ตอนที่ 75 : เหมันต์ที่ 23 : ขวางทางรัก
อาถรรพ์แห่งคำสาปแช่งไม่เคยจางหายไป อาจเป็นบทลงโทษของเขาที่ต้องแบกรับไว้ก็ว่าได้ จินสูบลมหายใจเข้าเต็มปอดเตรียมพร้อมรับความวุ่นวายอันใกล้
ความสนุกสนานของสามสาวถูกหยุดชะงักลง ชายหนุ่มส่งข้อความผ่านสื่อเวทไปยังหญิงสาวผิวซีด เธอสะบัดหน้ามองยังต้นเหตุ ร่างกายหยุดเคลื่อนไหวไม่ทำตามที่ต้อง
ปล่อยทางนี้ให้ผมจัดการเอง ดูแลทั้งสองคนอย่าให้เป็นอะไรเด็ดขาด เพราะเป็นคำสั่ง เธอจึงไม่อาจเมินเฉยต่อมัน ทำได้เพียงขานรับและทำตามโดยง่าย
มากิแกล้งทำท่าทำทางปวดเมื่อย “เหนื่อยแล้ว ไปหาอะไรทานกันเถอะ”
“แต่ว่า---”
อากิโนะกำลังร้องท้วงกลับถูกแรงของมากิกึ่งลากกึ่งจูงไปยังชุดคลุม เรย์กะก็เช่นกัน สองสาวมองรอบด้านไม่เข้าใจ อารมณ์ขุ่นมัวก่อตัวขึ้นพร้อมกับความไม่สบายใจ หญิงสาวรู้เพียงว่ามีความวุ่นวายก่อตัวที่ถนน แต่มันเกี่ยวข้องกันยังไงนั้นไม่อาจทราบ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ทำไมทุกคนถึงทำหน้าเครียด”
จินฉีกยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก พวกเธอสองคนช่วยสแตนเตรียมของให้หน่อยสิ กลัวว่าเขาทำคนเดียวจะเหนื่อยเอา”
ดวงตาอำพันจับจ้องดุด่าไปยังมากิที่แทบจะพุ่งตัวเข้าใส่แก๊งมอเตอร์ไซค์
“งั้นเหรอ ได้สิ! รีบตามมานะ”
เพื่อความสบายใจของจิน อากิโนะจึงทำตามอย่างว่าง่าย แตกต่างกับเรย์กะที่ร้องท้วงผ่านภาษากาย เธอคุ้นเคยเหตุการณ์ในรูปแบบนี้มาค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นกะทันหันตอนอยู่ข้างนอกกับพ่อของเธอ แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวกับการต่อสู้อันรุนแรง
ชายหนุ่มเอื้อมมือตบไหล่เล็กของหญิงสาวตัวน้อยเบาๆ “ไปเถอะ ไม่ต้องห่วง”
“ห้ามเจ็บตัว” คำขอร้องกึ่งบังคับถูกมอบให้ก่อนเจ้าตัวเดินจากไป
จินมองสามสาวเดินลับสายตาก่อนหันมองด้านข้าง “นายก็ควรไปด้วยนะ มาโคโตะ”
“…” คำตอบเป็นเพียงสายตาอันแน่วแน่ไม่ไปไหน
งั้นสินะ มาโคโตะคงมีฝีมืออยู่บ้าง ไม่งั้นคง...ช่างมันเถอะ ดวงตาสีทองทอแสงสว่างแนบเนียนไปกับแสงแดดยามเย็น
“ตามใจนายแล้วกัน” มาโคโตะพยักหน้าให้ทีหนึ่งแล้วเดินตามหลังของจินนิ่งเงียบไม่พูด แต่มือกลับกำหมัดแน่น แน่นเสียจนสัมผัสได้ถึงเหงื่อที่ซึมผ่านฝ่ามือ ท่าทางของเขาคล้ายกำลังสะกดอารมณ์อะไรบางอย่างไว้
ตัดมาทางด้านของกลุ่มจิ๊กโก๋ท้องถิ่นในทรงผมบาดใจสาวในความคิดของตน
ลูกน้องคนสนิทด้านข้างพูดกับชายหัวตั้งสีเหลือง เมื่อเห็นบางอย่างผิดปรกติคล้ายพวกเธอรู้ตัว “ลูกพี่! พวกเธอเดินไปแล้ว”
ลูกพี่หรือชายหัวตั้งสีเหลืองยืนอยู่ด้านหน้าของกลุ่มคนนับยี่สิบคนที่แต่งกายเช่นเดียวกัน โดยเป็นชุดคลุมยาวสีขาว สวมเสื้อกล้ามสีดำข้างใน ด้านหลังปักรูปนกตัวหนึ่งพร้อมกับตัวอักษรสีแดงแปลกตาประทับอยู่
เขากล่าวหัวเสีย “ข้าเห็นแล้วโว้ย! ตามพวกเธอไปยังไงข้าต้องได้พวกเธอมานั่งซ้อนท้ายให้ได้!”
คำสั่งของหัวหน้าถือเป็นที่สุด พวกที่เหลือต่างขานรับแล้วรีบดับเครื่องทำตาม
แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาห่างจากรถ กลับพบว่ามีชายหนุ่มสองคนมายืนขวางไว้เสียก่อน “จะไปไหนกันงั้นเหรอครับ”
รอยยิ้มอาบยาพิษฉาบมอบให้กลุ่มคนก่อความวุ่นวาย ความรู้สึกกลัวถูกกระตุ้นขึ้นหนึ่งทีแล้วหายไปรวดเร็ว พวกเขาต่างเห็นหัวของตัวเองหลุดออกจากบ่าโดยไม่รู้ว่าถูกตัดขาดด้วยอะไร แต่มันเป็นเพียงเสี้ยววินาทีเดียว คล้ายฝันหนึ่งตื่น
“กะ แกเป็นใครไอ้หน้าจืด! อย่ามาสะเออะดีกว่า หลบไป!” ลูกน้องหัวโล้นคนหนึ่งที่กำลังเดินไปหาเหล่าสาวๆ นั่นก็ตะโกนด่าว่าจิน จนน้ำลายกระเด็น
จะฆ่าทิ้งก็ไม่ได้ ทำเกินเหตุคงไม่ดี แต่แขนขาหักคงพอได้ กล้องวงจรปิด...อืม...ปิดมันก่อนแล้วกัน ส่วนหนึ่งจินไม่อยากให้มาโคโตะเข้ามาเอี่ยวกับเรื่องความรุนแรงเท่าไหร่ เพราะมันคงส่งแย่ไม่มากก็น้อยในอนาคตของเพื่อนเขา
จินทำท่าทำทางราวกับเสียใจกับเรื่องบางอย่างสุดแสนจะทรมาน “พวกคุณนี่มารยาทแย่มากเลยนะครับ ไม่เห็นเหรอว่าผู้คนเขาต้องการมาพักผ่อนกัน แต่พวกคุณกลับมาทำลายบรรยากาศที่แสนน่าอภิรมย์นี้ลง แย่จริงๆ”
“ปากดีนักนะแก! อย่าอยู่เลย!” ชายหัวโล้นพูดเสียงดัง ยกหมัดขวาเล็งใบหน้าจิน
เพี้ยะ!
เสียงผิวหนังกระทบกันดังสะท้อนท่ามกลางความเงียบ ทุกคนคิดว่าหน้าจินต้องถูกชกแน่นอน กลับแทนด้วยภาพของชายดังกล่าวถูกจินใช้หลังมือซ้ายฟาดเข้าที่โหนกแก้มหมุนกลางอากาศหนึ่งรอบแล้วสลบลงไปนอนกับพื้น
เรื่องไม่คาดฝันพัดพาความตกตะลึงให้ดวงตาของกลุ่มคนพวกนั้นเบิกกว้าง ปากอ้าค้างไร้สิ้นคำพูดใดๆ
คงแรงเกินไปหน่อย คงต้องเบากว่านี้สินะ ดีที่ไม่ตาย จินก้มมองดูผลงานพลางขยับมือใช้ความคิด
มาโคโตะที่ยืนมองอยู่ก็อดแปลกใจไม่ได้ เขาไม่คิดว่าจินจะเก่งขนาดนี้แถมยังตบคนสลบในมือเดียวอีกต่างหาก
ผู้เห็นเหตุการณ์ต่างรีบกดโทรศัพท์โทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจกันยกใหญ่ เพราะกลัวว่าสองหนุ่มสุดหล่อตรงนั้นจะโดนทำร้ายร่างกายจนปางตายเอาได้ หลายคนรีบหนีจากสถานที่แห่งนี้ไปหลบมองอยู่ห่างๆ
เทนตะวิ่งมาหาจินด้วยความเหนื่อยหอบ เขาดึงหมวกลงมาพัดไล่ความร้อน “มะ มีอะไรกันเหรอ”
“นายกับมาโคโตะจะหลบไปก่อน” พอเห็นเทนตะมาอีกคน ห้วงความคิดของจินก็สลายไป ความหนักใจปนกังวลเริ่มก่อเกิดขึ้นให้เห็น
เทนตะแม้จะงงแต่ก็ไม่ทำทีท่าว่าจะหนี “หนี? หนีอะไร? ทำไมต้องหนี? ฉันไม่หนีหรอก!”
จินกับเพื่อนต่างพูดคุยกันโดยไม่สนใจพวกกลุ่มด้านหน้าแม้แต่น้อย ทำเอาพวกเขากัดฟันด้วยความโมโหแทบอยากเข้าไปขย้ำพวกจินให้จมดิน แต่พวกเขาก็ทำได้แต่รอคำสั่งจากหัวหน้าเท่านั้น
ที่สำคัญ หากเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าคงไม่แคล้วลงไปนอนเป็นเพื่อนชายหัวโล้น
ชายฉกรรจ์หน้าโฉดผมเหลืองหัวตั้งชี้นิ้วเดินเข้าหาจิน “เฮ้ย! แกไอ้หน้าหล่อ จู่ๆ มาขวางทางรักของข้าแบบนี้ หมายความว่าไง!” เขาสั่งให้คนด้านข้างเดินไปลากร่างไร้สติของลูกน้องกลับ
“ขวางทางรัก?” จินเคลือบอารมณ์โมโหไปกับคำพูดทั้งสามคำ เขารู้สึกฉุนเฉลียวขึ้น เมื่อเพื่อนของตนถูกชายตรงหน้านำไปใช้แบบนั้น
ชายหัวเหลืองยื่นหน้าอันหาเรื่องเข้าใกล้จิน “ได้ยินแล้วก็หลบไป ข้าไม่อยากโดนคนอื่นว่าผู้ใหญ่รังแกเด็กหรอกนะ อ้อ...พวกนั้นคงเป็นเพื่อนของแก เมื่อกี้เห็นพูดคุยกัน ดี! ยังไงคืนนี้ข้าจะช่วยดูแลพวกนั้นเองไม่ต้องเป็นห่วง”
จินกล้าสาบานได้เลยว่า ถ้าหากเป็นที่ลับตาคน ชายคนนี้คงไม่มีลมหายใจมากพ่นรดใบหน้าเขาเช่นนี้
“ช่วยถอยออกไปหน่อย กลิ่นปากไม่ใช่เรื่องตลกเลย”
ชายหัวเหลืองปล่อยหมัดตรงโดยไม่ทันให้ตั้งตัว จินเอี่ยวหัวหลบทางซ้ายโดยมีสีหน้าเช่นเดิม เขาสวนหมัดฮุดเข้าไป แต่ชายตรงหน้ากับไซด์สเต็ปหลบฉากได้ทัน
จินกดพลังของตัวเองลงต่ำเกินกว่าจะคาดคิด แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคมไม่เสื่อมถอย ดวงตาจับจ้องไปยังการเคลื่อนไหวของศัตรูไม่กะพริบหลุดหาย
ต่อสู้เป็นด้วยแฮะ ดูเหมือนเป็นมวยสากล เขาค่อนข้างแปลกใจเมื่อพบจิ๊กโก๋ท้องถิ่นทักษะพอสมควร
ชายหัวเหลืองหันหน้าไปสั่งลูกน้องด้านหลังจนเสียงดัง “ไม่เบาเหมือนกันนี่ไอ้หนู แต่โอกาสหนีของพวกแกหมดไปแล้ว พวกแก! ลุย!”
“เฮ้!!!” พวกชายฉกรรจ์นับยี่สิบคนต่างวิ่งเข้ามาหาสามหนุ่มวัยรุ่นหมายจะสั่งสอนให้เข็ดหลาบเสียบ้าง
หมัดซ้ายถูกซัดเข้าใบหน้าชายผู้เคราะห์ร้ายที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาล้มทั้งยืนดัง ผลัวะ ก่อนกระโดดถีบสองขาเข้ากับชายอีกคนที่วิ่งเข้ามาง้างประแจเหล็กอันใหญ่ ส่งร่างนั้นกระเด็นทับชายอีกสองคนปลิวตามกันไป
เทนตะพูดเสียงดังด้วยใบหน้าตกใจปนงง “เหวอ! เรื่องอะไรวะเนี้ย!” เขาหลบหมัดใครบางคนแล้วปล่อยหมัดตรงไปยังชายที่พุ่งเข้ามา ก่อนถอยมาสะบัดมือไล่ความปวดส่งเสียงโอดครวญ
การชุลมุนรุมยำเด็กของแก๊งชุดขาวกลับกลายเป็นเด็กตบผู้ใหญ่ไปเสียอย่างนั้น จินยังคงออกหมัดต่อยเตะเมามัน ส่งผลให้คนพวกนั้นนอนหลับใหลไปกับพื้นแทบทั้งสิ้น เทนตะก็ไม่น้อยหน้ากันแม้จะถูกต่อยเข้าที่ใบหน้าจนเกิดรอยฟกช้ำแต่ก็ยังต่อสู้ได้ดี เพราะเขามีประสาทสัมผัสที่เร็วและการเคลื่อนตัวที่คล่องแคล่ว ทำให้สามารถหลบพลางต่อยออกไปเมื่อเห็นช่องว่าง
มาโคโตะก็ไม่น้อยหน้ากัน แม้มีรอยแตกตรงหางคิ้วจนเลือดไหลและรอยแตกของผิวหนังที่มุมปาก แต่เขาสามารถล้มชายชุดขาวลงไปนอนกับพื้นได้สี่ห้าคนแล้ว ซึ่งถือว่าเก่งเอาเรื่องเลยทีเดียว
แต่คนที่หน้าใสสุดคงเป็นจินที่ไม่มีแม้แต่อาการเหนื่อยหอบแต่อย่างใด แตกต่างจากเพื่อนทั้งสองที่มีทั้งเหงื่อได้ทั้งเลือดแถมมาด้วยรอยฟกช้ำหลายแห่ง
การต่อสู้เกิดขึ้นเร็วมาก ผ่านไปเพียงสิบนาที คนของกลุ่มจิ๊กโก๋ก็ลดลงเหลือเพียงสามคนเท่านั้น จินสามารถล้มไปได้ถึงสิบคน ส่วนที่เหลือเป็นฝีมือของเทนตะและมาโคโตะ
จินหันมามองเทนตะที่มีรอยฟกช้ำเต็มใบหน้า “พวกนายไหวนะ”
ยังคงแปลกที่มาโคโตะยังคงรักษาการเจ็บช้ำได้สองแห่งไม่มากไม่เกินไปกว่านั้น ซึ่งจินก็คิดไว้แล้วเหมือนกันว่าทำไม
ดวงตาหนักแน่นมาพร้อมคำพูดเสียงทุ้มต่ำ “ไหว...”
ชายหนุ่มทะเล้นเช็ดเลือดขอบปากปาดทิ้ง “วะ ไหวสิ แต่ว่านายหาเท้ามาให้พวกฉันทำไม!”
ทันใดนั้นจินกลับรับรู้ถึงบางอย่างกำลังพุ่งเข้ามา เขาใช้ท่าไซด์สเต็ปที่ชายหัวเหลืองเคยใช้ถีบตัวหลบฉาก พลางหมุนตัวตวัดเตะโดยใช้ส้นเท้า
ชายหัวเหลืองก้มหลบแล้วไล่กวดต่อเนื่อง “ไอ้เด็กเวร!”
จินฟุตเวิร์คหลบไปมาล่องลอยราวภูตพราย ความเร็วและปฏิกิริยาของทั้งสองแตกต่างกันลิบลับ แต่ถึงอย่างนั้น ชายหัวเหลืองกลับไม่ถอยหนียังคงกัดฟันสู้ไม่ถอย
ส่วนคนที่เหลือทั้งสองต่างวิ่งเข้านัวเนียกับเทนตะกับมาโคโตะกันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
ชายหัวเหลืองเห็นจินมองไปยังเพื่อนตัวเองโดยไม่สนใจตน “มองทางไหนอยู่วะ!” เขาใช้จังหวะนั้นปล่อยหมัดฮุดเผด็จศึก
แต่ต่อยได้เพียงแค่ลมอันว่างเปล่า เพราะจินก้มหลบลงต่ำสืบเท้าพุ่งเข้าไปด้านหน้าในระยะประชิด
หมัดอัปเปอร์คัตเสยขึ้นสอยปลายคางชายหัวเหลือง แต่ดูเหมือนชายดังกล่าวจะไหวตัวได้ทัน เขาพยายามยกฝ่ามือทั้งสองข้างกลับมากันไว้และถีบตัวหนีออกไป แต่ความรุนแรงนั้นก็เฉียดเข้าปลายคางอยู่ดี ขับให้เลือดไหลจากบาดแผลคล้ายของมีคมกรีดตัดหนัง
ชายหนุ่มผิวปากคล้ายแปลกใจไม่น้อย “หลบได้ด้วยแฮะ”
ชายหัวเหลืองไม่พูดไม่จาเอามือเช็ดเลือดตัวเอง เสื้อคลุมถูกโยนทิ้งด้านข้าง เขาเก็บศอกป้องหน้าตั้งท่าเอาจริง ท่อนล่างสอยเท้าวิ่งเข้าซัดเด็กหนุ่ม
สิ้นเสียงดัง ผลัวะ เหมือนโลกของชายหัวเหลืองเกิดการแยกส่วนออกจากกันจนเกิดเป็นภาพซ้อนทับหลายชั้น อาการมึนงงเมาหมัดเกิดขึ้นฉับพลันหลังถูกหมัดแย็บเข้าตรงจุดส่วนของประสาท
จินแย็บซ้ำเข้าไปอีกทีหนึ่ง ชายหัวเหลืองทำหน้าตาเลื่อนลอย ในหัวได้ยินเสียงเหมือนระฆังที่ถูกตีดังก้องกังวาน สบโอกาสเข้า จินเลือกสืบเท้าเข้าไปใกล้ เขาทำการบิดสะโพกเหวี่ยงแขนขวาไปด้านข้างใช้ลำตัวขับหัวไหล่ปล่อยแรงตวัดเหวี่ยงชกหมัดเข้าบริเวณขมับ ที่ซึ่งอยู่ระหว่างเส้นผมกับคิ้วตรงระดับสายตา
แรกชกของจินส่งร่างของชายหัวเหลืองปลิวหมุนหลายตลบขนานไปกับพื้นจนล้มดัง ปัง
ไม่นานต่อมา ร่างกายอันไร้สติของชายอีกสองคนก็ร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ชายหนุ่มหันไปมองเพื่อนแล้วโล่งอกที่พวกเขาไม่เป็นอะไรไปมากกว่านั้น แม้จะมีบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย เขายิ้มพลางยกนิ้วโป้งเป็นของขวัญมอบให้
กลุ่มชายชุดขาวต่างนอนสลบเหมือดไปกับพื้นกันทั้งหมด การต่อสู้ครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะอันหมดจดของพวกเขา
เทนตะใช้มือเท้าหัวเข่าตัวเองพูดขึ้น “อะ...เอาไงกันต่อละทีนี้”
ยังไม่ทันที่จินจะได้พูดอะไร เสียงไซเรนกลับดังเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มจอดกันทั่วพื้นที่เต็มไปหมด ผู้คนเริ่มออกจากที่กำบังมามุงดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นตะลึงปนตกใจ
ใครจะไปคิดว่าสามหนุ่มวัยรุ่นจะสามารถสยบกลุ่มคนนับยี่สิบคนได้ หากไม่เห็นกับตา ใครเล่าก็คงไม่มีทางเชื่อสนิทใจ
เจ้าหน้าที่ต่างตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนเดินเข้ามาถามไถ่พวกเขาทั้งสามคน จนในที่สุดก็มีชายในชุดสูทที่แตกต่างจากทุกคนเดินมาหาด้วยใบหน้าจริงจัง
เขาหันหลังไปมองผลงานของพวกจินหนึ่งทีถามขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “ฝีมือพวกเธอเหรอ?”
“คงงั้นมั้งครับ” จินไม่รู้ว่าจะตอบยังไงกับสถานการณ์ตอนนี้ ทำได้เพียงเกาท้ายทอยยิ้มแกล้งเขิน
“ยามาดะ อุเสะ ผู้กำกับการสถานีตำรวจประจำเขตนี้ รบกวนพวกเธอไปให้ปากคำที่สถานีหน่อย” ป้ายชื่อพร้อมตำแหน่งถูกโชว์ให้เห็นพร้อมด้วยคำพูดเฉียบขาดอันทรงพลัง
เทนตะขยับร่างเข้าใกล้จินกับอุเสะ ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า “ขอโทษครับ...ก่อนไปโรงพัก ผมขอไปโรงพยาบาลก่อนได้ไหม”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มาตอนจบอีกละ
ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายที่ผมอ่านพอดี ง่วงแล้ว
ราตรีสวัสดิ์ไรเตอร์