ตอนที่ 128 : ต้องได้รับการชดใช้!
ณ เศษซากปรักหักพังไร้ซึ่งการดูแลในสถานที่รกร้างแห่งหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบช่างดูน่ากลัวชวนขนหัวลุกราวกับหลุดมาจากภาพยนต์หรือหนังสยองขวัญอย่างไรอย่างนั้น ต่างเป็นที่ร่ำลือหนาหูผ่านลุ่มแม่น้ำจากปากต่อปากกันมาอย่างยาวนานว่าที่แห่งนี้มีวิญญาณร้ายคอยสิงสถิตอยู่และจะจับผู้คนที่หลงทางมากินเป็นอาหารอีกด้วย ท่ามกลางความมืดมิดของคืนนี้นั้น ทำให้แทบมองไม่เห็นสิ่งใดเลยในตอนนี้ แต่กลับมีหญิงสาวสองคนเดินสำรวจอยู่รอบๆ โดยไม่มีความกลัวหรืออารมณ์ใดๆ ประดับอยู่บนหน้าของพวกเธอเลย
“ที่นี่ที่ไหนงั้นเหรอคะท่านมัตสึมิ เท่าที่ฉันจำได้เหมือนจะไม่เคยเห็นสถานที่แห่งนี้มาก่อนเลย”
หญิงสาวที่อายุอ่อนกว่าถามคนด้านหน้าที่เดินไปหยิบนู้นหยิบนี่อย่างกับรู้จักสถานที่แห่งนี้ดี
“มันเคยเป็นที่ของข้า”
มัตสึมิหรือเทพแห่งความมืดตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ใสหวานและดูน่าหลงใหล น้ำเสียงดังกล่าวนั้นแทบไม่มีใครอยากเชื่อว่าสตรีนางนี้จะเป็นหญิงสาวที่ร้ายกาจและแสนชั่วร้ายไปได้
“มันเป็นศาจเจ้างั้นเหรอคะ?” รินเบิกตากว้างมองไปรอบๆ โดยที่แห่งนี้มันผุพังตามกาลเวลาจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้เห็นเลย อาจจะมองเห็นเพียงแค่เสาหินกับอะไรบางอย่างที่บ่งบอกไม่ได้ว่ามันเป็นอะไรอยู่รอบๆ เท่านั้น
“ใช่! แต่ดูเหมือนว่าตัวตนของข้าจะถูกลบตามยุคสมัยไปแล้ว” น้ำเสียงเรียบนิ่งที่ปนความแค้นบางไว้ซ่อนอยู่ ทำให้รินต้องลอบกลืนน้ำลายอย่างเงียบโดยไม่ให้มัตสึมิรู้
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ข้าแค่อยากพาเจ้ามาดูเท่านั้น” เธอหยุดยืนอยู่ตรงกลางของลานแห่งนี้ และเงยหน้ามองพระจันทร์ที่ถูกเมฆบดบังไร้ซึ่งแสงใดฉายส่องลงมา ขับให้บรรยากาศดูน่าวังวงเข้าไปอีก
หากเทียบถึงความงดงามของเธอนั้น กล่าวได้ว่าความสวยของมัตสึมินั้นไร้ที่ติ หาที่สองเทียบเคียงได้ยาก แต่ทว่าภายใต้ความงดงามของกุหลาบกลับมีหนามแหลมแฝงไปด้วยความอันตรายและไม่ควรเข้าใกล้เป็นอย่างมาก ซึ่งรินก็คิดเช่นนั้นเช่นกัน
“ฉันอยากรู้มานานแล้วว่าทำไมท่านถึงมอบพลังของตัวเองเพื่อช่วยฉัน” รินใจกล้าถามความในใจออกมา โดยที่เธอเดินเข้าไปใกล้มัตสึมิด้วยท่าทีสุภาพ
เมื่อทั้งคู่ได้เดินมายืนเคียงข้างกัน แทบจะบอกได้เลยว่าเหมือนกันราวกับแกะ แต่แตกต่างเพียงอายุที่ไม่เท่ากันเพียงเท่านั้น เพราะทำให้ใบหน้าของมัตสึมินั้นงดงามกว่าวัยแรกแย้มเช่นรินอยู่ในระดับหนึ่ง แต่กลิ่นอายทั้งคู่ก็น่าสะอิดสะเอียนเหมือนกันเช่นกัน
“ข้ายังไม่ได้บอกเจ้าหรือว่า เจ้าสืบเชื้อสายมาจากข้า” มัตสึมิหละสายตาจากท้องฟ้าหันมามองริน
“อะไรนะคะ!” รินดวงตาเบิกกว้างคล้ายกับไม่เชื่อ
“และนั้นก็เป็นเหตุผลที่ข้ารับรู้ถึงความในใจของเจ้าและทำการยื่นมือเข้าช่วยยังไงล่ะ” มัตสึมิตอบกลับ ก่อนที่เธอจะเดินไปยังอีกจุดหนึ่งที่เหมือนเป็นเนินอะไรบางอย่างและมีเศษซากของอาคารให้เห็นด้วย ‘ ถึงแม้จะต้องยืมมือเจ้าก็เถอะ ’ พลางคิดบางอย่างภายในใจไปด้วย
‘ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะสืบเชื้อสายมาจากเทพ ’ รินยืนนิ่งโดยที่สมองประมวลผลช้าลง
ทางด้านมัตสึมิที่เดินไปยังจุดที่ต้องการแล้ว เธอก็ก้มลงไปหยิบดินขึ้นมาถือกำมือหนึ่งและโปรยไปกับสายลมพลางคิดถึงเรื่องเก่าในวันวาน
เธอนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่มีความสุขล้น เวลาที่เฝ้ามองการฝึกซ้อมของซามูไรหนุ่มผู้เก่งกาจเกรียงไกรสร้างความหวาดหวั่นไปทั่วแคว้นน้อยแคว้นใหญ่ สยบทุกการรุกรานที่เข้ามาราวกับเป็นเทพสงครามก็ไม่ปาน ซึ่งพอถึงจุดนี้เธอก็เผลอยิ้มออกมาก่อนที่จะหายไปโดยเร็วและมีความแค้นเข้าครอบงำแทน
“เป็นเพราะมันคนเดียว!” เธอกำดินในมือแน่นและกัดฟันพูด
“อึก!” รินรู้สึกถึงความอึดอัดที่ลอยสะพัดไปทั่วบริเวณ เธอจึงหันไปมองมัตสึมิที่ตอนนี้กำลังมีออร่าสีดำน่ากลัวปกคลุมร่างกาย มันดูเข้มข้นราวกับหลุมดำที่สามารถดูดกลืนทุกอย่างได้
“ท่านมัตสึมิ” เสียงอันแหบพร่าดังออกจากปากริน พลังที่ถูกปล่อยออกมาจากมัตสึมิกำลังทำให้เธอขาดอากาศหายใจ
พรึ่บ! …เมื่อตั้งสติได้มัตสึมิก็สลายพลังและหันมามองเด็กสาวที่กำลังยืนหอบเหนื่อย
“ข้าว่าเจ้าพร้อมแล้วสำหรับงานแรกที่ข้าจะมอบให้” มัตสึมิเดินเข้าไปใกล้ริน และลอบสำรวจร่างกายกับพลังของรินก่อนจะตัดสินใจมอบหมายงานบางอย่างให้
“งานอะไรงั้นเหรอคะ?” ถึงแม้รินจะมีบุคลิกเปลี่ยนไปมาก แต่เวลายืนต่อหน้าสตรีแสนน่ากลัวคนนี้แล้วเธอกลับมีความหวาดหวั่นอยู่ภายในใจ และคอยพยายามสงวนท่าทางเพื่อไม่ทำสิ่งใดเป็นการรบกวนหรือสร้างความรำคาญใจแก่เทพสาวตนนี้
“ข้าจะให้เจ้าไปฆ่าผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมันเป็นคนที่พรากทุกอย่างไปจากข้าและเจ้าก็น่าจะรู้จัก”
รินจ้องเข้าไปยังดวงตาของมัตสึมิที่แดงก่ำราวกับปีศาจ เธอทำใจยอมรับและตระหนักรู้ว่าสักวันต้องลงมือฆ่าใครสักคนที่รู้จักแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว แต่พอเวลานั้นมาถึง มันกลับทำให้เธอรู้สึกกังวลใจและกลัวขึ้นมาจริงๆ
“กลัวงั้นเหรอ ไม่ต้องกลัวไปหรอก มันก็ไม่ต่างกับพวกผู้ชายที่เจ้าฆ่าเสียเท่าไหร่ เจ้าอาจรู้สึกดีที่ได้ฆ่ามันด้วยซ้ำ” มัตสึมิสัมผัสได้ถึงความกลัวที่แผ่ออกมาจากร่างริน ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาที่เทพแห่งความมืดจะสัมผัสพลังงานด้านลบจากใครคนใดคนหนึ่งได้
“…คนที่ฉันรู้จักงั้นเหรอคะ” รินดึงสีหน้าไม่สู้ดีกลับพลางถามไปด้วย
“นางจะเป็นคนที่แย่งความรักจากเจ้าแน่นอนในอนาคต ไม่สิ! หรืออาจจะแย่งไปแล้วก็ได้”
‘ ใครกัน เรย์กะ อากิโนะ มากิ หรือใครอีก ’ รินก้มหน้าคิดภายในใจก่อนที่ไล่รายชื่อหญิงสาวที่อยู่ข้างกายจิน
“เป็นคนที่เจ้าต้องคิดไม่ถึงแน่นอน” มัตสึมิตอบความในใจของรินก่อนจะหันหลังมองไปรอบๆ
“ค่ะ!” รินตอบรับคำสั่ง
‘ นายทำให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะจิน หากฉันไม่ได้ความรักจากนาย ก็อย่าหวังว่าใครจะได้รับมันไปได้เลย ’ รินกำมือแน่นพร้อมกับตั้งความแน่วแน่ภายในใจออก
“ใครก็ตามที่มันได้ทำอะไรไว้ต้องได้รับการชดใช้อย่างสาสม แม้มันอาจไม่ทำให้ความเจ็บปวดหายไป แต่ว่ามันช่วยให้รู้สึกดีได้” มัตสึมิกล่าวทิ้งท้าย ก่อนที่จะโหมไฟแค้นภายในใจรินให้ลุกโชนขึ้นไปอีก
“ฮัดชิ้ว!!!”
ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเรียบหรูผู้มีดวงตาสีทองงดงามจามออกมาเสียงดัง และมองไปรอบๆ ที่เป็นหลุมเป็นบ่อมีเขม่าควันลอยไปมาอีกด้วย เหมือนกับว่าที่แห่งนี้เพิ่งผ่านสงครามสมรภูมิรบมาหมาดๆ
“ไม่สบายหรือเปล่าขอรับ นายท่าน” สแตนเดินเข้ามาใกล้จินพลางเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนด้วยผ้าเช็ดหน้าอย่างมีมารยาทผู้ดี
“สงสัยอากาศคงหนาว เมื่อกี้ก็เพิ่งเปียกน้ำมา เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ ว่าแต่… ได้เรื่องอะไรบ้าง” จินเปรยออกมา ก่อนจะหันไปมองเหล่าสามหน่อที่เพิ่งโดนเขาซ้อมจนน่วมไป
“นายท่านต้องดูนี่ขอรับ” สแตนคุกเข่าลงด้วยท่าอัศวิน ซึ่งจินก็เลิกคิ้วอย่างสงสัย เพราะอะไรทำให้ท่าทางของสแตนจึงดูเป็นกังวล
ถึงจะเป็นแบบนั้นจินก็ยังเอื้อมมือขวาเข้าไปจับที่หัวของสแตน ก่อนที่ดวงตาของเขาจะทอแสงสว่างออกมา
ภาพเหตุการณ์บางอย่างของโตริชุได้ผุดเข้ามาภายในหัวจิน มันดูเหมือนเป็นห้องประชุมอะไรสักอย่างที่มืดมิดและไร้ซึ่งแสงไฟ แต่จินที่หลุดเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นในความทรงจำของโตริชุกลับได้ยินและเห็นใบหน้าของทุกคนอย่างชัดเจน ราวกับเขาอยู่ในที่แห่งนั้นด้วย
“ดูเหมือนว่าพวกหัวหน้าจากหลายแก๊งจะรวมหัวกันอยู่สินะ” คำพูดหลุดออาจจากปากจินที่มีท่าทางเหม่อลอย
ในที่แห่งนั้นมีเหล่าหัวหน้าของแก๊งน้อยใหญ่อยู่กันเต็มทั่วทั้งโต๊ะ ซึ่งจินก็คุ้นหน้าคุ้นตาทุกคนเป็นอย่างดี แต่พอเขาหันไปมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าของพวกเขา จินอดเบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่ได้
“ไม่น่าเชื่อว่าเป็นเธอ” จินยกมือออกจากหัวของสแตนก่อนพูดเสียงดังคล้ายกับไม่เชื่อสิ่งที่เห็นออกมา
สิ่งที่สแตนกับจินได้ทำเมื่อสักครู่เป็นผลมาจากที่สแตนได้ดูดเลือดของโตริชุ มันถือเป็นความสามารถพิเศษของสายเลือดของเขาเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อได้ดูดเลือดใครแล้วความทรงจำที่คนผู้นั้นจดจำด้วยความอยากหรือไม่อยากก็แล้วแต่จะฉายชัดให้สแตนได้รับรู้ทันที
อีกความสามารถหนึ่งที่มีประโยชน์และสร้างความสะดวกสบายให้แก่สายเลือดบริสุทธิ์นี้ก็คือ การลบความทรงจำ ซึ่งสแตนมักใช้ในการล่าเหยื่อหรือต้องการดูดเลือดนั่นเอง และเขาก็ได้สอนมากิไปแล้วด้วย
มากิยังเคยลอบดูดเลือดจินและสะกดจิตเขาหลายครั้ง ไม่พอยังสะกดให้ทำอะไรที่ล่อแหลมแก่เธออีกด้วย แน่นอนว่าไม่เป็นผล เพราะจินมีความสามารถหลายอย่างที่เอาไว้ป้องกันการสะกดจิต แต่อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาเป็นนายท่านของพวกเธอ การสะกดจิตนายเหนือหัวตัวเองนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้
“นายท่านเชื่อสิ่งนี้แค่ไหนขอรับ” สแตนลุกขึ้นปัดฝุ่นตามตัวก่อนกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม
“หากเป็นสิ่งที่นายได้รับจากการดูดเลือด ผมว่ามันค่อนข้างน่าเชื่อถือ” จินหันไปมองโตริชุที่นอนอยู่กับพื้นไม่ไกล พร้อมข้างกายมีเหล่าลูกน้องคนสำคัญของเขานอนอยู่ด้วย
“แต่ก็ไม่คิดว่าแผนการวันนี้จะเกิดขึ้นเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว สร้างความวุ่นวายไปทั่วเลยนะยัยนั่น” จินคิดถึงภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นตัวการคงบังคับบังเหียนอยู่ในเงามืดอย่างลับๆ
“งั้นพวกเราไปกันเถอะขอรับ อีกไม่นานคนของแก๊งจิ้งจอกโลหิตคงมาถึง” สแตนผู้ซึ่งหวังดีได้แจ้งไปยังเหล่าลูกน้องของโตริชุโดยถือวิสาสะใช้โทรศัพท์ของชายหน้าตาเจ้าเล่ห์นั้นโทรไปหาพวกเขา และบอกพิกัดจุดตรงนี้ไปให้อีกด้วย
“นายท่านค่ะ! ว้าย!!!”
จินกำลังจะเดินไปด้านหน้าพร้อมกับใช้สกิลเคลื่อนย้าย แต่แล้วมากิก็โผล่ออกมาจนเสียหลักพุ่งเข้าชนแผงอกของจิน
“มีอะไรงั้นเหรอมากิ” จินกล่าวก่อนจะดึงร่างของเธอออกจากตัว เพราะหากถึงไว้แบบนั้นคงลงอีหรอบเดิมไม่แคล้วโดดดูดเลือดแน่นอน
“เอ่อ… คนของแก๊งหมาป่าเหมันต์ที่ชื่อ ไดจิถูกคุณจางฆ่าตายแล้วคะ” มากิเริ่มมีใบหน้าแดงจากการสัมผัสอย่างใกล้จินเมื่อครู่ ก่อนจะเรียกสติออกมาพร้อมกับรายงานสิ่งที่เห็นออกไป
“คงกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน ตอนแรกกะจะกลับไปพักผ่อนและจัดการเอกสาร คงต้องเปลี่ยนไปหาลุงสักหน่อยแล้วแหละ” จินพูดพลางใช้สกิลพาทั้งสามหายไปอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้ชายสองหญิงหนึ่งนอนตากลมหนาวของค่ำคืนนี้กันต่อไปก่อนที่จะมีพรรคพวกของตัวเองมาเจอในที่สุด
“ที่นี่ที่ไหน? แล้วข้ามาอยู่นี่ได้ยังไง!?” โตริชุกล่าวถามเหล่าลูกน้องที่แห่มากันเต็มทั่วท้องถนน ซึ่งเขามองไปรอบๆ ก็ดูไม่คุ้นกับที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย ทำเอาทุกคนมองทั้งสามด้วยใบหน้าแปลกประหลาด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคนเดียว
“คาซึตะ ไอโอริ จำได้ไหมว่าพวกเรามาทำอะไรที่นี่” เขาหันไปถามลูกน้องคนสนิททั้งสองที่มีใบหน้ากับสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุที่มาของบาดแผลพวกนั้น
“ดูเหมือนว่าจะเป็นทางไปยังที่กบดานนะครับ” คาซึตะสังเกตเห็นความคุ้นตา เพราะเขาทำหน้าที่คนขับจึงสามารถจำสภาพแวดล้อมได้บ้าง
“กบดาน? แล้วไปทำไม?” คำถามของโตริชุเรียกสายตาของทุกคนให้หันมามองที่เขา
“หรือว่าหัวหน้าจำเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้งั้นเหรอคะ” ไอโอริถามเสียงใสก่อนหยิบลูกกวาดขึ้นมาอม
“เรื่องอะไร?”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

1,434 ความคิดเห็น
-
#1124 MKNTP (จากตอนที่ 128)วันที่ 17 ตุลาคม 2561 / 20:19เหตุผลที่รินอยากจะฉีกแก๊งเด็กแสบเป็นหมื่นๆชิ้นยังไม่บอกเลยอ้าาา ขอเหตุผล5555 //ผมว่ารินโดนrapeแน่ๆ#1,1240
-
#1123 joelamtan (จากตอนที่ 128)วันที่ 16 ตุลาคม 2561 / 11:54ขอบคุณครับ#1,1230