพูดภาษาอังกฤษสำเนียงบ้านเกิดไม่พอแล้วยังจะมาแย่งนิตยสารของกูไปอีก! ห่าราก!
แต่ก่อนที่ผมจะได้แปลงร่างเป็นก็อตซิล่าแล้วจัดการพ่นไฟใส่พวกมัน อยู่ดีๆไอ้เฟรมก็ยิ้มกริ่มแบบไร้ความน่าไว้ใจใดๆทั้งสิ้นพลางโยนนิตยสารกลับมาให้ผมแทน
อะไรของมึงครับ อยู่ดีๆคิดจะคืนก็คืน ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจแล้วมองตามสายตามันไป ก่อนจะได้พบกับใครบางคนที่ทำเอาผมต้องฉีกยิ้มกว้าง
“คชาาาา”
แล้วผมก็ถลาเข้าไปหาเขาทันที เรียกเสียงโห่แซวจากไอ้เฟรมกับไอ้โปเต้จนผมชักจะเปลี่ยนใจอยากจะหันไปกระโดดถีบพวกแม่งแทน แต่ก็ไม่ได้ทำครับ กระโดดกอดคชามีความสุขกว่าเห็นหน้าไอ้พวกนั้นเยอะ
คชาส่ายหน้านิดๆแล้วยิ้มให้ผม ทำเอาผมยิ้มกว้างกว่าเดิม บรรยากาศรอบตัวผมตอนนี้มันเหมือนทุ่งดอกไม้ในการ์ตูนตาหวานที่มีแบ็คกราวด์เป็นรูปหัวใจวิ๊งค์ๆเลยครับ อรั่กกกกก สำลักความสุข ตอนนี้อะไรก็ไม่อยู่ในสายตาผมแล้วล่ะ
“หยุดมองตาหวานซึ้งแล้วฉีกยิ้มให้กันซักทีครับคุณสุภาพบุรุษทั้งสองท่านตรงนั้น ได้โปรดเห็นใจคนโสดสนิททางนี้บ้างอะไรบ้างครับ” จนมีเสียงเหี้ยๆของไอ้เฟรมขัดขึ้นมานี่แหละ บรรยากาศรอบตัวมันก็หม่นหมองลงทันใด
“อ้าวไอ้เฟรม กูจะไปฟ้องน้องแพรวา” ไอ้โปเต้ที่ยืนสนับสนุนอยู่ข้างๆไอ้เฟรมเพื่อแกล้งผมในตอนแรกทำการเปลี่ยนข้างตัวเองมาเล่นงานไอ้เฟรมทันทีครับ
“กูพูดถึงมึงนั่นแหละ เห็นมองซะอิจฉาตาร้อน ไปหาหญิงมาควงซักคนไป พ่อคนโสดดดดดดด!”
ผมหัวเราะลั่นทันทีที่จบประโยคของไอ้เฟรม ไอ้โปเต้ที่โดนโจมตีไปแบบกะทันหันกระอักเลือดล้มลงไปกองกับพื้น HPเหลือศูนย์ว๊าบกลับไปเมืองเกิดทันทีครับ (ตอนนี้ติดเกมส์ LOL กรั่กๆๆๆ)
ผมละความสนใจมาจากมันสองตัวแล้วหันมามองคนที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆแทน พอนึกขึ้นได้ ผมก็จัดการโบกนิตยสารในมือไปมาแล้วตีหน้าเข้ม เอ่ยปากถามเขาเสียงดุ
“คชา เขียนอะไรลงไป ทำไมไม่ให้เต๋าอ่านก่อนอ่ะ”
“...เต๋ายังไม่ได้อ่านอีกเหรอ”
“เออจริงด้วย งั้นอ่านมันตอนนี้เลยละกัน”
“เอ่อ...ถ้างั้นคชา...ไปก่อนล่ะนะ”
“อ้าวเฮ้ย ไปไหน คชา!”
ผมร้องเรียกเขาทันที อยู่ๆคชาก็วิ่งหนีไปเฉยเลยอ่ะครับ ตอนแรกก็ว่าจะตามไปอยู่หรอก แต่ใจมันดันสั่งให้เปิดนิตยสารอ่านเสียอย่างนั้น
งั้น...เปิดอ่านก่อนแล้วกันครับ
หน้าปกนิตยสารเป็นภาพขบวนพาเหรดกับวงโยทวาทิตที่กำลังเดินแถวอย่างสวยงามอยู่ในสนาม ผมทำแค่มองผ่านๆก่อนจะเปิดไปหน้าสารบัญ ไล่นิ้วหาบทสัมภาษณ์ของคชาไปเรื่อยๆแต่ดันเสือกไปสะดุดเข้ากับคอลัมน์หนึ่งซะก่อน
‘คู่รักน่าอิจฉาแห่งปี’
เริ่มมีลางสังหรณ์ว่ากำลังจะซวยแปลกๆ เลยรีบพลิกไปหน้าที่ 25 ทันที และชัดเลยว่ะ รูปผมกับคชายืนข้างๆกัน พร้อมกับหัวข้อตัวใหญ่เท่าควายตามชื่นคอลัมน์มันนั่นแหละ
เนื้อหามันประมาณว่าผมแม่งน่าอิจฉาอย่างงั้นอย่างงี้ที่ได้คชาเป็นแฟน พร้อมกับการบรรยายฉากระหว่างผมกับคชาที่เกินจริงไปเกือบครึ่ง แถมยังมีรูปสายห้อยไอโฟนคู่มาประกอบอีกด้วย (ลืมกันไปรึยังครับ?) เอาล่ะ ใครที่ไหนมันเขียนคอลัมน์นี้วะ! พอมองเลยไปถึงตัวอักษรตัวสุดท้าย ผมก็แสยะยิ้มเหี้ยมขึ้นมาทันที
กูรู้ตัวการแล้ว นามปากกาแบบนี้ไอ้เหี้ยต้นแน่ๆ!
ผมพยายามหายใจเข้าหายใจออกสงบสติอารมณ์ ไม่น่าล่ะวันนี้ผมยังไม่เห็นหน้าไอ้ต้นเลยซักครั้ง รวมถึงเรื่องที่ไอ้แพรวมันยกมือไหว้ผมด้วยแล้วผมก็ยิ่งเข้าใจ ว่าแล้วว่าซักวันกรรมมันจะต้องตามทันหลังจากที่ไปเขียนเรื่องๆรักๆใคร่ๆของคนอื่นเอาไว้เยอะ โดนตลบหลังเลยไงกู!
ไอ้ที่บ่นๆไปก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมกลัวเอฟซีประธานอ่ะ Orz
ผมเลิกสนใจคอลัมน์ของไอ้ต้นแล้วเปิดหาบทสัมภาษณ์ของคชาแทน ซึ่งผมคาดว่าคนเกือบครึ่งก็ซื้อเพราะสี่หน้านี้นี่แหละ
โอ้โห!
ผมล่ะทึ่งกับฝีมือการออกแบบของไอ้แพรวมากอ่ะครับ แม่ง ออกมาอย่างสวยเลย หน้าแรกเป็นรูปของคชาที่กำลังตีกลองรูปเบ้อเร่อ ประกอบไปกับประวัติง่ายๆที่ใครๆก็รู้ รวมถึงบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับการทำงานให้โรงเรียนประมานสิบห้าบรรทัดได้
หน้าที่สองเป็นรูปกิจกรรมที่เขาทำมาทั้งหมดตั้งแต่เทอมหนึ่งมาจนถึงตอนนี้ พร้อมกับข้อความบรรยายอะไรนิดๆหน่อยๆ
หน้าที่สามเป็นการพูดเกี่ยวกับชีวิตประจำวันแล้วก็เรื่องต่างๆ ซึ่งผมคิดว่าบทสัมภาษณ์ตรงนี้ไอ้แพรวอาจจะไปสัมภาษณ์มาเพิ่ม เพราะผมไม่เคยถามอะไรแบบนี้กับคชาไป
ส่วนหน้าสุดท้าย เป็นสามสิบข้อที่ทุกคนรอคอย รอบๆคำถามเป็นรูปคชาเต็มไปหมด เหมาะแก่การตัดภาพไปแปะบนผนังมาก
เฮ้ย ผมคิดอะไรออกไป ผมเปล่าโรคจิตนะครับ!
ผมอ่านไล่ลงมาเรื่อยๆ คำถามแต่ละคำถามแม่งพื้นๆมาก เชี่ย ทำไมผมแม่งไม่มีเซนส์เรื่องตั้งคำถามเลยวะ Orz
ผมอ่านไปพลางอมยิ้มไปพลางกับคำตอบของเขามาเรื่อยๆ ก่อนจะมาสะดุดเข้ากับสามคำถามสุดท้าย แต่เดี๋ยวนะ! ข้อที่สามสิบเอ็ดนี่มันอะไรวะครับ! ผมว่าผมเขียนคำถามไปแค่สามสิบข้อนะ! ไอ้ต้นแน่เลยว่ะ เพราะแม่งเอากระดาษคำถามไปอ่านก่อนที่ผมจะเอาไปให้คชา เชี่ยนี่อีกแล้วว่ะ เจอมึงเมื่อไหร่กูตบหัวมึงคว่ำแน่ไอ้ต้น!
29. มุมมองความรัก: บรรยากาศยามเช้าน่าจะบรรยายคำตอบข้อนี้ได้ดีที่สุด แสงแดดที่อบอุ่นพร้อมกับการเริ่มต้นของวันใหม่ รักเงียบๆเคล้าไปกับความอบอุ่นของรุ่งอรุณ มุมมองของผมถ้าจะว่ากันง่ายๆก็คงจะเป็นรักเงียบๆแบบไม่ต้องป่าวประกาศให้ใครรับรู้
30. เรื่องราวความรัก: สำหรับคชา เพราะผมไม่เคยมีความรักมาก่อน รักครั้งแรกมันเลยออกจะเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง เกิดขึ้นมาเพราะความประทับใจในคราแรกที่ได้พบเจอ ก่อนจะค่อยๆเริ่มมีความรู้สึกว่าขาดไม่ได้ จนมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ต้องห่างกัน สุดท้ายเลยตัดสินใจบอกออกไป และก็เป็นเรื่องดี ที่ผมสมหวังในรักครั้งแรก
31. บอกคนที่รัก: คำถามนี้น่ากลัวจริง เอาเป็นว่าไว้ผมบอกกับเขาเองจากปากผมแล้วกัน
ผมหน้าแดงแปร๊ดเหมือนสาวน้อยแรกรุ่นที่เพิ่งจะเคยมีความรักครั้งแรก ก่อนจะลงมือปิดนิตยสารดังฉับ แล้วออกวิ่งตามหาคชาทันที และตามที่ผมคิดไว้ เขามาหมกตัวอยู่ในห้องประธานจริงๆด้วย
“คชา!” ผมตะโกนเรียกคนที่อยู่ในห้องเสียงดังลั่น
“อะ...อะไรเต๋า” เขาสะดุ้งกับเสียงของผม จากที่กำลังยืนเล่นโทรศัพท์อยู่เลยนั่งปุลงไปบนโซฟาทั้งอย่างนั้น
“เต๋ามาทวงคำตอบ!”
“คำตอบอะไร...”
“ข้อสุดท้ายน่ะ! จะบอกอะไรครับ”
ผมเดินเข้าไปใกล้คชาที่นั่งอยู่กับโซฟา ก้มลงเล่นจ้องตากับเขาสักพัก
“...ขยับมา...ใกล้ๆ” เสียงหวานเอ่ย เล่นเอาผมใจเต้นรัว
เขาเม้มปากแน่นพลางเงยหน้าแดงๆขึ้นมาสบตากับผม และแน่นอนว่าผมขยับเข้าไปใกล้เขาแบบไม่ต้องให้บอกซ้ำ แขนทั้งสองข้างถูกยกขึ้นค้ำไว้กับเบาะโซฟากันคนตรงหน้าหันหนี
แต่ก่อนที่ผมจะได้ทวงคำตอบจากเขาอีกครั้ง ความรู้สึกอ่อนนุ่มก็พลันประทับลงมากับริมฝีปากของผมแผ่วเบา และกว่าที่ผมจะได้รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ความหอมหวานของคนตัวเล็กตรงหน้าก็เรียกให้ผมจูบซับความอบอุ่นให้แล่นวาบเข้ามาที่หัวใจ เนิ่นนานกว่าจะเริ่มบดเบียดลิ้นร้อนลงไปเพื่อเกี่ยวพันกับลิ้นหยุ่นของคนที่นั่งอยู่แผ่วเบา
กว่าจะตัดใจผละออกจากคนตรงหน้าได้สำเร็จก็ทำเอาคชาหน้าแดงระเรื่อ ผมยกยิ้มพลางประคองใบหน้าเล็กที่เบี่ยงซ้ายออกเพื่อโกยอากาศหายใจให้หันกลับมามองทางผม ยิ้มให้คนใต้ร่างเล็กน้อย คำตอบที่เขาตั้งใจจะตอบมันกับปากของตัวเขาเองมันน่ารักชะมัด ก่อนจะคิดว่าผมควรจะบอกย้ำอะไรกับเขาบางอย่าง จึงกระซิบข้างหูไปแผ่วเบาหากแต่หนักแน่นเน้นย้ำชัดเจน ทำเอาคนตัวเล็กหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม
“รักคชา...รักคชานะครับ”
-----------------------------> SPECIAL <----------------------------
#เดินจากไปเงียบๆท่ามกลางสายฝน
กรั่กๆๆๆๆๆ จบแล้ววววววววววววววว จบแบบไม่ติดค้างอะไรแล้วโว่ยยยยยยยยยยยยยย !
นี่ปั่นเสร็จก็ลงเลยนะ อ่านตรวจคำผิดไปรอบเดียวเอง เพราะฉะนั้นถ้าเจอคำผิดก็ปล่อยๆมันไปนะ 5555
และไหนๆก็จบแล้ว ขอเม้นจากผู้ที่เข้ามาอ่านหน่อย เม้นติเม้นชมเม้นฟิน เม้นอะไรก็ได้ เม้นสั้นๆก็ได้
นะนะนะนะนะนะนะนะนะนะนะ
อ่อ อ่านเรื่องนี้จบแล้วอย่าลืมไปต่ออินโทร (ที่โคตรสั้น) ของเรื่องต่อไปด้วยนะ
จะมาต่อเมื่อเราต้องการ กร๊ากกกกกกกกกก #โดนเตะ
>คลิก<
ขอบคุณที่ตามอ่านนะฮะ รออ่านเรื่องหน้าด้วยนะ! :)
24/11/2012
23:51 @USA
ความคิดเห็น