คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : SF - SWEET CREAM [12] lENDl
# PART 12 #
END
ในที่สุดก็มาถึงวันสุดท้ายของงานกีฬาเชื่อมสัมพันธ์แล้วครับ จะเรียกวันนี้ว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านมาตลอดสองวันก็แค่แข่งกีฬาหาผู้ชนะมาเรื่อยๆเท่านั้นเอง
วันซ้อมใหญ่ที่ผ่านมาว่าเหนื่อยแล้ว แต่วันจริงเหนื่อยชิบหาย ผมไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเพราะต้องวิ่งวุ่นเรื่องชุดให้ไอ้พวกพาเหรด ถึงผมจะไม่เกี่ยวอะไรกับพวกมันเลยก็เหอะ แต่พอมันมาขอความช่วยเหลือแล้วก็ทำใจปฏิเสธไปไม่ลง
ความจริงพวกมันมาขอให้คชาช่วยครับ แต่คชากำลังยุ่ง ผมเลยอาสาไปแทน
เออ! กูสร้างภาพ!
ส่วนคชาก็ยิ่งวุ่นใหญ่ ทั้งเรื่องเครื่องดนตรีในวงโยฯ ทั้งเรื่องจิปาถะอะไรทั้งหลายแหล่ในฐานะประธานนักเรียนนั่นแหละครับ ตัวผมได้มีโอกาสแอบงีบไปหน่อยหนึ่งตอนตีสอง ก่อนจะโดนไอ้แพรวเตะปลุกขึ้นมาตอนตีสองสามสิบแปด เพราะกล้องใหญ่ที่จะใช้อัดวีดีโอตอนพาเหรดกับวงโยฯและเชียร์ในวันพรุ่งนี้เสือกมีปัญหา เชี่ยอะไรวะเนี่ยครับ วันก่อนก็ซ่อมไปแล้วทำไมยังจะมาพังอีกวะ ถึงเวลาทำเรื่องซื้อกล้องตัวใหม่ได้แล้วมั้งครับเนี่ย สรุปว่าจนถึงตอนนี้ผมเพิ่งจะได้นอนไปแค่สามสิบแปดนาที และก็เดินสะโหลสะเหลมาถึงสนามกีฬาจังหวัดตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ ท้องฟ้ายังมืดแบบนี่แหละ
ผมห้อยกล้องไว้หนึ่งตัว งานนี้ขออนุญาตใช้แค่ G12 ก็แล้วกันนะครับ ห้อยกล้องตัวใหญ่ๆเดินไปเดินมาในงานที่คนเยอะๆแบบนี้ผมไม่ค่อยจะถนัดซักเท่าไหร่ ถึงยังไงผมก็คงไม่ค่อยได้ถ่ายอะไรมากอยู่แล้ว ก็วันนี้เป็นเวรไอ้ต้นกับพี่แอ้น สองตัวป่วนเขาครับ
ไม่ต้องสงสัย เราเพิ่งแบ่งเวรกันไปตอนวันเริ่มงานกีฬา ผมกับน้องหลินเป่ายิ้งฉุบได้วันแรก ไอ้แพรวฉายเดี่ยววันที่สอง ซึ่งสองวันนี้แม่งโคตรจะสบายเลยครับ เพราะมันมีแต่แข่งกีฬาไปเรื่อยๆ ผมเดินไล่ถ่ายกีฬาละสิบกว่ารูปก็เสร็จแล้วครับ เพราะฉะนั้นวันนี้พวกผมสามคนเลยว่างสนิท ปล่อยให้ไอ้ต้นกับพี่แอ้นเขาทำงานกันไปครับ ขออนุญาตผมเดินชมงานอย่างสบายอารมณ์ก็แล้วกัน หึหึหึ
ผมสอดส่องสายตาหาคชาจนเจอ เขากำลังเดินวุ่นอยู่กับจอมอนิเตอร์ มือถือกระดาษปึกหนึ่งเอาไว้ เขาใช้มันพัดเบาๆเพราะความร้อนของอากาศ ตอนที่มาถึงมันยังมืดอยู่ก็จริง แต่ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มจะขยับตัวขึ้นมาหลอกหลอนกันแล้วครับ
ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายความวุ่นวายรอบๆตัวคชา ก่อนจะต้องยกยิ้มเมื่อเขาหันมาสบตากับผมผ่านเลนส์กล้องพอดี คชาอมยิ้มนิดๆก่อนจะหันกลับไปควบคุมจอมอนิเตอร์ต่ออย่างชำนาญ ผมที่ยืนค้างกับรอยยิ้มของเขาเมื่อกี้เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขาทันที
“คชา”
ผมเอ่ยเรียกเขาเบาๆ แต่คนที่หันมาไม่ได้มีแต่เขานี่สิ ไอ้คนรอบข้างที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานของตัวเองพร้อมใจกันทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วหันมามองทางผมทันที
...เฮ้ย นี่มันอะไรวะเนี่ย
ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง ยิ่งไอ้ต้นที่ถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆสนามอยู่ในตอนแรกยิ่งแล้วใหญ่ พอมันเห็นว่าทุกคนพากันมองมาทางผมปั๊บ มันก็หันกล้องมาทางผมกับคชาพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ทันที
ไอ้เชี่ยนี่ ไม่ช่วยแล้วยังจะมายิ้มล้อกูอีกนะ
“คชา” ผมเรียกเขาอีกครั้ง ไม่สนใจคนรอบข้างแล้วครับ “งานกีฬาจะเริ่มแล้ว”
ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นการเริ่มบทสนทนาที่งี่เง่าที่สุดในโลก Orz
ไอ้พวกคนรอบตัวผมมันก็คงจะคิดอย่างนั้นกันนั่นแหละครับ เพราะพวกมันแต่ละคนเล่นถอนหายใจกันซะเสียงดัง เอาแบบกะให้กระทบผมไปในตัว ก่อนจะเก็บหูที่กางออกเตรียมเสือกเรื่องของผมเต็มที่ไปอย่างเดิม แล้วหันกลับไปทำงานที่ค้างไว้ต่ออย่างเสียดายแบบเห็นได้ชัด
ทำไมเพื่อนกูมันขี้เสือกแบบนี้วะครับ Orz
“เหนื่อยมั้ยครับเนี่ย”
“ยังได้อยู่ แต่ง่วงมากเลย”
“เต๋าก็ง่วง นอนไปสี่สิบนาทีเอง”
“คชายังไม่ได้นอนเลย”
เขาพูดแล้วเบ้ปาก มันน่ารักจนผมทนไม่ไหว เลยจัดการลงมือขยี้หัวเขาไปทันที คชาเลยยู่หน้าใส่แล้วยกมือขึ้นตีแขนผมเบาๆ เรียกรอยยิ้มของผมอีกครั้งในเช้าวันนี้
“สู้ๆนะครับ เดี๋ยวตอนคุมมอนิเตอร์เต๋ามาช่วยนะ”
“อื้อ เต๋าก็สู้ๆนะ”
ผมลูบหัวเขาอีกครั้งแล้วยิ้มกว้างให้เขา เลยได้รับรอยยิ้มหวานๆของคชาตอบมาแทน ทำให้เช้านี้เป็นเช้าที่สดใส แต่มันจะขุ่นมัวก็เพราะไอ้เพื่อนบางตัวนี่แหละครับ
“แหม ห่างกันไม่ได้เลยนะ!”
ไอ้ต้น! กูขอแช่งให้มึงไม่มีแฟน! โทษฐานที่ชอบมาขัดจังหวะกู!
-----------------------------> TAOKACHA <----------------------------
แสงแดดตอนเก้าโมงเช้าส่องลงมาแรงมากจนน้องๆในวงโยฯทำท่าจะเป็นลมกันหลายคน ผมเลยต้องวิ่งวุ่นไปคุ้ยกล่องปฐมพยาบาลซึ่งโชคดีที่ไอ้โปเต้มันเตรียมมาไว้ก่อนแล้วมาถือประจำการไว้ข้างสนามครับ ตอนนี้ผมผันตัวเองมาเป็นผู้ช่วยภาคสนามของน้องๆวงโยฯกับขบวนพาเหรดเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไม่มีอะไรจะทำ ส่วนคชาตอนนี้เขากำลังโทรสั่งการกับไอ้เฟรมที่มาช่วยคุมน้องด้วยอีกแรงอยู่บนแสตน น้องบางคนเหงื่อออกเยอะมากเพราะอากาศที่ร้อนจัดในตอนเช้าๆ คนก็เยอะ แถมชุดที่ใส่ยังไม่เหมาะกับสภาพอากาศอย่างแรงอีก ยิ่งต้องแบกเครื่องดนตรีหนักๆมาด้วยแล้วผมก็กลัวว่าพวกน้องมันจะเป็นลมกันซะก่อน
"เฮ้ย! อย่าเพิ่งเป็นลมนะน้อง!"
นั่นไง! ยังไม่ทันจะขาดคำกูเลย Orz
ผมรีบวิ่งเข้าไปหาน้องคนที่ประจำตำแหน่งกลองทันทีที่ได้ยินเสียงไอ้โปเต้ มันช่วยประคองน้องให้ยืนให้ตรง พอผมวิ่งเข้ามาใกล้ถึงได้เห็นแบบชัดๆว่าหน้าน้องมันไม่เหลือสีเลือดแล้ว เลยรีบคว้าเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาซับให้มันเพราะดูซีดมากจนน่ากลัว ซักพักน้องมันก็พยักหน้าว่าไม่เป็นไรแล้วเอ่ยขอบคุณเสียงเบา ผมตบไหล่มันไปทีอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเดินหยิบยาดมที่เพิ่งใช้น้องหลินให้ไปซื้อมาแจกจ่ายให้กับสมาชิกวงโยฯทันที
แถมนอกจากต้องดูแลน้องในวงโยฯแล้ว หูก็ยังต้องคอยฟังและตอบโทรศัพท์จากคนโน้นคนนี้เป็นระยะอีก ทำเอามึนไปเหมือนกัน
พวกเราใช้ระบบวอในโทรศัพท์ครับ มันเป็นแอปที่จะสามารถประชุมสายได้หลายๆคน แต่ต้องมีอินเตอร์เน็ตนะ ซึ่งพวกผมก็มาดูดไวไฟกันที่นี่แหละครับ
"ไอ้เต๋า วงพร้อมยังวะ"
เสียงดังออกมาจากหูฟังของโทรศัพท์เรียกเอาผมสะดุ้ง เสียงแบบนี้น่าจะเป็นของไอ้อ้น ผมมองไปทางมอนิเตอร์ก็เห็นมันประจำการอยู่แทนคชาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"กูก็ว่าน่าจะพร้อม...เอ่อ น้องครับ พร้อมรึยัง!"
“พร้อมแล้วครับ!”
ผมตะโกนถามน้องมันเพื่อเป็นการปลุกกำลังใจไปในตัว เห็นน้องมันสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วตะโกนตอบกลับผมก็ยิ่งคึกครับ รู้สึกเหมือนกำลังจะไปออกรบอะไรทำนองนั้นอย่างบอกไม่ถูก
"เออ งั้นมึงบอกน้องให้ตั้งแถวได้เลย"
เอาวะ...
ผมตบหลังเรียกน้องวงโยฯทั้งหมดให้ตั้งแถวตามตำแหน่งที่ได้ซ้อมกันไว้ โดยมีไอ้โปเต้กับไอ้เฟรมมาช่วยอีกแรง ผมชี้บอกพวกน้องๆให้เดินไปยังจุดที่มาร์กเอาไว้ เราเป็นโรงเรียนแรกครับ พูดง่ายๆว่าเป็นตัวเปิดงานนั่นแหละ เพราะปีนี้โรงเรียนเราเป็นเจ้าภาพ น้องมันก็คงจะตื่นเต้นและกดดันมากพอดูเหมือนกัน เพราะแต่ละคนเริ่มจะก้าวขาไม่ออกกันแล้วนั่น
“ไปเร็วน้อง ตรงนั้นจะมีพี่อีกคนประจำการคอยบอกสิ่งที่ต้องทำอยู่ สู้ๆนะเว้ย ซ้อมกันมาตั้งนานอย่าให้มาล่มกันวันนี้นะ”
ผมพูดให้กำลังใจพลางเดินต้อนพวกมันไปในตัว เราจะเริ่มพิธีเปิดกันตอนเก้าโมงห้าสิบเก้า ซึ่งเป็นฤกษ์งามนามดีอะไรของอธิการเขาก็ไม่รู้แหละ ผมรู้แค่ว่าตอนนี้แม่งโคตรร้อนเลยครับ
พอมาถึงจุดที่กำหนดไว้ก็เห็นคชามายืนรออยู่ก่อนแล้ว น้องแต่ละคนนี่สีหน้าท่าทางดูสดใสขึ้นกว่าตอนแรกเยอะเลยครับ เพราะคชาเคยพูดเอาไว้ว่าจะไม่ลงมาดูถ้าวงไม่สำเร็จ แต่ตอนนี้เจ้าตัวเขากลับลงมาช่วยคุมด้วยตัวเอง น้องมันก็คงจะดีใจกันนั่นแหละครับ
คชาเดินเช็คเครื่องดนตรีแต่ละเครื่องไปเรื่อยๆ ตอนนี้เหลืออีกสิบนาทีจะถึงเวลาแล้วครับ ผมเห็นเขาพูดอะไรกับน้องอีกนิดหน่อย ก่อนที่น้องมันจะเฮ้ขึ้นมาเสียงดังจนผมงง
“อะไรวะไอ้เฟรม” ผมเลยหันไปพึ่งไอ้เฟรมที่ยืนเนียนเฮอยู่ข้างๆผมแทน
“คชาจะเลี้ยงหมูกระทะหลังงานกีฬาว่ะ” มันตอบแล้วทำท่าตื่นเต้นที่จะได้แดกของฟรีพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เป็นภาพที่สยดสยองน่าดูทีเดียวครับ -__-
“แต่ถึงยังไงเราก็ยกโขยงไปกินหมูกระทะกันทั้งม.ห้าอยู่แล้วนี่หว่า มึงจะตื่นเต้นไปทำไม” ผมขัดมันขึ้นมาจนไอ้เฟรมนึกขึ้นได้ มันเลยได้แต่อ้าปากพะงาบๆอยู่แบบนั้นแหละครับ
“วงโยฯพร้อมนะครับ พาเหรดพร้อมนะครับ เชียร์พร้อมนะครับ นักกีฬาคบเพลิงพร้อมนะครับ จะเริ่มแล้วภายในสามสิบวินาที”
เสียงไอ้อ้นลอดผ่านหูฟังขึ้นมาอีกครั้ง ผมเห็นน้องหลายคนเกร็งตัวแน่นหลังจากที่ไอ้เฟรมตะโกนบอกให้เตรียมตัวให้พร้อม คงจะเป็นเพราะความตื่นเต้นซึ่งก็รวมถึงตัวผมด้วยนี่แหละครับ คชาเดินมาหยุดลงข้างๆผมพลางกำมือกับชายเสื้อผมแน่น ผมยิ้มให้เขาแล้วดึงมือคชามากุมเอาไว้ ดูก็รู้ว่าเขาน่ะตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร เพราะงานนี้จะเป็นงานใหญ่ครั้งสุดท้ายของเขาแล้วในฐานะประธานนักเรียน
“…5!”
“พร้อมมั้ยคชา”
“อื้อ”
“…4”
เขาส่งเสียงตอบรับในลำคอ มือที่กุมกันอยู่ของเรายิ่งเกาะกันแน่นเข้าไปใหญ่ เห็นไอ้พวกเพื่อนๆบนแสตนมอนิเตอร์พากันหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้วยืนลุ้นกับพวกเราแล้วผมก็ยิ่งตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนแรก ไม่ต้องพูดถึงพวกน้องๆเลยครับ พวกมันบางคนมือสั่นกันจนผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว
“ไอ้นิว ใจเย็นๆเว้ย!”
“…3”
“โห่ยพี่ อย่าแซว” มาหันมายิ้มแหยๆให้ผมแล้วกลับไปวางมือลงบนทรัมเป็ตตามเดิม
“…2”
ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายบรรยากาศรอบๆ ก่อนจะต้องยกยิ้มกว้างเมื่อสัมผัสได้ว่าคนข้างๆเขาเปลี่ยนจากกุมมือมาเกาะแขนผมแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“…1! เริ่ม! ปล่อยวงโยฯออกไปเลย!”
เสียงไอ้อ้นดังขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะร้องเฮขึ้นมาเมื่อวงโยเริ่มบรรเลงเพลงจนดังกระหึ่มไปทั้งสนาม ตามมาด้วยขบวนพาเหรดที่คอนเซ็ปและคอสตูมไม่มีน้อยหน้า และพอขบวนเดินผ่านแสตนเชียร์ของโรงเรียนเราทีไร สเต็ปมือและเพลงเชียร์ก็จะดังลั่นขึ้นมาทันที
และเมื่อน้องๆวงโยฯมันเดินขบวนหายไปกันแล้ว ผมก็หมดหน้าที่ทางภาคสนามลงแต่เพียงเท่านี้ ปล่อยให้ไอ้เฟรมกับไอ้โปเต้มันเดินคุมไปครับ แต่หน้าที่ใหม่ของผมก็บังเกิดขึ้นทันทีเมื่อถามคชาว่าจะไปทำอะไรต่อ และแน่นอนว่าผมก็ต้องติดสอยห้อยตามเขาไปด้วยทุกที่นั่นแหละ
คชาต้องไปเช็คภาพจากจอมอนิเตอร์ว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนบ้าง แล้วบอกผ่านไอ้เฟรมอีกทีให้มันช่วยแก้ไข ตอนนี้ผมกับเขาเลยกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่แสตนควบคุมครับ
ที่นี่มีทั้งฝ่ายเทคนิค ดีไซน์เนอร์และอะไรอีกหลายตำแหน่งวิ่งวุ่นกันอยู่ บางส่วนก็นั่งคุมมอนิเตอร์กันไป ผมทันเห็นไอ้เพนมันกำลังวาดผังแสตนใหม่หน้าตาตื่นอยู่พอดี ส่วนใกล้ๆกันนั้นไอ้ภูร์มันก็กำลังเร่งไอ้เพนยิกๆเลยครับ ก็พอจบขบวนพาเหรดของโรงเรียนสุดท้ายเมื่อไหร่ เราก็จะเริ่มเชียร์กันเป็นโรงเรียนแรก (อีกแล้ว) นั่นเองครับ
ตอนนี้มีแต่คนยุ่งกันว่ะ เมื่อกี้ระหว่างทางที่เดินมาก็เห็นไอ้ต้นกับพี่แอ้นกำลังเดินเก็บภาพกันอยู่ น่าจะรัวกล้องแบบไม่กลัวเม็มเต็มกันเลยทีเดียวครับ
“เต๋า! ทางนี้”
ผมละสายตาจากสนามขึ้นมาแล้วเดินตามเสียงคชาไป เขานั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าจอมอนิเตอร์ที่ใหญ่ที่สุด ผมที่เห็นแบบนั้นเลยนั่งปุลงไปข้างๆเขาทันทีอย่างไม่ต้องคิด ภาพที่เห็นในจอคือวงโยฯและขบวนพาเหรดที่เดินเรียงแถวกันเป็นระเบียบอยู่ภายในสนาม แต่อันที่จริงผมก็ไม่ได้ตั้งใจดูเท่าไหร่เหมือนกันครับ เอาแต่จ้องใบหน้าด้านข้างของคชาอยู่ เขาขมวดคิ้วเมื่อน้องตำแหน่งคาริเน็ตเดินผิดจังหวะพลางรีบบอกไอ้เฟรมให้ตะโกนบอกน้องอีกที จากนั้นเขาก็ยกยิ้มขึ้นนิดๆ ตอนนี้น้องวงโยฯในสนามกำลังแปรแถวเป็นรูปลูกศรกันอยู่ครับ คนทั้งสนามปรบมือกันลั่นกับภาพที่เห็น พาเอาผมยิ้มกว้างไปอีกคน
“เต๋า”
“หือ มีอะไรครับ” ผมละออกจากอาการเหม่อลอยแล้วรีบก้มหน้าลงไปมองเขาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก สิ่งแรกที่เห็นคือคชาที่กำลังยิ้มกว้างจนน่ารัก
“สำเร็จแล้ว” เขาว่า ก่อนจะเอนหัวลงมาพิงกับไหล่ของผม
คชาคงจะเหนื่อยมากับงานกีฬาครั้งนี้ ซึ่งก็ไม่แปลก ขนาดผมที่เป็นแค่ผู้ช่วยธรรมดาๆยังเหงื่อท่วม แล้วคชาที่เป็นถึงประธานนักเรียนจะปวดหัวกับปัญหาใหญ่ขนาดไหน ผมที่ทำได้แค่เป็นที่พึ่งให้เขาได้พักพิงเลยได้แต่ยกมือขึ้นลูบหัวเขาไปมาแทน
“ยังหรอกคชา อย่าลืมวงดนตรีเย็นนี้สิ” ผมขัดเขาขึ้นมาอย่างไม่จริงจัง วาดแขนไปโอบเอวเขาให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ
“อันนั้นมันนอนมาอยู่แล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นตอบผมพลางยิ้มเจ้าเล่ห์จนผมเริ่มระแวง นี่เขามีแผนอะไรรึเปล่าวะ?
“คิดจะทำอะไรคชา อย่ายิ้มแบบนี้สิ น่ากลัว” ผมล้อเขาทีเล่นทีจริง ก่อนที่เราจะแทบผละออกจากกันไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงไอ้ต้นดังมาแต่ไกล
“หยุดสวีทแล้วทำงานซักทีเถอะ! กูอิจฉา!!”
ไอ้ต้น มึงนะมึง! ขัดกูตลอด!
-----------------------------> TAOKACHA <----------------------------
“เตรียมสายกีตาร์กับเบสให้พร้อมนะ!”
“เช็คไมค์ด้วย!”
“เตรียมไม้กลองสำรองไว้!”
“เฮ้ยคชา! แอมป์พังว่ะ!”
เสียงตะโกนวุ่นวายดังออกมาจากหลังเวทีที่ผมกำลังประจำการอยู่ ตอนนี้ผมกับไอ้โปเต้กำลังนั่งเทียบสายกีตาร์กับเบสกันอยู่ครับ ส่วนไอ้ต้นกับไอ้อ้นก็วอร์มเสียงกันไปเรื่อยๆ ไอ้สองตัวนี้นี่แหละที่เสียงดังกว่าใครเพื่อน น่ารำคาญจนผมเดินออกไปถ่ายรูปมาทีล่ะก็ยังไม่หยุดกันซักที
ส่วนคชา ตอนแรกเขากำลังนั่งเคาะไม้กลองกับเก้าอี้ไปเรื่อยๆ แต่ดันถูกขัดจังหวะจากไอ้เฟรมซะก่อน มันลองเสียงกีตาร์ไฟฟ้าของมันกับแอมป์ (แอมป์มิเตอร์) ครับ แต่ปรากฏว่าแอมป์แม่งเสือกทำตัวมีปัญหา เสียงกีตาร์ไม่ออกแล้วยังจะส่งเสียงหอนไปทั่วจนปิดแทบไม่ทันอีก
และวันนี้ก็ทำให้ผมได้รู้อีกอย่าง
คชาซ่อมแอมป์เป็นด้วยครับ Orz
“คชา ดอกกุหลาบเรียบร้อยแล้ว เอาไว้ตรงไหนดี” เสียงเพื่อนคนหนึ่งที่เดินหอบดอกกุหลาบเข้ามามาเอ่ยถามกับคชาที่กำลังยุ่งอยู่กับการซ่อมแอมป์ เขาพยักหน้าก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาพื้นที่ว่าง แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ไอ้เฟรมก็แตะไหล่คชาเบาๆแล้วหันไปพูดอะไรซักอย่างคนที่ถือกุหลาบ จากนั้นก็พากันเดินออกไปหน้าเวทีที่เริ่มจะคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ห้าโมงกว่าๆแล้วครับ ส่วนงานเริ่มห้าโมงครึ่ง
ผมได้ยินเสียงแพรวาที่เป็นพิธีกรดังขึ้นมา รู้สึกว่าจะไล่เรียกชื่อแต่ละโรงเรียนเพื่อขอเสียงกรี๊ด จากนั้นก็พูดพล่ามไปเรื่อยๆตามสไตล์คุณเธอเขาแหละครับ พวกผมได้ขึ้นเป็นวงแรก ตอนนี้ผมกำลังตื่นเต้นสุดๆ ซึ่งผมว่าไอ้โปเต้ที่นั่งสั่นอยู่ข้างๆผมก็คงไม่แพ้กันหรอกครับ
แต่ก่อนอื่นผมต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าเขาขนดอกกุหลาบมาทำอะไรตั้งเยอะตั้งแยะ
“มาขนาดนี้แล้วมึงก็ยังคงโง่อยู่อีกนะไอ้เต๋า” พอผมถามคชาไป ย้ำอีกครั้งนะครับว่าถามแค่คชา แต่ดันเสือกได้เสียงนี้ตอบกลับมาแทนครับ อ่ะลองทายกันดูว่าเสียงใคร “เดี๋ยวกูจะแถลงไขให้เพื่อนโง่ๆอย่างมึงเองแล้วกัน”
ไอ้ต้นเจ้าเก่าเจ้าเดิม -_-
สรุปคือไอ้ต้นมันบอกว่าเขาจะตัดสินทีมชนะกันด้วยดอกกุหลาบครับ วงใครได้ดอกกุหลาบมากที่สุดก็ชนะไป ขายดอกละสิบบาท เงินเข้าโรงเรียนล้วนๆแบบไม่ต้องคิด งานนี้ถึงไม่ชนะก็เหมือนชนะ ส่วนถ้าถามว่าแผนใคร ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละครับ คชาน่ะ
“ไอ้เฟรม! แอมป์เสร็จยังวะ จะขึ้นแล้ววววว” ไอ้โปเต้ที่ยังคงนั่งสั่นอยู่ข้างๆผมตะโกนถามขึ้นมาดังลั่นห้อง ไอ้เฟรมที่กำลังแกะลูกอมกินอยู่เลยหันมาถลึงตาใส่ประมานว่าถามกูทำเพื่อ? มันชี้ไปที่คชาแล้วไปด้อมๆมองๆก่อนจะส่ายหน้าแทนเป็นคำตอบ
“คชา อีกนานมั้ยวะ” ไอ้อ้นถามขึ้นมาเมื่อเห็นคนอื่นในวงเริ่มเงียบ คชาโผล่หัวออกมาจากแอมป์แล้วปาดเหงื่อ
“อีกนิด” เขาพูดพลางยกมือขึ้นชูห้านิ้ว “ขอห้านาที”
พวกผมหันมองหน้ากันแบบคิดไม่ตก ตอนนี้ห้าโมงครึ่งพอดีเป๊ะ ควรจะเริ่มแสดงได้แล้ว แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั่งมองหน้ากันนั้น น้องแพรวาก็ดันพูดประโยคฆ่าพวกผมขึ้นมาเสียก่อน
“ต่อไปก็ขอเชิญพบกับวงเฉพาะกิจของโรงเรียนXXXกันได้เลยค่า!”
“ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยย!”
ผมกับไอ้โปเต้ประสานเสียงขึ้นมาทันที ส่วนไอ้เฟรมแทบวิ่งออกไปหน้าเวทีเพื่อไปลากแฟนมันเข้ามา แต่ก็ไม่ทันแล้วว่ะครับ ข้างนอกแม่งปรบมือส่งเสียงกรี๊ดกันเกรียวกราวเลย ถ้าไม่ออกไปคงโดนกระทืบจากหลายเท้าอยู่
“เอาไงดีวะมึง เอาไงดีวะ”
ไอ้โปเต้ลนลานขึ้นมาทันทีครับ อย่าว่าแต่มันเลย ทุกคนนั่นแหละที่ทำอะไรไม่ถูก
“...ต้นกับอ้นออกไปพูดคุยก่อน โปเต้ไปเล่นกีตาร์ ร้องเพลงสั้นๆไปก็ได้ เฟรมด้วย ออกไปช่วยๆกันรับหน้าไว้ก่อน ส่วนเต๋ามาช่วยคชาตรงนี้หน่อย”
คนที่ยังคงสติไว้ได้ในที่นี้คงมีแค่คนเดียวนั่นแหละครับ พวกมันรีบกุลีกุจอเดินออกไปหน้าเวทีทันที ก่อนที่จะได้ยินเสียงพวกไอ้อ้นมันพูดอะไรเสี่ยวๆเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ตามมาด้วยซาวน์เอฟเฟ็คของไอ้โปเต้และไอ้เฟรม จากนั้นพวกมันก็จัดการทอร์คโชว์กันไปตามเรื่องตามราวครับ
ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคชาที่กำลังหมุนๆอะไรซักอย่างอยู่ เอาตามตรงผมไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกหรืออะไรพวกนี้เลยซักนิด ผมว่าคชาคิดผิดแล้วล่ะที่เลือกให้ผมอยู่ช่วยเนี่ย
“คิดยังไงให้เต๋าช่วยเนี่ย”
อดไม่ได้เลยถามเขาออกไปครับ แต่คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาผมไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
“เห็นหน้าเต๋าแล้วมีกำลังใจ J”
-----------------------------> TAOKACHA <----------------------------
“ในค่ำคืนที่ฟ้าท้าทายใจคน อยู่ตรงนี้ และฉันยังคงก้าวไป
ยังคงมีรักแท้ เป็นแสงนำไปในคืนที่หลงทาง
นาทีที่ความฝันนั้นพร้อมเป็นเพื่อนตาย เส้นทางนี้ ฉันยังมีจุดหมาย
ตราบใดที่ปลายท้องฟ้ามีแสงรำไร
จะไปจนถึงแสงสุดท้าย”
. . .
“เฮ้!!”
“ขอบคุณมากครับ!!”
จบไปแล้วครับ!
ในตอนแรกผมลุ้นแทบตายว่าแอมป์มันจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งหรือไม่ แต่สรุปคชาก็ไม่ทำให้คอยนาน ห้านาทีตามที่เขาบอกเป๊ะเหมือนตั้งเวลาเอาไว้
พอผมกับคชาเดินออกมาพร้อมกับแอมป์ที่กลับมามีชีวิตปุ๊บ พวกเราทั้งหกก็เริ่มเล่นกันเลยแบบไม่รอช้าครับ เห็นไอ้โปเต้ถอนหายใจเฮือกเลยตอนเห็นว่าแอมป์กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม พวกเราเล่นกันตามที่ซ้อมเอาไว้ มีปรับเปลี่ยนบ้างนิดหน่อยตามแต่โอกาส ส่วนมากจะเป็นคชาที่เริ่มเปลี่ยนจังหวะ แล้วจากนั้นไอ้เฟรมก็ดีดกีตาร์ตาม ผมก็ดูคอร์ดตามนิ้วไอ้เฟรมมันนั่นแหละครับ ส่วนไอ้โปเต้ รายนั้นมีประโยชน์จริงๆแค่เพลงที่สองเพลงเดียวครับ ไร้ประโยชน์ชิบหาย
แต่ที่เล่นไปทั้งสามเพลงผมชอบเพลงแสงสุดท้ายที่สุด เพราะคนที่ดูพวกเราอยู่โยกย้ายร้องตามกันซะดังลั่นสนาม นาทีนั้นไม่สนกันแล้วครับว่าใครมาจากโรงเรียนไหนอะไรยังไง กอดคอกระโดดร้องเพลงตามกันอย่างมันส์ เชื่อว่าถ้าผมเป็นคนดูอยู่ข้างล่างก็คงไม่มีพลาดหรอกครับ
ตอนนี้พวกเรากำลังกอดคอกันรอฟังผลรางวัลครับ เท่าที่ทราบรางวัลใหญ่ๆก็มีถ้วยรวมกีฬา, เชียร์, พาเหรด, แล้วก็วงโยทวาทิตครับ
ส่วนวงดนตรี สรุปว่านับกุหลาบกันไม่หวาดไม่ไหว แถมยังมั่วๆด้วยเพราะขายแล้วก็วนเอาออกมาขายใหม่อีกรอบ เลยเอาเป็นว่าเล่นเพื่อสร้างสีสันกันไปแทนครับ แต่เงินเนี่ยเข้าโรงเรียนผมมาเต็มๆ รับอื้อจนผู้อำนวยการที่รู้ข่าวหน้าบานเป็นทานตะวัน
ตอนนี้คชายืนอยู่ข้างหน้าผม เขามายืนอยู่แถวหน้าสุดเพราะเป็นประธานนักเรียน โรงเรียนอื่นก็ส่งประธานนักเรียนมายืนด้านหน้าสุดของแถวเหมือนกัน ความจริงมันก็ไม่ถึงขนาดจะเรียกว่าแถวได้หรอกครับ มันเป็นฝูงซะมากกว่านะผมว่า
ส่วนตอนแรกจะประกาศรางวัลแบบแยกประเภทกีฬาก่อนครับ จากนั้นใครที่ชนะกีฬาหลายประเภทที่สุดก็จะได้ถ้วยรวมกีฬาไปครอง
“รายการต่อไป รางวัลชนะเลิศกีฬาบาสเก็ตบอลชาย โรงเรียน...”
พวกผมลุ้นกันแบบลืมหายใจ ไอ้เฟรมที่ยืนอยู่ข้างๆบีบไหล่ผมแน่นจนผมแทบจะหันไปตบหัวมันซักที ก็จะไม่ให้มันลุ้นได้ยังไงล่ะครับ ถึงไอ้เฟรมมันจะมาหมกรวมตัวอยู่กับพวกผมบ่อยๆ แต่จริงๆแล้วมันเป็นถึงกับตันทีมบาสเลยนะ ถึงมาดจะไม่ค่อยให้เท่าไหร่ก็เถอะ
“โรงเรียน...XXX!!!!”
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย! โรงเรียนกูนี่หว่าาาาาาาา”
(มึงจะตกใจไปทำไม ก็รู้อยู่แต่แรกแล้วนี่ว่ามึงชนะ -________-)
ไอ้เฟรมตะโกนดังลั่นประสานเสียงกับพวกในโรงเรียนผมที่มายืนออกันอยู่ด้วยความดีใจหลังจากประกาศผลว่าทีมบาสของมันชนะ ต่อจากนั้นมันก็วิ่งนำลูกทีมทั้งสิบสองคนของมันขึ้นไปรับถ้วยพร้อมใบประกาศนียบัตรบนแสตนด้วยใบหน้าเบิกบานใจจนผมหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ ยังไม่วายลงมาคุยโม้ต่ออีกว่าลูกสุดท้ายมันเป็นคนทำแต้มอย่างงั้นอย่างงี้ ซึ่งก็ไม่ต้องให้ผมรำคาญนานครับ ไอ้โปเต้ก็ทำการปะทุร้ายหัวไอ้เฟรมไปทันทีอย่างแรงจนผมเจ็บแทน
จากนั้นก็รอประกาศผลกีฬาต่อไปเรื่อยๆ สรุปว่าในด้านกีฬาเราได้มาแค่บาสอย่างเดียวเองครับ
อนาถชิบหายโรงเรียนกู Orz
และแน่นอนว่าเราชวดถ้วยรวมกีฬาแบบไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมาอธิบายให้มากความครับ พลันเกิดเป็นความรู้สึกเหมือนมีเมฆฝนกลุ่มใหญ่มาบดบังอยู่ตรงเฉพาะโรงเรียนผมชอบกล ทั้งๆที่นี่มันก็จะหนึ่งทุ่มอยู่แล้ว ฟ้ามืดแถมอากาศก็เริ่มหนาวนิดๆด้วย แต่พวกผมก็ไม่ได้หวั่นครับ คนเยอะแถมเพิ่งจะเหนื่อยๆกันมา ไม่มีใครรู้สึกถึงความหนาวเลยซักคน
“รายการต่อไป รางวัลชนะเลิศประเภทพาเหรด โรงเรียน...”
เอาอีกแล้วแม่ง จะเว้นให้กูลุ้นไปเพื่ออะไรวะ ใครมันเป็นคนประกาศจะเดินไปเตะให้ซักที
“โรงเรียน...XXXครับ!!!”
“เฮ้วววววววววววววววววววววววววววววววว!!!!”
เสียงร้องแหกปากดังลั่นหลังประกาศผลเรียกเอาตรงโรงเรียนผมชุลมุนวุ่นวายไปชั่วครู่ ก่อนจะปรากฏร่างของสองสาวเหวยเหวยกับเอิงที่วิ่งออกไปรับถ้วยรางวัลด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง เหวยเหวยกับเอิงเดินลงมาหยุดลงตรงหน้าคชา ก่อนจะพูดอะไรกับคชาอีกนิดหน่อย พลางยื่นถ้วยรางวัลให้คชาด้วยใบหน้าที่ดูก็รู้ว่ามีความสุขขนาดไหน
“รายการต่อไป รางวัลชนะเลิศประเภทเชียร์”
“โรงเรียนYYYค่ะ!!”
ผมที่ได้ยินก็อึ้งไปซักพักก่อนจะค่อยๆหันไปมองน้องม.1 เห็นมันก้มหน้าก้มตาเหมือนจะร้องไห้กันแล้วก็เริ่มจะสงสาร พวกสตาฟเชียร์เดินปลอบกันใหญ่ ส่วนไอ้พวกโรงเรียนที่ได้ไปนี่ก็ดีใจแบบตอนที่เราได้พาเหรดกันเมื่อกี้แหละครับ
“รายการต่อไป รางวัลชนะเลิศประเภทผู้นำเชียร์...”
เลิกเว้นให้กูลุ้นซักทีเถอะ!
“โรงเรียน…KKKค่ะ!!”
เชี่ย ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไร เหมือนจะชาๆอย่างบอกไม่ถูก
“รายการต่อไป รางวัลชนะเลิศประเภทวงโยทวาทิต โรงเรียน...”
ผมหันไปมองคชาที่ยืนอยู่ข้างหน้า แผ่นหลังเล็กๆที่กำลังตั้งตรงอย่างแน่วแน่เรียกรอยยิ้มผมอีกครั้ง ผมเอื้อมมือเข้าไปรั้งตัวเล็กๆของเขาให้เข้ามาในอ้อมแขนพลางยึดตัวเขาเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างที่โอบรอบลำคอและวางพาดไปตามลาดไหล่เล็ก
คชาเงยหน้าขึ้มามองพลางเอียงคอแล้วทำตาแป๋วอย่างงงๆ ซึ่งพอมาลองมองเขาในมุมแบบนี้ดูแล้ว ผมก็ยิ่งมีความรู้สึกว่าเขาแม่งโคตรจะน่ารักเลยให้ตายสิ! อยากจับมาฟัดแก้มชะมัด!
“โรงเรียน...”
แต่ก่อนที่จะได้ทำร้ายแก้มคนตรงหน้าไปจริงๆ เสียงที่ผมเริ่มจะรู้สึกเกลียดขึ้นมาตงิดๆก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน หลังจากนั้นก็เงียบหายไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจนพวกผมหันซ้ายหันขวา แล้วสาเหตุมันก็มาปรากฏต่อหน้าเมื่อไอ้คนประกาศมันเดินออกมายกมือขอโทษพลางชี้ไปที่ไมค์
...
ไมค์พังเรอะไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย!!
-----------------------------> TAOKACHA <----------------------------
“มาต่อกันจากเมื่อกี้เลยนะคะ เอาล่ะ รางวัลชนะเลิศประเภทวงโยทวาทิต ได้แก่...”
“โรงเรียน...”
“โรงเรียน......”
“โว้ยยยยย! ประกาศมาซักทีเถอะอีห่า!”
เสียงดังขึ้นมาจากโรงเรียนข้างๆผม เรียกเสียงหัวเราะและเสียงเห็นด้วยจากทั้งสนามทันที พิธีกรผู้หญิงคนนั้นเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆแล้วจับไมค์มาทำหน้าที่ต่อแบบหวาดๆ
“โรงเรียน...XXXค่ะ!!!”
“เยสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส!!!!”
เราตะโกนดีใจกันอีกครั้ง ผมดันคชาให้ออกไปรับถ้วยรางวัล ซึ่งเจ้าตัวเขาก็ยังไม่วายลากโปเต้ไปด้วยอีกคน
พอลงมาได้ไอ้โปเต้ที่ถือถ้วยอยู่ก็รีบเดินร้องไห้เป็นเด็กอนุบาลเข้าไปหาน้องๆวงโยฯทันที พวกน้องๆที่กำลังจะซึ้งกับรางวัลแห่งความพยายามก็เลยซึ้งไม่ออก บางคนถึงกับหัวเราะไอ้โปเต้ทั้งๆที่ยังร้องไห้ด้วยความดีใจอยู่เลยด้วยซ้ำ
คชาเดินเข้าไปหาน้องมันเหมือนกัน เห็นน้องๆยกมือไหว้ขอบคุณกันใหญ่ เพราะถึงคชาจะโหดไปบ้างในบางที แต่ที่ทำไปก็เพื่อวันนี้ล้วนๆ
มีน้องมาไหว้ขอบคุณผมกับไอ้เฟรมเหมือนกัน ทำเอาผมเขินจนทำอะไรไม่ถูก ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ผมยิ้มกว้างแล้วตบบ่าน้องๆมันไปด้วยความดีใจไม่แพ้พวกมัน
คชาน้ำตาคลอหน่อยๆจนผมต้องยกมือขึ้นลูบหัวเขาเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ เขาเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่ผมคิดว่าครั้งนี้มันน่ารักกว่าครั้งที่แล้วๆมาเสียอีก
ผมเลื่อนนิ้วไปปาดน้ำตาให้เขาเบาๆ เรายิ้มให้กันอีกครั้งท่ามกลางความดีใจของเพื่อนๆทั้งโรงเรียน
“ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมสนุกร่วมสร้างความสามัคคีกับงานกีฬาวันนี้นะคะ เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพและปลอดภัยค่ะ!”
พอสิ้นคำประกาศปุ๊บ ผมกับเพื่อน (เกือบ) ทุกคนก็ถอดเสื้อกระโดดดีใจวิ่งโห่ร้องกอดกันชุลมุนภายในสนามกีฬา ก่อนจะเฮโลพากันตั้งวงกลมบนสนามเพื่อแหกปากร้องทั้งเพลงเชียร์ เพลงโรงเรียน และกอดคอกันบูมให้เสียงดังก้องไปทั่วทั้งสนามกีฬา โรงเรียนอื่นก็ไม่ได้น้อยหน้า มันเป็นความเต็มตื้นที่ผมอธิบายได้ยากมาก เพราะความเหนื่อยล้าทั้งหมดที่มีหายไปเป็นปลิดทิ้งเพียงแค่ได้เห็นความสำเร็จของพวกเรา ผมเห็นเพื่อนทุกคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่เปื้อนคราบน้ำตากันถ้วนหน้า แม้แต่คชา ประธานนักเรียนที่งานหนักที่สุด ก็ยังมีรอยรื้นของคราบน้ำตาปรากฏอยู่เช่นกัน
ผมสัญญากับตัวเอง...
ว่าจะไม่มีวันลืมวันนี้เลยจริง ๆ
-----------------------------> TAOKACHA <----------------------------
หลังจากจบงานกีฬาที่เหนื่อยสาหัสกันมาทุกคนแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาปลดปล่อยกันบ้างล่ะครับ ตอนนี้พวกเรามากินเลี้ยงกันที่อยู่ร้านหมูกระทะใกล้ๆกับห้างเซนจูรี่ ณ จุดนี้ก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าๆพอดี ซึ่งแต่ละคนก็ยังไม่ลุกกลับออกไปไหน ถึงจะไม่มีแอลกอฮอล์ แต่พวกผมก็สามารถที่จะเมาควันเมาหมูเมากระทะกันได้ครับ เจ๋งกันไหมล่ะโรงเรียนผม (ยักคิ้ว)
แต่ที่มานั่งเมาบรรยากาศกันอยู่นี่ก็มีแค่ม.ห้านะครับ ส่วนน้องๆก็แล้วแต่เวรแต่กรรมว่าพวกพี่มันจะเลี้ยงอะไรและเมื่อไหร่ เพราะงานนี้คือเงินที่เหลือจากงานกีฬาทั้งนั้น และเงินพวกนี้ก็ไม่ใช่ของใคร ของพวกผมเนี่ยแหละครับ จ่ายมันทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละหนึ่งพัน เก็บเพื่อเป็นเงินรุ่น จำได้ว่าตอนเริ่มเก็บใหม่ๆขนหน้าแข้งแทบล่วง
มาถึงสถานการณ์ปัจจุบันกันดีกว่าครับ ตอนนี้ไอ้ต้นกับไอ้โปเต้แม่งกำลังแย่งคาราโอเกะกันอยู่ พวกแม่งแหกปากร้องกันมาประมาณสามเพลงแล้วครับ ทรมานจิตทรมานใจผมชิบหาย โหยหวนสิ้นดี ไอ้ต้นอ่ะไม่เท่าไหร่เพราะเสียงโคตรเพราะ แต่ไอ้โปเต้นี่กูรับไม่ได้จริงๆว่ะ Orz
ส่วนผมกำลังหันซ้ายหันขวาหาคชาอยู่ เขาลุกไหนก็ไม่รู้ตั้งนานสองนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมกลับมาซักทีจนผมเริ่มจะนั่งไม่ติดเก้าอี้
“ไอ้เต๋า!” แต่ก่อนที่จะฟุ้งซ่านไปมากกว่านั้น เสียงไอ้แพรวก็เรียกสติผมขึ้นมาเสียก่อน
“อะไรมึง” ผมตอบกลับไปแล้วรอฟังธุระของมัน
“บทสัมภาษณ์ของประธานอ่ะ เขาเอามาให้กูแล้วนะเว่ย ขอบใจมาก กะจะมาทวงพอดี”
“ห้ะ”
“กูกะจะทำนิตยสารขายวันจันทร์นี้เลย เดี๋ยวมึงคอยดูผลงาน”
มันพูดแล้วเดินจากไป ทิ้งผมให้ยังคงมึนงงไว้ข้างหลัง
คชาเอาบมสัมภาษณ์ไปให้ไอ้แพรวทั้งๆที่ผมยังไม่ได้อ่านเลยเนี่ยนะ?
ทำไมคชาต้องไม่อยากให้ผมอ่านบทสัมภาษณ์?
ทำไมคชาต้องเอามันไปให้ไอ้แพรวแทนผม?
ในหัวตอนนี้มีแค่ความสงสัยและดวงตาที่พยายามกวาดหาร่างบางที่หายไปไหนซะนานสองนานก็ไม่รู้
“ไอ้เต๋า!” ผมหันไปตามเสียงเรียกอีกครั้ง ทำไมวันนี้กูฮอตจริงวะ ห้ะ!
“อะไรมึง” ผมทำหน้าเบื่อ ก่อนจะตอบกลับไปเหมือนเมื่อกี้เป๊ะๆ พลางมองหน้าไอ้เฟรมที่ยื่นกล่องอะไรซักอย่างมาให้ผม
“เออน่า เอาไปเปิดดู คชาฝากมาให้มึง” เมื่อได้ยิน ผมก็แทบจะกระโดดเข้าไปตะครุบกล่องสีขาวขนาดประมาณเอสี่นั่นแทบไม่ทัน พอกำลังจะเปิดดู ผมกลับคิดว่าผมค่อยไปเปิดที่อื่นดีกว่าว่ะ
เพราะคนทั้งร้าน (ก็มีแต่โรงเรียนเราที่เหมาไว้) หันมามองกันเป็นตาเดียว พวกมันหันมาจ้องพึ่บพั่บกันมาที่กล่องในมือผมจนผมเริ่มเสียวสันพิกล
“เฮ้ย...กูกลับล่ะนะ!”
พูดจบก็ใส่เกียร์หมาวิ่งออกมาทันทีครับ ได้ยินเสียงโห่ไล่ตามหลังมาแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมผ่อนจังหวะความเร็วจากวิ่งลงให้เหลือแค่เดินไปเรื่อยๆแทน แต่พอเดินไปซักพักก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ารถเมล์มันหมดแล้วนี่หว่า เลยตัดสินใจนั่งเปิดกล่องปริศนามันตรงป้ายรถเมล์นั่นแหละ ตอนแรกกะว่าจะกลับไปเปิดที่คอนโดน่ะครับ
ก็มันอยากรู้แล้วนี่หว่า!
ผมลงมือเปิดกล่องทันทีอย่างตื่นเต้น ข้างในเป็นสมุดโน้ตสีเขียวใบเตยเล่มเล็กๆ ขนาดครึ่งเอสี่ครับ ผมหยิบมันออกมาแล้วจัดการเปิดออกทันทีแบบไม่ต้องคิด
‘อยู่คนเดียวหรือยัง?’
หน้าแรกถูกแปะไว้ด้วยกระดาษโพสอิทสีชมพูอ่อน เป็นคำถามที่ทำเอาผมต้องมองซ้ายมองขวาไปรอบกาย พอแน่ใจแล้วว่าอยู่คนเดียว ผมเลยพยักหน้าตอบกระดาษโพสอิทแผ่นนั้นไป เป็นการกระทำที่ปัญญาอ่อนสิ้นดีเลยว่ะ
‘คิดว่ามีแค่เต๋าเหรอ ที่ถ่ายรูปได้?’
หน้าถัดไปมีแต่รูปของผมเต็มไปหมด ดูๆแล้วน่าจะใช้ไอโฟนถ่ายเพราะรายละเอียดไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ รูปแรกเป็นรูปที่เขาถ่ายผมตอนที่ผมกำลังนอนตักเขาอยู่ ส่วนรูปต่อๆไปผมไม่รู้ตัวเลยสักนิด และที่ยิ่งตกใจก็เพราะรูปสุดท้ายเป็นรูปของผมที่กำลังเล่นเบสอยู่บนเวที มีคำบรรยายใต้ภาพว่า ‘สมาชิกคนสุดท้าย’
อะไรคือสมาชิกคนสุดท้ายวะครับ แต่ผมก็ไม่ได้อะไรมาก พลิกหน้ากระดาษต่อไปเรื่อยๆแทน พอหมดรูปภาพก็เป็นกระดาษโพสอิทพร้อมกับประโยคที่ทำเอาผมใจเต้นไม่หยุด ในหลายๆความหมายน่ะนะ
‘บ๊ายบาย...ช้อคโกแลตเค้ก J’
ผมมึนไปสามวิกับประโยคในกระดาษ เขาบ๊ายบายผมทำไมวะ เริ่มใจไม่ดีนิดๆ
เฮ้ย...นี่อย่าบอกนะว่าเขารับไม่ได้อ่ะ จะตัดความสัมพันธ์กับผมเหรอวะ
‘เต๋ารู้อะไรไหม...ความจริงคชาไม่ได้ชอบบัตเตอร์คาราเมลที่สุดนะ’
ผมสตั้นไปอีกครั้ง กำลังมึนได้ที่ เลยรีบพลิกหน้ากระดาษหน้าต่อไปทันที
‘คชาชอบสตอเบอร์รี่เค้กครีมที่สุด’
“งั้นก็แสดงว่า คนนี้พิเศษเท่าเค้กเลยอ่ะดิ?”
“ว่าไง?”
“ตอนนี้ก็คง...ประมาณสตรอเบอร์รี่เค้กครีมมั้งฮะ? :)”
‘ช็อกโกแลตเค้กเป็นเค้กที่สั่งทุกครั้งเวลาที่ซื้อ’
‘อรุณสวัสดิ์ ช็อกโกแลตเค้ก J’
เท่าที่อ่าน มันก็ผมใช่มั้ย? จะผิดมั้ยถ้าจะหลงคิดเข้าข้างตัวเองดู
ผมใจเต้นตึกตักๆกับข้อความในโพสอิท เชื่อว่าตอนนี้ผมนั่งหน้าแดงอยู่แน่ๆ ก็เล่นโดนดาเมจโจมตีเข้าใส่ติดๆกันกระจายจนถ้าเป็นในเกมส์ HPผมคงจะเกลี้ยงแล้วแหงๆ
‘ส่วนบัตเตอร์คาราเมลน่ะ...’
“ชอบ...เพราะใครบางคน...”
ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงหวานๆที่มากระซิบอยู่ข้างๆหู พอหันไปก็เห็นว่าเป็นเขานั่นแหละที่กำลังยืนยิ้มหวานมาให้ผม คชาเอียงคอมองผมก่อนจะทำท่าประมานว่าให้เปิดต่อไปสิ ผมเลยก้มลงมาสนใจสมุดในมือต่อทั้งๆที่หัวใจกำลังเต้นแรง ร่างบางของคนตัวเล็กเอนพิงแนบอยู่กับแผ่นหลังของผมจนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่กำลังกระทบเข้ามาตรงต้นคอ ขอสารภาพด้วยความสัจจริงเลยว่าตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกแล้วครับ
กูกำลังจะระเบิดตัวเอง!
‘เพราะฉะนั้น...’
‘เต๋าก็เป็น...สตอเบอร์รี่เค้กครีม มาตั้งแต่แรกแล้ว’
“เป็นคนที่คชาชอบที่สุด...มาตั้งแต่แรกแล้ว”
-----------------------------> END <----------------------------
หยุด! อย่าเพิ่งด่าเรานะ!
*ขอพื้นที่สครีม*
จบแล้วนะเว่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ><
ไอ่เชี่ย ฟิคสั้นที่ยาวสัสๆเรื่องแรก จบแล้วโว่ยยยยยยยยยย #ติดสถานะหยาบคายชั่วคราว
แต่ไม่ต้องห่วง!
ตอนหน้าจะเป็นตอนพิเศษ #เป็นแค่เอสเอฟแท้ๆแต่เสือกมีตอนพิเศษนะมึง
มาไม่ช้าไม่เร็ว เพราะมีแค่ไม่กี่หน้า <3
ระหว่างนี้ก็ไปนั่งจิ้นฉากต่อจากนี้ไปพลางๆก่อนนะจ้ะ
ไหนๆก็จบแล้ว เม้นเยอะๆเป็นกำลังใจให้ทีดิ กราบล่ะ -/\-
ตอนหน้าเราจะลงพร้อมอินโทรเรื่องต่อไปนะ สัญญาว่าจะไม่ยาวเท่าเรื่องนี้แน่ๆ
สารภาพว่าอยากลงเรื่องต่อไปมาก ชอบ <3
-สัปดาห์(เขียงงี้ป่ะวะ?)นี้อเมริกาหยุดพฤหัสกับศุกร์เว่ยยย มีแต๊งกิ๊ฟวิ้งกับแบล็คฟายเดย์
สรุปเราหยุดสี่วันนนนนนนนนนนนนนน #ดีใจน้ำตาไหลพรากๆ
ป.ล.1 ที่เราถามเรื่องเอ็นซี คือประธานอ่ะไม่มีหรอก เรานึกภาพประธานเอ็นซีไม่ออกจริงๆนะ
แต่เรื่องหน้าอ่ะมีแน่ มันส์มือ \\><//
ป.ล.2 ตอนนี้กำลังติดเกมส์ HON!
ป.ล.3 ใครวางกดวิจารณ์นิยายให้ที -/\-
ป.ล.4 ขอบคุณทุกคนมากๆนะ <3
21/11/2012
00 : 23 @USA
ความคิดเห็น