คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : SF - SWEET CREAM [9]
# PART 9 #
ผมนั่งเขี่ยจานข้าวต่อไปเรื่อยๆอย่างคนกำลังหมดแรง ก่อนจะโดนเสียงเสียงหนึ่งดังเรียกความสนใจผมขึ้นไปเสียก่อน
“เฮ้ยเต๋า! เห็นชามั้ย?”
ผมเงยหน้าละจากจานข้าวที่ตัวเองกำลังเขี่ยเล่นขึ้นไปมองตามเสียงเรียก แต่พอเห็นว่าเป็นใคร อยู่ดีๆมันก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาเสียอย่างงั้น
มันมีสิทธิอะไรมาเรียกคชาว่า ‘ชา’ วะ!
“...” ผมเงียบ ไม่ได้เอ่ยตอบหรือหันไปสนใจเจ้าของเสียงที่กำลังเดินเข้ามาใกล้
“เต๋าเว่ย ชาหายไปไหนเนี่ย?” มันเอ่ยถามผมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงรีบร้อน แต่ผมก็ยังไม่ได้เอ่ยตอบอะไรมันออกไปอยู่ดี ผมทำเพียงพยักหน้าเบาๆให้มันไปแล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำเป็นกินข้าวต่อไป แสดงให้รู้ว่ากูไม่อยากจะสนทนากับใครทั้งสิ้นในตอนนี้ โดยเฉพาะ...มึง!
ความจริงในใจผมกำลังครุกกรุ่นได้ที่ ผมรู้สึกว่าวันนี้ผมชักจะคิดมากและอารมณ์ไม่ดีซักเท่าไหร่นัก ถึงในตอนเช้าผมจะมีความสุขที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าหากขยับขึ้นมาแล้วจะต้องห่างจากเขาแบบนี้ สู้ผมกลับไปนับหนึ่งใหม่มันอาจจะง่ายกว่า
ยอมรับอีกครั้งว่าผมกำลังหงุดหงิด!
“อะไรของมึงเนี่ยเต๋า พยักหน้าแบบนั้นคืออะไร สรุปมึงรู้หรือไม่รู้กันแน่ว่าชาอยู่ไหน”
“ออกไปเมื่อกี้! มึงมีอะไร!” ผมเอ่ยตอบอ้นเสียงห้วน ไอ้รองประธานนักเรียนที่อยู่ๆผมก็เกิดไม่ชอบขี้หน้ามันขึ้นมาอย่างกะทันหัน ยอมรับเลยว่าตอนนี้พาลไปหมดทุกอย่างที่เข้ามาแล้ว ยิ่งกับคนที่เคยมีข่าวว่าจะจีบคชายิ่งแล้วใหญ่!
“มึงขึ้นเสียงทำไมเนี่ย กูจะมาบอกสถานที่ที่นัดกันเฉยๆ!” พอได้ฟังธุระที่มันว่า ผมก็ยิ่งหงุดหงิด สถานที่นัดพบอะไร เขากำลังจะไปไหนกัน!!
“นัดอะไร!” ผมเผลอตะโกนถามออกไปเพราะอารมณ์จนอ้นมันชะงัก เขามองผมแปลกๆเหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง แต่สักพักก็คลี่ยิ้มออกมา
...ยิ้มของคนที่อยู่เหนือกว่า
ซึ่งผมเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ที่สุด!!
“อ้าว นี่มึงไม่รู้หรอกเหรอ?” มันทำหน้าเหมือนแปลกใจเสียเต็มประดา ก่อนจะยกยิ้มกวนตีนแล้วเอ่ยต่อ “กูโทรไปบอกชาเมื่อคืนเรื่องสถานที่ซ้อมวงไง ชาก็บอกแล้วนะว่าจะบอกมึงเองอ่ะ แต่ที่ไม่บอกเนี่ย...เพราะอะไรนะ หึหึหึ”
“............”
“อาจจะเพราะ...ชาไม่อยากให้มึงไปไงเต๋า!”
“ไอ้เหี้ยนี่!!!!”
ผมลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจนเก้าอี้ที่นั่งอยู่ในตอนแรกล้มหงายลงไปกระทบพื้นส่งเสียงดังสนั่นโรงอาหาร คนที่นั่งกินข้าวอยู่หันมามองกันเป็นตาเดียว ถึงคนจะไม่เยอะมากเท่าวันธรรมดาแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจ ในหัวตอนนี้มันมีแต่คำพูดของไอ้อ้นวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด หรือที่เขาพยายามจะห่างจากผมวันนี้ก็เพราะอยากจะตัดความสัมพันธ์กัน แล้วแบบนี้จะมาทำให้ผมมีความหวังตั้งแต่แรกทำไมกันวะ!
ถึงผมจะไม่ได้พูดตรงๆว่ากำลังชอบหรือกำลังจีบเขาอยู่ แต่ผมว่าการกระทำของผมชัดเจนพอที่คชาจะรู้ว่าผมกำลังคิดยังไงกับเขา เพราะคชาไม่ใช่คนโง่ และผมก็ชัดเจนพอ!
ผมเดินตรงเข้าไปหาไอ้อ้นที่กำลังยืนทำหน้ายียวนกวนประสาทอยู่แล้วจัดการกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาก่อนจะตะโกนเสียงดังใส่หน้ามัน
“ถ้ามึงคิดจะจีบคชา ข้ามศพกูไปก่อน!!!!”
“มึงเป็นพ่อคชาเหรอ! เรื่องอะไรกูจะต้องมายุ่งกับมึง ถ้ากูคิดจะจีบล่ะก็กูไม่รอเหี้ยอะไรหรอก กูรุกไปแล้วไม่สนน้ำหน้าอย่างมึงหรอกไอ้เต๋า!!”
คำพูดที่สวนกลับมาของอ้นทำเอาผมยิ่งเลือดขึ้นหน้าเพราะความโกรธมากกว่าเดิม มันกล้าดียังไงจะจีบคชาโดยไม่เห็นหัวผม!
“มึงอย่าให้มันมากนักนะไอ้เต๋า แค่คชาให้ความสำคัญกับมึงมันก็มากเกินพอแล้ว นี่มึงยังจะมีหน้ามาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอีกทั้งๆที่ตัวมึงเองยังไม่ชัดเจนเนี่ยนะ!”
“กูเหรอที่ไม่ชัดเจน!”
“แล้วอะไรที่มันบอกว่ามึงชัดเจนล่ะวะ! ก็จริงที่มันอาจจะชัดสำหรับตัวมึงเองเพราะมึงมันรู้อยู่แก่ใจว่าตัวมึงเองน่ะคิดยังไง แต่สำหรับใครอีกคนที่ไม่รู้และไม่เคยมีความรักมาก่อนน่ะ มันไม่มีทางเข้าใจการกระทำของมึงได้ทั้งหมดหรอกโว้ย!!!”
ผมชะงักกึกกับคำพูดของอ้นก่อนจะลองนึกย้อนกลับไปคิดถึงสิ่งที่ผมทำมาตลอดเกือบสามอาทิตย์ สิ่งที่ผมคิดว่าชัดเจนมันอาจจะเลือนรางเป็นเหมือนอากาศสำหรับใครอีกคน เพราะผมไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้เขาหรือแม้แต่พูดอะไรที่ยืนยันความรู้สึกก็ไม่เคย มีเพียงแค่ข้อความและที่ห้อยโทรศัพท์เท่านั้นที่ผมให้เขา แต่แค่นั้นมันก็คงจะใช้ยืนยันความรู้สึกอะไรไม่ได้หรอกหากเทียบกับสิ่งที่คชาแสดงออกมาให้ผมเห็นว่าผมแตกต่างจากคนอื่นมากแค่ไหน ทั้งความเปลี่ยนแปลงและคำพูดต่างๆที่ทำให้ผมเริ่มมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ
และนั่นมันก็แสดงให้เห็นว่าเขาชัดเจนกับผมมากแค่ไหน ถ้าหากผมจะคิดอะไรให้มันมากกว่านี้อีกซักนิด มันก็คงจะไม่ต้องลงเอยแบบนี้ คชาคงจะไม่คิดที่จะถอยห่างจากผมไปแบบนี้...
ใช่มั้ยครับ?
“ทะเลาะอะไรกัน”
เสียงเย็นๆที่ดังขึ้นเรียกเอาความสนใจของผมไปได้ทันที ผมละมือออกจากคอเสื้อไอ้อ้นก่อนจะหันกลับไปหาคนตัวเล็กที่มายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คชายืนถือแก้วน้ำสตอเบอร์รี่พลางมองมาที่ผมกับไอ้อ้นด้วยสายตาว่างเปล่า ผมใจหายวูบทันทีที่เห็นสายตาแบบนั้นของเขา สายตาที่มองมาเหมือนคนไม่รู้จักกัน...
“คชา...”
“ชา เราจะมาบอกเรื่องเปลี่ยนห้องซ้อม”
“อืม รู้จากเฟรมแล้วล่ะ ขอบใจ”
คชาหันไปคุยกับอ้นโดยทำเหมือนผมเป็นเพียงอากาศที่ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้กับพวกเขา อ้นหันมามองผมด้วยแววตาท้าทายก่อนจะยกยิ้มมุมปากแบบเหนือกว่ามาให้ แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับคำพูดของมันที่ทำเอาผมโกรธจนไม่ทันได้คิด
“มึงกล้าที่จะชัดเจนมั้ยล่ะ กล้ามั้ยล่ะไอ้เต๋า”
ผมตบโต๊ะด้วยความโมโหเสียงดังลั่นจนคนทั้งโรงอาหารหันมามองอีกครั้งก่อนที่จะพูดในสิ่งที่ไม่เคยนึกจะบอกให้ใครรู้นอกจากหัวใจของตัวผมเองมาก่อน
“กูชอบคชา! ชัดมั้ยมึง กูชอบคชา!!”
-----------------------------> TAOKACHA <---------------------------
ตอนนี้ผมมานั่งเฝ้าคชาที่กำลังกับกำน้องวงโยอยู่แถวๆสแตนเชียร์ มีเด็กหลายคนอยู่ที่ยังเล่นไม่ได้ แต่เจ้าตัวเขาบอกว่าอย่างน้อยก็ให้แบกเครื่องดนตรีแล้วลองเดินๆไปก่อนเพื่อนฝึกให้ร่างกายเกิดความเคยชินกับน้ำหนักของเครื่องดนตรีซักนิดก็ยังดี
แดดตอนบ่ายสองไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นเลยซักนิด คนตัวเล็กที่ยืนหน้าแดงเหงื่อไหลท่วมตัวอยู่ทำเอาผมอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“น้ำมั้ยครับพี่คชา?”
ผมที่กำลังจะเดินเอาน้ำไปให้เขาชะงักทันทีที่โดนตัดหน้าจากรุ่นน้องคนหนึ่ง ในมือของน้องมันมีแก้วน้ำแป็ปซี่ที่ดูแล้วน่าจะกำลังเย็นสดชื่นยื่นไปให้คชา แต่เด็กมันคงจะไม่รู้อะไรซะแล้ว...
“ขอบคุณนะครับแต่พี่ไม่ดื่มน้ำอัดลม”
คชาหันไปมองก่อนจะตอบน้องกลับไปด้วยรอยยิ้มนิดๆ แต่การกระทำแค่นั้นก็ทำเอาเด็กมันหน้าแดงเสียจนน่ากลัวว่าจะเป็นลมแดด
และแน่นอนว่ารอยยิ้มนั่นไม่ได้มีผลแค่กับน้องมันเท่านั้น...
เพราะผมกำลังโคตรหวง!
และเพราอย่างนั้นผมก็เลยเดินเข้าไปคว้าไหล่บอบบางมากอดไว้แน่นก่อนจะใช้เสื้อนักเรียนของตัวเองเช็ดเหงื่อให้เขาอย่างเบามือ คชาชะงักไปเล็กน้อยในตอนแรกแต่สุดท้ายก็เป็นฝ่ายเอาหน้าถูไถไปกับเสื้อของผมด้วยตัวเอง
ใจผมเต้นแรงเสียจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมาเมื่อคชาทำเหมือนแมวอ้อน หันกลับไปมองก็เห็นไอ้น้องคนเมื่อกี้มันกำลังอ้าปากกว้างจนแมลงวันอาจจะบินเข้าไปได้ ในขณะที่คนอื่นๆในวงโยหันมามองกันเป็นตาเดียว
และผม...ไม่จำเป็นต้องสนใจ
“น้ำมั้ยครับ?”
“อื้อ...ขอบคุณฮะ”
เขาพยักหน้าก่อนจะยื่นมือออกมารับน้ำเปล่าเย็นๆจากผมไป หลังจากนั้นก็ผละออกจากอ้อมกอดของผมแล้วหันไปสั่งงานน้องต่อ และผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะนั่งเฝ้าเขามันตรงนี้แหละ ไม่ไปไหนแล้วครับ ปล่อยให้ห่างสายตาไม่ได้เลยซักนิด มียุงเหลือบไรไต่เข้ามาหาตลอด!
เคยบอกแล้วนี่ครับว่าผมมันเป็นพวกขี้หึงขั้นรุนแรง...
ยิ่งกับคนนี้ผมยิ่งหึงมากเข้าไปใหญ่!
ส่วนเหตุการณ์ต่อจากที่ผม...เอ่อ...สารภาพอะไรบางอย่างออกไปต่อหน้าคชาและคนทั้งโรงอาหารเรียบร้อยแล้วมันก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ เพราะหลังจบคำพูดของผม คชาก็เดินฉับๆมาคว้าแขนผมไปแล้วลากออกมาจากตรงนั้นทันที ต่อจากนั้นผมก็มาโผล่ที่สแตนเชียร์พร้อมคชาและมานั่งคอยส่งสายตาโหดๆใส่คนที่มันบังอาจมาแอบมองคชาอยู่แบบนี้นี่แหละครับ
กูดูว่างเนอะ....
บรรยากาศการซ้อมเป็นไปอย่างไม่ค่อยราบลื่นเท่าไหร่นะเท่าที่ผมเห็น คงจะเพราะน้องบางคนที่ยังเล่นไม่ได้ทำให้พอลองเอามารวมเพลงกันดูแล้วมันถึงได้เละเทะไม่เป็นรูปไม่เป็นร่างขนาดนี้ ผมเห็นคชากำลังส่ายหัวอย่างปลงๆแล้วก็ได้แต่แอบขำออกมานิดๆ ตอนนี้หัวเขายุ่งไปหมดเพราะโดนขยี้ในเวลาที่อะไรๆมันไม่ได้ดั่งใจ แต่ผมว่าน้องแต่ละคนมันตั้งใจกันเต็มที่มากๆเลยนะครับ ยิ่งไอ้เลขาหมายเลขสองอย่างเต้ยิ่งตั้งใจและใส่ใจลงไปเต็มที่ คงเพราะมันเป็นถึงหัวหน้าชมรมและคงจะอยากให้งานนี้ออกมาดีที่สุดนั่นแหละครับ
ส่วนตัวผมก็ไม่ได้นั่งว่างๆอย่างที่คุณคิดนะครับเฮ้ย กล้องลูกรักถูกงัดออกมาใช้อีกครั้งก่อนจะกดถ่ายไปเรื่อยๆ แสงเดย์ไลท์แบบนี้เป็นอะไรที่ตากล้องอย่างผมโคตรจะฟินเลยครับ และคาดว่าภาพเกือบ 60% ที่ถ่ายมาจะต้องเป็นภาพของคชาแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนอากาศที่เคยร้อนค่อยๆเย็นลง ผมที่นั่งว่างดูคชาซ้อมวงไปเรื่อยๆก็จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ แต่ผมว่าผมเห็นพัฒนาการของวงมากทีเดียว ตอนนี้เด็กทั้งหมดเล่นเพลงแรกได้แล้วเรียบร้อย ส่วนการเดินแถวดูเหมือนจะยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก แต่ถึงยังไงเราก็มีเวลาอีกตั้ง 4 วันก่อนที่งานกีฬาจะเริ่ม ซึ่งวันพรุ่งนี้จะเป็นหน้าที่ของโปเต้ที่เข้ามาคุมวงในวันเสาร์และอาทิตย์ ส่วนพวกผมก็จะไปซ้อมวงกันที่ห้องซ้อมแถวๆหมอชิตครับ
“วันนี้พอแค่นี้นะ ขอบคุณทุกคนมากครับ”
เสียงคชาที่ดังขึ้นมาเรียกสติของผมอีกครั้ง ผมมองตามเขาไปก็เห็นรุ่นน้องหลายคนกำลังเตรียมเก็บอุปกรณ์และสัมภาระของตัวเอง แต่ละคนสภาพเปื่อยกันน่าดู ก็ซ้อมตั้งแต่บ่ายยันหกโมงเย็นนี่ครับ จะให้ยังแข็งแรงก็คงจะยากอยู่ แต่ดูแล้วน้องมันก็ภูมิใจกับผลการฝึกซ้อมของวันนี้กันนะครับ เพราะถึงจะเหงื่อโชกกันทุกคนแต่บนใบหน้าก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มล่ะนะ
น้องหลายคนเดินเข้ามาไหว้ขอบคุณคชาแล้วก็แบกเครื่องดนตรีกลับไปเก็บที่ห้อง ส่วนเจ้าตัวที่ดูจะเหนื่อยไม่แพ้เด็กในวงเลยซักนิดก็เดินลากขากับสภาพเปื่อยๆเข้ามาหาผมที่นั่งรออยู่
“เต๋า เหนื่อยมั้ย?”
“หือ ถามตัวเองเถอะคชา”
ผมยิ้มขำใส่เขา เพราะคำถามนั้นน่ะผมควรจะถามคชามากกว่าที่เขาจะมาถามผม หัวกลมๆส่ายไปมาเหมือนจะบอกว่าไม่เหนื่อยทั้งๆที่ดูก็รู้ว่าหมดแรงไปขนาดไหน แต่พอเห็นแบบนั้นแล้วผมก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้ เลยลูบหัวเขาไปที
คชายอมอยู่เฉยๆให้ผมเล่นหัวไปเรื่อยๆก่อนที่จะเดินไปเก็บของจำพวกโน๊ตเพลงและเอกสารต่างๆใส่แฟ้มแล้วยัดมันลงกระเป๋าพลางเดินกลับเข้ามาหาผมอีกครั้ง และแน่นอนว่าผมแย่งกระเป๋าเขามาถือให้เองเรียบร้อยแล้ว
“หิวรึยังครับ แวะกินข้าวกันดีกว่านะ” ผมเอ่ยถามระหว่างทางที่เราทั้งสองคนกำลังจะเดินออกจากประตูของโรงเรียน คชาพยักหน้ารับนิดๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นส่ายหน้าเสียจนผมใจแป้ว
เฮ้ย อะไรอ่ะ?
“ไม่อยากกินข้าว อยากกินผัดไท” คชาเงยหน้าขึ้นมาตอบทำเอาผมเผลอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะเก็ทเมื่อเขาแลบลิ้นใส่แล้วหัวเราะผม
อ้าว นี่แกล้งกันเล่นหรอกเรอะ!
“คชา! มานี่เลย!” ผมตะโกนเมื่อเขาออกวิ่งไปตามทาง ให้ตายสิ คุณรู้มั้ยว่าเมื่อกี้ผมตกใจแทบตายขนาดไหนน่ะ นึกว่าเขาจะรังเกียจสิ่งที่ผมดันเผลอสารภาพออกไปกลางโรงอาหารจนไม่อยากไปไหนมาไหนกับผมแล้วซะอีก
เราวิ่งไล่กันมาเรื่อยๆจนถึงร้านผัดไทเจ้าเดิมที่เคยมากินกัน ก่อนที่ผมจะจัดการดึงแก้มเขาไปแรงๆให้หายหมั่นไส้ซักที คชาร้องดังลั่นแล้วยู่หน้าใส่ผมก่อนจะนั่งบ่นผมหงุงหงิงจนผมอดไม่ไหว ยื่นมือไปขยี้หัวเขา...อีกครั้ง
คนที่บ่นจนเป็นหมีกินผึ้งเมื่อกี้เลยได้แต่นั่งเคลิ้มไปอีกรอบ ผมรู้จุดอ่อนของคชาเรียบร้อยแล้วครับ ถ้าอยากให้ยอมต้องลูบหัว หึหึหึ
ผมเลิกแกล้งเขาแล้วหันไปสั่งผัดไทมาสี่จาน ไม่ใช่อะไร ตอนเที่ยงผมกับคชายังกินข้าวไม่หมดจานเลยด้วยซ้ำถ้าคุณยังจำได้อยู่น่ะนะ ตอนนี้มันเลยหิวมาก ยิ่งมานั่งอยู่ท่ามกลางกลิ่นหอมๆอย่างนี้ด้วยแล้วยิ่งหิวเข้าไปกันใหญ่ และถ้าผมไม่ได้หูฝาดล่ะก็...เมื่อกี้คชาท้องร้องครับ
“วันนี้เป็นไงบ้าง?” ระหว่างรอผัดไทเลยชวนเขาคุยแก้หิวไปเรื่อยๆครับ
“คืบหน้ามากกว่าที่คิดฮะ ถ้าเป็นแบบนี้น่าจะทันซ้อมใหญ่วันอังคารนะ”
คชาพูดถึงวันซ้อมใหญ่ขึ้นมาทำให้ผมจำได้ว่านี่มันใกล้จะวันกีฬาแล้วนี่หว่า ถ้านับกันจริงๆนี่เหลือไม่กี่วันเองอ่ะครับ ลืมไปซะสนิทเลย ให้ตายสิ
ที่หลงๆลืมๆนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ตารางชีวิตของผมแม่งยุ่งเหยิงมากช่วงนี้ วันพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์และผมมีซ้อมวงดนตรีกับคชาและคนอื่นๆ ส่วนวันอาทิตย์คชาต้องเข้าโรงเรียนไปประชุมตอนเช้าซึ่งแน่นอนว่าผมต้องติดสอยห้อยตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย และตอนบ่ายก็จะยกโขยงกันไปซ้อมดนตรีต่อ ส่วนวันจันทร์คชาต้องไปประชุมกับโรงเรียนอื่นๆในเครือข่ายเพื่อจัดการตารางเวลาและเรื่องที่พักอะไรให้เรียบร้อยสำหรับบางโรงเรียนที่มาจากต่างจังหวัด และวันอังคารมีซ้อมใหญ่ตอนบ่ายของพิธีเปิด, พิธีปิด, พาเหรด, เชียร์, เชียร์ลีดเดอร์และวงโยครับ
และแน่นอนว่าวันพุธ พฤหัส และวันศุกร์เป็นวันกีฬาประจำปีที่ปีนี้โรงเรียนผมเป็นเจ้าภาพ สามวันรวดครับสำหรับกิจกรรมสนุกๆแบบนี้
ดูวุ่นวายแต่ผมว่าก็สนุกดีนะ จำได้ว่าตอนผมอยู่ม.หนึ่งใหม่ๆแล้วโดนบังคับให้ขึ้นเชียร์นี่ผมเกลียดมากๆเลยเหอะ รู้สึกจะแอบด่าพี่Staff ไปหลายรอบทีเดียว แทบจะไปเผาบ้านครับถ้าทำได้ แต่พอมาอยู่ม.ห้าแล้วเนี่ยมุมมองมันเปลี่ยนไปเยอะจริงๆครับ ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะอยากได้ถ้วยรางวัลมาครอง และทำให้น้องๆมันกล้าเรียกสิ่งที่ได้มาอย่างเต็มปากเต็มคำว่าความภูมิใจ
ตอนที่อยู่ม.สาม ม.สี่ ผมก็บ่นเหมือนกันเพราะโดนใช้งานจากรุ่นพี่ม.ห้า ยังเคยแอบคิดและนินทากับเพื่อนอยู่เลยว่าม.ห้าแม่งบ้าอำนาจ แต่ตอนนี้เข้าใจทุกอย่างแล้วครับ เพราะคนที่นั่งเล่นช้อนอยู่ตรงหน้าผมเนี่ยแหละที่ทุ่มเทร่างกายและใส่หัวใจลงไปในทุกงานและทุกคำพูด ผมว่าคชาเก่งมากนะ เพราะการจะเป็นผู้นำได้นี่มันไม่ง่ายเลยสักนิด แต่คชาก็ทำมันออกมาได้ดีทีเดียว
โรงเรียนผมมันจะมีระบบแปลกๆตรงที่ม.ห้าเป็นสภานักเรียน ส่วนม.หกจะละเลิกลดทุกสิ่งทุกอย่างแล้วไปอ่านหนังสือเตรียมเอนท์อย่างเดียวครับ แต่ก็ได้พวกพี่เขาเข้ามาช่วยให้คำแนะนำได้เหมือนกัน พี่บางคนก็ลงเล่นกีฬาแก้เบื่อ บางคนก็มาเดินพาเหรดให้เพราะอยากแต่งสวยแต่งหล่อ แต่ไม่มีใครเป็นเฮดหลักหรอกครับ งานนี้เป็นหน้าที่ของม.ห้าทั้งหมดน่ะ
“แล้วสรุปว่าวันกีฬาจะทำอะไรบ้างล่ะ คชาน่ะ” ผมดึงมือเขาที่กำลังเอาช้อนกับส้อมมาฟาดๆกันเหมือนเด็กๆมาจับพลิกไปพลิกมาเล่น แล้วก็ได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นแก้มทั้งสองข้างของคชาค่อยๆเรื่อไปด้วยสีชมพูอย่างน่ารัก
“สองวันแรกยังไม่มีแพลนฮะ ส่วนวันสุดท้ายคงเตรียมความพร้อมกับคุมมอนิเตอร์ให้พวกวงโยกับพาเหรดล่ะมั้ง เต๋าล่ะ?” คชาเอ่ยตอบแล้วเอามืออีกข้างที่ว่างอยู่ยกแก้วน้ำชาดำเย็นขึ้นดื่มแก้เขิน ส่วนอีกมือก็ถูกผมจับเล่นอยู่นี่ไง
“คงจะเดินถ่ายรูปกับคิดคอลัมน์ข่าวไปเรื่อยๆครับ นี่ต้องทำรีวิวไปลงเว็บโรงเรียนด้วย อู้ได้ซะที่ไหนล่ะปีนี้” ผมตอบติดตลกก่อนจะปล่อยมือเล็กออกเมื่อผัดไทมาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า กลิ่นหอมของเส้นผัดไทและกุ้งตัวโตๆมันเรียกน้ำลายผมได้เยี่ยมทีเดียว
“แสดงว่าปีก่อนๆอู้มาตลอดเหรอเต๋า” เสียงเข้มๆกับมือที่ถือตะเกียบแล้วเอามันชี้มาที่ผม เจ้าตัวทำหน้าที่ตัวเองคิด (เอาเอง) ว่าโหดเล่นเอาผมถึงกับหลุดขำ ก่อนจะยกมือยอมแพ้แล้วยอมแบ่งกุ้งให้เขาแทน
คชายิ้มกว้างเสียจนผมใจเต้น เขาลงมือกินผัดไทอย่างเอร็ดอร่อย เห็นอย่างนั้นผมก็ยิ้มตามเขาแล้วลงมือโซ้ยผัดไทด้วยอีกคน
เมื่อกินอิ่มเราก็เดินทอดน่องย่อยอาหารกันมาเรื่อยๆครับ สองข้างทางมีร้านค้าโน่นนี่อยู่เยอะทีเดียว ถึงจะไม่ใช่ตลาดแต่ความครึกครื้นนี่พอๆกันเลยครับ
เมื่อกี้ผมหน้าด้านขอคชาไปนอนค้างที่คอนโดอีกซักคืน แต่เจ้าตัวเขาดันไม่ให้ครับ ใจเสียไปตามๆกัน เหมือนโดนพิษแล้วกำลังจะขาดใจตายอ่ะครับ แล้วก็แทบฟื้นสภาพตัวเองแทบไม่ทันเมื่อเจ้าตัวเขาบอกว่าค่อยมาวันอาทิตย์แทน คืนนี้ให้ผมกลับไปเตรียมชุดนู่นนี่มาให้เรียบร้อยก่อน เกือบจะหลุดตะโกนด้วยความดีใจแล้วครับถ้าไม่ติดว่าเกรงใจคนที่เดินไปเดินมาอยู่ล่ะก็นะ
“พรุ่งนี้เต๋ามาหาคชาที่หน้าคอนโดตอนแปดโมงนะครับ”
ผมบอกเมื่อเราเดินกันมาถึงสถานีรถไฟลอยฟ้าบีทีเอส (จะเรียกเต็มยศไปเพื่ออะไร-_-) คนมันก็ยังเยอะแยะเหมือนเดิมอ่ะครับ ตอนนี้ทุ่มครึ่งแล้ว รีบกลับก่อนที่มันจะดึกกว่านี้ดีกว่านะผมว่า สำหรับคชาน่ะนะ - -
“เขาซ้อมกันสิบโมงนะเต๋า รีบมาทำไม?”
“คิดถึง”
“อ...คชาไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้!”
พูดจบก็รีบวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนไปอย่างรวดเร็วจนผมเกือบมองตามไม่ทัน ท่าทางเมื่อกี้ทำเอาผมอดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ คชาเบิกตากว้างมองผมก่อนจะค่อยๆหน้าแดง ซึ่งไอ้ปฏิกิริยาแบบนั้นน่ะมัน...น่ารักชะมัด!
น่ารักมากๆ!
ผมล้วงโทรศัพท์ออกมากดส่งข้อความหาเขาเหมือนเคยแล้วเดินกลับคอนโด อย่างที่เคยบอกเอาไว้ว่ามันอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ ประหยัดเวลาไปได้เยอะเหมือนกันครับ
แต่ก่อนที่จะได้กลับถึงที่นอนอันแสนสบาย ผมคงมีปัญหาอันยิ่งใหญ่เข้าซะแล้ว ในเมื่อ...
“เต๋า”
“ไอ้เต๋า!”
“ไอ้เหี้ยเต๋า!”
“เหี้ยพ่อมึงสิ!”
ผมหันกลับไปตวาดไอ้เสียงตะโกนปริศนานั่นทันที ตอนแรกก็มาแค่ชื่อกูอยู่หรอก แต่หลังจากนั้นคำนำหน้าแม่งมาจากไหนเยอะแยะวะ!
“พ่อกูไม่ได้เหี้ย แต่มึงนั่นแหละกำลังจะเหี้ย!”
ไอ้เสียงนั่นตอบกลับมาอีกครั้งจนผมต้องหันไปมองมันให้ชัดๆ จากที่ตอนแรกทำแค่มองผ่านๆ ใครแม่งจะอะไรนักหนากับกูเนี่ยห้ะ ขอให้กูได้มีวันที่สงบสุขซักวันไม่ได้เลยหรือไงวะ!
“ไอ้ต้น...?”
“เออกูเอง มานี่มึงมานี่ เร็วๆ”
ผมยังคงยืนอยู่ที่เดิมพลางมองมันที่แอบอยู่หลังเสาไฟฟ้า (มิดตายห่า) มันหันซ้ายหันขวาแล้วควักมือเรียกผมอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เรื่องอะไรกูจะเดินไปหามึงล่ะ ดูจากสภาพแล้วแม่งต้องหาเรื่องเดือดร้อนอะไรซักอย่างมาให้ผมแน่ๆ และถ้าผมมองไม่ผิด ผมเห็นไอ้แพรว น้องหลินกับพี่แอ้นแอบอยู่หลังเสาไฟฟ้าต้นอื่นๆต่อจากมันด้วย
ไอ้เหี้ยพวกนี้แม่งมาทำอะไรกันวะ!
นี่กูกลัวนะเนี่ยเฮ้ย
พวกมึงจะลักพาตัวกูไปปล่อยในคฤหาสน์แล้วสั่งให้กูฆ่ากันเองภายใน 48 ชั่วโมงใช่มั้ย!
...ตลกใหญ่ล่ะกู - -
“มึงมีอะไรมึงก็พูดมาตรงนี้แหละไอ้ต้น กูจะรีบกลับไปนอน”
“ไอ้เต๋า! ไว้นอนทีหลัง แต่ก่อนอื่นมึงมานี่เร็วๆเลย นี่มันเรื่องใหญ่ระดับชาติเลยนะเว่ย!”
“เอาช้างมาฉุดกูก็ไม่ไปหรอก!”
“แล้วถ้าเอาคชามาฉุดอ่ะ?”
“ไม่มีทาง!”
-----------------------------> TAOKACHA <----------------------------
และแล้วตอนนี้ผมก็มาหยุดอยู่ที่ร้านเค้กเจ้าประจำของผมกับคชาครับ เสียแต่ครั้งนี้ผมดันไม่ได้มากับคชาเหมือนปกติ แต่เป็นกับไอ้พวกนี้...แทน
และมันก็ไม่ได้มีแค่ไอ้สี่ตัวที่ชมรมผมหรอกนะครับ ยังเพิ่มไอ้พวกสภานักเรียนมาด้วย...
เอาล่ะ ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆ เหมือนตัวเองกำลังจะเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ และต้องฆ่ากันให้ตายภายในเวลา 48 ชั่วโมงอย่างไงอย่างงั้น
แต่เป็นผม...ที่ไล่ฆ่าพวกมันฝ่ายเดียวน่ะนะ!
“เมื่อกี้พวกมึง...ว่าอะไรนะ...”
“พวกกูบอกว่า ไอ้อ้นมันไปนอนค้างคอนโดคชา!”
“โกหก!!”
“จริงๆเว่ย! เดี๋ยวกูให้แพรวาโทรไปหามัน แล้วมึงรอฟังเลย!”
ผมแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้เมื่ออยู่ดีๆพวกมันก็มาบอกข่าวร้ายที่โคตรอันตรายต่อความสัมพันธ์ของผมกับคชาแบบนี้ ตอนนี้ตรงหน้าผมมีสมาชิกชมรมนักข่าวทุกคนที่กำลังจ้องมาทางผม และบวกสภานักเรียนอีกสองคน จะหายไปก็ไอ้อ้นกับไอ้เฟรมนี่แหละ
ไอ้เฟรมน่ะช่างหัวมันเถอะเพราะมีแพรวาอยู่เป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่ไอ้คนที่แพรวากำลังกดโทรศัพท์หาเนี่ยแม่งไว้ใจไม่ได้ซักนิด!
“ติดแล้วๆ เฮ้ยยยย จะให้หนูเริ่มต้นประโยคว่าไงดีอ่ะพี่!”
“แพรเปิดลำโพง เปิดลำโพงเลย”
“พวกมึงเงียบๆหน่อย เดี๋ยวแม่งรู้หมด!”
“รับแล้วๆ ชู่วววววววววว!”
ผมนั่งมองพวกมันวุ่นวายกับโทรศัพท์อย่างเอือมจนไม่รู้จะทำยังไง นี่พวกมึงผ่านชีวิตเรื่องราวในสมัยมัธยมต้นมาได้ยังไงวะ ถ้าระดับสมองจะปัญญาอ่อนเหมือนเด็กประถมขนาดนี้ จากตอนแรกที่โคตรจะอยากรู้ก็กลายเป็นเซ็งกับพวกแม่งแทนนี่ล่ะครับ
‘มีไรยัยแพร”
เสียงทุ้มๆของปลายสายที่เอ่ยขึ้นมาเรียกเอาไอ้พวกนั้นหยุดทำร้ายโทรศัพท์แล้วยอมวางมันลงบนโต๊ะดีๆซักที พวกเราเงียบแล้วก้มหน้าจ้องโทรศัพท์เพื่อรอฟังบทสนทนา แต่ผ่านไปแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนผมต้องเงยหน้าขึ้นไปหาเจ้าของโทรศัพท์
แพรวาหันซ้ายหันขวาทำหน้าตาเหลอหลา ยกมือชี้ตัวเองประมาณว่านี่กูต้องพูดเรอะ เลยโดนไอ้ต้นแยกเขี้ยวใส่ไปที
“เอ่อ พี่อ้นๆ ตอนนี้พี่อ้นอยู่ไหน”
‘ทำไมอ่ะ มีไรวะ’
“เปล่าๆ คืออออ... อ้อ! พี่คชาบอกให้แพรโทรหาพี่อ้นอ่ะ”
‘งั้นก็ไม่ต้องล่ะ พี่อยู่ห้องคชาเนี่ย’
“เฮ้ยพี่ ไปทำอะไรอ่ะ”
‘หือ...ก็มา ...อ้น มาช่วยคชาหน่อย! เออๆ! คชาเรียกพี่ล่ะ เดี๋ยวค่อยคุยนะ บาย’
มันวางไป พร้อมกับตัวผม ที่พุ่งออกจากร้านเค้กแล้วตรงไปที่สถานีรถไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว
ถึงว่าทำไมไม่ยอมตอบข้อความผมซักที ที่แท้ไอ้อ้นก็ไปก่อกวนถึงคอนโดนี่เอง!
อย่าหวังว่ามึงจะได้นอนค้างเลยไอ้รองประธาน..
เพราะคนนี้อ่ะ
ของกู!!!!
-----------------------------> TAOKACHA <----------------------------
หึหึหึหึหึหึหึหึหึ #อะไรของมึง
วันนี้วันที่ 21 วันเกิดเราาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา *จุดพลุ*
เอาล่ะ ไม่สามารถตัดจบได้ภายใน 10 ตอนจริงๆนะฮะ
คงจะซัก 11 ไม่ก็ 12 ตอนนะ
#นี่คือคำถาม สวีทครีมคือเรื่องสั้นใช่หรือไม่ -_______________________-)?
ตอนนี้ก็ยังคงติดอนิเมเหมือนเดิมนะครับนะ ห่างหายไปประมาณ 4 เดือนแล้วก็กลับมาหมกมุ่นใหม่
ตอนแรกว่าจะดูแค่เรื่องเดียว แต่มันผุดมาเรื่อยๆเป็นดอกเห็ดเลยว่ะครับorz
เอาเป็นว่า ตอนหน้ารอต้นเดือนนะจ้ะ จะพยายามปั่นให้ทัน ซ้าธุ!
ป.ล. ทำไมข้าเห็นแต่เม้นสวีทครีมกันฟะ เรื่องอื่นไม่อ่านกันเรอะ เราชอบมายเรนนี่สกายกว่าสวีทครีมอีกนะเว่ยOrz
ป.ล.2 แปะทวิตๆ @tuna_cup
21/01/2012
22:00 @USA
ความคิดเห็น