ตอนที่ 171 : อั้นพูดมา?
“ให้ตายเถอะ! นี่มันมหาวิทยาลัยหรือว่าสวรรค์บนดินกันแน่ ดูแต่ละคนนางฟ้าทั้งนั้น นู่นๆ จินดูคนนู้นสิ แม่คุณ… เธอช่างขาวยังกับแสงไฟนีออน นั่นๆ คนนั้นอีก” เทนตะชี้ไม้ชี้มือไปคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างตื่นเต้นพร้อมกับชักชวนจินให้ดูตามที่เขาเห็นอีกด้วย
วันนี้การเรียนการสอนของพวกจินได้จบลงแล้ว และกลุ่มของจินนั้นกำลังนั่งอยู่ใต้อาคารเรียนที่มีหลังคาโดมขนาดใหญ่คอยกันแสงแดดและลมฝนไว้อย่างดีอยู่ด้านบน ซึ่งไม่ได้มีแค่กลุ่มพวกเขาเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น รอบข้างยังมีอีกหลายโต๊ะที่มีหลายกลุ่มจับจองนั่งกันเต็มไปหมดอยู่อีกด้วย บ้างก็มาอ่านหนังสือเรียนเพื่อทบทวนและเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนในวันพรุ่งนี้ บ้างก็มานั่งเม้ามอยกันสนุกสนานทำความรู้จักเพื่อนใหม่ บ้างก็มาส่องสาวอย่างที่เทนตะกำลังทำอยู่ในตอนนี้
จินแทบอยากจะแทรกหน้ามุดแผ่นดินหนีหายไปกับท่าทางตื่นเต้นของเพื่อนเขา ซึ่งมีไม่น้อยที่มองมายังกลุ่มแล้วหัวเราะเบาๆ ให้อีกด้วย โดยที่เจ้าเทนตะกลับคิดว่าคนพวกนั้นชอบพอตัวเองไปเสียอย่างนั้น
“กลุ่มนั้นยิ้มมาให้ด้วยวะจิน ฉันว่าตัวเองน่าจะมีโอกาสแล้วแหละ ขอตัวก่อน” เทนตะลุกขึ้นหลังจากพูดเสร็จทันที
“นายคิดไปเองเพื่อน ไม่รู้ตัวว่าลืมรูดซิปหรือไง” จินรั้งแขนเทนตะไว้ได้ทัน
“หะ! รูดแล้วเว้ย เออ... รูดแล้วนี่หว่า” เทนตะโวยวายก่อนจะก้มไปดูแต่ก็โล่งใจที่รูดเรียบร้อยแล้ว
“เบาๆ หน่อยได้ไหมเทนตะ ไปอั้นพูดที่ไหนมา พวกฉันอายจนไม่รู้เอาหน้าไว้ไหนแล้ว” อากิโนะอยากจะชิ่งหนีหายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ติดที่ว่าพ่อของเธอกำลังเดินทางมารับ จึงต้องรอในจุดนี้ไปก่อน
“ไม่เอาน่าอากิโนะ นี่มันชีวิตวัยรุ่น วัยรุ่นเชียวนะ คึกคักกันหน่อยๆ” เทนตะชูนิ้วโป้งให้กับเพื่อนสาวก่อนจะยิ้มกระชากใจให้อีกทีหนึ่ง “ฉันพูดได้ดีใช่ไหม มาโคโตะ” ก่อนจะหันหน้าไปถามความเห็นเพื่อนอีกคน
“...” เทนตะยิ้มแป้นเมื่อเห็นมาโคโตะพยักหน้าสนับสนุน
“นายก็อีกคนมาโคโตะ ช่วยห้ามมันไว้หน่อยสิ” อากิโนะไม่วายหันไปต่อว่าเพื่อนหนุ่มผู้เงียบขรึมอีกดอก ทำเอามาโคโตะถอนหายใจอย่างปลงๆ ออกมา
“แล้วนั้นนายจะไปไหนจิน” เทนตะหันไปมองจินเสี้ยววิก่อนจะหันกลับมามองสาวต่อ
“จะไปเข้าห้องน้ำ ไปด้วยกันไหมล่ะ”
“ไม่ ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ดีกว่า อาหารตาเพียบ!” เทนตะปัดมือปฏิเสธโดยไม่หันมามอง
“ให้อิ่มไปเลยนะ ข้าวเย็นวันนี้ไม่ต้องกิน”
“อาหารตากับอาหารท้องมันต่างกันเฟ้ย!” เทนตะแยกเขี้ยวใส่เพื่อน
“ฮ่าๆๆๆ” พร้อมกับมีเสียงหัวเราะในกลุ่ม โดยที่มีเสียงเรย์กะปนมาด้วย ทำเอาทั้งกลุ่มหยุดชะงักไปเกือบวินาทีและก็หัวเราะต่อกันอย่างไม่สนใจ
(พวกเพื่อนของเจ้านี่สนุกดี เรายังอดอมยิ้มตลอดไม่ได้เลย) เสียงของเทพสาวดังขึ้นด้านข้างจิน โดยที่เธอกำลังหายตัวเดินอยู่กับเขา
(ก็นะ ว่าแต่ท่านจะตามผมเข้าห้องน้ำหรือยังไง ต้องประกบขนาดนั้นเลยเหรอ) จินทำหน้าแปลกๆ ออกมา ทำเอาเทพสาวรู้สึกหน้าแดงอย่างไม่ทราบสาเหตุ แล้วเริ่มทำตัวร้อนรนๆ อย่างไม่เคยเป็นมา
“บะ บ้าเหรอ เราแค่อยากชมสถานที่นี้เท่านั้น อีกอย่าง เราอยากเริ่มตรงจุดนี้ด้วย” ฮิวาริพูดตะกุกตะกัก แล้วรีบเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่หันกลับมามองจิน
“เทพเจ้าเขาก็หน้าแดงเป็นด้วยเหรอนี้” จินส่ายหัวน้อยๆ ให้กับท่าทางของเธอ ก่อนจะมีสายตารอบข้างมองมาทางเขาอย่างสงสัย ที่จินพูดกับตัวเองแบบนี้
‘ ไม่น่าเลย หน้าตาก็ดูดีแท้ๆ ’ นั้นคิดสิ่งที่อยู่ในหัวสื่อผ่านสายตาของทุกคน
“เอ่อ... ปิดทำความสะอาด” จินอ่านออกเสียงป้ายแจ้งเตือนหน้าห้องน้ำของตึกด้วยใบหน้าเซ็งๆ “แล้วทีนี้จะไปเข้าที่ไหนละเนี้ย” เขามองไปรอบๆ ซึ่งก็มีป้ายเหลืองๆ แบบนี้ติดเกือบทุกอาคาร
“ขอโทษนะครับ”
“คะ!?” สาวแว่นหน้าตาน่ารักตกใจอุทานออกมา โดยที่จินโน้มตัวลงมาถามอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะดูจากท่าทางแล้วเธอน่าจะอยู่ปีสอง
“นอกจากแถวนี้แล้ว พอทราบไหมครับว่ามีห้องน้ำที่ไหนอีก” จินถามด้วยความสุภาพ
“หะ หากเป็นเวลานี้ แถวตึกชมรมแถวนั้นน่าจะยังไม่ได้ทำความสะอาดค่ะ” เธอชี้ไปยังตึกที่อยู่ทางขวามือของจิน ซึ่งมันค่อนข้างเก่าหากมองจากสภาพโดยรวมแล้ว อีกทั้งยังให้บรรยากาศวังเวงแปลกๆ อีกด้วย
“ขอบคุณมากครับ” จินหยักหน้ายิ้มขอบคุณก่อนจะเดินไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้สาวน้อยหน้าใสมองตามแผ่นหลังอยู่สักพักก่อนจะเดินไปตามทางของเธอต่อ
จินรีบจัดการธุระตัวเองอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องการให้สิ่งที่ไม่ได้รับเชิญโผล่มาทักทายเขา แต่ทว่า... ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกจากห้องน้ำไป เขากลับได้ยินเสียงบางอย่างจนต้องชะงักตัวหยุดล้างมือทันที
“เสียงเปียโน...” ราวกับร่างกายของจินถูกมนต์สะกดจนต้องทำให้เขาเดินตามเสียงไปเรื่อยๆ
ทั้งจังหวะและท่วงทำนองต่างไหลลื่นราวกับสายน้ำ แต่แฝงไปด้วยความสดชื่นที่น่าหลงไหลอย่างแปลกๆ พอเขารู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่หน้าห้องชมรมดนตรีไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มมองลอดผ่านกระจกสี่เหลี่ยมเล็กๆ ตรงประตูเข้าไป แล้วก็ต้องแปลกใจ ที่เขาได้เห็นหญิงสาวแสนคุ้นตากำลังวางมือเรียงนิ้วสวยเล่นเปียโนหลังใหญ่สีดำอยู่ ดูเหมือนเธอกำลังจมเข้าสู่โลกที่เธอเพิ่งสร้างไปจนลืมตัวตนบนโลกแห่งนี้ไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“คุณไอริสหรอกเหรอ” จินมองหญิงสาวที่สวมหน้ากากอนามัยสีดำที่นั่งอยู่ตรงนั้น
เคร้ง!
จินหันไปตามเสียงดังที่เกิดขึ้น ก่อนจะพบว่าหญิงสาวสองคนได้ทำฉาบเครื่องดนตรีกระทบตกกับพื้น ซึ่งทั้งสองต่างรีบก้มเก็บอย่างรวดเร็วและเดินจากไปด้วยความเขินอาย ทำเอาจินหันไปมองด้านในห้อง แต่ก็รู้สึกโล่งใจที่คนข้างในยังคงเล่นต่ออย่างไม่สะดุด
“ทำไมเราต้องโล่งอก?” จินพูดกับตัวเองพร้อมกับส่ายหัวยิ้มน้อยๆ ออกมา แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ไปไหน เขายังคงยืนพิงหลังเข้ากับกำแพงแถวประตูห้อง เพื่อฟังบทเพลงที่หญิงสาวลงมือบรรเลงต่อไปอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่า หญิงสาวภายในห้องกำลังยิ้มออกมาอย่างบางเบาเช่นกัน
ช่วงเวลาที่คล้อยต่ำลงพร้อมกับอากาศเริ่มหนาวเย็นจากดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลาลับขอบฟ้าในวันนี้ ด้านบนดาดฟ้าของตึกสูงแห่งหนึ่งได้มีชายหนุ่มกับหญิงสาวสองคนมองทิวทัศน์ด้วยกันอยู่
ควันจากบุหรี่ของหญิงสาวลอยสะพัดตามแรงลมกระทบเข้ากับหน้าของชายหนุ่ม ผู้ที่กำลังทำหน้าจริงจังอยู่ด้วยท่าทีนิ่งสงบไม่หลบหนีควันพวกนั้น
“ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจนคิ้วจะชนกันอยู่แล้วนะคลาวด์” หญิงสาวพ่นควันบุหรี่อัดหน้าชายหนุ่มไปอีกครั้ง
“ยังไม่เลิกอีกเหรอ” คลาวด์กล่าวทักพร้อมกับมองบุหรี่ที่อยู่ในมือของหญิงสาว
“พยายามอยู่ ว่าแต่... กี่ปีแล้วนะที่พวกเราเดินทางสายนี้กัน 10 ไม่สิ 15 หรือเปล่า” หญิงสาวใบหน้าสวยแต่แฝงความร้อนแรงผ่านดวงตาเอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ
“13 ปี” ชายหนุ่มวัยกลางคนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“คนอะไรจะจริงจังได้ทุกเวลาแบบนี้ หัดผ่อนคลายบ้างสิ” มาร์ธาไล่นิ้วตามแขนที่มีแต่กล้ามเนื้อของคนข้างๆ
“ฉันไม่อยากพลาด” ชายหนุ่มพูดราวกับไม่มีความรู้สึกใดๆ
“ยังไม่ลืมอีกเหรอ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้น มันไม่ใช่ความผิดของนาย”
“...” คลาวด์ได้ยินแต่เลือกที่จะไม่ตอบคำถามนี้
“อีกอย่างนายก็รู้ใช่ไหม ว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย ทำไมถึงไม่เปิดใจให้กันบ้าง” ดวงตาคมของหญิงสาวลูบต่ำลงจนสร้างบรรยากาศแสนเศร้าออกมา
“มาร์ธ---”
“ไม่ต้องพูด! ฉันรู้อยู่แล้ว...” มาร์ธาตระโกนเสียงขึ้นโดยที่คลาวด์ยังพูดชื่อเธอไม่จบ เพียงแค่นั้นมันได้ทำเอาหญิงสาวสะท้านไปทั้งตัว พร้อมกับปวดแสบทั่วทุกรูอณูขุมขนอย่างแสนสาหัสโดยไม่ทราบสาเหตุ
ท่าทางก้มหน้าของหญิงสาวผู้นี้ ทำเอาคลาวด์รู้สึกผิดจนต้องเดินเข้าไปใกล้ๆ ชายหนุ่มค่อยๆ ยกมือขึ้นเหนือศีรษะหญิงสาวคล้ายกับกำลังจะลูบหัว แต่เขากลับชักมือกลับมาไว้ที่เดิมแล้วเดินไปยืนแถวขอบดาดฟ้าแทน
“นายไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะคลาวด์ นายที่คอยจริงจังแต่เรื่องอย่างอื่น แต่ไม่เคยจริงจังกับความรู้สึกตัวเองเลยสักนิด” หญิงสาวสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะปรับอารมณ์กลับมา ถึงเธอจะพูดแบบนั้นก็ไม่ทำให้ชายหนุ่มหันมามองเธอเลยแม้แต่น้อย “เอาเถอะ... หัวหน้าฝากงานชิ้นนี้มาให้นาย แล้วยังทิ้งท้ายฝากมาบอกอีกด้วยว่า ห้ามพลาด”
คลาวด์รับแฟ้มเอกสารที่ห่อมาอย่างดีจากมือของหญิงสาวด้วยท่าทีนิ่งๆ ทำเอาหญิงสาวเจ็บแปลบที่หน้าอกขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันจะรอ” พร้อมกับทิ้งท้ายก่อนเดินลงไป ทำเอาชายหนุ่มเงยหน้ามองตามทางที่เธอเดินจากไป
“บางอย่างเธอไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องเลยสักนิดมาร์ธา ฉันจะทำให้เธอหลุดพ้นจากวังวนบ้าบอพวกนี้เอง” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองก่อนจะเปิดเอกสารขึ้นมาดู แล้วต้องตาโตตกใจอย่างไม่เคยมีมา
“คงต้องแจ้งเรื่องนี้กับนายท่านแล้ว”
ผัวะ! ผัวะ!!! ใบหน้าผู้เคราะห์ร้ายถูกใครบางคนชกเข้าจนต้องหันตามแรงเหวี่ยงไปชนเข้ากับผนังของสิ่งก่อสร้างด้านข้างอย่างจัง จนต้องสลบลงไปพร้อมกับมีอาการบวมบริเวณที่โดน
“มีใครอยากลองดีอีกไหม รีบดาหน้ามาให้หมด!!!” มาร์คเช็ดเลือดที่ปากออก ก่อนจะถุ้ยน้ำลายปนเลือดลงพื้นไปด้วย
ด้านหลังของเขาต่างเต็มไปด้วยเหล่าลูกน้องสมาชิกของแก๊งมังกรคำรามยืนเรียงรายด้วยใบหน้าที่หาเรื่องจนถึงขีดสุด
ด้วยกฏและระบบธรรมเนียมที่สืบทอดกันมา ทำให้การดวลเดือดระหว่างแก๊งนั้นไม่ได้มีความรุนแรงจนถึงขั้นใช้อาวุธสงคราม พวกเขายังคงยึดถือและเชื่อมั่นในวิถีลูกผู้ชายผ่านกำปั้นของตัวเองอยู่
“นายจะเท่เกินหน้าเกินตาไปแล้วมาร์ค” ชายหนุ่มชุดสูทสีแดงที่มีสภาพไม่ต่างจากมาร์คพูดขึ้นอย่างยิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าหาเรื่อง
ซึ่งทั้งสองกลุ่มแก๊งนั้นกำลังอยู่ในเขตพื้นที่ทิ้งร้างของตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จดี หากมองจากมุมสูงจะเห็นสัญลักษณ์ของแก๊งจากแผ่นหลังของเหล่าผู้คนในที่นี้ โดยทางด้านซ้ายนั้นจะเป็นแก๊งมังกรคำรามที่มีตรามังกรสยายปีกสีเหลืองทองอยู่ ส่วนด้านขวาจะแก๊งคชาสารเดือดซึ่งมีตราช้างสีแดงสดกำลังยกขาหน้าขึ้นโชว์พละกำลัง
“ปะ เป็นแค่จิ้งเหลนเหลือง ดันทำปากเก่งอย่างกับสุนัขเสียอย่างนั้นนะ” น้ำเสียงเย้ยหยันของชายหนุ่มร่างใหญ่ผู้มัดผมไปด้านหลังเอ่ยขึ้น จนสร้างเสียงหัวเราะทั้งฝั่งนั้นตามมา
“สภาพแบบนั้น ไม่คิดว่ายังพูดได้อยู่ สงสัยต้องทำให้พูดไม่ได้ไปอีกสักพักแล้วล่ะ อ้าวเฮ้ย! เฮ้อ... ฟิวส์ขาดอีกแล้วเจ้ามาร์ค”
ยังไม่ทันที่เอย์จิจะพูดเสร็จดี มาร์คก็กระโจนเข้าไปซัดคนที่พูดเมื่อกี้อย่างไม่ลืมหูลืมตา จนทำให้ทั้งสองฝั่งวิ่งปะทะกันอย่างดุเดือดไปในที่สุด โดยที่ไม่รู้เลยว่าการกระทำเหล่านั้นกำลังอยู่ในสายตาของใครบางคน
“นี่นะเหรอ... แก๊งมังกรคำรามที่นายหญิงบอกให้เฝ้าดูและระวังไว้ ไม่เห็นเท่าไหร่เลย เสียเวลาชะมัด”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

1,434 ความคิดเห็น
-
#1341 ❥Woaini (จากตอนที่ 171)วันที่ 10 มีนาคม 2562 / 15:41รอค่าาาา#1,3410
-
#1340 gitsung (จากตอนที่ 171)วันที่ 10 มีนาคม 2562 / 13:22เอาอีกๆๆๆ#1,3400