ตอนที่ 161 : แค่เท่านี้...
กล่าวกันว่า เส้นทางลูกผู้ชายไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เช่นเดียวกับเส้นทางแห่งนักสู้ของยากูซ่าทั้งหลาย พวกเขาต่างตัดผ่านผ่าฟันอุปสรรคเหตุผลบ้าบอต่างๆ นานามานับไม่ถ้วน แต่นั้นแหละ... สิ่งที่พวกเขาผ่านพ้นมาแล้วมักจะคอยตอกย้ำถึงความหมายของเส้นทางที่พวกเขาได้เลือกเอง เฉกเช่นเดียวกับเอย์จิและมาร์คในตอนนี้
“ไม่คิดเลยว่าโปรแกรมการฝึกซ้อมจากอาจารย์สแตนจะสามารถยกระดับพลังของพวกเรามาได้ไกลได้ขนาดนี้” เอย์จิพูดขึ้นขณะเพิ่งต่อยหน้าของศัตรูไปหมาดๆ
“แรกๆ ฉันก็ไม่อยากเชื่อหรอกว่าไอ้การทรมานร่างกายแบบนั้นจะทำให้เรามีพลังได้แบบนี้” มาร์คเช็คเลือดที่มุมปากของตัวเองออก ก่อนจะถอดเสื้อคลุมสีดำโยนทิ้งลงกับพื้น
ด้วยสาเหตุที่ว่าในตอนนี้ทางแก๊งมังกรคำรามถูกหลายแก๊งมากมายหมายตาอยู่ ทำให้พวกเขาเหล่าหัตถ์แห่งมังกรต้องลุกขึ้นมาสู้อยู่ในทุกๆ วัน และนั้นทำให้สแตนอาสาฝึกสอนทุกคนแทนจินที่สลบไป ซึ่งไอ้เรื่องพวกนี้สแตนก็ไม่ได้เอามาจากไหนหรอก ทั้งหมดเป็นสิ่งที่จินมักทำเป็นประจำตอนอยู่ในโลกของเขา แล้วนั้นจึงเป็นเหตุทำให้ทุกคนเรียกชื่อของสแตนเปลี่ยนไป จนเขาถูกยกย่องให้เป็นอาจารย์ไปในที่สุด ความโหดหินนั้นไม่ต้องพูดถึง แต่คุณค่าที่ได้รับมานั้นมีค่ามากกว่านั้นหลายเท่า
ตู้มมม!!! …เอย์จิกระชับสนับสีแดงสดราวเปลวเพลิงในมือ ก่อนจะปล่อยคลื่นพลังไฟออกไปทำลายกลุ่มแก๊งที่หาญกล้ามาท้าทายกับพวกเขาไปในทีเดียว
อีกอย่างที่สำคัญเลย... เหล่าหัตถ์แห่งมังกรทั้งหมดสามารถยกระดับพลังวิญญาณไปถึงขั้น 2 ได้แล้วทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เจมส์กับฮานะที่เพิ่งใช้พลังเป็น อาจเป็นเพราะพรสววรค์ที่พวกนั้นมีอยู่มาก่อนหน้านี้แล้วก็เป็นได้
“ดูกี่ทีๆ ก็ไม่อยากเชื่อด้วยตาตัวเองเลยว่าฉันจะทำอะไรอลังการได้แบบนี้” เอย์จิปัดฝุ่นตามตัวออก ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อของตัวเอง
“เล่นกวาดทีเดียวหมดแบบนี้ แล้วฉันจะทำผลงานอะไรให้ท่านชาโต้กับท่านหัวหน้าได้เห็นกันละ” มาร์คพูดอย่างน้อยใจ
“ถือว่าคนพวกนี้ลดลงไปเยอะแล้วนะ อาจเป็นเพราะท่านหัวหน้าฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า คนพวกนี้เลยเลิกทำอะไรบ้าๆ” เอย์จิสบถไปทางเหล่าคนที่นอนโอดอวยอยู่กับที่
หากนับตามจำนวนของคนที่นอนสลบเหมือดอยู่นั้น เรียกได้ว่าในช่องแคบๆ แห่งนี้มีคนถึง 50 คนอัดกันอยู่เลยทีเดียว เป็นจำนวนที่ไม่ใช่เล่นๆ สำหรับคนสองคนที่ต้องเผชิญหน้า
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ” มาร์คภาวนาภายในใจ ก่อนจะพากันเดินออกจากสังเวียนช่องแคบออกไป
เพล้งงง!!! ตู้มมม!!!
แต่แล้วกลับมีเสียงบางอย่างดังขึ้นบนดาดฟ้าไม่ไกลจากจุดที่พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ ทั้งคู่ต่างเห็นแสงสีฟ้าครามกับแสงสีเงินนวลสว่างจ้าเป็นพักๆ ขึ้นมาอีกด้วย
“สงสัยคุณฮานะกับคุณเจมส์จะจัดเต็มกันเลยทีเดียวนะวันนี้” เอย์จิพูดกับเพื่อนของเขา แต่สายตามองด้านบนอย่างไม่ว่าง
“ฉันเข้าใจความรู้สึกนายที่มีต่อฮานะ เอย์จิ แต่ไม่ว่าฉันจะดูยังไงๆ เธอก็เหมือนมีใจให้กับท่านหัวหน้าเสียมากกว่า” มาร์คบอกเพื่อนของตัวเองด้วยความหวังดี
หากมองด้วยตาดีๆ แล้ว ฮานะนั้นมักจะเย็นชาใส่ทุกคนไม่เว้นแม้แต่ชาโต้ เรียกได้ว่าไม่อยากสุงสิงกับใครเลยก็ว่าได้ ทุกวันนี้พวกเขาทั้งสองยังไม่มีใครคุยกับฮานะได้เกิน 10 ประโยคเลย ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่เรื่องงานก็คงเป็นเรื่องการทักทายตามมารยาทที่พบกันเสียมากกว่า แต่ยกเว้นกรณีของจิน เธอกลับตอบโต้และพูดกับเขาอย่างเป็นกันเองได้อย่างน่าแปลกประหลาด
“ความรักไม่ใช่การครอบครองหรอกวะ อีกอย่างฉันก็ไม่ได้หวังว่าจะให้เธอมารักมาชอบอะไรด้วย พวกเราก็โตๆ กันแล้วนี่ นายน่าจะเข้าใจความคิดอะไรแบบนั้นนะ” เอย์จิพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขากำลังมีความสุข
“พูดเหมือนดูดีนะ แต่นายมั่นใจเหรอว่าจะทำได้อย่างที่พูด” คำพูดมาร์คเหมือนมีดคมที่กำลังทิ่มแทงหัวใจของเอย์จิอย่างหนักหน่วง
“ดูพูดกับเพื่อนเข้าสิ” เอย์จิส่ายหน้าแบบยิ้มๆ ก่อนจะหันไปทางการต่อสู้ด้านบน
“นั้นมันก็อยู่ที่นายแล้ว เอาเถอะ... งั้นพวกเราไปกันก่อนดีกว่า ฉันละอยากอาบน้ำเข้านอนเร็วๆ” มาร์คพูดอย่างเร่งๆ และเดินหน้าไปโดยไม่ฟังคำตอบจากเพื่อนของเขา
“ฉันก็เหมือนกันนั้นแหละ” เอย์จิพูดเสร็จแล้วเดินตามมาร์คไปยังจุดที่พวกเขาจอดรถไว้ แต่ชายหนุ่มวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลาไม่ลืมที่จะหันไปมองด้านบนอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาเดินหน้าต่อไป
ทางด้านการต่อสู้ของฮานะกับเจมส์นั้น เรียกได้ว่าดุเดือดเผ็ดมันกว่าพวกเอย์จิกับมาร์คหลายเท่า เพราะพวกเขาทั้งสองกำลังรับมืออยู่กับนักฆ่าที่ส่งมาเก็บกวาดเหล่าหัตถ์แห่งมังกรโดยเฉพาะ แต่ไม่ใช่พวกของคนในองค์กรเนเมซิส อาจจะเป็นที่ไหนสักแห่งของโลกมืดที่กว้างใหญ่บนโลกใบนี้ก็ได้ ซึ่งทุกคนที่นี้ต่างสวมชุดดำและยืนอยู่ตรงหน้าฮานะกับเจมส์ แล้วทั้งคู่สามารถมองเห็นได้ว่าพวกเขาทั้งสิบคนมีเข็มกลัดดวงอาทิตย์สีเขียวอยู่กลางหน้าอกทุกคน
พรึ่บ... การเคลื่อนไหวเหนือมนุษย์ของฮานะกับพวกนักฆ่านั้นเรียกได้ว่าเร็วยิ่งกว่ารถจักรยานยนต์ความเร็วสูงเสียอีก พวกเขาต่างทิ้งร่องรอยบางอย่างที่เป็นเหมือนภาพเบลอไว้เบื้องหลังเพียงเท่านั้นในการขยับตัวแต่ละครั้ง
“ไหวไหมฮานะ ถ้าไม่ไหวยังไงฉันจะโทรเรียกกำลังเสริมมาได้นะ” เจมส์พูดขณะรับมืออยู่กับนักฆ่าอีกคนที่สวมหน้ากากสีเงินรูปร่างแปลกๆ อยู่
“น่าจะพอไหวคะ” ฮานะพูดเสร็จก็ดึงดาบคาตานะออกมาจากหลัง เตรียมพร้อมสำหรับการเอาจริงเสียที
‘ เอาแล้วไง! สงสัยงานนี้คงไม่มีใครรอดอีกแน่นอน ’ เจมส์พูดในใจก่อนจะยิ้มตามท่าทางของฮานะ
ชิ้ง! ฉัวะ! …แสงสีฟ้าครามพุ่งเข้าใส่นักฆ่าตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จนแม้แต่เจ้าตัวยังมองไม่เห็นเลยว่าแขนข้างหนึ่งของเขาถูกอะไรฟันลงไปจนสามารถขาดได้เรียบเนียนแบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยความเป็นมืออาชีพและใช้ชีวิตในโลกด้านนี้มานาน คำอุทานหรืออาการตกใจกลับไม่มีให้ฮานะกับเจมส์ได้เห็น เขาทำเพียบจิ้มไปที่แขนของตัวเอง ก่อนเลือดที่เคยไหลออกมามากมายเมื่อกี้ได้ค่อยๆ หยุดลง พร้อมกับแผลได้หดตัวอย่างน่าแปลกประหลาด
“ก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกคุณมาจากไหน และทำงานให้ใคร แต่มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่โลกใบนี้จะขาดคนมีฝีมืออย่างพวกคุณไปในวันนี้” เจมส์พูดเสร็จก็ดึงอาวุธคู่ใจของตัวเองออกมา ซึ่งมันเป็นปืนพกคู่สีเงินมันวาวลายมังกรที่กำลังคำราม
“พวกแกปากดีได้แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ” หนึ่งในสิบของนักฆ่าที่อยู่ตรงนี้พูดขึ้น แต่พวกเขาทั้งสองกลับมองไม่เห็นว่าใครเป็นคนพูด เพราะทุกคนต่างสวมหน้ากากสีดำไว้กันหมดแล้ว จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สวมหน้ากากสีเงินขาว ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มพวกนี้
ปัง! …กระสุนสีเงินนัดหนึ่งถูกยิงออกไป พร้อมกับหัวของหนึ่งในนั้นเป็นรูและล้มลงไป กลิ่นเขม่าควันลอยตลบอบอวลไปทั่ว ซึ่งพวกเขาเห็นเพียงแสงสีเงินที่พุ่งลอยออกมาเท่านั้น แต่น่าแปลกอย่างหนึ่งคือ เมื่อกี้กระสุนมันโค้งได้หรือเปล่า(?)
“ไม่ใช่แค่มีดีที่ปากเท่านั้นหรอกนะ เดี๋ยวก็ได้รู้...” เจมส์พูดแบบยิ้มๆ ก่อนจะเป่าควันปลายปืนออกอย่างเท่ๆ
“หน็อยแน่แก! ยกเลิกการจับเป็น ฆ่าพวกมันทั้งสองซะ” หัวหน้าของกลุ่มคนเหล่านี้พูดด้วยความเดือดดาดก่อนจะดึงมีดสั้นสีดำทมิฬออกมาคาบพร้อมกับเร่งพลังวิญญาณขึ้นต่อหน้าพวกเจมส์กับฮานะ
“แต่ว่าหัวหน้า---”
“ทำตามที่ข้าสั่ง!”
“รับทราบครับ!”
ในขณะที่หนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้นกำลังพูดแทรกร้องท้วงออกมา หัวหน้าของพวกมันก็ได้ออกคำสั่งอย่างเฉียบขาดขึ้น จึงเป็นเหตุให้ทุกคนต่างเรียกใช้พลังของตัวเองออกมาเต็มที่ แสงสีมากมายจากออร่าต่างสว่างขึ้นจนเจิดจ้าอยู่บนดาดฟ้าในที่แห่งนี้
“ดูเหมือนของจริงกำลังมาแล้วนะคะ” ฮานะกระชับดาบภายในมือ ก่อนจะตั้งท่าเตรียมพร้อม
“นั้นสิ เอาเหมือนเดิมไหม คราวนี้พนันอะไรดี” เจมส์หันไปขยิบตาให้ฮานะ
“บัตรดินเนอร์สุดหรูที่โรงแรมอาเทเซียแบบไม่อั้น” ฮานะหันไปพูดกับเจมส์
“บัตรชมการคอนเสิร์ตของวงอารีน่า ชิดขอบเวที” เจมส์สวนกลับไปในทันที
“ตกลง” ฮานะพยักหน้าให้ชายหนุ่มรุ่นพี่
“ตามนั้นไม่มีปัญหา” พอพูดเสร็จพวกเขาทั้งสองต่างพุ่งเข้าหาศัตรูอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนปืนใหญ่
ฉัวะ ฉัวะ! ...ฮานะหายตัวไปมาราวกับภูติผีไปยังจุดต่างๆ ที่พวกนักฆ่าชุดดำอยู่ และตามมาด้วยศีรษะของพวกนั้นที่ขาดสะบั้นลงไป ภายในเวลาไม่ถึงวินาทีสองคนถูกฮานะเก็บไปอย่างรวดเร็ว
ปัง! ปัง! ปัง! ...เสียงรัวไกปืนมาพร้อมกับกระสุนสีเงินที่ถูกปล่อยออกจากปลายกระบอกไป พุ่งเข้าใส่หน้าผากของคนพวกนั้นอย่างแม่นยำราวกับจับวาง และพวกเขาก็ได้รับคำตอบที่สงสัยในเมื่อกี้ กระสุนมันโค้งเองได้
ปัง! เคร้ง! ฉัวะ! …ในจังหวะที่มีเหยื่อเหลือรายสุดท้ายนั้น เจมส์รีบยิงปืนไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็วโดยไม่มีรีรอ แต่กลับถูกฮานะใช้ใบดาบปัดกระสุนนั้นออก และฟันตัดผ่านร่างผู้เคราะห์ร้ายตกตายไปเสียก่อน
“เฮ้ยๆ แบบนั้นมันไม่ยุติธรรมเลยนะฮานะ” เจมส์ร้องท้วงออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นิดๆ แต่ใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มอยู่
“ผลลัพธ์สำคัญกว่าสิ่งใดค่ะ” ฮานะเร่งพลังวิญญาณของตัวเองออกมาเป็นสีฟ้าครามแสนสวย ก่อนที่คราบเลือดและฝุ่นตามตัวของเธอจะหายไป
“เมื่อเป็นแบบนั้นก็คงตามนั้นแหละ เอ้านี่! บัตรชมคอนเสิร์ตสองใบตามตกลง เฮ้อ...ให้ตายสิ ฉันจะชนะสักครั้งไหมเนี้ย” เจมส์สบถอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ต้องทำตามสัญญาณ เพราะเขาพ่ายแพ้การพนัน โดยที่ฮานะสามารถสังหารศัตรูลงไปได้ 6 คน แต่เขาทำได้เพียงแค่ 4 เท่านั้น ซึ่งหากเมื่อกี้เขาฆ่าสามารถสังหารนักฆ่าคนดังกล่าวไว้ได้ละก็ การพนันครั้งนี้ถือเป็นโมฆะแล้วแท้ๆ
“ขอบคุณค่ะ!” ฮานะพูดด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่เป็นประกายก่อนจะเอาบัตรทั้งสองไปกอดแน่นราวกับของรักของหวง
“ให้ตายสิเธอนี่ก็... ว่าแต่จะไปกับใคร มีบัตรตั้งสองใบ” ทันทีที่เจมส์พูดเสร็จ ฮานะก็สะดุ้งตัวและนึกขึ้นได้
“...ไปคนเดียว”
“งั้นเอาบัตรคืนมา” เจมส์เคลื่อนตัวไปแย่งฮานะอย่างรวดเร็ว
“ไม่เอา! ...จะว่าไปก็มีคิดไว้อยู่” ฮานะหลบได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“งั้นก็แล้วไป” เจมส์ยิ้มให้ฮานะอย่างมีเลศนัย
“อะไรเล่า!” ฮานะค้อนใส่เจมส์ก่อนจะหนีไปในที่สุด
“ให้ตายสิ เป็นหนุ่มสาวมันก็ดีแบบนี้แหละ ว่าแต่... วันนี้ภรรยาสุดที่รักจะทำอะไรน่ากินรออยู่นะ คิดถึงจังเลย” เจมส์พูดเสร็จก็ออกจากที่นี้ไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้เหล่าเศษซากไร้วิญญาณพวกนี้ให้กับสมาชิกของแก๊งมาเก็บกวาด
‘ เขาจะว่างไปหรือเปล่านะ ไม่ๆๆๆ ถ้าไม่ไปเราไปคนเดียวก็ได้นี่น่า แล้วฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี้ย!!! ’ ฮานะสับสนกับความคิดของตัวเองด้วยใบหน้าแดงๆ อยู่ในตรอกซอกซอยทางเดินเล็กๆ ขณะเดินทางไปยังที่พักของตัวเองด้วยความคิดแบบนั้นหมุนวนไปตลอดทาง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ที่มีแก๊งหนึ่ง ออกมาแล้วก็โดนจินล้างแก๊งไปเลย