ตอนที่ 190 : อำมหิตเกินคน!
ไอริสนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ขอบหน้าต่างสายตามองไปยังดวงจันทร์สีเหลืองนวลสวยลอยเด่นอยู่บนนั้นด้วยใบหน้าที่เหม่อลอย ผ่านมาสักพักแล้วหลังจากที่เธอได้ถอดคำสาปติดตัวมาตั้งแต่เกิดออกไป ผลลัพธ์นั้นเห็นได้ชัดจากนามบัตรของเหล่าแมวมองจำนวนมากมายที่เข้ามาทาบทามเธอ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีอยู่แล้วก็ตาม
“เราต้องการแบบนี้จริงเหรอ” หญิงสาวถามพระจันทร์ ซึ่งได้คำตอบเพียงสายลมที่หนาวเย็นกลับมา แต่แล้วใบหน้าแสนสวยนั้นก็แดงระเรื่อขึ้น เมื่อเธอนึกถึงใครบางคน มืออันเรียวงามลูบริมฝีปากตัวเองบางเบา “ภาพมันยังชัดเจนอยู่ในหัวอยู่เลย”
ก๊อก ก๊อก! “เข้าไปได้ไหม” ไอริสพลันสะดุ้งตัวหันไปมอง ก่อนจะพบว่าพ่อของเธอยื่นรออยู่หน้าห้องด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น
“ยังไม่เข้านอนเหรอคะ”
“พอดีมีบางอย่างต้องตัดสินใจ ชอบมองพระจันทร์เหมือนแม่เขาเลยนะเรา” คาเซะเดินเข้ามายืนด้านข้างไอริสพลางมองดวงจันทร์ลอยเด่นไปด้วย “สวยงาม แต่โดดเดี่ยว”
“นั่นสิคะ”
“พ่อดีใจนะ ที่คำสาปติดตัวเราหายไปสักที” ชายชราจับที่ไหล่หญิงสาวด้วยใบหน้าเป็นสุข ในชีวิตของเขามีเรื่องรู้สึกดีใจเพียงไม่กี่เรื่อง นับว่าเรื่องนี้ยิ่งใหญ่สำหรับเขาเป็นอย่างมาก เพราะในที่สุดคำขอของคนรักก็ได้ทำตามสำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
แต่เมื่อยิ่งคาเซะมองใบหน้าของลูกสาวเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งคิดถึงภรรยาที่อยู่บนนั้นขึ้นมาทุกที ใบหน้าของเธอถอดแบบผู้เป็นแม่มาเกือบแทบทั้งหมด
“แต่หนูรู้สึกไม่ชินยังไงไม่รู้” ไอริสเกาแก้มตัวเอง เพราะเธอเคยชินกับการปกปิดใบหน้าของตัวเองมานานนับสิบปี
“คงต้องใช้เวลาปรับตัวสักพัก แต่ก่อนอื่น ตามพ่อไปห้องทำงานหน่อยสิ พ่อมีเรื่องจะพูดด้วย” หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความจริงจังแฝงมากับคำพูด ผนวกเข้ากับใบหน้าที่จริงจังของผู้เป็นพ่อแล้ว เธอรู้สึกหนักใจขึ้นมาแปลกๆ
ใช้เวลาเพียงไม่นานทั้งสองก็เดินเข้าไปยังห้องทำงานของคาเซะ กลิ่นของพวกหนังสือลอยแตะจมูกไอริสทันทีที่เธอเดินเข้ามา
“มีอะไรเหรอคะ ท่านพ่อ” ไอริสเริ่มมีสีหน้าไม่ดี
“พ่อคิดทบทวนเรื่องนี้มาสักพักแล้ว พ่อคงต้องขอโทษล่วงหน้า แม้ว่าจะรู้ความรู้สึกของลูกก็ตาม” คาเซะถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมายื่นให้กับลูกสาวตัวเอง
หลังจากที่ไอริสอ่านไปไม่กี่บรรทัด ดวงตาของเธอพลันเปิดกว้างด้วยอาการตกใจ “ท่านพ่อก็รู้ว่าหนูไม่ได้ต้องการตำแหน่งหัวหน้าแก๊งหมาป่าเหมันต์เลยสักนิด ทำไมถึงยังยกให้หนูอีกล่ะ”
“เฮ้อ... เรื่องนี้พ่อก็หนักใจ แต่ว่าหากให้ไอแซกเป็นหัวหน้าแก๊งคนต่อไป คงเกิดสงครามระหว่างแก๊งครั้งใหญ่ตามมาแน่นอน ด้วยอารมณ์ของพี่ชายลูกด้วยนั้นแหละ” คาเซะทำหน้าเครียดอธิบาย
“หนูไม่เอาด้วยหรอก ยังไงหนูก็ไม่ได้ต้องการ” ไอริสยืนกรานเด็ดขาดพร้อมกับนำกระดาษนั้นวางบนโต๊ะ
“พ่อคิดไว้แล้วลูกต้องพูดแบบนี้ เฮ้อ... สงสัยแก๊งหมาป่าเหมันต์ของเราต้องมาสิ้นสุดที่พ่อแล้ว” ใบหน้าของคาเซะแก่ขึ้นไปอีกหลายปีกับความกังวลนี้
“อย่าพูดแบบนั้นสิท่านพ่อ หนูคิดว่าท่านพี่ไอแซกเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าหนูเสียอีก พี่เขาลงแรงกายแรงใจไปตั้งเยอะ อีกทั้งยังเป็นที่เคารพนับถือของสมาชิกทั้งหมดภายในแก๊งด้วย”
“ที่ลูกเห็นอาจจะไม่เป็นอย่างที่ลูกคิดไปทุกทีหรอก ลึกๆ แล้ว พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ของลูกนั้นเป็นคนแบบไหน” คาเซะแอบให้คนสะกดรอยตามไอแซกมาสักพักแล้ว แม้อยากจะปฏิเสธว่าลูกชายของตัวเองร้ายกาจเพียงไหนก็ไม่อาจทำได้ เพราะหลักฐานยื่นยันมันคาตาจริงๆ
“ท่านพ่อโปรดคิดทบทวนดูอีกทีเถอะค่ะ”
“นั้นสิครับ ท่านพ่อโปรดคิดดูใหม่อีกทีเถอะ” ไอแซกถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงานของคาเซะเข้ามาพร้อมกับพูดด้วยใบหน้าจริงจัง
“ท่านพี่” ไอริสทำสีหน้าลำบากใจ หากเลือกได้เธออยากไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย
“นี่แกแอบฟังอยู่งั้นเหรอ” คาเซะมองลึกเข้าไปในดวงตาของลูกชายตัวเอง
“ไม่ปฏิเสธ หากไม่ทำแบบนั้นผมจะรู้ได้ยังไงว่าท่านพ่อจะแอบมอบตำแหน่งหัวหน้าแก๊งให้ไอริส” ไอแซกล่าวโดยไม่หลบสายตา บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ไอริสยืนคั่นกลางระหว่างทั้งสองด้วยท่าทีกระวนกระวายใจเป็นที่สุด
“งั้นก็ดี! ในเมื่อรู้เรื่องแล้ว ไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก นับตั้งแต่นี้ต่อไป ไอริสเป็นหัวหน้าแก๊งหมาป่าเหมันต์ รุ่นที่ 58”
“ท่านพ่อ...” ไอริสแย้ง แต่ถูกคาเซะยกสัญญาณมือบอกให้เงียบแทน สถานการณ์เริ่มตึงเครียดเข้าไปทุกที
“ท่านพ่อคิดดีแล้วเหรอที่คิดจะเลือกทางนี้” ไอแซกกล่าวด้วยแววตาวาวโรจน์
“แกมันโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไปไอแซก คิดว่าพ่อไม่รู้เลยว่าแกสร้างห้องทรมานไว้ทรมานคนอื่น!” คาเซะปารูปจำนวนหลายใบใส่หน้าไอแซก บางแผ่นยังเฉียดบาดใบหน้านั้นด้วย
“แล้วมันยังไงกัน ทุกอย่างที่ผมทำลงไปก็เพื่อแก๊งของเราทั้งนั้น!” ไอแซกไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอย
“อย่าเอาเหตุผลแบบนั้นมาอ้าง มันฟังไม่ขึ้น แค่ก... แค่ก...” ความโกรธกริ้วเป็นเหตุให้โรคชราภาพของคาเซะกำเริบขึ้น
“ท่านพ่อใจเย็นก่อน” ไอริสเดินเข้าไปผยุงพ่อของตนเองด้วยใบหน้าเป็นห่วง
“อีกอย่าง ใครใช้ให้แกไปสนิทชิดเชื้อกับไอ้พวกองค์กรเนเมซิส พ่อบอกแกไว้ว่ายังไง พวกมันเป็นต้นเหตุให้แม่ของแกตาย!” สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด คือลูกชายของเขาไปสมคบคิดกับพวกองค์กรนักฆ่าบ้านั้น
“จริงเหรอท่านพี่” ไอริสแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“นี่ท่านพ่อให้คนสะกดรอยผมตามงั้นเหรอ!” ไอแซกมีท่าทีโมโห
“ไม่จริงใช่ไหมท่านพี่ ตอบน้องมาสิ มันไม่จริงใช่ไหม!” ไอริสเดินเข้าไปเขย่าแขนพี่ชายตัวเองที่ไม่แม้แต่จะเหลียวตามามองตน
“แกน่ะหลบไป!” ไอแซกสะบัดมือสุดแรงจนทำให้ไอริสลอยกระแทกเข้ากับผนังห้อง
“ไอแซก นี่แก! แค่ก... แค่ก...” คาเซะลุกขึ้นชี้หน้าด่าลูกชายตัวเอง ก่อนจะปิดปากตัวเองไออย่างรุนแรง
“ท่านพ่อทำให้ผมไม่มีทางเลือกเองนะ อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน” ไอแซกกล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม เขายื่นแขนข้างขวาออกไปข้างหน้า กลไกเริ่มทำงานกลายสภาพแขนกลจนเป็นปืนใหญ่ที่พร้อมจะยิงขึ้นมา
“นี่แกคิดจะทำอะไร!” คาเซะเงยหน้ามองลูกชายตัวเองอย่างไม่คิดเชื่อ เขาไม่คิดว่าไอแซกนั้นจะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดที่จ่อปืนมายังพ่อตัวเองได้
“ท่านพี่อย่า...” ไอริสขอร้องทั้งน้ำตา เธอเดินกุมท้องตัวเองมายังที่ไอแซกด้วยความพยายามกั้นความเจ็บปวด
“ตั้งแต่จำความได้ เคยมีสักครั้งไหมที่ท่านรักลูกชายคนนี้ ทุกคำพูดของท่านก็มีแต่ลูกสาว แม้ลูกชายคนนี้จะพยายามแค่ไหน มันก็ไม่เคยดึงความสนใจของท่านให้หันมามองค่าของมัน” ไอแซกพูดด้วยความคับแค้นใจ นัยน์ตาเบิกกว้างโมโหสุดขีดจนน้ำตาเริ่มเอ่อล้น พลังงานภายในปืนส่องสว่างพร้อมยิงได้ทุกเมื่อ
“เจ้ามันไม่รู้อะไรเลยจริงๆ ข้าผิดเองที่เป็นคนสอนเจ้าให้กลายเป็นคนแบบนี้” คาเซะเริ่มเห็นชะตากรรมตัวเอง เขาหันไปมองหน้าลูกสาวตัวเองก่อนจะยิ้มให้กับเธอ
“ลาก่อนลูกรัก” เขามองหน้าทั้งสองก่อนจะหลับตา
“ทะ ท่านพ่อ อย่าทำแบบนี้ท่านพี่ อย่าทำเลยนะ...” ไอริสส่ายหน้าด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา ในใจเธอภาวนาของเรื่องทุกอย่างนี้เป็นเพียงความฝัน
ปัง! …กระสูนปืนใหญ่ยิงตรงหัวใจคาเซะจนทะลุมองเห็นอีกด้าน
“ไม่!!!” ในวินาทีที่ร่างของคาเซะล้มลงกับโต๊ะ ไอริสร้องแผดเสียงลั่นด้วยหัวใจที่แตกสลาย ทั่วทั้งกายของเธอเจ็บปวดจนเหมือนมีเข็มแหลมจำนวนมากมายทิ่มแทงซ้ำไปมา ไอริสล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรง ปากของเธอเอาแต่พูดคำเดิม
“ทำไมท่านถึงทำแบบนี้ ท่านฆ่าพ่อของตัวเองได้ยังไงกัน!” ไอริสกึ่งเดินกึ่งคลานเข้าไปทุบตีไอแซก
“ไม่ต้องเป็นห่วง... เดี๋ยวแกก็ต้องไปอยู่กับไอ้แก่นั่นแล้ว” ไอแซกเหนี่ยวรั้งพลังงานไว้ที่แขนก่อนจะเล็งไปที่หัวของน้องสาวตัวเอง
แววตาของไอริสนั้นมองไอแซกต่างไปจากเดินทันที ความเคารพนับถือไม่ได้มีหลงเหลือในดวงตาสีเทาของเธออีกต่อไป แววตาของเธอยิ่งเข้าไปกระตุ้นแรงแค้นของไอแซกเข้าอย่างจัง
“อย่าโกรธกันเลยนะ โลกมันก็แบบนี้แหละ”
ปัง! ...กระสูนยิงพลางโดนเข้ากับรูปบางแผ่นและทำให้พื้นห้องเป็นรูป
“แกเป็นใคร” ในเสี้ยววินาทีที่กระสูนปืนเกือบโดนหน้าผากของไอริส ทันทีนั้นก็มีใครบางคนมาพาร่างของเธอหลบไปได้อย่างรวดเร็ว จนไอแซกมองแทบไม่ทัน เขาเห็นเพียงภาพเลือนลางเท่านั้น
“ฆ่าพ่อของตัวเองไม่พอ ยังคิดจะฆ่าน้องสาวตัวเองด้วยงั้นเหรอ เลวยันเงาจริงๆ” ชายลึกลับในชุดอำพลางตนพูดโดยอุ้มไอริสที่สลบไปด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิง แม้ไอแซกจะพยายามหรี่ตามองก็ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของชายตรงหน้านั้นได้เลยสักนิด ความไม่คุ้นเคยบวกกับเสียงที่แปลกประหลาดยิ่งทำให้เขาไม่สามารถระบุได้เลยว่าเป็นใคร
“ไม่ใช่เรื่องของแก อย่ามาสะเออะ!” ไอแซกตวาดลั่นพลางชี้ปืนไปยังชายคนนั้น
เกิดอะไรขึ้น!? เสียงมาจากห้องทำงานนายท่าน! รีบไปกันเร็ว!
เสียงเอะอะข้างนอกทำให้ไอแซกละสายตาจากชายแปลกหน้าไปเสี้ยววิ ก่อนจะหันมาแล้วพบว่าชายคนดังกล่าวไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว รวมถึงไอริสด้วย ไอแซกจิ๊ปากกำหมัดแน่นด้วยความขัดใจ เขารีบเก็บรูปภาพที่คาเซะปาใส่จนเรียบร้อยอย่างไว
“นายน้อยเกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้พวกเราได้ยินเสียงปืน!” เหล่าสมาชิกของแก๊งรีบเดินเข้ามาในห้องด้วยความกระวนกระวายใจ
“นายท่าน!”
“ท่านพ่อ! ไม่นะท่านพ่อ! มีคนเข้ามาลอบสังหารท่านพ่อ มันลักพาตัวไอริสไปด้วย รีบพาคนออกตามหามันเร็วเข้า ไม่ว่ายังไงต้องเอาหัวมันกลับมาให้ได้!” ไอแซกรีบวิ่งเข้าไปหาคาเซะพร้อมน้ำตา ก่อนจะออกคำสั่งด้วยใบหน้าโกรธแค้นจนแดงก่ำ
“นายน้อยโปรดวางใจ พวกเราจะต้องพาตัวคุณหนูกลับมา และแก้แค้นแทนนายท่านให้ได้ ทุกคนไป!” เหล่าสมาชิกทั้งหลายต่างน้ำตานองหน้าและรีบออกตามหาคนร้ายนั้นด้วยอาวุธครบมือ
‘บ้าเอ้ย! รอดไปจนได้’ ไอแซกกัดปากข่มใจแน่น จนสมาชิกที่เหลือต่างคิดไปว่าชายหนุ่มนั้นโกรธแค้นนักฆ่าที่เข้ามาจนอดกลั้นไม่ไหว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ค่อยๆทรมาณ
นะครับ