ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF - TAOKACHA] 'ALL IS YOU'

    ลำดับตอนที่ #24 : SF - SWEET CREAM [12] lENDl

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 55













    # PART 12 #

     END

     









     

    ในที่สุดก็มาถึงวันสุดท้ายของงานกีฬาเชื่อมสัมพันธ์แล้วครับ จะเรียกวันนี้ว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านมาตลอดสองวันก็แค่แข่งกีฬาหาผู้ชนะมาเรื่อยๆเท่านั้นเอง


    วันซ้อมใหญ่ที่ผ่านมาว่าเหนื่อยแล้ว แต่วันจริงเหนื่อยชิบหาย ผมไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนเพราะต้องวิ่งวุ่นเรื่องชุดให้ไอ้พวกพาเหรด ถึงผมจะไม่เกี่ยวอะไรกับพวกมันเลยก็เหอะ แต่พอมันมาขอความช่วยเหลือแล้วก็ทำใจปฏิเสธไปไม่ลง




     

    ความจริงพวกมันมาขอให้คชาช่วยครับ แต่คชากำลังยุ่ง ผมเลยอาสาไปแทน



     

    เออ! กูสร้างภาพ!

     










     

    ส่วนคชาก็ยิ่งวุ่นใหญ่ ทั้งเรื่องเครื่องดนตรีในวงโยฯ ทั้งเรื่องจิปาถะอะไรทั้งหลายแหล่ในฐานะประธานนักเรียนนั่นแหละครับ ตัวผมได้มีโอกาสแอบงีบไปหน่อยหนึ่งตอนตีสอง ก่อนจะโดนไอ้แพรวเตะปลุกขึ้นมาตอนตีสองสามสิบแปด เพราะกล้องใหญ่ที่จะใช้อัดวีดีโอตอนพาเหรดกับวงโยฯและเชียร์ในวันพรุ่งนี้เสือกมีปัญหา เชี่ยอะไรวะเนี่ยครับ วันก่อนก็ซ่อมไปแล้วทำไมยังจะมาพังอีกวะ ถึงเวลาทำเรื่องซื้อกล้องตัวใหม่ได้แล้วมั้งครับเนี่ย สรุปว่าจนถึงตอนนี้ผมเพิ่งจะได้นอนไปแค่สามสิบแปดนาที และก็เดินสะโหลสะเหลมาถึงสนามกีฬาจังหวัดตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ ท้องฟ้ายังมืดแบบนี่แหละ


    ผมห้อยกล้องไว้หนึ่งตัว งานนี้ขออนุญาตใช้แค่ G12 ก็แล้วกันนะครับ ห้อยกล้องตัวใหญ่ๆเดินไปเดินมาในงานที่คนเยอะๆแบบนี้ผมไม่ค่อยจะถนัดซักเท่าไหร่ ถึงยังไงผมก็คงไม่ค่อยได้ถ่ายอะไรมากอยู่แล้ว ก็วันนี้เป็นเวรไอ้ต้นกับพี่แอ้น สองตัวป่วนเขาครับ


    ไม่ต้องสงสัย เราเพิ่งแบ่งเวรกันไปตอนวันเริ่มงานกีฬา ผมกับน้องหลินเป่ายิ้งฉุบได้วันแรก ไอ้แพรวฉายเดี่ยววันที่สอง ซึ่งสองวันนี้แม่งโคตรจะสบายเลยครับ เพราะมันมีแต่แข่งกีฬาไปเรื่อยๆ ผมเดินไล่ถ่ายกีฬาละสิบกว่ารูปก็เสร็จแล้วครับ เพราะฉะนั้นวันนี้พวกผมสามคนเลยว่างสนิท ปล่อยให้ไอ้ต้นกับพี่แอ้นเขาทำงานกันไปครับ ขออนุญาตผมเดินชมงานอย่างสบายอารมณ์ก็แล้วกัน หึหึหึ


    ผมสอดส่องสายตาหาคชาจนเจอ เขากำลังเดินวุ่นอยู่กับจอมอนิเตอร์ มือถือกระดาษปึกหนึ่งเอาไว้ เขาใช้มันพัดเบาๆเพราะความร้อนของอากาศ ตอนที่มาถึงมันยังมืดอยู่ก็จริง แต่ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มจะขยับตัวขึ้นมาหลอกหลอนกันแล้วครับ


    ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายความวุ่นวายรอบๆตัวคชา ก่อนจะต้องยกยิ้มเมื่อเขาหันมาสบตากับผมผ่านเลนส์กล้องพอดี คชาอมยิ้มนิดๆก่อนจะหันกลับไปควบคุมจอมอนิเตอร์ต่ออย่างชำนาญ ผมที่ยืนค้างกับรอยยิ้มของเขาเมื่อกี้เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขาทันที

     





     

    “คชา”


    ผมเอ่ยเรียกเขาเบาๆ แต่คนที่หันมาไม่ได้มีแต่เขานี่สิ ไอ้คนรอบข้างที่กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานของตัวเองพร้อมใจกันทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแล้วหันมามองทางผมทันที

     






     

    ...เฮ้ย นี่มันอะไรวะเนี่ย

     








     

    ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง ยิ่งไอ้ต้นที่ถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆสนามอยู่ในตอนแรกยิ่งแล้วใหญ่ พอมันเห็นว่าทุกคนพากันมองมาทางผมปั๊บ มันก็หันกล้องมาทางผมกับคชาพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ทันที

     





     

    ไอ้เชี่ยนี่ ไม่ช่วยแล้วยังจะมายิ้มล้อกูอีกนะ

     






     

    “คชา” ผมเรียกเขาอีกครั้ง ไม่สนใจคนรอบข้างแล้วครับ “งานกีฬาจะเริ่มแล้ว”

     









     

    ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นการเริ่มบทสนทนาที่งี่เง่าที่สุดในโลก Orz

     






     

    ไอ้พวกคนรอบตัวผมมันก็คงจะคิดอย่างนั้นกันนั่นแหละครับ เพราะพวกมันแต่ละคนเล่นถอนหายใจกันซะเสียงดัง เอาแบบกะให้กระทบผมไปในตัว ก่อนจะเก็บหูที่กางออกเตรียมเสือกเรื่องของผมเต็มที่ไปอย่างเดิม แล้วหันกลับไปทำงานที่ค้างไว้ต่ออย่างเสียดายแบบเห็นได้ชัด











    ทำไมเพื่อนกูมันขี้เสือกแบบนี้วะครับ Orz

     












     

    “เหนื่อยมั้ยครับเนี่ย”


    “ยังได้อยู่ แต่ง่วงมากเลย”


    “เต๋าก็ง่วง นอนไปสี่สิบนาทีเอง”


    “คชายังไม่ได้นอนเลย”

     


     

    เขาพูดแล้วเบ้ปาก มันน่ารักจนผมทนไม่ไหว เลยจัดการลงมือขยี้หัวเขาไปทันที คชาเลยยู่หน้าใส่แล้วยกมือขึ้นตีแขนผมเบาๆ เรียกรอยยิ้มของผมอีกครั้งในเช้าวันนี้

     


     

    “สู้ๆนะครับ เดี๋ยวตอนคุมมอนิเตอร์เต๋ามาช่วยนะ”


    “อื้อ เต๋าก็สู้ๆนะ”

     


     

    ผมลูบหัวเขาอีกครั้งแล้วยิ้มกว้างให้เขา เลยได้รับรอยยิ้มหวานๆของคชาตอบมาแทน ทำให้เช้านี้เป็นเช้าที่สดใส แต่มันจะขุ่นมัวก็เพราะไอ้เพื่อนบางตัวนี่แหละครับ

     











     

    “แหม ห่างกันไม่ได้เลยนะ!

     









     

    ไอ้ต้น! กูขอแช่งให้มึงไม่มีแฟน! โทษฐานที่ชอบมาขัดจังหวะกู!

     










     

     

    -----------------------------> TAOKACHA <----------------------------

     










     

     

     แสงแดดตอนเก้าโมงเช้าส่องลงมาแรงมากจนน้องๆในวงโยฯทำท่าจะเป็นลมกันหลายคน ผมเลยต้องวิ่งวุ่นไปคุ้ยกล่องปฐมพยาบาลซึ่งโชคดีที่ไอ้โปเต้มันเตรียมมาไว้ก่อนแล้วมาถือประจำการไว้ข้างสนามครับ ตอนนี้ผมผันตัวเองมาเป็นผู้ช่วยภาคสนามของน้องๆวงโยฯกับขบวนพาเหรดเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไม่มีอะไรจะทำ ส่วนคชาตอนนี้เขากำลังโทรสั่งการกับไอ้เฟรมที่มาช่วยคุมน้องด้วยอีกแรงอยู่บนแสตน น้องบางคนเหงื่อออกเยอะมากเพราะอากาศที่ร้อนจัดในตอนเช้าๆ คนก็เยอะ แถมชุดที่ใส่ยังไม่เหมาะกับสภาพอากาศอย่างแรงอีก ยิ่งต้องแบกเครื่องดนตรีหนักๆมาด้วยแล้วผมก็กลัวว่าพวกน้องมันจะเป็นลมกันซะก่อน





     

    "เฮ้ย! อย่าเพิ่งเป็นลมนะน้อง!"








     

    นั่นไง! ยังไม่ทันจะขาดคำกูเลย Orz



     ผมรีบวิ่งเข้าไปหาน้องคนที่ประจำตำแหน่งกลองทันทีที่ได้ยินเสียงไอ้โปเต้ มันช่วยประคองน้องให้ยืนให้ตรง พอผมวิ่งเข้ามาใกล้ถึงได้เห็นแบบชัดๆว่าหน้าน้องมันไม่เหลือสีเลือดแล้ว เลยรีบคว้าเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาซับให้มันเพราะดูซีดมากจนน่ากลัว ซักพักน้องมันก็พยักหน้าว่าไม่เป็นไรแล้วเอ่ยขอบคุณเสียงเบา ผมตบไหล่มันไปทีอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเดินหยิบยาดมที่เพิ่งใช้น้องหลินให้ไปซื้อมาแจกจ่ายให้กับสมาชิกวงโยฯทันที


    แถมนอกจากต้องดูแลน้องในวงโยฯแล้ว หูก็ยังต้องคอยฟังและตอบโทรศัพท์จากคนโน้นคนนี้เป็นระยะอีก ทำเอามึนไปเหมือนกัน


    พวกเราใช้ระบบวอในโทรศัพท์ครับ มันเป็นแอปที่จะสามารถประชุมสายได้หลายๆคน แต่ต้องมีอินเตอร์เน็ตนะ ซึ่งพวกผมก็มาดูดไวไฟกันที่นี่แหละครับ







     

    "ไอ้เต๋า วงพร้อมยังวะ"




     

    เสียงดังออกมาจากหูฟังของโทรศัพท์เรียกเอาผมสะดุ้ง เสียงแบบนี้น่าจะเป็นของไอ้อ้น ผมมองไปทางมอนิเตอร์ก็เห็นมันประจำการอยู่แทนคชาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     



     

    "กูก็ว่าน่าจะพร้อม...เอ่อ น้องครับ พร้อมรึยัง!"


    “พร้อมแล้วครับ!

     



     

    ผมตะโกนถามน้องมันเพื่อเป็นการปลุกกำลังใจไปในตัว เห็นน้องมันสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วตะโกนตอบกลับผมก็ยิ่งคึกครับ รู้สึกเหมือนกำลังจะไปออกรบอะไรทำนองนั้นอย่างบอกไม่ถูก

     



     

    "เออ งั้นมึงบอกน้องให้ตั้งแถวได้เลย"

     






     

    เอาวะ...



    ผมตบหลังเรียกน้องวงโยฯทั้งหมดให้ตั้งแถวตามตำแหน่งที่ได้ซ้อมกันไว้ โดยมีไอ้โปเต้กับไอ้เฟรมมาช่วยอีกแรง ผมชี้บอกพวกน้องๆให้เดินไปยังจุดที่มาร์กเอาไว้ เราเป็นโรงเรียนแรกครับ พูดง่ายๆว่าเป็นตัวเปิดงานนั่นแหละ เพราะปีนี้โรงเรียนเราเป็นเจ้าภาพ น้องมันก็คงจะตื่นเต้นและกดดันมากพอดูเหมือนกัน เพราะแต่ละคนเริ่มจะก้าวขาไม่ออกกันแล้วนั่น

     

     

    “ไปเร็วน้อง ตรงนั้นจะมีพี่อีกคนประจำการคอยบอกสิ่งที่ต้องทำอยู่ สู้ๆนะเว้ย ซ้อมกันมาตั้งนานอย่าให้มาล่มกันวันนี้นะ”

     


     

    ผมพูดให้กำลังใจพลางเดินต้อนพวกมันไปในตัว เราจะเริ่มพิธีเปิดกันตอนเก้าโมงห้าสิบเก้า ซึ่งเป็นฤกษ์งามนามดีอะไรของอธิการเขาก็ไม่รู้แหละ ผมรู้แค่ว่าตอนนี้แม่งโคตรร้อนเลยครับ


    พอมาถึงจุดที่กำหนดไว้ก็เห็นคชามายืนรออยู่ก่อนแล้ว น้องแต่ละคนนี่สีหน้าท่าทางดูสดใสขึ้นกว่าตอนแรกเยอะเลยครับ เพราะคชาเคยพูดเอาไว้ว่าจะไม่ลงมาดูถ้าวงไม่สำเร็จ แต่ตอนนี้เจ้าตัวเขากลับลงมาช่วยคุมด้วยตัวเอง น้องมันก็คงจะดีใจกันนั่นแหละครับ


    คชาเดินเช็คเครื่องดนตรีแต่ละเครื่องไปเรื่อยๆ ตอนนี้เหลืออีกสิบนาทีจะถึงเวลาแล้วครับ ผมเห็นเขาพูดอะไรกับน้องอีกนิดหน่อย ก่อนที่น้องมันจะเฮ้ขึ้นมาเสียงดังจนผมงง




     

    “อะไรวะไอ้เฟรม” ผมเลยหันไปพึ่งไอ้เฟรมที่ยืนเนียนเฮอยู่ข้างๆผมแทน


    “คชาจะเลี้ยงหมูกระทะหลังงานกีฬาว่ะ” มันตอบแล้วทำท่าตื่นเต้นที่จะได้แดกของฟรีพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เป็นภาพที่สยดสยองน่าดูทีเดียวครับ -__-


    “แต่ถึงยังไงเราก็ยกโขยงไปกินหมูกระทะกันทั้งม.ห้าอยู่แล้วนี่หว่า มึงจะตื่นเต้นไปทำไม” ผมขัดมันขึ้นมาจนไอ้เฟรมนึกขึ้นได้ มันเลยได้แต่อ้าปากพะงาบๆอยู่แบบนั้นแหละครับ

     








     

    “วงโยฯพร้อมนะครับ พาเหรดพร้อมนะครับ เชียร์พร้อมนะครับ นักกีฬาคบเพลิงพร้อมนะครับ จะเริ่มแล้วภายในสามสิบวินาที”

     








     

    เสียงไอ้อ้นลอดผ่านหูฟังขึ้นมาอีกครั้ง ผมเห็นน้องหลายคนเกร็งตัวแน่นหลังจากที่ไอ้เฟรมตะโกนบอกให้เตรียมตัวให้พร้อม คงจะเป็นเพราะความตื่นเต้นซึ่งก็รวมถึงตัวผมด้วยนี่แหละครับ คชาเดินมาหยุดลงข้างๆผมพลางกำมือกับชายเสื้อผมแน่น ผมยิ้มให้เขาแล้วดึงมือคชามากุมเอาไว้ ดูก็รู้ว่าเขาน่ะตื่นเต้นยิ่งกว่าใคร เพราะงานนี้จะเป็นงานใหญ่ครั้งสุดท้ายของเขาแล้วในฐานะประธานนักเรียน

     




     

    …5!





     

    “พร้อมมั้ยคชา”


    “อื้อ”

     







     

    …4







     

    เขาส่งเสียงตอบรับในลำคอ มือที่กุมกันอยู่ของเรายิ่งเกาะกันแน่นเข้าไปใหญ่ เห็นไอ้พวกเพื่อนๆบนแสตนมอนิเตอร์พากันหยุดทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้วยืนลุ้นกับพวกเราแล้วผมก็ยิ่งตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนแรก ไม่ต้องพูดถึงพวกน้องๆเลยครับ พวกมันบางคนมือสั่นกันจนผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว

     

     

    “ไอ้นิว ใจเย็นๆเว้ย!

     







     

    …3

     








     

    “โห่ยพี่ อย่าแซว” มาหันมายิ้มแหยๆให้ผมแล้วกลับไปวางมือลงบนทรัมเป็ตตามเดิม

     







     

    …2

     











     

    ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายบรรยากาศรอบๆ ก่อนจะต้องยกยิ้มกว้างเมื่อสัมผัสได้ว่าคนข้างๆเขาเปลี่ยนจากกุมมือมาเกาะแขนผมแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     










     

    …1! เริ่ม! ปล่อยวงโยฯออกไปเลย!

     







     

    เสียงไอ้อ้นดังขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะร้องเฮขึ้นมาเมื่อวงโยเริ่มบรรเลงเพลงจนดังกระหึ่มไปทั้งสนาม ตามมาด้วยขบวนพาเหรดที่คอนเซ็ปและคอสตูมไม่มีน้อยหน้า และพอขบวนเดินผ่านแสตนเชียร์ของโรงเรียนเราทีไร สเต็ปมือและเพลงเชียร์ก็จะดังลั่นขึ้นมาทันที


    และเมื่อน้องๆวงโยฯมันเดินขบวนหายไปกันแล้ว ผมก็หมดหน้าที่ทางภาคสนามลงแต่เพียงเท่านี้ ปล่อยให้ไอ้เฟรมกับไอ้โปเต้มันเดินคุมไปครับ แต่หน้าที่ใหม่ของผมก็บังเกิดขึ้นทันทีเมื่อถามคชาว่าจะไปทำอะไรต่อ และแน่นอนว่าผมก็ต้องติดสอยห้อยตามเขาไปด้วยทุกที่นั่นแหละ


    คชาต้องไปเช็คภาพจากจอมอนิเตอร์ว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนบ้าง แล้วบอกผ่านไอ้เฟรมอีกทีให้มันช่วยแก้ไข ตอนนี้ผมกับเขาเลยกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่แสตนควบคุมครับ


    ที่นี่มีทั้งฝ่ายเทคนิค ดีไซน์เนอร์และอะไรอีกหลายตำแหน่งวิ่งวุ่นกันอยู่ บางส่วนก็นั่งคุมมอนิเตอร์กันไป ผมทันเห็นไอ้เพนมันกำลังวาดผังแสตนใหม่หน้าตาตื่นอยู่พอดี ส่วนใกล้ๆกันนั้นไอ้ภูร์มันก็กำลังเร่งไอ้เพนยิกๆเลยครับ ก็พอจบขบวนพาเหรดของโรงเรียนสุดท้ายเมื่อไหร่ เราก็จะเริ่มเชียร์กันเป็นโรงเรียนแรก (อีกแล้ว) นั่นเองครับ


    ตอนนี้มีแต่คนยุ่งกันว่ะ เมื่อกี้ระหว่างทางที่เดินมาก็เห็นไอ้ต้นกับพี่แอ้นกำลังเดินเก็บภาพกันอยู่ น่าจะรัวกล้องแบบไม่กลัวเม็มเต็มกันเลยทีเดียวครับ

     


     

    “เต๋า! ทางนี้”

     



     

    ผมละสายตาจากสนามขึ้นมาแล้วเดินตามเสียงคชาไป เขานั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าจอมอนิเตอร์ที่ใหญ่ที่สุด ผมที่เห็นแบบนั้นเลยนั่งปุลงไปข้างๆเขาทันทีอย่างไม่ต้องคิด ภาพที่เห็นในจอคือวงโยฯและขบวนพาเหรดที่เดินเรียงแถวกันเป็นระเบียบอยู่ภายในสนาม แต่อันที่จริงผมก็ไม่ได้ตั้งใจดูเท่าไหร่เหมือนกันครับ เอาแต่จ้องใบหน้าด้านข้างของคชาอยู่ เขาขมวดคิ้วเมื่อน้องตำแหน่งคาริเน็ตเดินผิดจังหวะพลางรีบบอกไอ้เฟรมให้ตะโกนบอกน้องอีกที จากนั้นเขาก็ยกยิ้มขึ้นนิดๆ ตอนนี้น้องวงโยฯในสนามกำลังแปรแถวเป็นรูปลูกศรกันอยู่ครับ คนทั้งสนามปรบมือกันลั่นกับภาพที่เห็น พาเอาผมยิ้มกว้างไปอีกคน

     



     

    “เต๋า”


    “หือ มีอะไรครับ” ผมละออกจากอาการเหม่อลอยแล้วรีบก้มหน้าลงไปมองเขาทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียก สิ่งแรกที่เห็นคือคชาที่กำลังยิ้มกว้างจนน่ารัก


    “สำเร็จแล้ว” เขาว่า ก่อนจะเอนหัวลงมาพิงกับไหล่ของผม

     




     

    คชาคงจะเหนื่อยมากับงานกีฬาครั้งนี้ ซึ่งก็ไม่แปลก ขนาดผมที่เป็นแค่ผู้ช่วยธรรมดาๆยังเหงื่อท่วม แล้วคชาที่เป็นถึงประธานนักเรียนจะปวดหัวกับปัญหาใหญ่ขนาดไหน ผมที่ทำได้แค่เป็นที่พึ่งให้เขาได้พักพิงเลยได้แต่ยกมือขึ้นลูบหัวเขาไปมาแทน

     


     

    “ยังหรอกคชา อย่าลืมวงดนตรีเย็นนี้สิ” ผมขัดเขาขึ้นมาอย่างไม่จริงจัง วาดแขนไปโอบเอวเขาให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ


    “อันนั้นมันนอนมาอยู่แล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นตอบผมพลางยิ้มเจ้าเล่ห์จนผมเริ่มระแวง นี่เขามีแผนอะไรรึเปล่าวะ?


    “คิดจะทำอะไรคชา อย่ายิ้มแบบนี้สิ น่ากลัว” ผมล้อเขาทีเล่นทีจริง ก่อนที่เราจะแทบผละออกจากกันไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงไอ้ต้นดังมาแต่ไกล

     








     

    “หยุดสวีทแล้วทำงานซักทีเถอะ! กูอิจฉา!!

     














     

    ไอ้ต้น มึงนะมึง! ขัดกูตลอด!

     









     

     

    -----------------------------> TAOKACHA <----------------------------

     












     

     

    “เตรียมสายกีตาร์กับเบสให้พร้อมนะ!


    “เช็คไมค์ด้วย!


    “เตรียมไม้กลองสำรองไว้!


    “เฮ้ยคชา! แอมป์พังว่ะ!

     


     

    เสียงตะโกนวุ่นวายดังออกมาจากหลังเวทีที่ผมกำลังประจำการอยู่ ตอนนี้ผมกับไอ้โปเต้กำลังนั่งเทียบสายกีตาร์กับเบสกันอยู่ครับ ส่วนไอ้ต้นกับไอ้อ้นก็วอร์มเสียงกันไปเรื่อยๆ ไอ้สองตัวนี้นี่แหละที่เสียงดังกว่าใครเพื่อน น่ารำคาญจนผมเดินออกไปถ่ายรูปมาทีล่ะก็ยังไม่หยุดกันซักที


    ส่วนคชา ตอนแรกเขากำลังนั่งเคาะไม้กลองกับเก้าอี้ไปเรื่อยๆ แต่ดันถูกขัดจังหวะจากไอ้เฟรมซะก่อน มันลองเสียงกีตาร์ไฟฟ้าของมันกับแอมป์ (แอมป์มิเตอร์) ครับ แต่ปรากฏว่าแอมป์แม่งเสือกทำตัวมีปัญหา เสียงกีตาร์ไม่ออกแล้วยังจะส่งเสียงหอนไปทั่วจนปิดแทบไม่ทันอีก

     




     

    และวันนี้ก็ทำให้ผมได้รู้อีกอย่าง

     








     

    คชาซ่อมแอมป์เป็นด้วยครับ Orz

     




     

    “คชา ดอกกุหลาบเรียบร้อยแล้ว เอาไว้ตรงไหนดี” เสียงเพื่อนคนหนึ่งที่เดินหอบดอกกุหลาบเข้ามามาเอ่ยถามกับคชาที่กำลังยุ่งอยู่กับการซ่อมแอมป์ เขาพยักหน้าก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาพื้นที่ว่าง แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ไอ้เฟรมก็แตะไหล่คชาเบาๆแล้วหันไปพูดอะไรซักอย่างคนที่ถือกุหลาบ จากนั้นก็พากันเดินออกไปหน้าเวทีที่เริ่มจะคึกคักขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ห้าโมงกว่าๆแล้วครับ ส่วนงานเริ่มห้าโมงครึ่ง


    ผมได้ยินเสียงแพรวาที่เป็นพิธีกรดังขึ้นมา รู้สึกว่าจะไล่เรียกชื่อแต่ละโรงเรียนเพื่อขอเสียงกรี๊ด จากนั้นก็พูดพล่ามไปเรื่อยๆตามสไตล์คุณเธอเขาแหละครับ พวกผมได้ขึ้นเป็นวงแรก ตอนนี้ผมกำลังตื่นเต้นสุดๆ ซึ่งผมว่าไอ้โปเต้ที่นั่งสั่นอยู่ข้างๆผมก็คงไม่แพ้กันหรอกครับ

     


     

    แต่ก่อนอื่นผมต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าเขาขนดอกกุหลาบมาทำอะไรตั้งเยอะตั้งแยะ

     




     

    “มาขนาดนี้แล้วมึงก็ยังคงโง่อยู่อีกนะไอ้เต๋า” พอผมถามคชาไป ย้ำอีกครั้งนะครับว่าถามแค่คชา แต่ดันเสือกได้เสียงนี้ตอบกลับมาแทนครับ อ่ะลองทายกันดูว่าเสียงใคร “เดี๋ยวกูจะแถลงไขให้เพื่อนโง่ๆอย่างมึงเองแล้วกัน”

     






     

    ไอ้ต้นเจ้าเก่าเจ้าเดิม -_-

     









     

    สรุปคือไอ้ต้นมันบอกว่าเขาจะตัดสินทีมชนะกันด้วยดอกกุหลาบครับ วงใครได้ดอกกุหลาบมากที่สุดก็ชนะไป ขายดอกละสิบบาท เงินเข้าโรงเรียนล้วนๆแบบไม่ต้องคิด งานนี้ถึงไม่ชนะก็เหมือนชนะ ส่วนถ้าถามว่าแผนใคร ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละครับ คชาน่ะ

     



     

    “ไอ้เฟรม! แอมป์เสร็จยังวะ จะขึ้นแล้ววววว” ไอ้โปเต้ที่ยังคงนั่งสั่นอยู่ข้างๆผมตะโกนถามขึ้นมาดังลั่นห้อง ไอ้เฟรมที่กำลังแกะลูกอมกินอยู่เลยหันมาถลึงตาใส่ประมานว่าถามกูทำเพื่อ? มันชี้ไปที่คชาแล้วไปด้อมๆมองๆก่อนจะส่ายหน้าแทนเป็นคำตอบ


    “คชา อีกนานมั้ยวะ” ไอ้อ้นถามขึ้นมาเมื่อเห็นคนอื่นในวงเริ่มเงียบ คชาโผล่หัวออกมาจากแอมป์แล้วปาดเหงื่อ


    “อีกนิด” เขาพูดพลางยกมือขึ้นชูห้านิ้ว “ขอห้านาที”

     



     

    พวกผมหันมองหน้ากันแบบคิดไม่ตก ตอนนี้ห้าโมงครึ่งพอดีเป๊ะ ควรจะเริ่มแสดงได้แล้ว แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั่งมองหน้ากันนั้น น้องแพรวาก็ดันพูดประโยคฆ่าพวกผมขึ้นมาเสียก่อน

     







     

    “ต่อไปก็ขอเชิญพบกับวงเฉพาะกิจของโรงเรียนXXXกันได้เลยค่า!

     








     

    “ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยย!

     








     

    ผมกับไอ้โปเต้ประสานเสียงขึ้นมาทันที ส่วนไอ้เฟรมแทบวิ่งออกไปหน้าเวทีเพื่อไปลากแฟนมันเข้ามา แต่ก็ไม่ทันแล้วว่ะครับ ข้างนอกแม่งปรบมือส่งเสียงกรี๊ดกันเกรียวกราวเลย ถ้าไม่ออกไปคงโดนกระทืบจากหลายเท้าอยู่

     




     

    “เอาไงดีวะมึง เอาไงดีวะ”

     
     

    ไอ้โปเต้ลนลานขึ้นมาทันทีครับ อย่าว่าแต่มันเลย ทุกคนนั่นแหละที่ทำอะไรไม่ถูก

     


     

    “...ต้นกับอ้นออกไปพูดคุยก่อน โปเต้ไปเล่นกีตาร์ ร้องเพลงสั้นๆไปก็ได้ เฟรมด้วย ออกไปช่วยๆกันรับหน้าไว้ก่อน ส่วนเต๋ามาช่วยคชาตรงนี้หน่อย”

     



     

    คนที่ยังคงสติไว้ได้ในที่นี้คงมีแค่คนเดียวนั่นแหละครับ พวกมันรีบกุลีกุจอเดินออกไปหน้าเวทีทันที ก่อนที่จะได้ยินเสียงพวกไอ้อ้นมันพูดอะไรเสี่ยวๆเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ตามมาด้วยซาวน์เอฟเฟ็คของไอ้โปเต้และไอ้เฟรม จากนั้นพวกมันก็จัดการทอร์คโชว์กันไปตามเรื่องตามราวครับ


    ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคชาที่กำลังหมุนๆอะไรซักอย่างอยู่ เอาตามตรงผมไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกหรืออะไรพวกนี้เลยซักนิด ผมว่าคชาคิดผิดแล้วล่ะที่เลือกให้ผมอยู่ช่วยเนี่ย



     

    “คิดยังไงให้เต๋าช่วยเนี่ย”

     






     

    อดไม่ได้เลยถามเขาออกไปครับ แต่คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาผมไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

     













     

    “เห็นหน้าเต๋าแล้วมีกำลังใจ J

     

     








     

    -----------------------------> TAOKACHA <----------------------------

     

     









     

    “ในค่ำคืนที่ฟ้าท้าทายใจคน อยู่ตรงนี้ และฉันยังคงก้าวไป


    ยังคงมีรักแท้ เป็นแสงนำไปในคืนที่หลงทาง


    นาทีที่ความฝันนั้นพร้อมเป็นเพื่อนตาย เส้นทางนี้ ฉันยังมีจุดหมาย


    ตราบใดที่ปลายท้องฟ้ามีแสงรำไร




    จะไปจนถึงแสงสุดท้าย”

     

     

    . . .

     






     

    “เฮ้!!


    “ขอบคุณมากครับ!!

     









     

    จบไปแล้วครับ!




    ในตอนแรกผมลุ้นแทบตายว่าแอมป์มันจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งหรือไม่ แต่สรุปคชาก็ไม่ทำให้คอยนาน ห้านาทีตามที่เขาบอกเป๊ะเหมือนตั้งเวลาเอาไว้


    พอผมกับคชาเดินออกมาพร้อมกับแอมป์ที่กลับมามีชีวิตปุ๊บ พวกเราทั้งหกก็เริ่มเล่นกันเลยแบบไม่รอช้าครับ เห็นไอ้โปเต้ถอนหายใจเฮือกเลยตอนเห็นว่าแอมป์กลับมาใช้ได้เหมือนเดิม พวกเราเล่นกันตามที่ซ้อมเอาไว้ มีปรับเปลี่ยนบ้างนิดหน่อยตามแต่โอกาส ส่วนมากจะเป็นคชาที่เริ่มเปลี่ยนจังหวะ แล้วจากนั้นไอ้เฟรมก็ดีดกีตาร์ตาม ผมก็ดูคอร์ดตามนิ้วไอ้เฟรมมันนั่นแหละครับ ส่วนไอ้โปเต้ รายนั้นมีประโยชน์จริงๆแค่เพลงที่สองเพลงเดียวครับ ไร้ประโยชน์ชิบหาย


    แต่ที่เล่นไปทั้งสามเพลงผมชอบเพลงแสงสุดท้ายที่สุด เพราะคนที่ดูพวกเราอยู่โยกย้ายร้องตามกันซะดังลั่นสนาม นาทีนั้นไม่สนกันแล้วครับว่าใครมาจากโรงเรียนไหนอะไรยังไง กอดคอกระโดดร้องเพลงตามกันอย่างมันส์ เชื่อว่าถ้าผมเป็นคนดูอยู่ข้างล่างก็คงไม่มีพลาดหรอกครับ

     




     

    ตอนนี้พวกเรากำลังกอดคอกันรอฟังผลรางวัลครับ เท่าที่ทราบรางวัลใหญ่ๆก็มีถ้วยรวมกีฬา, เชียร์, พาเหรด, แล้วก็วงโยทวาทิตครับ


    ส่วนวงดนตรี สรุปว่านับกุหลาบกันไม่หวาดไม่ไหว แถมยังมั่วๆด้วยเพราะขายแล้วก็วนเอาออกมาขายใหม่อีกรอบ เลยเอาเป็นว่าเล่นเพื่อสร้างสีสันกันไปแทนครับ แต่เงินเนี่ยเข้าโรงเรียนผมมาเต็มๆ รับอื้อจนผู้อำนวยการที่รู้ข่าวหน้าบานเป็นทานตะวัน

     




     

    ตอนนี้คชายืนอยู่ข้างหน้าผม เขามายืนอยู่แถวหน้าสุดเพราะเป็นประธานนักเรียน โรงเรียนอื่นก็ส่งประธานนักเรียนมายืนด้านหน้าสุดของแถวเหมือนกัน ความจริงมันก็ไม่ถึงขนาดจะเรียกว่าแถวได้หรอกครับ มันเป็นฝูงซะมากกว่านะผมว่า


    ส่วนตอนแรกจะประกาศรางวัลแบบแยกประเภทกีฬาก่อนครับ จากนั้นใครที่ชนะกีฬาหลายประเภทที่สุดก็จะได้ถ้วยรวมกีฬาไปครอง

     



     

    “รายการต่อไป รางวัลชนะเลิศกีฬาบาสเก็ตบอลชาย โรงเรียน...”

     


     

    พวกผมลุ้นกันแบบลืมหายใจ ไอ้เฟรมที่ยืนอยู่ข้างๆบีบไหล่ผมแน่นจนผมแทบจะหันไปตบหัวมันซักที ก็จะไม่ให้มันลุ้นได้ยังไงล่ะครับ ถึงไอ้เฟรมมันจะมาหมกรวมตัวอยู่กับพวกผมบ่อยๆ แต่จริงๆแล้วมันเป็นถึงกับตันทีมบาสเลยนะ ถึงมาดจะไม่ค่อยให้เท่าไหร่ก็เถอะ

     





     

    “โรงเรียน...XXX!!!!


    “เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย! โรงเรียนกูนี่หว่าาาาาาาา”

    (มึงจะตกใจไปทำไม ก็รู้อยู่แต่แรกแล้วนี่ว่ามึงชนะ -________-)

     





     

    ไอ้เฟรมตะโกนดังลั่นประสานเสียงกับพวกในโรงเรียนผมที่มายืนออกันอยู่ด้วยความดีใจหลังจากประกาศผลว่าทีมบาสของมันชนะ ต่อจากนั้นมันก็วิ่งนำลูกทีมทั้งสิบสองคนของมันขึ้นไปรับถ้วยพร้อมใบประกาศนียบัตรบนแสตนด้วยใบหน้าเบิกบานใจจนผมหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ ยังไม่วายลงมาคุยโม้ต่ออีกว่าลูกสุดท้ายมันเป็นคนทำแต้มอย่างงั้นอย่างงี้ ซึ่งก็ไม่ต้องให้ผมรำคาญนานครับ ไอ้โปเต้ก็ทำการปะทุร้ายหัวไอ้เฟรมไปทันทีอย่างแรงจนผมเจ็บแทน

     





     

    จากนั้นก็รอประกาศผลกีฬาต่อไปเรื่อยๆ สรุปว่าในด้านกีฬาเราได้มาแค่บาสอย่างเดียวเองครับ










    อนาถชิบหายโรงเรียนกู Orz

     






     

    และแน่นอนว่าเราชวดถ้วยรวมกีฬาแบบไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมาอธิบายให้มากความครับ พลันเกิดเป็นความรู้สึกเหมือนมีเมฆฝนกลุ่มใหญ่มาบดบังอยู่ตรงเฉพาะโรงเรียนผมชอบกล ทั้งๆที่นี่มันก็จะหนึ่งทุ่มอยู่แล้ว ฟ้ามืดแถมอากาศก็เริ่มหนาวนิดๆด้วย แต่พวกผมก็ไม่ได้หวั่นครับ คนเยอะแถมเพิ่งจะเหนื่อยๆกันมา ไม่มีใครรู้สึกถึงความหนาวเลยซักคน

     




     

    “รายการต่อไป รางวัลชนะเลิศประเภทพาเหรด โรงเรียน...”




    เอาอีกแล้วแม่ง จะเว้นให้กูลุ้นไปเพื่ออะไรวะ ใครมันเป็นคนประกาศจะเดินไปเตะให้ซักที








    “โรงเรียน...XXXครับ!!!

     





     

    “เฮ้วววววววววววววววววววววววววววววววว!!!!











    เสียงร้องแหกปากดังลั่นหลังประกาศผลเรียกเอาตรงโรงเรียนผมชุลมุนวุ่นวายไปชั่วครู่ ก่อนจะปรากฏร่างของสองสาวเหวยเหวยกับเอิงที่วิ่งออกไปรับถ้วยรางวัลด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง เหวยเหวยกับเอิงเดินลงมาหยุดลงตรงหน้าคชา ก่อนจะพูดอะไรกับคชาอีกนิดหน่อย พลางยื่นถ้วยรางวัลให้คชาด้วยใบหน้าที่ดูก็รู้ว่ามีความสุขขนาดไหน

     






     

    “รายการต่อไป รางวัลชนะเลิศประเภทเชียร์”

     




     

    “โรงเรียนYYYค่ะ!!

     





     

    ผมที่ได้ยินก็อึ้งไปซักพักก่อนจะค่อยๆหันไปมองน้องม.1 เห็นมันก้มหน้าก้มตาเหมือนจะร้องไห้กันแล้วก็เริ่มจะสงสาร พวกสตาฟเชียร์เดินปลอบกันใหญ่ ส่วนไอ้พวกโรงเรียนที่ได้ไปนี่ก็ดีใจแบบตอนที่เราได้พาเหรดกันเมื่อกี้แหละครับ

     





     

    “รายการต่อไป รางวัลชนะเลิศประเภทผู้นำเชียร์...”






    เลิกเว้นให้กูลุ้นซักทีเถอะ!






    “โรงเรียน…KKKค่ะ!!













    เชี่ย ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไร เหมือนจะชาๆอย่างบอกไม่ถูก

     




     

    “รายการต่อไป รางวัลชนะเลิศประเภทวงโยทวาทิต โรงเรียน...”






    ผมหันไปมองคชาที่ยืนอยู่ข้างหน้า แผ่นหลังเล็กๆที่กำลังตั้งตรงอย่างแน่วแน่เรียกรอยยิ้มผมอีกครั้ง ผมเอื้อมมือเข้าไปรั้งตัวเล็กๆของเขาให้เข้ามาในอ้อมแขนพลางยึดตัวเขาเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างที่โอบรอบลำคอและวางพาดไปตามลาดไหล่เล็ก


    คชาเงยหน้าขึ้มามองพลางเอียงคอแล้วทำตาแป๋วอย่างงงๆ ซึ่งพอมาลองมองเขาในมุมแบบนี้ดูแล้ว ผมก็ยิ่งมีความรู้สึกว่าเขาแม่งโคตรจะน่ารักเลยให้ตายสิ! อยากจับมาฟัดแก้มชะมัด!

     






     

    “โรงเรียน...”

     









     

    แต่ก่อนที่จะได้ทำร้ายแก้มคนตรงหน้าไปจริงๆ เสียงที่ผมเริ่มจะรู้สึกเกลียดขึ้นมาตงิดๆก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน หลังจากนั้นก็เงียบหายไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจนพวกผมหันซ้ายหันขวา แล้วสาเหตุมันก็มาปรากฏต่อหน้าเมื่อไอ้คนประกาศมันเดินออกมายกมือขอโทษพลางชี้ไปที่ไมค์

     










     

    ...











    ไมค์พังเรอะไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยย!!

     










     

     

    -----------------------------> TAOKACHA <----------------------------

     

     










     

    “มาต่อกันจากเมื่อกี้เลยนะคะ เอาล่ะ รางวัลชนะเลิศประเภทวงโยทวาทิต ได้แก่...”


    “โรงเรียน...”


    “โรงเรียน......”

     






     

    “โว้ยยยยย! ประกาศมาซักทีเถอะอีห่า!



    เสียงดังขึ้นมาจากโรงเรียนข้างๆผม เรียกเสียงหัวเราะและเสียงเห็นด้วยจากทั้งสนามทันที พิธีกรผู้หญิงคนนั้นเลยได้แต่ยิ้มแห้งๆแล้วจับไมค์มาทำหน้าที่ต่อแบบหวาดๆ









     

    “โรงเรียน...XXXค่ะ!!!

     




     

    “เยสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส!!!!

     








     

    เราตะโกนดีใจกันอีกครั้ง ผมดันคชาให้ออกไปรับถ้วยรางวัล ซึ่งเจ้าตัวเขาก็ยังไม่วายลากโปเต้ไปด้วยอีกคน


    พอลงมาได้ไอ้โปเต้ที่ถือถ้วยอยู่ก็รีบเดินร้องไห้เป็นเด็กอนุบาลเข้าไปหาน้องๆวงโยฯทันที พวกน้องๆที่กำลังจะซึ้งกับรางวัลแห่งความพยายามก็เลยซึ้งไม่ออก บางคนถึงกับหัวเราะไอ้โปเต้ทั้งๆที่ยังร้องไห้ด้วยความดีใจอยู่เลยด้วยซ้ำ


    คชาเดินเข้าไปหาน้องมันเหมือนกัน เห็นน้องๆยกมือไหว้ขอบคุณกันใหญ่ เพราะถึงคชาจะโหดไปบ้างในบางที แต่ที่ทำไปก็เพื่อวันนี้ล้วนๆ


    มีน้องมาไหว้ขอบคุณผมกับไอ้เฟรมเหมือนกัน ทำเอาผมเขินจนทำอะไรไม่ถูก ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ผมยิ้มกว้างแล้วตบบ่าน้องๆมันไปด้วยความดีใจไม่แพ้พวกมัน


    คชาน้ำตาคลอหน่อยๆจนผมต้องยกมือขึ้นลูบหัวเขาเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ เขาเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มแห่งความสุขที่ผมคิดว่าครั้งนี้มันน่ารักกว่าครั้งที่แล้วๆมาเสียอีก


    ผมเลื่อนนิ้วไปปาดน้ำตาให้เขาเบาๆ เรายิ้มให้กันอีกครั้งท่ามกลางความดีใจของเพื่อนๆทั้งโรงเรียน

     






     

    “ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมสนุกร่วมสร้างความสามัคคีกับงานกีฬาวันนี้นะคะ เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพและปลอดภัยค่ะ!

     








     

    พอสิ้นคำประกาศปุ๊บ ผมกับเพื่อน (เกือบ) ทุกคนก็ถอดเสื้อกระโดดดีใจวิ่งโห่ร้องกอดกันชุลมุนภายในสนามกีฬา ก่อนจะเฮโลพากันตั้งวงกลมบนสนามเพื่อแหกปากร้องทั้งเพลงเชียร์ เพลงโรงเรียน และกอดคอกันบูมให้เสียงดังก้องไปทั่วทั้งสนามกีฬา โรงเรียนอื่นก็ไม่ได้น้อยหน้า มันเป็นความเต็มตื้นที่ผมอธิบายได้ยากมาก เพราะความเหนื่อยล้าทั้งหมดที่มีหายไปเป็นปลิดทิ้งเพียงแค่ได้เห็นความสำเร็จของพวกเรา ผมเห็นเพื่อนทุกคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่เปื้อนคราบน้ำตากันถ้วนหน้า แม้แต่คชา ประธานนักเรียนที่งานหนักที่สุด ก็ยังมีรอยรื้นของคราบน้ำตาปรากฏอยู่เช่นกัน

     










     

    ผมสัญญากับตัวเอง...










    ว่าจะไม่มีวันลืมวันนี้เลยจริง ๆ

     

     










     

    -----------------------------> TAOKACHA <----------------------------

     

     









     

    หลังจากจบงานกีฬาที่เหนื่อยสาหัสกันมาทุกคนแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาปลดปล่อยกันบ้างล่ะครับ ตอนนี้พวกเรามากินเลี้ยงกันที่อยู่ร้านหมูกระทะใกล้ๆกับห้างเซนจูรี่ ณ จุดนี้ก็เป็นเวลาห้าทุ่มกว่าๆพอดี ซึ่งแต่ละคนก็ยังไม่ลุกกลับออกไปไหน ถึงจะไม่มีแอลกอฮอล์ แต่พวกผมก็สามารถที่จะเมาควันเมาหมูเมากระทะกันได้ครับ เจ๋งกันไหมล่ะโรงเรียนผม (ยักคิ้ว)


    แต่ที่มานั่งเมาบรรยากาศกันอยู่นี่ก็มีแค่ม.ห้านะครับ ส่วนน้องๆก็แล้วแต่เวรแต่กรรมว่าพวกพี่มันจะเลี้ยงอะไรและเมื่อไหร่ เพราะงานนี้คือเงินที่เหลือจากงานกีฬาทั้งนั้น และเงินพวกนี้ก็ไม่ใช่ของใคร ของพวกผมเนี่ยแหละครับ จ่ายมันทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละหนึ่งพัน เก็บเพื่อเป็นเงินรุ่น จำได้ว่าตอนเริ่มเก็บใหม่ๆขนหน้าแข้งแทบล่วง


    มาถึงสถานการณ์ปัจจุบันกันดีกว่าครับ ตอนนี้ไอ้ต้นกับไอ้โปเต้แม่งกำลังแย่งคาราโอเกะกันอยู่ พวกแม่งแหกปากร้องกันมาประมาณสามเพลงแล้วครับ ทรมานจิตทรมานใจผมชิบหาย โหยหวนสิ้นดี ไอ้ต้นอ่ะไม่เท่าไหร่เพราะเสียงโคตรเพราะ แต่ไอ้โปเต้นี่กูรับไม่ได้จริงๆว่ะ Orz


    ส่วนผมกำลังหันซ้ายหันขวาหาคชาอยู่ เขาลุกไหนก็ไม่รู้ตั้งนานสองนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมกลับมาซักทีจนผมเริ่มจะนั่งไม่ติดเก้าอี้





     

    “ไอ้เต๋า!” แต่ก่อนที่จะฟุ้งซ่านไปมากกว่านั้น เสียงไอ้แพรวก็เรียกสติผมขึ้นมาเสียก่อน


    “อะไรมึง” ผมตอบกลับไปแล้วรอฟังธุระของมัน


    “บทสัมภาษณ์ของประธานอ่ะ เขาเอามาให้กูแล้วนะเว่ย ขอบใจมาก กะจะมาทวงพอดี”


    “ห้ะ”


    “กูกะจะทำนิตยสารขายวันจันทร์นี้เลย เดี๋ยวมึงคอยดูผลงาน”









     

    มันพูดแล้วเดินจากไป ทิ้งผมให้ยังคงมึนงงไว้ข้างหลัง













    คชาเอาบมสัมภาษณ์ไปให้ไอ้แพรวทั้งๆที่ผมยังไม่ได้อ่านเลยเนี่ยนะ?

     







     

    ทำไมคชาต้องไม่อยากให้ผมอ่านบทสัมภาษณ์?






    ทำไมคชาต้องเอามันไปให้ไอ้แพรวแทนผม?

     









     

    ในหัวตอนนี้มีแค่ความสงสัยและดวงตาที่พยายามกวาดหาร่างบางที่หายไปไหนซะนานสองนานก็ไม่รู้

     











     

    “ไอ้เต๋า!” ผมหันไปตามเสียงเรียกอีกครั้ง ทำไมวันนี้กูฮอตจริงวะ ห้ะ!


    “อะไรมึง” ผมทำหน้าเบื่อ ก่อนจะตอบกลับไปเหมือนเมื่อกี้เป๊ะๆ พลางมองหน้าไอ้เฟรมที่ยื่นกล่องอะไรซักอย่างมาให้ผม


    “เออน่า เอาไปเปิดดู คชาฝากมาให้มึง” เมื่อได้ยิน ผมก็แทบจะกระโดดเข้าไปตะครุบกล่องสีขาวขนาดประมาณเอสี่นั่นแทบไม่ทัน พอกำลังจะเปิดดู ผมกลับคิดว่าผมค่อยไปเปิดที่อื่นดีกว่าว่ะ




    เพราะคนทั้งร้าน (ก็มีแต่โรงเรียนเราที่เหมาไว้) หันมามองกันเป็นตาเดียว พวกมันหันมาจ้องพึ่บพั่บกันมาที่กล่องในมือผมจนผมเริ่มเสียวสันพิกล

     









     

    “เฮ้ย...กูกลับล่ะนะ!

     



     

    พูดจบก็ใส่เกียร์หมาวิ่งออกมาทันทีครับ ได้ยินเสียงโห่ไล่ตามหลังมาแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมผ่อนจังหวะความเร็วจากวิ่งลงให้เหลือแค่เดินไปเรื่อยๆแทน แต่พอเดินไปซักพักก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ารถเมล์มันหมดแล้วนี่หว่า เลยตัดสินใจนั่งเปิดกล่องปริศนามันตรงป้ายรถเมล์นั่นแหละ ตอนแรกกะว่าจะกลับไปเปิดที่คอนโดน่ะครับ

     




     

    ก็มันอยากรู้แล้วนี่หว่า!

     





     

    ผมลงมือเปิดกล่องทันทีอย่างตื่นเต้น ข้างในเป็นสมุดโน้ตสีเขียวใบเตยเล่มเล็กๆ ขนาดครึ่งเอสี่ครับ ผมหยิบมันออกมาแล้วจัดการเปิดออกทันทีแบบไม่ต้องคิด

     



     

    อยู่คนเดียวหรือยัง?

     




     

    หน้าแรกถูกแปะไว้ด้วยกระดาษโพสอิทสีชมพูอ่อน เป็นคำถามที่ทำเอาผมต้องมองซ้ายมองขวาไปรอบกาย พอแน่ใจแล้วว่าอยู่คนเดียว ผมเลยพยักหน้าตอบกระดาษโพสอิทแผ่นนั้นไป เป็นการกระทำที่ปัญญาอ่อนสิ้นดีเลยว่ะ

     




     

    คิดว่ามีแค่เต๋าเหรอ ที่ถ่ายรูปได้?

     




     

    หน้าถัดไปมีแต่รูปของผมเต็มไปหมด ดูๆแล้วน่าจะใช้ไอโฟนถ่ายเพราะรายละเอียดไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ รูปแรกเป็นรูปที่เขาถ่ายผมตอนที่ผมกำลังนอนตักเขาอยู่ ส่วนรูปต่อๆไปผมไม่รู้ตัวเลยสักนิด และที่ยิ่งตกใจก็เพราะรูปสุดท้ายเป็นรูปของผมที่กำลังเล่นเบสอยู่บนเวที มีคำบรรยายใต้ภาพว่า สมาชิกคนสุดท้าย


    อะไรคือสมาชิกคนสุดท้ายวะครับ แต่ผมก็ไม่ได้อะไรมาก พลิกหน้ากระดาษต่อไปเรื่อยๆแทน พอหมดรูปภาพก็เป็นกระดาษโพสอิทพร้อมกับประโยคที่ทำเอาผมใจเต้นไม่หยุด ในหลายๆความหมายน่ะนะ

     




     

    บ๊ายบาย...ช้อคโกแลตเค้ก J

     




     

    ผมมึนไปสามวิกับประโยคในกระดาษ เขาบ๊ายบายผมทำไมวะ เริ่มใจไม่ดีนิดๆ


    เฮ้ย...นี่อย่าบอกนะว่าเขารับไม่ได้อ่ะ จะตัดความสัมพันธ์กับผมเหรอวะ

     




     

    เต๋ารู้อะไรไหม...ความจริงคชาไม่ได้ชอบบัตเตอร์คาราเมลที่สุดนะ

     




     

    ผมสตั้นไปอีกครั้ง กำลังมึนได้ที่ เลยรีบพลิกหน้ากระดาษหน้าต่อไปทันที

     




     

    คชาชอบสตอเบอร์รี่เค้กครีมที่สุด

     


     

    “งั้นก็แสดงว่า คนนี้พิเศษเท่าเค้กเลยอ่ะดิ?”

    “ว่าไง?”

    “ตอนนี้ก็คง...ประมาณสตรอเบอร์รี่เค้กครีมมั้งฮะ? :)

     




     

     

    ช็อกโกแลตเค้กเป็นเค้กที่สั่งทุกครั้งเวลาที่ซื้อ

     


     

    อรุณสวัสดิ์ ช็อกโกแลตเค้ก J


     

     


     

    เท่าที่อ่าน มันก็ผมใช่มั้ย? จะผิดมั้ยถ้าจะหลงคิดเข้าข้างตัวเองดู


    ผมใจเต้นตึกตักๆกับข้อความในโพสอิท เชื่อว่าตอนนี้ผมนั่งหน้าแดงอยู่แน่ๆ ก็เล่นโดนดาเมจโจมตีเข้าใส่ติดๆกันกระจายจนถ้าเป็นในเกมส์ HPผมคงจะเกลี้ยงแล้วแหงๆ

     



             ‘ส่วนบัตเตอร์คาราเมลน่ะ...







     

    “ชอบ...เพราะใครบางคน...”













    ผมสะดุ้งเฮือกกับเสียงหวานๆที่มากระซิบอยู่ข้างๆหู พอหันไปก็เห็นว่าเป็นเขานั่นแหละที่กำลังยืนยิ้มหวานมาให้ผม คชาเอียงคอมองผมก่อนจะทำท่าประมานว่าให้เปิดต่อไปสิ ผมเลยก้มลงมาสนใจสมุดในมือต่อทั้งๆที่หัวใจกำลังเต้นแรง ร่างบางของคนตัวเล็กเอนพิงแนบอยู่กับแผ่นหลังของผมจนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่กำลังกระทบเข้ามาตรงต้นคอ ขอสารภาพด้วยความสัจจริงเลยว่าตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกแล้วครับ


    กูกำลังจะระเบิดตัวเอง!

     






     

    เพราะฉะนั้น...















    เต๋าก็เป็น...สตอเบอร์รี่เค้กครีม มาตั้งแต่แรกแล้ว

     
















     

    “เป็นคนที่คชาชอบที่สุด...มาตั้งแต่แรกแล้ว”

     

     










     

    -----------------------------> END <----------------------------


















    หยุด! อย่าเพิ่งด่าเรานะ!

    *ขอพื้นที่สครีม*
    จบแล้วนะเว่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ><
    ไอ่เชี่ย ฟิคสั้นที่ยาวสัสๆเรื่องแรก จบแล้วโว่ยยยยยยยยยย #ติดสถานะหยาบคายชั่วคราว

    แต่ไม่ต้องห่วง!

    ตอนหน้าจะเป็นตอนพิเศษ #เป็นแค่เอสเอฟแท้ๆแต่เสือกมีตอนพิเศษนะมึง
    มาไม่ช้าไม่เร็ว เพราะมีแค่ไม่กี่หน้า <3
    ระหว่างนี้ก็ไปนั่งจิ้นฉากต่อจากนี้ไปพลางๆก่อนนะจ้ะ 

    ไหนๆก็จบแล้ว เม้นเยอะๆเป็นกำลังใจให้ทีดิ กราบล่ะ -/\-

    ตอนหน้าเราจะลงพร้อมอินโทรเรื่องต่อไปนะ สัญญาว่าจะไม่ยาวเท่าเรื่องนี้แน่ๆ
    สารภาพว่าอยากลงเรื่องต่อไปมาก ชอบ <3

    -สัปดาห์(เขียงงี้ป่ะวะ?)นี้อเมริกาหยุดพฤหัสกับศุกร์เว่ยยย มีแต๊งกิ๊ฟวิ้งกับแบล็คฟายเดย์
    สรุปเราหยุดสี่วันนนนนนนนนนนนนนน #ดีใจน้ำตาไหลพรากๆ




    ป.ล.1 ที่เราถามเรื่องเอ็นซี คือประธานอ่ะไม่มีหรอก เรานึกภาพประธานเอ็นซีไม่ออกจริงๆนะ
    แต่เรื่องหน้าอ่ะมีแน่ มันส์มือ \\><//

    ป.ล.2 ตอนนี้กำลังติดเกมส์ HON!

    ป.ล.3 ใครวางกดวิจารณ์นิยายให้ที -/\-

    ป.ล.4 ขอบคุณทุกคนมากๆนะ <3

























    21/11/2012
    00 : 23 @USA







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×