ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Ghost เฮี้ยนนักรักให้เข็ด [อ้นตั้ม]

    ลำดับตอนที่ #1 : ย้ายมาอยู่กับผี

    • อัปเดตล่าสุด 30 ส.ค. 56




               หลังเสร็จงานศพของคุณตามาสองอาทิตย์แล้ววันนี้ก็เป็นวันเปิดพินัยกรรมลูกๆหลานๆต่างมาพร้อมเพียงซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีผมและน้องสาวที่อยู่ด้วย 
    "เอาละครับเมื่อทุกคนมากันครบแล้วผมขอเปิดพินัยกรรมเลยก็แล้วกันเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา" ทุกคนในครอบครัวพากันตั้งใจฟังกับพินัยกรรมของคุณตา
    "ข้านาย............ขอมอบบ้านและทรัพทย์สินให้ลูกทั้งสองของข้าพเจ้าคนละส่วนโดยทรัพย์สินทั้งหมดจะแบ่งเป็นสามส่วนนั้นก็หมายความว่าอีกหนึ่งส่วนข้าพเจ้าขอยกให้กับหลานชายของข้าพเจ้านั้นก็คือนายวราวุธเพื่อให้ได้ใช้ในการประกอบอาชีพแต่มีข้อแม้ว่าจะต้องทำให้มีกำไรมากที่สุดดังนั้นร้านอาหารของข้าพเจ้าที่อยู่ในกรุงเทพขอให้นายวราวุธหลานชายของข้าพเจ้าเป็นผู้จัดการดูแลทั้งหมด...." เมื่อทนายความอ่านการแบ่งสมบัติทั้งหมดเสร็จแล้วทุกคนต่างก็พากันแยกย้ายไปดำเนินการต่างๆตามที่ได้รับ 
    "แม่ตั้มต้องย้ายไปกรุงเทพจริงๆหรอ"
    "ใช่แกก็ฟังแล้วนี่ว่าตาแกยกร้านอาหารนั้นให้แกดูแล"
    "แต่แม่ครอบผมไม่ถนัด.." 
    "เรียนรู้และทำมันให้ได้ซ่ะดึกแล้วขึ้นไปนอนไปพรุ่งนี้ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพแต่เช้า" 
    "ครับบบบ...." พูดจบผมก็ขึ้นมาบนห้องนอนของตนเองแล้วเก็บข้าวของเครื่องใช้จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางก่อนจะขึ้นเตียงนอนหลับไป 
              เสียงนกร้องสลับกับเสียงไก่แจ้ที่เลี้ยงไว้หลังบ้านขันเป็นนาฬิกาปลุกตามมแบบวิถีชาวบ้านในต่างจังหวัดผมค่อยๆบิดกายไปมาก่อนจะกระพริบตาเพื่อปรับให้เข้ากับแสงในยาม้ช้าที่รอดผ่านซีกหน้าต่างแบบบ้านเรือนไทยผมมองนาฬิกาที่ผนังเป็นเวลาหกโมงเช้าผมลงจากห้องนอนไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะเดินเข้าครัวไปหาผู้เป็นแม่ที่กำลังทำกับข้าวอยู่
    "เช้านี้ทำไรครับแม่"
    "ข้าวต้มปลากระพงจ้า"
    "หอมจังเลยครับ...เสร็จยังครับแม่หิวแล้ว"
    "เสร็จแล้วๆเดี๋ยวแม่โรยตนหอมผักชีก่อนไปนั่งที่โต๊ะไปแล้วพ่อล่ะไปไหน?"
    "พอออกไปสวนแต่เช้าแล้วมั่งครับผมตื่นมายังไม่เหนเลย"
    "งั้นกินกันก่อนเลยแล้วกันเพราะเดี่ยวเราต้องไปกรุงเทพว่าแต่เก็บของเรียบร้อยแล้วใช่ไหมตั้ม"
    "ครับเสร็จหมดแล้ว"
    "ดีมากงั้นกินเถอะเดี๋ยวแม่ไปตามหนูดีมากินข้าวก่อนเดี่ยวไปเรียนสาย" ผมพยักหน้าให้แม่ก่อนจะก้มลงตักข้าวต้มเข้าปากทีละคำจะอิ่มก่อนจะเดินขึ้นไปบนบ้านแล้วยกกระเป๋าเดินทางลงมา2-3ใบไปใส่ไว้ที่ถ่ายรถยนต์คันงามของผม
    "เอาของที่จำเป็นไปหมดแล้วใช่ไหมตั้ม"
    "ครับแม่...งั้นผมไปก่อนน่ะถ้าแม่ว่างอย่าลืมไปหาผมที่ร้านด้วยล่ะ"
    "จ้าๆไปเถอะเดี๋ยวสายจะร้อน"
    "ครับ...ไปก่อนน่ะครับพ่อไปก่อนน่ะหนูดีห้ามดื้อกับพ่อกับแม่ล่ะ"
    "ค่ะพี่ตั้มโชคดีน่ะแล้วอย่าลืมซื้อของส่งมาให้หนูดีด้วย"
    "โอเคจ้าไปก่อนน่ะครับ" ผมกอดพ่อแม่และหนูดีก่อนขับรถออกไปทันที ระหว่างทางผมก็คิดขึ้นมาได้ว่าผมมีเพื่อนที่เรียนด้วยกันที่กรุงเทพหน้าจะชวนพวกนั้นมาช่วยเราจัดการที่ร้านใหม่ได้นี่ เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาไอ้บูรณ์และไอ้คริสทันที 
    "ไอ้บูรญ์มึงทำไรอยู่ว่ะทำไมรับสายช้า"
    (อ้าว..ใครว่ะตั้มหรอ?)
    "เออกูเองมึงทำไมพึ่งรับสายกูเนี้ย"
    (ไอ้บ้ามึงดูเวลาก่อนได้ไหมนี่มันพึ่งกี่โมงกูจะตื่นไหม?)
    "ก็เจ็ดโมงกว่าแล้วนี่มึงยังไม่ตื่นอีกหรอว่ะจะนอนกินบ้านกินเมืองไปไหนของมึง"
    (กูพึ่งจะได้นอนไปตอนตีสามกว่าๆนี่เองน่ะโว๊ย)
    "แล้วไปทำอะไรมาถึงนอนดึกขนาดนั้นว่ะ
    (กูก็ต้องมีสังสรรค์วันศุกร์อยู่แล้ว)
    "เออๆใช่ซิกูว่าน่ะปกติผับมันก็ปิดไม่เกินตีสองแล้วคนอย่างมึงไม่เคยนั่งจนรอเขาเก็บร้านไล่หรอกไอ้ที่นอนดึกขนาดนันกูว่าหนีบหญิงอ่ะดิ"
    (เออน่ะ...แหม๋ชีวิตหนุ่มโสดแบบกูจะให้ไปแดกเหล้าเมากลับมันก็เปลี่ยวเกินไปของแบบนี้ก็มีบ้าง)
    "ระวังเถอะหนีบมากมีโรคมาซักวันกูจะหัวเราะให้ฟันร่วงเป็นดอกมะลิเลย"
    (ฮาๆๆๆๆ...ไอ้เพื่อนเวรมาแช้งอีกเข้าเรื่องเถอะโทรหากูตั้งแต่พระอินทร์ไม่ล้างหน้าแบบนี้มึงมีธุระอะไรกับกู)
    "รู้ทันตลอด...คือกูกำลังจะไปกรุงเทพอีกชั่วโมงกว่าๆก็คงถึง"
    (ทำไมมึงจะมานอนกับกูหรอ?)
    "ไม่ใช่โว้ย!..พอดีตากูพึ่งตายไปแล้วเขายกมรดกเป็นร้านอาหารแถว....กูก็เลยว่าจะชวนให้พวกมึงมาช่วยกูหน่อยน่ะ"
    (ออเออได้ดิ..ไว้มึงมาถึงกรุงเทพแล้วโทรมาอีกทีแล้วกันกูจะได้ออกไปหาแต่ตอนนี้กูขอนอนต่อก่อนโว๊ย)
    "เออๆๆๆ...นอนต่อไม่ใช้ยกต่อใหม่อีกในรอบฟ้าเหลืองน่ะมึง"
    (ฮาๆๆๆๆเออๆๆๆกูละเบื่อจริ๊งงงพวกรู้ทันถ้าห่วงขนาดนี้ทีหน้ามึงนั้นแหล่ะมาเป็นเมียให้กู"
    "ฝันเถอะมึงแค่นี้" พูดจบผมก็กดตัดสายไอ้บูรณ์ก่อนจะกดโทรหาไอ้คริสไอ้นี่หน้าจะตื่นแล้วน่ะ
    (ไงครับคุณวราวุธ)
    "เออไอ้คริสมึงตื่นแล้วใช่ไหม?"
    (คร๊าบบบ...กูตื่นแล้วมึงโทรมาหากูแต่เช้ามีอะไรครับ)
    "กูกำลังจะเข้ากรุงเทพพอดีกูจะเปิดร้านอาหารแถว...มึงมาช่วยกูได้ไหม?"
    (ได้ๆวันหยุดแบบนี้กูช่วยได้)
    "เออๆขอบใจมากโว๊ย"
    (แล้วมึงโทรหาไอ้บูรณ์รึยังว่ะ)
    "โทรไปแล้วมันยังไม่ตื่นหรือตอนนี้ตื่นหนักก็ไม่รู้..ฮาๆๆๆๆ"
    (งั้นเดี๋ยวมาถึงที่ร้านของมึงแล้วโทรหากูอีกทีแล้วกันกูจะไปหาอะไรกินรอแถวนั้นแหล่ะ)
    "เออๆ" พอวางสายผมก็รีบเร่งเครื่องตรงเข้าสู่กรุงเทพทันทีไม่นานมากก็มาถึงหน้าตึกที่ถูกปิดไว้ซึ่งเป็นของตาผมเอง ผมกดโทรหาไอ้คริสแต่ไอ้คริสมาถึงนานแล้วอยู่ด้านตรงข้ามของร้านผมที่มีซุ้มกาแฟเล็กๆอยู่พอเหนไอ้คริสผมก็กดโทรหาไอ้บูรณ์อีกคน 
    "ไอ้บูรณ์มึงอยู่ไหนแล้วว่ะ"
    (ใกล้ถึงแล้วกูเลี้ยวเข้ามาในซอยแล้วแค่นี้น่ะโว๊ยเดี๋ยวกูโดนจับ) ไอ้บูรณ์กดตัดสายผมผมและไอ้คริสตัดสินใจเปิดประตูดูร้านกันก่อน
    "โห่ยไอ้ตั้มตามึงปิดมากี่ปีแล้วว่ะฝุ่นจะหนาเลย"
    "กูก็ไม่รู้ว่ะแต่เห็นแม่กูบอกว่าประมาณ2ปีแล้ว...อย่าบ่นน่ะเข้าไปดูข้างในกัน" ผมกับไอ้คริสเดินเข้าไปภายในร้านที่มีฝุ่นและใยแมงมุมปกอยู่ 
    "กูไม่รู้ว่าเป็นร้านของตามึงกูคิดว่าบ้านร้างเลยน่ะเนี้ย"
    "เออน่ะเดี๋ยวกูเปิดไฟก่อนแล้วกันมึงช่วยเปิดหน้าต่างให้ห้องสว่างทีจะได้ทำความสะอาดให้เสร็จๆ"
    "แล้วมึงทำไมไม่จ้างใครมาทำความสะอาดว่ะต้องเดือดร้อนพวกกู"
    "กูหาแล้วแต่ไม่มีแม่บ้านที่ไหนยอมมาทำเลยกูจำเป็นต้องลากพวกมึงมาช่วยนี่แหล่ะ"  ผมกดเปิดสวิทไฟของร้านโชคดีที่ยังใช้การได้อยู่แต่เมื่อแสงสว่างส่องเข้ามาภายในร้านกับไม่ได้ดูรกร้างอย่างที่คิดเพราะชุดโต๊ะเก้าอี้ทั้งหมดรวมทั้งของใช้ถูกเอาผ้าปกคลุมไว้เป็นอย่างดีมีก็เพียงฝุ่นที่เกาจากด้านนอกเท่านั้น
    "เฮ้ยยย..กูมาแล้วไอ้ตั้มไอ้คริส"
    "อ้าวไอ้บูรณ์มาได้แล้วหรอกูนึกว่าลุกไม่ไหวซ่ะแล้ว"
    "เฮ้ยยยย..ดูถูกกูเกินไปแล้วแบบกูเนี้ยฟิตปั๋งตลอดเวย์โวยไหนๆมีไรให้คนหล่อๆอย่างกูทำบ้าง"
    "นู้นเลยๆมึงไปเอาเครื่องดูดฝุ่นมาดูดฝุ่นเลยเดี๋ยวใยแมงมุมพวกนี้กูกับไอ้คริสจัดการเอง" ผมและไอ้บูรณ์กับไอ้คริสช่วยกันทำความสะอาดจนเรียบร้อยก็พากันออกไปซื้ออะไรมานั่งกินกันจนดึกไอ้คริสกับไอ้บูรณ์ก็ขอตัวกลับ
    "ไอ้ตั้มเดี๋ยวกูกับไอ้คริสกับก่อน"
    "เออๆขับรถดีๆล่ะ"
    "แล้วมึงไม่ไปนอนกับพวกกูจริงหรอ"
    "จริง...กูมีห้องนอนที่แสนจะเพอร์เฟกในนี้แล้วพวกมึงกลับไปได้แล้ววันนี้ขอบใจที่มาช่วยโว้ย"
    "เออๆงั้นไปแล้วเดี่ยวพรุ่งนี้กูจะมาใหม่"
                หลังจากที่ไอ้บูรณ์กับคริสกับไปผมก็ปิดหน้าร้านก่อนเดินขึ้นไปชั้นสองของร้านซึ่งเป็นห้องนอนนั้นเองแต่แปลกที่ห้องนอนกับเป็นที่เดียวภายในร้านที่ดูเหมือนจะสะอาดและหน้าอยู่ที่สุดแล้วผมเอาเสื้อผ้าและข้าวของออกมาจัดจนเสร็จก่อนจะถอดเสื้อผ้าแล้วเอาผ้าเช็ดตัวพันรับเอวไอ้ก่อนจะเปิดทีวีแล้วเข้าไปอาบน้ำ
    "โอ๊ยยย...สบายจริงๆที่จริงมาอยู่คนเดียวก็ดีเหมือนกันน่ะเนี้ย" ผมยิ้มอย่างสบายใจกับการได้มาใช้ชีวิตคนเดียวในกรุงเทพหลังจากที่จบไปแล้วไม่ได้มาอยู่นาน
    "ห้องนอนนี่ดีที่สุดเครื่องอำนวยความสะดวกก็มีครบแบบนี้นอนให้ตื่นสายซักวันล้วกัน" ระหว่างที่ถูสบู่กับฮัมเพลงไปคนเดียวหูผมกับได้ยินเสียงใครร้องเลงและดีดกีต้าร์ใกล้ๆ
    "ใครว่ะมาร้องเพลงแถวนี้...สงสัยพวกห้องติดกันนั้นแหล่ะแต่เสียงเพราะดีเหมือนกันแหะ" ผมล้างสบู่ออกก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันแล้วออกจากห้องน้ำก็เห็นใครบางคนนั่งอยู่ที่ปลายเตียงดีดกีต้าร์อยู่
    "เฮ้ย!!..คุณเป็นใครมาอยู่ในห้องของผมได้ไง?" คนที่เล่นกีต้าร์อยู่หันมายิ้มให้ผมแต่ไม่พูดอะไรยังคงร้องเพลงและเล่นกีต้าร์ต่อไป ผมค่อยๆเดินไปนั่งข้างๆมองใครคนนั้นเล่นกีต้าร์ต่อ เหมือนกับต้องมนต์สะกดเพลงและเสียงกีต้าร์ที่ทำให้ผมเคลิ้มไปทีเดียวเมื่อเสียงเพลงจบลงคนที่นั่งเล่นกีต้าร์อยู่วางกีต้าร์ลงบนเตียงนอนก่อนหันมายิ้มให้ผม
    "ชอบเพลงของผมไหม?" แปลกทำไมเสียงที่พูดกับฟังดูแปลกๆเย็นๆยังไงชอบกล
    "ก็..เพราะดีน่ะแต่ว่าคุณเข้ามาในห้องผมได้ยังไง?"
    "ผมอยู่ที่นี่มานานแล้วคุณนั้นแหล่ะที่มาอยู่ทีหลังผม"
    "บ้าน่ะก็ร้านนี้ตาผมปิดมาสองปีแล้วคุณจะมาอยู่ได้ไงแล้วตอนนี้ร้านนี้ก็กลายเป็นของผมแล้ว"
    "เป็นของคุณแล้วหรอ?...งั้นผมตองไปหาที่อยู่ใหม่ใช่ไหม?"
    "ก็ต้องเป็นแบบนั้นแต่ว่าตอนนี้ดึกแล้วคุณก็อยู่ไปก่อนแล้วกันรอหาที่อยู่ใหม่ได้ค่อยไป"
    "ผมไม่มีที่ไป"
    "บ้าน่ะคุณไม่มีญาติพี่น้องหรือคนรักเลยรึไงห่ะ"
    "ไม่รู้ผมจำอะไรไม่ได้ผมรู้เพียงอย่างเดียวว่า ว่า.."
    "ว่าอะไร?"
    "ผมตายแล้ว"
    "ฮาๆๆๆๆๆๆๆ..คุณนี้เข้าใจเล่นมุขน่ะถ้าแบบนี้รอผมเปิดร้านอาหารเสร็จแล้วคุณมาเล่นตลกให้ผมซิดูคุณจะมีมุขเยอะลูกค้าคงชอบ"
    "ผมไม่ได้โกหกน่ะ"
    "โอเคๆ...ช่างเถอะไงก็อยู่นี้ไปก่อนแล้วกันผมชื่อตั้มแล้วคุณล่ะชื่ออะไร"
    "ผมไม่รู้ว่าผมเป็นใคร"
    "อย่าบอกน่ะว่าคุณความจำเสื่อม?"
    "ความจำเสื่อม?..." ดูหน้าคนที่ตอบแล้วมันคงไม่ค่อยเต็มผมก็ไม่ใช่คนใจร้ายจะไล่คนติ๊งต๊องแบบนี้ไปได้ยังไงก็ดูแลมันไปก่อนแล้วกันบางทีมันอาจจะช่วยงานได้
    "งั้นช่างเถอะนอนได้แล้ววันนี้ผมทำงานทั้งวันเหนื่อยมาก" พูดจับผมก็เดินไปหยิบบ๊อกเวอร์มาใส่กับเสื้อก้ามตราห่านที่ใส่นอนสบายๆก่อนจะเดินมานอนพอผมทิ้งตัวลงนอนไอ้ผู้ชายติ๊งต๊องก็นอนลงที่เตียงเดียวกันกับผมไม่พอมันยังมาขดตัวซุกจากด้านหลังอีก เฮ้ออออแต่วันนี้ผมเหนื่อยจริงๆคงไม่มีแรงหาเรื่องใครแล้วไว้พรุ่งนี้ค่อยทำข้อตกลงกันใหม่แล้วกัน


    V
    V
    V
    V
    อิผีเพี้ยน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×