คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 : พี่สาวสุดที่รัก
บทที่ 4
พี่สาวสุดที่รัก
วันนี้คงเป็นอีกวันหนึ่งที่แม่ฉันจะต้องพูดว่า‘ฝนตกเป็นหิมะแน่’เพราะวันนี้ฉันตื่นตั้งแต่ตีสองเวลากรุงโซล
ที่ฉันตื่นเร็วไม่ใช่เพราะตื่นเต้นแต่เป็นเพราะว่าฉันน่ะนอนจนเกินจะต้องการแล้วน่ะ ฉันเดินขึ้นไปชั้นดาดฟ้า
เพื่อสูดอากาศยามเช้าหลังจากที่ฉันยืดเส้นยืดสายอยู่ไม่นานก็เดินลงไปเพื่อจะไปหาอะไรทานจะได้มีแรงเต้น
ฉันเดินลงไปถึงชั้นห้าก็เห็นแสงไฟจากห้องๆหนึ่งที่ประตูเป็นกระจกฝ้าจึงทำให้ฉันมองเห็นแสงไฟได้
ฉันแง้มประตูเข้าไปนิดนึงเพียงพอให้ฉันมองเห็นข้างในได้แต่ฉันยังมองไม่เห็นจึงได้แง้มประตูให้กว้างขึ้น
แต่จังหวะนั้นเองที่ทำให้ฉันพลาดท่าคนที่มองอยู่จากข้างใน
“นั่นใครน่ะ!!เข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”เสียงตะโกนที่ดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งจนสุดตัวและเสียหลักจน
ต้องทะลึ่งพรวดเข้าไปในห้องและสุดท้ายก็ต้องนั่งเจ็บอยู่กับพื้น
“ขอโทษที่รบกวนนะคะฉันแค่..เห็นว่ามีแสงไฟเลยอยากรู้ว่ามีใครอยู่ข้างในน่ะค่ะ”ฉันตอบเสียงอ่อย
ก่อนจะค่อยๆถอยไปใกล้ประตูเพื่อจะเปิดออกไป
“ในงานเมื่อคืนนี้เธอสุดยอดมากเลยนะที่ตีแสกหน้ายัยคุณหนูนั่นได้น่ะ”จีอึนอนนี่พูดขึ้นทำให้ชะงัก
ก่อนจะมองไปที่อนนี่เพื่อความแน่ใจ
“เธอไม่ได้ร้องเพลงอัลบั้มที่ยัยนั่นเลือกไม่ใช่เหรอ?”ฉันยืนกระพริบตาทำหน้าเอ๋ออยู่ได้สักพักก็นึก
ขึ้นมาได้ถึงเรื่องที่อนนี่พูดจึงได้ยิ้มแล้วตอบไปว่า
“อ๋อ..เรื่องการแสดงเมื่อคืนเหรอคะ..ฉันเลือกอัลบั้มนั้นถูกแล้วล่ะค่ะแต่ที่คุณซองเค้าบอกน่ะคือเพลง
ในอัลบั้มเท่านั้นเองและตรงช่วงเต้นที่ฉันเปลี่ยนท่าไปเพราะฉันเจ็บเท้าค่ะอนนี่..ฉันไม่ได้หักหน้าใครเลยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นมันก็หมายความว่าเธอไม่ได้หักหน้ายัยนั่นแต่เป็นพวกเราแทนน่ะสิ”จีอึนอนนี่พูดขึ้น
อีกครั้งอย่างเดือดดาลที่คิดว่าตนเองโดนหักหน้าเพราะได้หัวเราะเยาะสาวหน้าหวานคนที่หาเรื่องฉันเมื่อวาน
ฉันจึงจีบแก้คำพูดของตัวเองทันทีที่ตั้งสติได้
“ปละ...เปล่านะคะ ฉันไม่ได้หักหน้าเรื่องนั้นแต่เรื่องวิก...ฉันว่าเต็มๆนะคะ ฮี่”ฉันพูดก่อนจะยิ้มแหยๆ
ส่งให้และมองท่าทีของพี่สาวทั้งสี่ที่มองมาอย่างพิจารณา
“คือว่า...ฉันคิดว่าอนนี่น่าจะเห็นตอนนั้นนะคะว่าคุณซองเธอดูไม่จืดเลย”ฉันเสริมอีกเมื่อยังเห็น
ว่าพี่สาวยังไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ฉันจะต้องมาพูดให้คนที่กำลังเข้าใจผิดเข้าใจในเรื่อง
นั้นๆให้เข้าใจถูกต้องเพราะฉันพูดไม่เก่งเอาเสียเลยน่ะซี
“เธอชอบกีแทรึเปล่าโซล่า”จีอึนอนนี่ถามขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เงียบอยู่นาน
“ไม่ค่ะ...ฉันไม่คิดว่าจะชอบได้เลยด้วยซ้ำไปค่ะ”ฉันตอบเสียงแข็งกลับไปด้วยอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง
จนปรอทแทบแตกเลยก็ว่าได้
“แล้วที่ไม่ชอบเพราะผู้ชายที่ยัยนั่นควงรึเปล่าล่ะ”
“เอ่อ....ก็มีส่วนค่ะแต่เป็นเรื่องอื่นซะส่วนใหญ่น่ะค่ะ”ฉันตอบแล้วก็ยิ้มหวานส่งให้แต่ก็ไม่วายจะ
ใช้มือทุบขาเป็นเชิงบอกว่าปวดขามากเพราะยืนคุยกันพี่สาวสังเกตเห็นจึงได้บอกให้ไปนั่งคุยกันข้างล่าง
ฉันจึงได้เดินตามลงไปแต่ระหว่างที่เดินตามหลังไปนั้นฉันดันคึกพลั้งปากออกไปว่า
“ความจริงอนนี่ไม่ต้องเรียกว่าโซล่าก็ได้นี่.....”เพียงฉันพูดออกไปราวคนกระซิบแต่พี่สาวต่างหัน
กลับมามองพร้อมกับถามฉันพร้อมกันอีกว่า“อะไรนะ!?!”
“เอ่อ...ฉันแค่พูดว่า..อนนี่ไม่ต้องเรียกฉันว่าโซล่าก็..ได้ค่ะ”
“แล้วเธอจะให้ฉันเรียกเธอว่าอะไรล่ะ”พูก้าอนนี่พูดขึ้น
“ก็ทุมไงคะ..ออกเสียงยากไปก็...ฮเยซอบก็ได้ค่ะ”ฉันพูดด้วยอาการยิ้มแย้มเพื่อมัดใจพี่สาวทั้งสี่
ก็แหม..ได้อยู่กับไอดอลทั้งทีถ้าเค้าไม่ชอบขี้หน้าเรามันก็ต้องมีมารยากันบ้างแหละ
“ฮเยซอบเหรอ...น่ารักดีนี่ใครตั้งให้ล่ะ”ฮโยซองอนนี่ถามขึ้นทำให้ฉันดี๊ด๊ากว่าเก่าพร้อมกับตอบ
ออกไปทันทีเลยว่า
“ฉันตั้งชื่อให้คล้องกับฮโยซองอนนี่ค่ะ..ฮโยซองกับฮเยซอบไงคะ สำหรับคนไทยอย่างฉันมันคล้อง
กันมากเลยล่ะค่ะถึงแม้ฉันจะไม่รู้ความหมายของมันก็ตามค่ะ”
“แล้วไม่คิดว่าความหมายของมันจะไม่ดีเลยเหรอ...”
“ก็..ไม่นะคะฉันไม่คิดว่ามันไม่ดีเลยแต่ถ้ามันไม่ดีฉันก็ชอบอยู่ดีค่ะ”ฉันไม่เพียงแต่พูดเปล่าแต่ฉัน
นั้นยังพูดไปเล่นไปประมาณบิดไปบิดมาตามประสาคนเขินอะนะ
“อืม...เราเข้าใจแล้วล่ะ..ลงไปข้างล่างกันเถอะ”เพียงพี่สาวทั้งสี่เปลี่ยนท่าทีที่แสดงกับฉันแล้วหัน
มาคุยกันดีๆฉันก็ถึงกับผ่อนอาการเกร็งลงไปแบบพรวดพราดเลยทีเดียว
“เอ่อ...อนนี่ชอบทานอะไรกันเป็นพิเศษรึเปล่าคะ”ฉันถามขึ้นทันทีที่หันไปมองนาฬิกาที่ผนังที่
ตอนนี้มันบอกว่าได้เวลาอาหารเช้าแล้ว
“ไม่มีหรอก...แต่ถึงมีก็ขอเก็บไว้เป็นความลับก่อนละกันนะ”
“ที่นี่มีเชฟทำอาหารเช้าให้หรือเปล่าคะ....”ฉันถามก่อนเพื่อความแน่ใจจะได้ไม่ทะลึ่งพรวดให้ขาย
ขี้หน้าตัวเองอีกรอบ
“มีสิ..เป็นเชฟจากอิตาลีน่ะ ฝีมือนี่สุดยอด”จิงเกอร์อนนี่ตอบจึงทำให้ฉันแอบถอนหายใจเบาๆก็
คนโล่งอกนี่นาหรืออยากให้ร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายแทนล่ะ
“อ้อ...ค่ะ แล้วทุกเช้าอนนี่ทานอะไรกันเหรอคะ”ฉันถามพร้อมกับทำตาปริบๆแบบแมวขี้อ้อนเพื่อ
ประจบพวกพี่สาวอะนะเรียกว่าอ่อยเหยื่อเลยก็ได้
“ก็พวกอาหารเช้าแบบฝรั่งเศสหรือไม่ก็อาหารอิตาเลี่ยนน่ะ”
“แล้วอนนี่สนอาหารพิลึกๆฝีมือน้องใหม่คนนี้มั้ยคะ”
หลังจากที่ออดอ้อนอยู่นานฉันก็ได้มาโผล่อยู่ที่ห้องครัวชั้นล่างของบ้านพักเพื่อที่จะปรุงอาหารเช้าให้พี่ๆ
ได้ลองทานกันเพียงไม่นานอาหารทุกอย่างก็ได้มาประดับอยู่บนโต๊ะอาหาร ระฉันกำลังปลดผ้ากันเปื้อนอยู่
นั้นก็มีคนเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ขึ้นไปเรียกฉันเลยได้แต่คิดในใจว่า‘คงชินมั้ง’
“อ้าว!โซล่า ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะครับ”เสียงที่ดังขึ้นมาจากข้างหน้าทำให้ฉันต้องรีบเงยหน้าขึ้น
มองต้นเสียงแล้วก็ต้องส่งยิ้มให้ก่อนจะมองไปบนโต๊ะอาหารจึงทำให้คนที่ถามฉันมองตามไปแล้วถึงกับต้อง
หันกลับมามองฉันก่อนจะถามอีกว่า
“นั่นฝีมือคุณทั้งหมดเลยเหรอ”เขาถามแต่ฉันทำได้ดีที่สุดเพียงพยักหน้ารับก่อนที่พี่สาวทั้งสี่จะ
เดินออกมาสบทบพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ไง เห็นแม่บ้านคนใหม่ของเราหรือยัง”ฮโยซองอนนี่พูดพร้อมกับยีหัวฉันเล่นเหมือนเป็นพี่น้อง
กันมาตั้งแต่เล็กจึงทำให้ฉันยิ้มออกมาอย่างน่าเอ็นดูไปเลยในสายตาของคนที่มอง
“โอ้โห...ข้าวเช้าแบบไทยๆใครทำกันเนี้ย”เสียงอันกวนประสาทของเพื่อนฉันดังขึ้นทำให้ฉันยิ้ม
กว้างก่อนจะพูดต้อนรับวันใหม่แบบกวนๆออกไปว่า
“ก็...ฉันและพี่สาวสุดที่รักทั้งสี่ของฉันไง”
“นี่ๆๆๆเว้นซอง จีอึนของฉันคนนึงไม่ได้หรือไง”เพื่อนของฉันบีบเสียงเล็กเสียงน้อยเพื่อแย่งชิง
สาวสวยที่ชื่อจีอึนกับฉันแต่ฉันกลับถูกพี่สาวทั้งสี่ดึงไปกอดเล่นกันซะอย่างนั้น
“เช้านี้มันอะไรกันเนี้ย...แล้วนี่มันอะไรกัน...ฉันไม่กินมันหรอกนะ”เสียงใสๆที่ถูกบีบจนแหลม
พูดขึ้นขัดบรรยากาศที่กำลังสนุกสนานของคนที่มาถึงโต๊ะอาหารกันก่อนหน้านั้นแล้ว ฉันมองไปที่ต้น
เสียงก่อนที่จะหันไปมองคนที่มากับเธอคนนั้นและพูดด้วยเสียงที่ออกจะแข็งนิดหน่อยว่า
“อาหารเช้าวันนี้เป็นอาหารพื้นบ้านประเทศฉันเองค่ะและฉันก็เป็นคนขอปรุงมันให้ทุกคนได้
ทานกันในเช้านี้ มีกับข้าวทั้งหมดสามอย่างนะคะแต่ว่าตอนเช้าเราจะงดอาหารที่มีรสจัดเพื่อกระเพาะ
ของเราและมีข้าวสวยร้อนๆรอเสิร์ฟทุกคนอยู่นะคะ”ฉันร่ายยาวก่อนจะจิกตาไปมองคนที่บอกว่าจะไม่กิน
ข้าวเช้าฝีมือฉัน ฉันไม่อยากให้เสียเวลาจึงเชิญให้ทุกคนนั่งและตักข้าวให้ทุกคนก่อนจะยืนรออยู่ตรงมุม
โต๊ะเพื่อจะได้เก็บจานข้าวและทำความสะอาดโต๊ะ
“อ้าว!แล้วคุณโซล่าไม่ทานกับเราเหรอครับ”คำถามที่ฉันคิดไว้ว่าจะต้องมีแน่ดังขึ้นทำให้ฉัน
ยิ้มก่อนจะตอบไปว่า
“ฉันทานตั้งแต่ทำเสร็จแล้วล่ะค่ะ..ไม่เชื่อก็ถามอนนี่ดูสิคะ”ทุกสายตาจับจ้องไปที่พี่สาวทั้งสี่จึง
ทำให้พวกพี่สาวพยักหน้ารับกันแบบไม่ต้องถามซ้ำแต่เสียงแหลมๆของคนๆเดิมก็ดังขึ้นมาอีกว่า
“คงไม่อยากทานเพราะไม่อยากท้องเสียมากกว่ามั้ง”พูดจบเธอก็ยิ้มเหยียดใส่ฉัน
“คุณซองคิดแบบนั้นเหรอคะ...ได้ค่ะฉันจะทานให้ดูเลยก็ได้”ว่าแล้วฉันก็เดินเข้าไปในครัวแล้ว
ยกเอาโต๊ะเล็กของฉันที่เตรียมของไว้ออกมาตั้งและเดินกลับเข้าไออีกครั้งเพื่อไปเอาเก้าอี้ ฉันออกมาก็นั่ง
ลงกินให้แม่สาวที่มั่นใจในตัวเองนักหนาคนนั้นได้เห็น
“แล้วเธอแยกส่วนของเธอไว้ทำไม...หรือว่าเธอใส่อะไรเป็นพิเศษลงไปในอาหารของพวกเรา”
เสียงแหลมๆที่ดังขึ้นในโสตประสาทของฉันทำให้เส้นเลือดตรงขมับฉันมันเต้นตุ้บๆด้วยอารมณ์ที่ร้อน
ขึ้นจนปรอทแตก ฉันจิบน้ำล้างปากก่อนที่จะลุกขึ้นและจับจ้องไปที่สาวสวยหวานคนนั้นก่อนที่จะเอ่ย
ประโยคที่ไม่มีใครคิดว่าฉันจะกล้าพูดออกไป
“นี่!!!ยัยคุณหนูผู้เรื่องมากเธอไม่รู้หรือยังไงว่าคนที่เขาเป็นแม่บ้านน่ะเขาต้องทานทีหลังผู้
เป็นนายและที่สำคัญนะอาหารพวกนี้มันก็มาจากหม้อเดียวกันที่อาหารของฉันมันจะพิเศษคงเป็นของ
ก้นหม้อล่ะมั้งนะและที่สำคัญที่สุดเลยนะ..คุณ! อย่า! มา! ทำ! กร่าง! กับ! ฉัน!!!”ประโยคสุดท้ายฉัน
ถึงกับชี้หน้าซึ่งนี่ถือว่าเป็นกิริยาที่ไร้มารยาทมากสำหรับทุกคนแต่ฉันกลับทำเพราะควบคุมอารมณ์
ไม่ได้จนเพื่อนของฉันต้องรีบลุกขึ้นมาและลากฉันเข้าไปในครัว
“เธอไม่น่าไปทำให้ฮเยซอบของขึ้นเลยนะกีแท....”ซอนฮวาอนนี่พูดขึ้นหลังจากที่ฉันถูก
ลากเข้าไปในครัวแล้ว
“ฉันไม่คิดนี่ว่าเด็กอย่างยัยนั่นจะกล้าแบบนี้”คนที่ถูกว่าตอบเสียงอ่อน
“เธอไม่รู้หรือยังไงนะว่าฮเยซอบน่ะอารมณ์ร้อนและที่สำคัญพ่อเลี้ยงของฮเยซอบเป็นถึงมาเฟีย
เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยหรือยังไงนะ...”
“ใครจะไปรู้ล่ะยะว่ายัยเด็กนั่นมันเป็นแบบนั้น”
“เหอะ! ไม่รู้...สมควรแล้วล่ะอย่างเธอน่ะต้องเจออย่างฮเยซอบ”ฮโยซองอนนี่พูดก่อนจะเดิน
เข้ามาสมทบที่ห้องครัวและทุกๆคนก็ทยอยลุกไปคนละที่เหลือเพียงแต่คนก่อเรื่องเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่
“เอ๊ะ!! เด็กนั่นชื่อฮเยซอบงั้นเหรอ...ไหนบอกว่าโซล่าไง”
ฉันที่ยังนั่งสงบอารมณ์อยู่ในครัวไม่รู้เลยว่าคนข้างนอกเป็นอย่างไรกันบ้างแต่ตอนนี้ฉันเริ่มจะเห็นทุก
อย่างเป็นสีเทาไปหมดแล้วน่ะสิ
ความคิดเห็น