ตอนที่ 74 : เหมันต์ที่ 22 : สงบสุขริมหาด
แสนแดดยามบ่ายสาดส่องกระทบสะท้อนผิวน้ำ เหล่านกนางนวลส่งเสียงขับร้องไพเราะ สายลมพัดพาความเย็นผสมกลิ่นเค็มให้ได้สัมผัส จินหยุดยืนมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจเปี่ยมสุข ไม่ต่างจากผองเพื่อนตน ก่อนจะหันหลังมองสถานที่พักผ่อนในค่ำคืนนี้
บังกะโลเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหรูหราตั้งอยู่กลางสวน ความร่มรื่นของแมกไม้ปกคลุมคอยให้ความเย็น มองดูตำแหน่งการปลูกสร้างคลับคล้ายโอเอซิสกลางทะเลทราย ถัดจากพวกเขาออกไปก็มีอีกโอเอซิสหนึ่งที่ถูกจับจองไว้แล้ว
ในกลุ่มมีการตกลงแบ่งห้องพักกันเรียบร้อย โดยจินกับสแตนนอนด้วยกันหลังหนึ่งด้านซ้ายของห้องใหญ่ตรงกลาง เทนตะและมาโคโตะก็อีกหลังหนึ่งด้านขวาของหลังใหญ่ตรงหน้า ส่วนหลังสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุดก็เป็นของ มากิ เรย์กะ และอากิโนะนอนรวมกัน ซึ่งทั้งสามหลังหันหน้าเข้าหากัน พร้อมกับมีสระว่ายน้ำสะท้อนกลุ่มเมฆอยู่ตรงกลาง
จินเดินเข้าไปยังจุดเช็กอินที่เขาสังเกตเห็นใกล้ๆ ซึ่งมีเหล่าพนักงานยืนต้อนรับอยู่สองคนด้วยท่าทางเรียบร้อย พอแว่นตากันแดดถูกถอดออก ผิวพรรณขาวนวลเรียบเนียนคล้ายไม่เคยออกกลางแจ้งโดดเด่นยามต้องแสงแดด สองพนักงานสาวต่างเหม่อลอยคล้ายต้องมนต์สะกด พวกเธอเห็นภาพหลอนซ้อนทับร่างของจิน มันไม่ได้น่ากลัว แต่เจิดจรัสเกินกว่าจะบรรยายได้
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ”
จินพูดประโยคเดียวซ้ำอีกครั้ง ก่อนพวกเธอจะรู้ตัวลนลานหยิบยื่นเอกสารลงทะเบียนการเข้าพักและขอบัตรประจำตัวของจินสำรองข้อมูล ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยแล้วกรอกกับค่าห้องทั้งสามห้องเป็นจำนวนสองคืน
เทนตะที่เดินมาข้างๆ “ใจป้ำจริงๆ พ่อหนุ่มหน้ามนคนหน้าหล่อ ชิ!” เขาทำท่าเล่นใหญ่ใส่จินที่ยอมควักเงินอาสาเลี้ยงพวกเขา ตอนแรกทุกคนก็ไม่ยอมกันหรอก แต่จินก็โน้มน้าวได้สำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ
จินไม่สนใจท่าทางของเทนตะ เขายื่นกุญแจห้องให้เขาไป “พูดมากน่า เอาไป! เจอกันกลางลาน”
เทนตะตอบแบบขอไปที พยักหน้าให้มาโคโตะแล้วลากสัมภาระเข้าห้องด้านขวาไป ส่วนจินเดินเข้าหาสามสาวแล้วยื่นกุญแจให้กับมากิ อาวุโสสุดของกลุ่ม
หางคิ้วของจินกระตุกขึ้นหนึ่งที เมื่อพบกับดวงตาดื้อรั้นเข้า “ทำไมไม่ให้ฉันนอนกับนายท่านละคะ”
“หา!” จิน เรย์กะ และอากิโนะพูดพร้อมกันสุดตกใจ
ภาพเหตุการณ์ล่าสุดหวนกลับมาจนร่างกายรู้สึกร้อนรุ่น “พูดอะไรอย่างนั้นมากิ ผู้หญิงกับผู้ชายนอนด้วยกันได้ยังไง” เขารีบเดินออกจากจุดอันตรายทันที
มากิกล่าวปนน้อยใจ “อะไรกัน...พวกเราเคยนอนด้วยกันออกจะบ่อย”
ยังไม่ทันที่คิดหนี เขาต้องหยุดเท้าแล้วหันตามเสียง อาการชารุกรานไล่จากเท้าถึงหัวใจ เหงื่อเม็ดโตผุดกลางหลัง ตัวจินไม่เคยเจอเหตุการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเท่านี้มาก่อนเลย
“ว่าไงนะ!” สองสาวพูดพร้อมเพรียงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย สายตาพิฆาตส่งไปยังจินราวกับมีแสงเลเซอร์ออกจากตาของพวกเธอทั้งสอง
จินรีบปฏิเสธจนมือพัลวันกันอย่างถึงที่สุด “ไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิด”
อากิโนะบิดตัวไปมา เงยหน้ามองจินสลับมองพื้นที “หะ หากคุณมากินอนกับจินได้ ฉะ ฉันก็นอนได้ด้วยเช่นกัน!”
“ฉันด้วย!” เรย์กะพูดแสนสั้น แต่ใบหน้าแสดงอารมณ์ที่ยิ่งใหญ่อันเด็ดขาด
ชายหนุ่มกึ่งลากกึ่งดึงทั้งสามคนเข้าห้องของพวกเธอ “เข้าห้องของพวกเธอไป”
สามสาวต่างไม่ยอมลดละความพยายามยื้อสู้แรงจิน เรย์กะกับอากิโนะทวงความยุติธรรมคืนอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ได้คำตอบเป็นเพียงบานประตูปิดอัดหน้าในจังหวะต่อมา
ชายหนุ่มปาดเหงื่อออกพลางถอนหายใจ “เฮ้อ…”
ต่อสู้ศึกเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับไม่ถ้วน กลับมาเหนื่อยล้าโดยง่ายกับเรื่องแบบนี้ เขาส่ายหน้าไม่เข้าใจจริงๆ ร้อยเรื่องราวอุปสรรคเลวร้าย ไม่ยุ่งยากเท่าใจสตรีนางหนึ่ง ประโยคคำพูดของสหายร่วมรบในศึกครั้งหนึ่งดังขึ้นภายในหัว ในตอนนั้นเขาไม่เข้าใจคำพูดนี้เท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้กลับเห็นด้วยจนสุดใจ
ชายหนุ่มรู้สึกพอใจกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบแสนกลมกลืนธรรมชาติ เครื่องไม้แสนมีคุณค่าแฝงเรื่องราวในตัว โทนสีของห้อง สำคัญสุดคือความปลอดโปร่ง ซึ่งสแตนได้ทำการเปิดรับลมไว้ทุกบานจนลมพัดผ่านผ้าม่านสีขาวให้ปลิวไปปลิวมากับสายลม แสนเย็นสบายคลายความกังวลก่อนหน้านี้ให้หายสิ้น
ก่อนหน้าที่จินจะเข้าห้องพัก สแตนได้ขอตัวออกไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารและข้าวของเครื่องใช้จำเป็น เปิดโอกาสให้เขามีเวลาส่วนตัวบ้างเล็กน้อย
เห็นดังนั้น จินจึงล้มตัวลงนอนเริ่มปรับอารมณ์กับตัวเองใหม่ ช่วงนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ความหงุดหงิดปรากฏได้ง่ายมากขึ้น เพียงมีความขัดใจเข้ามาสายหนึ่ง สติเริ่มไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนตัวตนของเขาเลือนรางคล้ายหมอกจางลงไปเสียทุกที
จินลุกขึ้นจากเตียง “รอพวกนั้นข้างนอกดีกว่า”
ห้วงเวลาแห่งความดีร้ายประเดประดังเข้ามาทุกขณะที่เขาหลับตา อากาศเย็นสบายของทะเลยังไม่คลายความเจ็บปวดจากจิตใจของจินได้เลยแม้แต้อน เหม่อมองผิวน้ำเบื้องหน้าโดยใช้ความคิดอยู่คนเดียวภายใต้เงาของร่มขนาดใหญ่สีครีม เบื้องหลังเป็นสระน้ำประจำโอเอซิสนี้
จินเอามือทั้งสองข้าไขว้หลังทำเป็นที่รองหัวไว้ “สุดท้ายแล้ว...เราจะยังเป็นเราอยู่หรือเปล่า ช่างมันแล้วกัน” เขาสะบัดความคิดถึงกลับมาอยู่ในปัจจุบัน สูดอากาศแห่งมหาสมุทรเข้าเต็มปอด
“มานานแล้วเหรอจิน” อากิโนะเดินนำสองสาวมายังจุดนัดพบ
โดยทั้งสามคนสวมชุดเดรสที่มีกระดุมเช่นเดิม พอมองออกว่าสวมใส่อะไรบางอย่างไว้ด้านใน ไหล่คลุมด้วยผ้าผืนบางสีสันสวยงามไว้ราวกับนัดหมายกันมา
ชายหนุ่มตอบกลับมาเพิ่งมาอย่างผ่อนคลาย แต่พอคิดถึงเหตุการณ์การก่อนหน้านี้ การหาตัวช่วยคงเป็นวิธีที่ดี
จินพูดเสียงดัง “เทนตะ มาโคโตะ เหลือพวกนายสองคนเท่านั้นนะ!!!”
โดยเขาไม่จำเป็นต้องสงวนท่าทีในการใช้เสียง เพราะแต่ละที่จะค่อนข้างห่างไกลกันพอสมควร เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวแก่ลูกค้าที่มาพัก ถือว่าเป็นข้อดีเยี่ยมข้อหนึ่ง
หากนับตามลำดับโอเอซิสบังกะโล ของพวกเขาเป็นลำดับที่ 11 ซึ่งมีราคาแพงที่สุด เพราะอยู่ใกล้และรับลมจากทะเลอย่างใกล้ชิด หากมองจากที่สูงจะเป็นส่วนที่ยื่นออกมาใกล้กับทะเลนั่นเอง
เทนตะตอบอย่างเสียงดังพร้อมกับวิ่งออกประตูมาด้วยความรีบร้อน “มาแล้วๆ” ซึ่งเจ้าตัวอยู่ในชุดเดียวกับจิน แต่อยู่ในโทนสีเหลืองพร้อมกับหมวกไหมพรมผู้ชายสีน้ำตาลอ่อนอยู่บนหัว สวมแว่นกันแดด ถือได้ว่าจัดเต็มกันเลยทีเดียว
จินยกนิ้วโป้งให้เพื่อนของเขา “หล่อเฟี้ยว” เทนตะได้ยินจึงเอานิ้วปาดจมูกเก๊กหล่อทันที
เทนตะทำเสียงหล่อพูด “ผมเป็นยังไงบ้างพี่มากิ หล่อพอจะเป็นผู้ชายของพี่ได้ไหมครับ”
“หล่อค่ะ แต่พี่เป็นผู้หญิงของนายท่านไปแล้ว” ประโยคสองแง่สองง่ามทำเอาเทนตะหัวขวับมองจินตกตะลึง
จินถอนหายใจไปทีหนึ่งเมื่อพบเข้ากับรังสีอำมหิตแผ่ขยายจากตัวเรย์กะและอากิโนะ
เทนตะเอามือป้องปาก ทำหน้าตกใจเดินถอยหลัง “หรือว่า…ไม่นะ!”
จินเอารองเท้าเหวี่ยงใส่เทนตะนึกอดไม่ได้ “ไม่นะบ้าอะไร! มากิก็หยุดพูดแปลกๆ ได้แล้ว” เขาหันไปดุมากิที่นั่งข้างๆ
มากิหน้าแดงกล่าวเสียงเบา “ก็จริงนี่คะ... ฉันเป็นของนายท่านแล้ว”
“นายไม่ร้อนหรือยังไงมาโคโตะ! ฉันเห็นละร้อนแทน! ไปกันเถอะฉันหิวข้าวแล้ว” จินรีบแถเปลี่ยนเรื่องใช้มาโคโตะเป็นจุดเบี่ยงประเด็น ไม่รอช้าจึงเดินนำทุกคนไปร้านอาหารที่เล็งกันไว้ก่อนหน้า
มาโคโตะแต่งกายด้วยชุดสีดำทั้งตัวเช่นเคย ผิดแปลกแค่กางเกงขาสั้นกับเสื้อเชิตแขนสั้นพร้อมกับมีเสื้อยืดสีขาวด้านใน เขายืนเงียบอยู่ด้านหลังเทนตะ กำลังทำหน้ามึนงงกับคำพูดของจิน
เรย์กะกับอากิโนะส่งเสียงในลำคอขู่มากิแล้วลุกขึ้นเดินตามจินไป ทิ้งให้มากิยิ้มตอบพวกเธอราวกับผู้ชนะ
เทนตะทำหน้าละห้อย “ฉันละอยากเป็นแกจริงๆ ไอบ้าจิน ว่าไหมเพื่อน” เขาหันไปถามความคิดเห็นเพื่อนข้างๆ ซึ่งก็พยักหน้าเห็นด้วย
ร้านกาแฟท้องถิ่นชื่อดังเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว กลิ่นหอมของกาแฟลอยกระทบเป็นระลอกเหมือนหาดทรายด้านข้าง ของหวานและอาหารถูกตั้งโชว์ให้เลือกสรรตามใจปรารถนา กลุ่มจินจับจ่ายเลือกทานกันอิ่มหมีพีมันกันจนพึงพอใจ ความปลอดโปร่งของร้านทำให้เผลอเพลิดเพลินกับการกินและการผ่อนคลาย ส่งผลให้เวลาเริ่มล่วงเลยผ่านเข้าสู่ช่วงเย็นของวัน
หาดทรายสีขาวบริเวณใกล้ถูกจับจองโดยกลุ่มผู้คนหลากวัย เหล่าเด็กน้อยต่างวิ่งเล่นไล่จับกันส่งเสียงหัวเราะ บางคนเริ่มก่อสร้างปราสาททราย บางคนหยิบกล้องขึ้นถ่ายรูป บางคนนั่งมองภาพตรงหน้าบันทึกไปยังความทรงจำ และบางคนกำลังมองพวกเขาอย่างมีความสุข
รอยยิ้มน้อยๆ ของชายหนุ่มขับให้เลือดกายของหญิงสาวหลายคนเผลอมองเคลิ้มลอย แม้จะรับรู้ถึงสายตาแต่เขากลับไม่สนใจ ยังคงตักตวงบรรยากาศตรงหน้า ช่วงเวลาสงบสุขเช่นนี้ ใช่จะหาได้โดยง่าย อย่างน้อยก็สำหรับเขา
สงบสุขงั้นเหรอ...ไม่หรอกมั้ง คงคิดมากไปเอง
จินขยับตัวบิดขี้เกียจอยู่กับเก้าอี้พูดขึ้น “เป็นแบบนี้ตลอดไปคงดีนะ แล้วเจ้าเทนตะไปไหนแล้วมาโคโตะ” มองด้านซ้ายกลับไม่เห็นเทนตะ
“…” ชายหนุ่มหน้ามึนไม่ตอบกลับ เขาชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
จินเห็นเทนตะสวมหมวกไหมพรมกำลังเดินไปหาสองสาวหน้าตาสละสลวยรูปร่างดีในชุดบีกินีสีเขียวกับสีฟ้าพร้อมตัดกับผิวอันขาวนวลชวนท้าแสงแดด
ชายหนุ่มส่ายหน้าให้กับเทนตะไปหลายที “เอาอีกแล้ว...มันจะขยันจีบสาวไปถึงไหน”
มาโคโตะพยักหน้าเห็นด้วย ส่วนสามสาวต่างนั่งพักเหนื่อยพักหายใจกันหลังจากการใช้พลังจิตสะกดเหล่าสาวๆ ไม่ให้เข้ามาหาจิน
ตลอดเวลาหลังจากเข้ามายังร้าน เทนตะไม่เคยหยุดนิ่งและไม่เคยยอมแพ้กับการจีบสาวเลยแม้แต่น้อย ถึงจะคว้าน้ำเหลว แต่มันกลับเป็นน้ำเหลวแสนมีคุณค่าของเทนตะเสียอย่างนั้น
อากิโนะช่วงชิงโอกาสปลดกระดุมเสื้อเมื่อเห็นจังหวะเหมาะ “ไปเล่นน้ำกันเถอะ แดดเริ่มอ่อนแล้ว”
จินแทบไม่เปลี่ยนท่าที เขามองพวกเธอด้วยความเป็นห่วง “ระวังตัวกันด้วยนะ”
แต่ละคนธรรมดาเสียที่ไหน ส่วนมากิเขานั้นไม่ได้ห่วงตัวเธอเสียเท่าไหร่ ห่วงแต่คนที่หาญกล้าเข้ามาจีบมากกว่า
มากิสวมบีกินี่ทรงระบายลายหมากรุกสีแดง ด้วยเนื้อผ้าผืนเล็กจึงไม่อาจปิดบังความยิ่งใหญ่ของเธอได้ ชายหนุ่มมากมายต่างมองรูปร่างเธอด้วยใจคล้ายต้องมนต์
เรย์กะทำเช่นเดียวกัน เธออยู่ในชุดบีกินี่คอสูงสีน้ำเงิน สวมกางเกงขาสั้นลายเดียวกับส่วนบน โดยรวมดูน่ารักไปอีกแบบ เธอวิ่งตามอากิโนะไปด้วยใบหน้าอันแดงก่ำเขินอาย
ไม่สิ้นความตื่นเต้น ฉับพลันเสียงร้องอุทานของเหล่าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เกิดดังขึ้น มากิถอดชุดเดรสเผยให้เห็นชุดบีกินี่แสนเซ็กซี่สีดำบนเรือนร่างของเธอ ซึ่งขับผิวขาวซีดได้น่าพิศวง หญิงสาวยิ้มพราวเสน่ห์ให้จิน แต่จินกลับทำหน้าเหนื่อยใจแทน
หลากคนอยากจะออกตัวเข้าหาทักทายมากิ แต่กลับหยุดชะงักเมื่อสบความกับนัยน์ตาโลหิตคู่นั้น ร่างกายสั่นกลัวคล้ายเจอสิ่งเลวร้ายอันฝังใจ พอได้สติกลับพบว่ามากิเดินไปเล่นน้ำกับพวกสองคนก่อนหน้าแล้ว
เหตุการณ์ยังคงวนเวียนอยู่กับการอยากทักทายและหยุดชะงักอยู่ต่อเนื่อง ไม่มีใครคิดหาญกล้าท้าทายสิ่งที่ใจปราถนาได้สำเร็จ
จินและมาโคโตะต่างก้มเก็บชุดเดรสกับผ้าคลุมไหล่ของพวกเธอ “เฮ้อ…ทำไมต้องมาเก็บของพวกนี้ให้พวกเธอด้วยเนี้ย”
หลังจากจัดเก็บข้าวของเสื้อผ้าของสามสาวเสร็จ ชายหนุ่มทั้งสองเลือกเดินไปนั่งบนทรายหาดขาวมองภาพตรงหน้าสลับกับอาการผิดหวังของเทนตะ
“จินมาเล่นด้วยกันสิ!” อากิโนะพูดเสียงเชิญชวนจินอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับสาดน้ำใส่เรย์กะกับมากิราวกับเด็กน้อย
จินพูดปฏิเสธพร้อมกับมีมาโคโตะนอนหลับกลางแดดอยู่ข้างๆ
ลางสังหรณ์ของบางอย่างใกล้เข้ามา เหงื่อเย็นผุดกลางหลังที่แนบกับเม็ดทราย คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน
แป้นนน! แป้นนน!
เสียงบิดเครื่องยนต์ของรถจักรยานยนต์ดังขึ้นเรียกร้องความสนใจ ทำเอาเหล่านักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนต่างผ่านกันสะดุ้งมองตามเสียงกันเป็นตาเดียว
ชายคนหนึ่งในทรงผมจิ๊กโก๋หลังวังเสยเป็นเนินท้าทายแสงพระอาทิตย์พูดขึ้นกับลูกพี่ด้วยเสียงดัง “ลูกพี่ดูนั่น!”
ส่วนตัวลูกพี่ที่อยู่ในทรงผมเดียวกันกับชายคนเมื่อกี้แต่สีผมเป็นสีเหลือง “แม่เจ้าโว้ย!” เขาอ้าปากค้างทันทีเมื่อมองไปยังอากิโนะกับมากิ ด้วยแววตาหื่นกระหายควันออกจมูก
ขบวนรถของเหล่าจิ๊กโก๋ท้องถิ่นต่างสวมชุดสีขาวกันทั้งหมด กลางปักด้วยรูปแปลกประหลาดและตัวหนังสือ พวกเขาขับรถมอเตอร์ไซต์ที่ดัดแปลงมากันนับยี่สิบคันได้ ทำเอาเหล่านักท่องเที่ยวกับผู้คนต่างพากันไปหาที่หลบด้วยความหวาดกลัว
ลูกพี่หัวเหลืองหันมาพูดอย่างอารมณ์ดีกับลูกน้อง “สงสัยคืนนี้มีสาวซ้อนท้ายแล้ววะพวกเรา”
เสียงเครื่องยนต์ประสานกับเสียงหัวเราะสะใจ พวกเขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากมองไปยังเป้าหมาย เมินสายตาเหนื่อยหน่ายจากจินที่นั่งใกล้
“สงบสุขไหมล่ะ”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

งานเข้าาาาา