ตอนที่ 158 : ดอกไม้ที่โรยรา...
กล่าวกันว่า... ทุกคนเกิดมาล้วนต้องมีคำสาปติดตัวมาอย่างน้อยคนละหนึ่งอย่าง ซึ่งจะแตกต่างกันเพียงแค่ความรุนแรงของคำสาปเท่านั้น เช่นเดียวกับในกรณีของหญิงสาวคนหนึ่ง ผู้มีใบหน้างดงามแสนสวยราวกับนางฟ้าธิดาสวรรค์ที่สามารถสยบทุกสายตาให้จับจ้องมายังเธอได้ แต่กลับไม่สามารถเปิดเผยให้ใครได้พบเห็น
หญิงสาวต้องสาป นอกจากชื่อของเธอแล้วยังมีชื่อนี้ที่ทุกคนต่างเรียกขานแก่เธอ เพียงแค่ใครก็ตามที่มองรูปลักษณ์ใบหน้าที่แท้จริงของเธอเพียงชั่วครู่ เขาคนนั้นอาจต้องพบกับภัยพิบัติราวกับสวรรค์ลงทัณฑ์ในเวลาต่อมา อาจถึงขั้นร้ายแรงจนพบเจอกับความตายเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว...
ไอริสมองรอดผ่านกระจกเข้าไปยังห้องสีขาวสะอาดตรงหน้า เธอมองคนข้างในด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เช่นเดียวกับคนข้างๆ ของเธอที่กำลังยืนร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง เธอโอบกอดผู้หญิงข้างกายอย่างให้กำลังใจ
“อายะต้องหายดีในเร็ววันแน่นอน ซายะ” ไอริสลูบไหล่เพื่อนของเธอเบาๆ พร้อมกับกระชับใบหน้าเพื่อนของเธอที่ตัวเล็กกว่าเข้ามาหาตัว
“ฮือ... ทำไมกันไอริส... ทำไมซายะถึงต้องมาพบเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย ฮือ...”
เพื่อนสาวของเธอร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้สึกอาย น้ำเสียงของคำพูดรวมถึงจังหวะการร้องไห้ที่แสนจะขาดใจตายของเธอ ดังเข้าไปกระทบจิตใจของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ทำเอาทุกคนต่างต้องหันมามองเธอด้วยใบหน้าที่สงสาร แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น
“ไม่เป็นไรนะ อยากร้องแค่ไหน ร้องออกมาให้หมดเลย อยากระบายอะไร ระบายออกมา ฉันจะคอยรับฟังเธอเอง” ไอริสลูบหัวเพื่อนของเธอที่กำลังเนื้อตัวสั่นเทิ่ม
“ฮือ... ฮือ...”
หลังจากผ่านเหตุการณ์ในวันนั้น อายะถูกพาตัวเข้าบำบัดอาการป่วยทางจิตในทันที ซึ่งเธอเอาแต่ทำร้ายตัวเองและบ่นพึมพำถึงรินเป็นอย่างมาก อาจเป็นไปได้ว่าจิตใต้สำนึกของเธอกำลังร้องตระโกนว่าตัวเธอเองที่เป็นตัวการทำให้รินหรือคนรักอันมีค่าของเธอต้องจบชีวิตลง
“ริน... ฉันเปล่านะ! ฉันไม่ได้ตั้งใจ... ริน! ฉันขอโทษ... ฉันเปล่าทำ!!!” อายะเอามือกุมหัวตัวเองและมองไปทางนั้นทีทางนี้ทีด้วยท่าทางหวาดระแวง เธอเขยิบร่างกายไปจนชินกับมุมห้องด้วยอาการตื่นกลัวกับอะไรบางอย่าง
และนั้นทำให้หญิงสาวทั้งสองคน ที่ยืนมองอยู่ด้านหน้าของห้องต้องรู้สึกปวดร้าวขึ้นไปอีกเป็นหลายเท่าตัว
‘ ทำไมเรื่องพวกนี้ถึงเกิดขึ้นรอบตัวนายกันนะ จิน ’ ไอริสคิดถึงใบหน้าของชายผู้หนึ่งขึ้นมา ซึ่งมันน่าแปลกที่เรื่องร้ายแรงมักหมุนเวียนอยู่รอบตัวจิน แล้วยังมีอีกอย่างที่ว่า... ทำไมเธอถึงจำใบหน้าของชายหนุ่มได้ทุกระเบียบนิ้ว เพียงแค่พบหน้ากันครั้งแรก เธอก็สามารถจดจำเขาได้ราวกับรู้จักกันมาอย่างยาวนานและสนิทชิดเชื้ออย่างไรอย่างนั้น
‘ หรือว่านาย... จะมีคำสาปติดตัวเหมือนกับฉัน ’ ไอริสยกมือขึ้นลูบหน้ากากสีขาวนวลบริเวณหน้าไปด้วย
ตึก! ตึก! เสียงจังหวะการเดินที่สม่ำเสมอดังขึ้นในห้องอันมืดมิดที่ไม่อาจระบุได้ว่าเป็นสถานที่แบบไหน ซึ่งจะเห็นเพียงแค่แสงสว่างจากตรงกลางที่มีอะไรบางอย่างวางไว้อยู่ก่อนแล้วแค่เท่านั้น แม้จะมองจากมุมไกล มันก็ยังคงดูโดดเด่น สง่างาม และน่าเศร้าไปพร้อมกัน น่าแปลกที่เสียงฝีเท้ามีเพียงคนเดียวแต่กลับมีใครอีกคนเดินตามหลังชายหนุ่มมาอย่างเงียบๆ
“...” ชายวัยกลางคนในชุดพ่อบ้านแบบฉบับยุโรปกำลังเดินตามและมองแผ่นหลังของนายท่านตัวเองตรงหน้า เขารู้สึกถึงความเจ็บปวด ปวดร้าว ราวกับแผ่นหลังนั้นกำลังจะพังทลายและแตกหักอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งมันเกิดขึ้นหลังจากที่นายท่านของเขามองไปยังโลงศพแก้วที่วางเด่นอยู่ตรงกลางห้อง
“โลงศพนิทรานิรันดร์” จินพูดขึ้นพร้อมกับไล่นิ้วของเขาไปตามผิวของขอบโลงแก้วอย่างแผ่วเบา สายตาทั้งสองข้างมองไปยังร่างของสตรีนางหนึ่งที่หลับใหลอยู่ในนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย
หากให้จินบอกถึงความรู้สึกที่มีในตอนนี้ออกมา เขาคงบอกได้เพียงว่า เจ็บปวด เจ็บปวดที่ต้องมาเห็นคนที่เคยรักดุจดั่งชีวิตของตัวเองต้องจากไปต่อหน้าต่อตา เจ็บปวดที่ไม่อาจปกป้องและดูแลเธอได้อย่างที่เคยอยากทำเมื่อนานมาแล้ว เจ็บปวดที่สุดท้ายยังไงเธอก็ยังมาปกป้องเขาอย่างที่เคยทำ ถึงแม้เรื่องราวของเขากับเธอจะจบลงไปแล้วก็ตาม แต่เบื้องลึกในจิตใจของจินกลับภาวนาให้เธอพบเจอแต่ความสุขและปลอดภัยในที่ใดสักแห่งอยู่ตลอดเวลา
“ทำไมกันริน...” น้ำเสียงอันราบเรียบของจินมาพร้อมกับดวงตาสีแดงดั่งปีศาจ จินค่อยๆ เอามืออันขาวนวลค่อนไปทางซีดของเขาแตะเข้าที่แก้มของหญิงสาว เขาสัมผัสได้ถึงความเรียบเนียบของมันได้ และนั้นยิ่งทำให้หัวใจที่เคยหยุดนิ่งไปครั้งหนึ่งของเขากลับมาเต้นร้อนรุ่มขึ้นอีกครั้ง
แม้รินจะสิ้นลมหายใจไปนานเกือบเดือนแล้ว แต่ด้วยพลังแห่งโลงศพนิรันดร์ยังคงเก็บกักรักษาสภาพและความอบอุ่นของเธอเอาไว้ได้ ซึ่งอุณหภูมิร่างกายในตอนนี้ของรินไม่ได้แตกต่างจากตอนมีชีวิตอยู่เลยแม้แต่น้อย แต่ถึงยังไงในตอนนี้เธอก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว
“โปรดสงบสติอารมณ์ด้วยขอรับ นายท่าน” สแตนกล่าวขึ้นหลังจากเห็นการเปลี่ยนแปลงของนายท่านตัวเอง ซึ่งมันสร้างแรงกดดันอย่างมหาศาจ เป็นแรงกดดันที่แม้กระทั้งจอมมารยังไม่อาจเทียบเคียงได้เลยแม้แต่น้อยนิด
“เข้าใจแล้ว” ดวงตาของจินกลับมาเป็นสีเหลืองทองอีกครั้งหลังจากเก็บอารมณ์ตัวเองลงได้อย่างรวดเร็ว
ก่อนที่เขาจะลงมายังสถานที่แห่งนี้ สแตนได้เล่าเหตุการณ์ที่จินควรรู้และยังไม่ได้รู้มาพอประมาณ จินจึงรู้ว่าเทพฮิวาริได้ใช้พลังสยบเขาลงได้ อีกทั้งเธอยังทิ้งท้ายประโยคให้เขาระวังความรู้สึกของตัวเองอีกด้วย ซึ่งมันอาจจะเข้าไปกระตุ้นอารมณ์ด้านลบของเขาอย่างรุนแรงจนเกิดอันตรายขึ้นได้
“แล้วนายท่านจะทำยังไงต่อไปขอรับ” สแตนกล่าวพร้อมกับเดินไปจุดไฟที่เชิงเทียนรอบบริเวณของห้อง
“ทำยังไงต่อไปอย่างนั้นเหรอ...” จินบ่นพึมพำกับตัวเอง พร้อมกับมองไปยังใบหน้าของริน แม้เสียงภายในหัวใจของจินจะเรียกร้องให้ทำบางอย่างอยู่ แต่ด้วยอะไรบางอย่างกำลังคอยตักเตือนเขาให้หันไปเลือกอีกทาง
หากเก็บรักษาร่างกายของรินไว้ในโลงศพนิทรานิรันดร์ ณ มิติแห่งราชันย์นี้ไว้ เขาสามารถมาเยี่ยมเยือนและสามารถมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวได้ตลอดทุกเวลา แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาต้องการ
พรึ่บ! …เปลวเพลงสีทองอร่ามถูกจุดขึ้นที่มือของจิน และค่อยๆ ลอยไปยังร่างของหญิงสาวที่หลับใหลภายในโลงอย่างเชื่องช้า สายตาของจินไม่อาจละออกจากร่างนั้นของเธอได้ ใบหน้าของเขาแสดงถึงความเจ็บปวดที่ตัดสินลงมือกระทำเช่นนี้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้องมารู้สึกผิดทีหลังหากทำลงไป
เปลวเพลิงนั้นค่อยไล่ไหลผ่านจุดต่างๆ ของร่างกายของริน แต่มันไม่ได้ดูเหมือนว่าเป็นการเผาไหม้แต่อย่างใด มันดูเหมือน... จะเป็นการลบอะไรบางอย่างให้เจือจางลงไปอย่างไรอย่างนั้น
ติ๋ง! …เสียงของหยดน้ำตกลงสู่พื้นดังขึ้นภายในห้องอันเงียบสงบแห่งนี้ จนทำให้สแตนต้องหันไปมองหน้าของนายท่านตัวเอง แล้วพบว่าน้ำตาสีเลือดของชายหนุ่มกำลังไหลออกมาจากดวงตาของขวาของเขา
“ลาก่อนนะริน” จินกล่าวออกมา พร้อมกับเห็นร่างของรินที่โปร่งแสงกำลังส่งรอยยิ้มสว่างไสวมาทางเขา และกำลังโบกมือลาให้กับ จินอ่านคำพูดที่ริมฝีปากบางสวยตรงหน้าก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาด้วยอีกคน
“แล้วพบกันใหม่นะ”
ณ สถานที่ห่างไกลออกไปทางตอนเหนือของเมืองที่จิน ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อย่างแรงกล้า ต่างมีเสียงของผู้คนมากมายกำลังกรีดร้องและวิ่งหนีตายกันชวนอลหม่าน ตึกราบ้านช่องที่เคยสวยงามต่างไม่เหลือร่องรอยเช่นดั่งเก่าแล้วในตอนนี้ เหล่าซากศพ กลิ่นสาบไหม้ และชิ้นส่วนอวัยวะชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่างกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดเต็มทั่วทุกพื้นที่
“นี่นะเหรอ... แก๊งอสรพิษนรที ที่เขาร่ำลือกันว่าแข็งแกร่งนักแข็งแกร่งหนา ไม่เห็นจะสมราคาคุยเท่าไหร่เลย!”
กร๊อบ! …ชายร่างยักษ์ที่ร่างกายกำยำไปด้วยมัดกล้าม เพิ่งบีบคอเหยื่อในมือหักด้วยแขนข้างเดียว เขามองไปยังเหล่าเศษซากผลงานที่ตัวเองเพิ่งได้กระทำไปด้วยรอยยิ้มแสนมีความสุข พร้อมกับส่งสายตาเชิญชวนให้เข้ามาท้าทายไปยังเหล่าคนที่เหลือรอดรอบข้าง
“พลังแบบนั้น... หรือว่าแกคือ... แอนดริว หมัดระเบิด แห่งองค์กรเนเมซิส” เสียงของชายชราผมขาวที่ร่างกายซวนเซจวนเจียดจะขาดใจพร้อมบาดแผลเต็มร่างกายเอ่ยขึ้น
“ฮ่าๆๆๆ ไม่คิดว่าจะมีคนรู้จักข้าด้วย แต่ไม่น่าภูมิใจเท่าไหร่ ที่มันดันมาออกจากปากของแกนะตาใกล้เข้าโลง”
ตู้มมม!!!
หมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังการทำลายล้างราวกับปรมาณู ซัดเข้าบริเวณใบหน้าของชายชราผู้โชคร้ายจนร่างแหลกเหลวไร้ซึ่งร่องรองหายไปทันทีอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆๆๆ ให้ตายสิ สะใจข้าจริงๆ ไอ้ยาตัวนี้มันดีอะไรขนาดนี้กันนะ ฮ่าๆๆๆ” แอนดริวหนึ่งในเสาหลักแห่งองค์กรเนเมซิสพูดกับตัวเองก่อนจะหยิบแคปซูลที่บรรจุยาตัวใหม่ขององค์กรออกมาและหยิบเข้าปากราวกับกินขนมอย่างไรอย่างนั้น
“อึก!”
แอนดริวล้มงอตัวลงด้วยท่าทีเจ็บปวดท่ามกลางความแปลกใจของเหล่าสมาชิกของแก๊งอสรพิษนรที แล้วดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้กับพวกเขา เหล่าคนแห่งแก๊งทั้งหมดต่างกรูกันเข้าไปหมายจะฆ่าแอนดริวให้แหลกหลาดไปคามือคาเท้าพวกเขา
ฮ๊า!!! ตู้มมม!!!
ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้ทำอะไรไปมากกว่าการวิ่งเข้าไป จู่ๆ บริเวณรอบตัวของแอนดริวดันระเบิดออกมาเสียอย่างนั้น จนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ซึ่งทำให้ทุกคนต่างถึงแก่ความตายโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว หรืออาจเรียกได้ว่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกอะไรคร่าชีวิตไป
“ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งดังขึ้นตรงจุดศูนย์กลางของการระเบิดเมื่อสักครู่ สีผิวของแอนดริวต่างเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำแสนน่ากลัว พร้อมกับเส้นเลือดต่างๆ มากมายที่นูนบวมโชว์ขึ้นเด่นชัด
“การกวาดล้างเสร็จสิ้นเรียบร้อย แต่ดูเหมือนเจ้าแอนดริวมันจะทำเกินกว่าเหตุไปอีกแล้ว”
“ผมชินแล้วละครับ”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นบนดาดฟ้าไม่ไกลจากจุดนั้นเท่าไหร่พูดขึ้น ส่วนด้านข้างของเธอมีเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับจินกำลังรัวนิ้วหน้าจอโทรศัพท์ในมือ ก่อนที่จะหายตัวไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีกเลย ทิ้งให้หญิงสาวมองทะเลเลือดตรงหน้าด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายและหายตัวตามๆ กันไป
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ที่รินทำไปก็เพราะรักพระเอก(รักแต่ส่วนมากเป็นหึงหวง) ถ้าลองมองฝั่งของคิยแล้วหล่ะก็ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่รินจะทำเช่นนั้น เพราะมนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก